ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ -หากพูดถึงสถานการณ์น้ำท่วมในเขตกรุงเทพมหานคร (กทม.) วันนี้ พบว่า ยังไม่มีทีท่าว่าจะยุติลง มีแต่เพิ่มความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ขยายวงกว้างขึ้นไปเรื่อยๆ จากเขตหนึ่งไปอีกเขตหนึ่ง และยังไม่มีใครให้คำตอบได้ว่า จะไปจบลงที่เขตใด เมื่อไร
นั่นเป็นปัญหาที่ประชาชนตาดำๆ อย่างเราๆ ท่านๆ ไม่สามารถหาคำตอบได้จากศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทุกภัย (คปภ.) จากรัฐบาล หรือจากกทม. เอง แต่จะมีคำตอบก็ต่อเมื่อน้ำได้ไหล่บ่ามาท่วมถึงหน้าบ้านของท่านแล้วเท่านั้น
เมื่อพูดถึงสถานการณ์น้ำท่วมกับปัญหาปากท้อง นี่ก็หนักหนาสาหัส ทันทีที่น้ำเริ่มท่วม คนก็เริ่มกักตุนข้าวปลาอาหาร จนทำให้สินค้าในห้างสรรพสินค้า ห้างค้าปลีก ร้านสะดวกซื้อ กระทั่งร้านโชว์ห่วย ชั้นวางโล่ง ไม่มีสินค้าขาย ทำให้เกิดปัญหาข้าวยากหมากแพงขึ้นมาทันที
ปัญหาพ่อค้าแม่ค้าฉวยโอกาสจากสถานการณ์น้ำท่วมซ้ำเติมประชาชนเกิดขึ้นทุกย่อมหญ้า ไข่ไก่ ราคาขึ้นไปเป็นแผงละ 200 บาท น้ำดื่มขนาด 600 ซีซี. ราคาแพ็กละ 180-200 บาท ยังไม่รวมถึงทรายบรรจุถุง ที่โก่งราคากันจนรับไม่ได้ เพิ่มเป็นถุงละ 60-70 บาท แล้วข้างในมีทรายนิดเดียว ซ้ำร้ายเจอดินแถมให้อีก
กระทรวงพาณิชย์ บอกว่า ปัญหาที่เกิดขึ้น เป็นเพราะโรงงานผลิตในนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ จมน้ำ ทำให้ผลิตสินค้าป้อนเข้าสู่ตลาดไม่ได้ และอีกสาเหตุหนึ่ง คนซื้อกักตุนกันมาก สินค้าเลยหมดไว้
การแก้ไขปัญหา ได้ขอความร่วมมือให้ผู้ผลิตในพื้นที่น้ำไม่ท่วม เร่งผลิตสินค้าป้อนเข้าสู่ตลาด โดยที่กระทรวงพาณิชย์จะประสานในเรื่องการขนส่งให้ พร้อมกับอนุญาตให้มีการนำเข้าสินค้าที่ประสบปัญหาขาดแคลนจากต่างประเทศ เน้นสินค้าอาหาร ทั้งไข่ไก่ น้ำดื่ม สินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งขณะนี้ก็เห็นยี่ห้อแปลกๆ นำเข้ามาจำหน่ายกันบ้างแล้ว
พร้อมกันนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้ประกาศราคาขายปลีกแนะนำสินค้าในภาวะน้ำท่วม จำนวน 16 รายการ เพื่อใช้เป็นราคาที่กำหนดให้พ่อค้าแม่ค้า จำหน่ายในราคาที่ไม่เป็นการเอาเปรียบผู้บริโภคจนเกินไป และเป็นฐานราคาที่จะใช้ในการตรวจสอบ หากมีการขายเกินไปกว่านี้ ก็จะเล่นงานตามกฎหมาย ตามพ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 โทษจำคุก 7 ปี ปรับ 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
สินค้าทั้ง 16 รายการ ได้แก่ 1.น้ำดื่มบรรจุภาชนะปิดผนึก ขวด PET ขนาด 600 ซีซี ราคาขายปลีก (ไม่แช่เย็น) ขวดละ 7 บาท แช่เย็น 10 บาท 750 ซีซี 9 บาท 1500 ซีซี 14 บาท และขวดขุ่น 800 ซีซี 5 บาท 2.ทรายบรรจุถุง 25 กก./กระสอบ 45 บาท จากปกติ 30 บาท/กระสอง 3.อิฐบล็อก 10 บาท/ก้อน จากปกติ 6 บาท/ก้อน 4.เสื้อชูชีพ 450 บาท/ตัว จากปกติ 300 บาท/ตัว 5.เรือไฟเบอร์ ขนาดเล็ก 2 คนนั่ง/ลำ 4,500 บาท จากปกติ 3,000 บาท และขนาด 4 คนนั่ง/ลำ 6,500 บาท จากปกติ 4,500 บาท
6.รองเท้าบู๊ทยาง 200 บาท/คู่ จากปกติ 170 บาท/คู่ 7.ถังน้ำฝาปิด พลาสติกเกรดดี 22 แกลลอน/ถัง ราคา 350 บาท จากปกติ 250 บาท ขนาด 40 แกลลอน/ถัง ราคา 600 บาทจากปกติ 400 บาท 8.ผลิตภัณฑ์ยาแนวกันน้ำ ราคา 90 บาท/หลอด จากปกติ 75 บาท 9.เครื่องสูบน้ำ ขนาดท่อ 1 ? นิ้ว ราคา 4,500 บาท จากปกติ 2,500 บาท 10.กระดาษชำระ 1 ม้วน ยาว 24 เมตร 2 ชั้น ราคา 12 บาท 6 ม้วน ยาว 16 เมตร 1 ชั้น ราคา 40 บาท
11.กระบอกไฟฉาย 1 กระบอก ราคา 69 บาท 12.ถ่ายไฟฉาย ก้อนใหญ่สีเขียว 11.25 บาท/ก้อน 13.ยาสีฟัน คุณภาพปานกลาง ขนาด 200 กรัม ราคา 65 บาท 14.แปรงสีฟัน คุณภาพปานกลาง 1 ด้าน ราคา 30 บาท 15.ที่นอกปิกนิก 1 คนนอน/หลัง ราคา 500 บาท และ 16.เทียนไข 9 เล่ม น้ำหนัก 1 บาท/แพ็ค ราคา 19 บาท
จะเห็นได้ว่า แม้กระทรวงพาณิชย์ จะประกาศราคาแนะนำขายสินค้าที่จำเป็นในภาวะน้ำท่วมออกมาแล้ว แต่ในความเป็นจริง ไม่มีใครสามารถหาซื้อสินค้าได้ในราคาที่กำหนด มีแต่แพงกว่าที่กำหนดทั้งนั้น และก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลย
แม้กระทั่งมีการจับโชว์ พ่อค้า แม่ค้า ที่ฉวยโอกาส แต่ก็เหมือนกับเป็นการสร้างภาพ ทำให้ตัวเองดูดีไปแค่วันๆ เท่านั้น เมื่อเทียบกับประชาชนที่เดือดร้อนกับการต้องซื้อสินค้าในราคาที่แพงแสนแพง และยังหาซื้อได้ยาก นี่ยังไม่พูดถึงสินค้าจำเป็นอื่นๆ ที่กระทรวงพาณิชย์ไม่ได้ประกาศราคาแนะนำขาย เพราะราคามันพุ่งไปถึงไหนต่อไหนแล้ว
บทสรุปในเรื่องนี้ หากจะเรียกกระทรวงพาณิชย์ว่าเสือกระดาษ ก็คงน้อยไป คงต้องเรียกว่าแมวกระดาษมากกว่า เพราะไม่เพียงแค่ไร้กึ๋นในการแก้ไขปัญหาสินค้าแพง แต่ยังแก้ปัญหาแบบขายผ้าเอาหน้ารอดไปวันๆ แค่นั้น
ห่วยขั้นเทพจริงๆ