ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ -วิกฤตน้ำท่วมใหญ่ในครั้งนี้นับว่า ได้สร้างความเดือดร้อนแสนสาหัสให้แก่ประชาชนคนไทยทั้งในเขตเมืองและต่างจังหวัด ซึ่งนอกจากจะได้รับผลกระทบในเรื่องที่อยู่อาศัยและการเดินทางสัญจรแล้วยังก่อให้เกิดวิกฤตซ้ำซ้อนคือเกิดปัญหาขาดแคลนน้ำดื่มและสินค้าจำเป็น เพราะนอกจากโรงงานผู้ผลิตหลายแห่งจะไม่สามารถผลิตสินค้าดังกล่าวได้เนื่องจากอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมที่ได้รับความเสียหายเพราะจมอยู่ใต้น้ำ การขนส่งมีปัญหาเพราะเส้นทางถูกตัดขาดจากกระแสน้ำที่โถมเข้าถล่ม จนสินค้าหลายรายการผลิตไม่ทันต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภคแล้ว ปัจจัยเร้าอย่างหนึ่งคือ 'ความตื่นตระหนก' ของประชาชนที่แห่ซื้อสินค้าเพื่อกักตุนไว้กินไว้ใช้ในยามคับขัน ทำให้เกิดปรากฎการณ์ 'ชั้นวางสินค้าว่าง' ตามห้างสรรพสินค้า และร้านสะดวกซื้อ
สินค้าบางอย่างหายไปจากตลาด อย่างชนิดที่เรียกว่า 'มีเงินก็หาซื้อไม่ได้' ไม่ว่าจะเป็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง กะละมังซักผ้า ถังบรรจุน้ำ ทราย อิฐบล็อก เรือ เสื้อชูชีพ แต่ที่หนักหนาสาหัสที่สุดเห็นจะเป็น 'น้ำดื่มบรรจุขวด' ซึ่งเป็นสินค้าจำเป็นในการดำรงชีวิต แต่กลับไม่สามารถหาซื้อได้
สินค้าที่หายไปจากสายการผลิตดังกล่าวนั้นส่งผลให้ร้านสะดวกซื้อที่มีสาขาอยู่ทั่วประเทศอย่าง 'เซเว่น อีเลฟเว่น' ต้องประกาศปิดกิจการชั่วคราวแล้วกว่า 270 แห่ง
ทำให้ 'น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร' นายกรัฐมนตรี ต้องเรียกประชุมด่วน 3 กระทรวงหลัก ได้แก่ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง และกระทรวงสาธารณสุข พร้อมทั้งเชิญผู้ประกอบการค้าปลีกและค้าส่งมาร่วมหารือเพื่อหาแนวทางแก้ไข และสุดท้ายรัฐบาลได้ตัดสินใจเปิดช่องทางพิเศษสำหรับนำเข้าสินค้าที่ขาดแคลน ใน 3 หมวดหลัก ได้แก่ 1.กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม เช่น น้ำดื่ม ปลากระป๋อง ไข่ นมข้นหวาน นมถั่วเหลือง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ผักสด 2.กลุ่มของใช้ส่วนตัว เช่น ผ้าอนามัย กระดาษทิชชู สบู่ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน และ 3.กลุ่มของใช้เกี่ยวกับน้ำท่วม เช่น เครื่องกรองน้ำ และตู้กดน้ำ เป็นต้น เพื่อเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า โดยประเทศหลักที่ไทยจะนำเข้าสินค้าดังกล่าวประเทศมาเลเซียเนื่องจากเป็นประเทศคู่ค้าที่อยู่ภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรีอาเซียน (อาฟตา) ซึ่งทำให้การนำเข้าสินค้าเกือบทุกรายการไม่เสียภาษี
นอกจากนั้นในการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมายังมีมติกำหนดให้สินค้า 16 รายการ เป็นสินค้าควบคุมในภาวะที่มีปัญหาอุทกภัย โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 26 ต.ค.-31 ธ.ค.2554 ซึ่งสินค้าทั้ง 16 รายการดังกล่าวประกอบด้วย 1.น้ำดื่มบรรจุภาชนะปิดผนึก 2.กระดาษชำระ ,กระดาษเช็ดหน้า 3.ไฟฉาย 4.ถ่านไฟฉาย 5.ยาสีฟัน 6.แปรงสีฟัน 7.ทราย ,ทรายบรรจุถุง 8.อิฐบล็อก 9.เสื้อชูชีพ 10เรือขนาดเล็กไม่เกิน 15 ที่นั่ง 11.รองเท้าบู๊ตยาง 12.เครื่องนอน 13.ถังน้ำ 14.เครื่องสูบน้ำ 15ผลิตภัณฑ์ยาแนวกันน้ำ และ 16.เทียนไข
ขณะที่ประเด็นปัญหาเรื่องกระจายสินค้าที่ไม่สามารถส่งสินค้าไปยังห้างร้านต่างๆได้เนื่องจากเส้นทางถูกตัดขาดเพราะปัญหาน้ำท่วมนั้น จากเดิมที่รัฐบาลมีมติให้ใช้สนามบินดอนเมืองเป็นศูนย์กระจายสินค้า โดยให้ผู้ประกอบการขนสินค้าโดยเครื่องบินมาลงที่สนามบินดอนเมือง ก่อนที่จะกระจายสินค้าไปยังพื้นที่ใกล้เคียง แต่เนื่องจากล่าสุดปรากฏว่าสนามบินดอนเมืองก็ถูกน้ำท่วมจนใช้การไม่ได้เช่นกัน รัฐบาลจึงไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนว่าจะแก้ปัญหาในประเด็นนี้อย่างไร
อย่างไรก็ตาม แม้รัฐบาลจะมีมาตรการดังกล่าวออกมาแล้ว แต่ปัญหาความตื่นตระหนกของประชาชน ที่พากันแห่ซื้อสินค้ามากักตุนก็ยังดำเนินต่อไป เนื่องเพราะจากการประมาณการของผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำระบุว่าปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่กรุงเทพฯและพื้นที่ใกล้เคียงจะยังดำเนินต่อไปอีกอย่างน้อย 1 เดือน !!
