“กิตติรัตน์” เผย นายกฯ สั่งดูแลผู้ประกอบการ พร้อมฝึกอาชีพชาวบ้านระหว่างรอน้ำลด จ่อจ้างแรงงานตกงานค่าจ้าง 300 ฟื้นฟูนิคม หนุนเอกชนเว้นจ่ายประกันสังคมพร้อมช่วยฟื้นฟูอุตสาหกรรม อ้างนำเข้าน้ำดื่ม บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เหตุปัญหาเรื่องขนส่ง ยันถ้าผู้ค้าส่งสินค้าได้ก็ไม่นำเข้า ด้าน “ยิ่งลักษณ์” เล็งใช้แลนด์โรเวอร์ลุยน้ำท่วมแทน โฟล์ก
วันนี้้ (27 ต.ค.) นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรี เรียกประชุมหารือรัฐมนตรีทางด้านเศรษฐกิจว่า นายกรัฐมนตรี ได้มีการกำชับให้ทุกกระทรวงมีการดูแลภาคประชาชน และประกอบการขนาดกลาง และขนาดย่อม โดยกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ดูแลประชาชนในศูนย์พักพิง เพื่อให้สามารถดูแลตัวเองได้ และเจ้าหน้าที่จะได้ไปทำงานในส่วนอื่น ส่วนกระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงแรงงาน ก็จะเข้าไปดูแลทางด้านการฝึกอาชีพ และอบรม ระหว่างน้ำลดเตรียมไว้
นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า ทั้งนี้ รัฐบาลพร้อมจ้างแรงงานที่ตกงานทั้งในส่วนของการเข้าไปดูแลฟื้นฟูนิคม อุตสาหกรรม สถานที่ราชการ และศูนย์พักพิง โดยอัตราค่าจ้างคาดว่าไม่ต่ำกว่า 300 บาทต่อวัน ทั้งนี้ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้ไปแย้งแรงงานของภาคเอกชน ซึ่งทางภาคเอกชนร้อยละ 90 ยังยืนยันที่จะจ้างงานต่อ และพร้อมจ่ายเงินค่าจ้างแรงงานไม่ต่ำกว่าร้อยละ 75 ทั้งนี้รัฐบาลเห็นด้วยกับข้อเสนอของภาคเอกชนที่ให้ยกเว้นการจ่ายเงินเข้ากองทุน ประกันสังคม แต่ทั้งนี้ถือว่าเป็นหน้าที่ของกองทุนประกันสังคมที่จะให้มีการพิจารณา นอกจากนี้ รัฐบาลพร้อมเป็นเจ้าภาพในการฟื้นฟูภาคอุตสาหกรรม ทั้งในเรื่องของการเข้าไปฟื้นฟูเครื่องจักร และอุปกรณ์ของโรงงานต่างๆ ให้ความช่วยเหลือกับเอกชนทุกราย ตามข้อเสนอของสภาอุตสาหกรรม
ส่วนความกังวลของผู้ประกอบการที่รัฐบาลจะมีการนำเข้าสินค้าโดยตรงจากต่างประเทศ อาทิ น้ำดื่ม และบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป นั้น นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า รัฐบาลยืนยันว่า ให้ความใส่ใจต่อผู้ประกอบการในประเทศ แต่หากติดขัดในเรื่องของระบบการขนส่ง รัฐบาลมีความจำเป็นที่จะต้องนำเข้า เพราะรัฐบาลให้ความสนใจดูแลผู้บริโภค เป็นเงื่อนไขที่สำคัญ ถ้าหากผู้ค้าส่งค้าปลีกสามารถจัดส่งสินค้าได้ก็ไม่จำเป็นนำเข้า ขณะเดียวกันหากตรวจพบว่ามีร้านค้าใดขายสินค้าที่รัฐบาลประกาศเป็นสินค้าควบคุมราคา สามารถแจ้งมารัฐบาลโดยตรง เพื่อที่จะดำเนินการทางกฎหมายต่อไป
อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์น้ำท่วมหน้าสนามบินดอนเมือง ล่าสุด มีรายงานว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเปลี่ยนรถประจำตำแหน่งจากรถตู้โฟล์กสวาเกน เป็นรถยนต์คันอื่น ซึ่งคาดว่าจะเป็นรถแลนด์โรเวอร์ ซึ่งมีความสูงจากระดับน้ำมากกว่า นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังได้สั่งให้กองบัญชาการกองทัพไทย จัดหารถรับส่งเจ้าหน้าที่ ที่เดินทางเข้ามาในศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) โดยจะรับจากสถานีรถไฟฟ้า BTS หมอชิต มาส่งยัง ศปภ.รวมไปและกลับ 7 เที่ยว
ส่วนภารกิจจากนี้ นายกรัฐมนตรี จะเข้าประชุมในระบบวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ เพื่อหารือข้อราชการกับผู้ที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาอุทกภัยภายในจังหวัดต่างๆ โดยผู้เข้าร่วมประชุม อาทิ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และผู้ว่าราชการทั้ง 26 จังหวัดที่ประสบอุทกภัย โดยจะมีประเด็นหารือกับจังหวัดที่ยังมีน้ำท่วมขัง และจังหวัดที่น้ำเริ่มลดลงในบางพื้นที่ รวมไปถึงแนวทางการฟื้นฟูภายหลังน้ำลด
วันนี้้ (27 ต.ค.) นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรี เรียกประชุมหารือรัฐมนตรีทางด้านเศรษฐกิจว่า นายกรัฐมนตรี ได้มีการกำชับให้ทุกกระทรวงมีการดูแลภาคประชาชน และประกอบการขนาดกลาง และขนาดย่อม โดยกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ดูแลประชาชนในศูนย์พักพิง เพื่อให้สามารถดูแลตัวเองได้ และเจ้าหน้าที่จะได้ไปทำงานในส่วนอื่น ส่วนกระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงแรงงาน ก็จะเข้าไปดูแลทางด้านการฝึกอาชีพ และอบรม ระหว่างน้ำลดเตรียมไว้
นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า ทั้งนี้ รัฐบาลพร้อมจ้างแรงงานที่ตกงานทั้งในส่วนของการเข้าไปดูแลฟื้นฟูนิคม อุตสาหกรรม สถานที่ราชการ และศูนย์พักพิง โดยอัตราค่าจ้างคาดว่าไม่ต่ำกว่า 300 บาทต่อวัน ทั้งนี้ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้ไปแย้งแรงงานของภาคเอกชน ซึ่งทางภาคเอกชนร้อยละ 90 ยังยืนยันที่จะจ้างงานต่อ และพร้อมจ่ายเงินค่าจ้างแรงงานไม่ต่ำกว่าร้อยละ 75 ทั้งนี้รัฐบาลเห็นด้วยกับข้อเสนอของภาคเอกชนที่ให้ยกเว้นการจ่ายเงินเข้ากองทุน ประกันสังคม แต่ทั้งนี้ถือว่าเป็นหน้าที่ของกองทุนประกันสังคมที่จะให้มีการพิจารณา นอกจากนี้ รัฐบาลพร้อมเป็นเจ้าภาพในการฟื้นฟูภาคอุตสาหกรรม ทั้งในเรื่องของการเข้าไปฟื้นฟูเครื่องจักร และอุปกรณ์ของโรงงานต่างๆ ให้ความช่วยเหลือกับเอกชนทุกราย ตามข้อเสนอของสภาอุตสาหกรรม
ส่วนความกังวลของผู้ประกอบการที่รัฐบาลจะมีการนำเข้าสินค้าโดยตรงจากต่างประเทศ อาทิ น้ำดื่ม และบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป นั้น นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า รัฐบาลยืนยันว่า ให้ความใส่ใจต่อผู้ประกอบการในประเทศ แต่หากติดขัดในเรื่องของระบบการขนส่ง รัฐบาลมีความจำเป็นที่จะต้องนำเข้า เพราะรัฐบาลให้ความสนใจดูแลผู้บริโภค เป็นเงื่อนไขที่สำคัญ ถ้าหากผู้ค้าส่งค้าปลีกสามารถจัดส่งสินค้าได้ก็ไม่จำเป็นนำเข้า ขณะเดียวกันหากตรวจพบว่ามีร้านค้าใดขายสินค้าที่รัฐบาลประกาศเป็นสินค้าควบคุมราคา สามารถแจ้งมารัฐบาลโดยตรง เพื่อที่จะดำเนินการทางกฎหมายต่อไป
อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์น้ำท่วมหน้าสนามบินดอนเมือง ล่าสุด มีรายงานว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเปลี่ยนรถประจำตำแหน่งจากรถตู้โฟล์กสวาเกน เป็นรถยนต์คันอื่น ซึ่งคาดว่าจะเป็นรถแลนด์โรเวอร์ ซึ่งมีความสูงจากระดับน้ำมากกว่า นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังได้สั่งให้กองบัญชาการกองทัพไทย จัดหารถรับส่งเจ้าหน้าที่ ที่เดินทางเข้ามาในศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) โดยจะรับจากสถานีรถไฟฟ้า BTS หมอชิต มาส่งยัง ศปภ.รวมไปและกลับ 7 เที่ยว
ส่วนภารกิจจากนี้ นายกรัฐมนตรี จะเข้าประชุมในระบบวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ เพื่อหารือข้อราชการกับผู้ที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาอุทกภัยภายในจังหวัดต่างๆ โดยผู้เข้าร่วมประชุม อาทิ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และผู้ว่าราชการทั้ง 26 จังหวัดที่ประสบอุทกภัย โดยจะมีประเด็นหารือกับจังหวัดที่ยังมีน้ำท่วมขัง และจังหวัดที่น้ำเริ่มลดลงในบางพื้นที่ รวมไปถึงแนวทางการฟื้นฟูภายหลังน้ำลด
