น้ำท่วมดันเงินเฟ้อ ต.ค.พุ่งกระฉูด 4.19% เหตุราคาสินค้าอาหารแพงหูฉี่ หลังขาดแคลน และคนซื้อตุนเพิ่มมากขึ้น “ยรรยง” รับสภาพคาดเงินเฟ้อทั้งปีหลุดเป้าโตถึง 3.8% จากกรอบที่วางไว้ 3.2-3.7% แน่ สั่งสำรวจภาวะสินค้า หากรายการใดขาด เร่งประสานผู้ผลิตส่งสินค้าป้อน หรือให้นำเข้าเพิ่ม พร้อมประกาศราคาแนะนำสินค้าเพิ่มเติมครบ 16 รายการ
นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของประเทศ หรือเงินเฟ้อ เดือน ต.ค.2554 เท่ากับ 113.07 สูงขึ้น 4.19% เทียบกับ ต.ค.2553 และสูงขึ้น 0.19% เมื่อเทียบกับ ก.ย.2554 ส่วนเงินเฟ้อ 10 เดือนของปี 2554 (ม.ค.-ต.ค.) สูงขึ้น 3.79% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเกินเป้าหมายที่กระทรวงพาณิชย์กำหนดกรอบเงินเฟ้อทั้งปีว่าจะขยายตัว 3.2-3.7% โดยคาดว่าเงินเฟ้อปี 2554 จะเพิ่มขึ้นไปอยู่ระดับ 3.8% เนื่องจากผลกระทบของน้ำท่วมที่มีผลต่อราคาสินค้าทำให้อัตราเงินเฟ้อปีนี้เพิ่มขึ้นอีก 0.1% โดยเฉพาะไตรมาส 4 เงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้นจากผลกระทบของน้ำท่วมอีก 0.38% หรือขยายตัวในระดับ 3.8-.3.9% จากคาดการณ์เดิมที่เงินเฟ้อไตรมาส 4 ขยายตัว 3.5-3.6%
สาเหตุที่เงินเฟ้อ ต.ค.สูงขึ้น 4.19% เป็นผลจากดัชนีราคาหมวดอาหารและเครื่องดื่มสูงขึ้น 9.86% โดยสินค้าที่ราคาสูงขึ้น เช่น หมวดข้าว แป้งและผลิตภัณฑ์จากแป้ง เพิ่มขึ้น 1.72% เนื้อสัตว์ เป็ด ไก่ และสัตว์น้ำ 11.40% ไข่และผลิตภัณฑ์นม 7.14% ผักและผลไม้ 15.49% เครื่องประกอบอาหาร 15.13% เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ 1.92% และอาหารสำเร็จรูป 9.8% ส่วนดัชนีราคาหมวดอื่นๆ ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม สูงขึ้น 0.75% โดยสินค้าที่ราคาสูงขึ้น เช่น น้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น 0.66% หมวดเคหะสถาน 1.7% หมวดการตรวจรักษาและบริการส่วนบุคคล 1.01% เป็นต้น
ทั้งนี้ เมื่อแยกเป็นรายการสินค้า พบว่า ข้าวสารเจ้าราคาสูงขึ้น 1.26% ข้าวสารเหนียว 2.12% ผลไม้สด 20.20% ไข่ไก่ 20.13% โดยราคาไข่ไก่ที่สูงขึ้นเป็นผลจากฟาร์มเลี้ยงไก่เสียหายจากภาวะน้ำท่วม และการขนส่งทำได้ยากลำบาก ทำให้ไข่ไก่บางตลาดในพื้นี่ประสบภัยน้ำท่วมราคาสูงขึ้นมาก เช่น จ.อยุธยา ส่วนตลาดกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่ไข่ไก่ยังจำหน่ายในราคาปกติ ซึ่งไข่ไก่เบอร์ 2 ราคา 3.70-4.50 บาท/ฟอง เนื้อหมู 17.28% กับข้าวสำเร็จรูป 17.48% ราคากับข้าวถุงในตลาดทั่วไปอยู่ที่ 30-35 บาท/ถุง สินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไป เช่น ของใช้ส่วนบุคคล ราคาสูงขึ้น 1.31% เช่น สบู่ ยาสีฟัน แป้งทาผิวกาย ขณะที่สินค้าที่อยู่เหนือการควบคุมของกระทรวงพาณิชย์ เช่น น้ำประปา ราคาสูงขึ้น 1.50% ค่าไฟฟ้า 7.93% เป็นผลจากรัฐบาลยกเลิกมาตรการค่าไฟฟ้าฟรีแก่ประชาชน และน้ำมันเชื้อเพลิง ราคาสูงขึ้น 0.66%
นายยรรยง กล่าวว่า ปัญหาขาดแคลนสินค้าจำเป็นในประเทศขณะนี้ เกิดจากโรงงานที่ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคหลายแห่งจมน้ำ ทำให้ไม่สามารถเดินเครื่องผลิตสินค้าได้ ส่วนโรงงานที่ยังสามารถผลิตได้ ก็ขนส่งสินค้ายาก เพราะถนนหลายเส้นทางถูกตัดขาด ขณะที่บางโรงงานที่ยังไม่ถูกน้ำท่วม แต่อยู่ในพื้นที่เสี่ยง เช่น นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง หรือบางชัน ได้ถอดปลั๊กเครื่องจักรแล้ว เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับน้ำท่วม รวมถึงประชาชนแตกตื่นแห่ซื้อสินค้ากักตุนเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้สินค้าหลายอย่าง เช่น น้ำดื่ม มีปัญหาขาดแคลนในบางพื้นที่ ส่วนไข่ไก่ที่ขาดแคลนเพราะผลผลิตลดลงเล็กน้อย จากปัญหาแม่ไก่ไข่จมน้ำ
“ได้สั่งให้กรมการค้าภายในสำรวจผลผลิตและปริมาณสินค้าว่ามีกลุ่มใดอีกบ้างที่เสี่ยงต่อการขาดแคลนเพิ่มเติม โดยให้เร่งประสานแหล่งผลิตเพื่อเพิ่มกำลังการผลิต หรืออาจนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศมาแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า เช่น เกลือ ที่มีแนวโน้มตึงตัว เนื่องจากแหล่งผลิตในจ.สมุทรสาคร และจ.สมุทรสงคราม ประสบปัญหาน้ำท่วม ซึ่งอาจกระทบต่อผู้ประกอบการที่ใช้เกลือผลิตสินค้า เช่น ผู้ผลิตอาหารกระป๋อง ส่วนภาคครัวเรือนไม่มีผลกระทบจากเกลือมากนัก”
อย่างไรก็ตาม กระทรวงได้แก้ปัญหาด้วยการเปิดให้เอกชนนำเข้าจากต่างประเทศแล้ว ทั้งสินค้าจำเป็นอย่างน้ำดื่ม ปลากระป๋อง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ไข่ไก่ เป็นต้น โดยในส่วนน้ำดื่มบรรจุขวด ผู้ประกอบการห้างบิ๊กซี และเทสโก้ โลตัส นำเข้า 2 ขนาด คือ 1.5 ลิตร และ 600 ซีซี รวม 5.4 ล้านขวด ซึ่งขณะนี้ได้นำเข้ามาแล้วบางส่วน ส่วนไข่ไก่ ได้อนุมัติให้เกษมชัย ฟาร์ม ผู้ผลิตไข่ไก่ในประเทศนำเข้า 3 ล้านฟอง ในวันที่ 3 พ.ย.และบิ๊กซี นำเข้าอีก 6.5 แสนฟอง ในวันที่ 9 พ.ย.บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป จะมีการนำเข้า 3 แสนซอง ในวันที่ 9 พ.ย.และปลากระป๋อง จะเริ่มนำเข้าจำนวน 3.6 ล้านกระป๋อง ในสัปดาห์ที่ 2 ของเดือน พ.ย.ซึ่งหลังจากนำเข้าแล้ว คาดจะใช้เวลา 3-4 วัน ในการกระจายสินค้าไปยังสาขาต่างๆ ของห้างค้าปลีก เพื่อให้ประชาชนหาซื้อได้
สำหรับการประกาศราคาแนะนำขายปลีกสินค้าที่อยู่ในบัญชีควบคุม ล่าสุด ได้ประกาศเพิ่มเติมอีก 7 รายการ รวมกับการประกาศก่อนหน้านี้ 9 รายการ รวมเป็น 16 รายการ ได้แก่ น้ำดื่มบรรจุขวด (พลาสติกใส) ขนาด 600 ซีซี ไม่แช่เย็น ไม่เกิน 7 บาท แช่เย็นไม่เกิน 10 บาท 750 ซีซี ไม่เกิน 9 บาท 1500 ซีซี 14 บาท ขวดขุ่น ขนาด 800 ซีซี 5 บาท ส่วนทรายบรรจุถุง ขายไม่เกิน 45 บาท อิฐบล็อก ไม่เกินก้อนละ 10 เสื้อชูชีพไม่เกินตัวละ 450 บาท เรือไฟเบอร์ (เล็ก) ไม่เกิน 4,500 บาท เรือไฟเบอร์ (ใหญ่) ไม่เกิน 6,500 บาท รองเท้าบูต ยาง คู่ละไม่เกิน 200 บาท ถังน้ำฝาปิดพลาสติก 22 แกลลอน ไม่เกิน 350 บาท 40 แกลลอน ไม่เกิน 600 บาท ผลิตภัณฑ์ยาแนวกันน้ำ ไม่เกินหลอดละ 90 บาท เครื่องสูบน้ำ ไม่เกินเครื่องละ 4,500 บาท กระดาษชำระ ไม่เกินม้วนละ 12 บาท กระบอกไปฉาย ไม่เกินกระบอกละ 69 บาท ถ่านไฟฉาย ไม่เกินก้อนละ 11.25 บาท ยาสีฟัน 200 กรัม ไม่เกินหลอดละ 65 บาท แปรงสีฟัน ไม่เกินด้ามละ 30 บาท ที่นอนปิกนิกไม่เกินหลังละ 500 บาท และเทียนไข ไม่เกินแพ็ก (9 เล่ม) ละ 19 บาท
นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของประเทศ หรือเงินเฟ้อ เดือน ต.ค.2554 เท่ากับ 113.07 สูงขึ้น 4.19% เทียบกับ ต.ค.2553 และสูงขึ้น 0.19% เมื่อเทียบกับ ก.ย.2554 ส่วนเงินเฟ้อ 10 เดือนของปี 2554 (ม.ค.-ต.ค.) สูงขึ้น 3.79% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเกินเป้าหมายที่กระทรวงพาณิชย์กำหนดกรอบเงินเฟ้อทั้งปีว่าจะขยายตัว 3.2-3.7% โดยคาดว่าเงินเฟ้อปี 2554 จะเพิ่มขึ้นไปอยู่ระดับ 3.8% เนื่องจากผลกระทบของน้ำท่วมที่มีผลต่อราคาสินค้าทำให้อัตราเงินเฟ้อปีนี้เพิ่มขึ้นอีก 0.1% โดยเฉพาะไตรมาส 4 เงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้นจากผลกระทบของน้ำท่วมอีก 0.38% หรือขยายตัวในระดับ 3.8-.3.9% จากคาดการณ์เดิมที่เงินเฟ้อไตรมาส 4 ขยายตัว 3.5-3.6%
สาเหตุที่เงินเฟ้อ ต.ค.สูงขึ้น 4.19% เป็นผลจากดัชนีราคาหมวดอาหารและเครื่องดื่มสูงขึ้น 9.86% โดยสินค้าที่ราคาสูงขึ้น เช่น หมวดข้าว แป้งและผลิตภัณฑ์จากแป้ง เพิ่มขึ้น 1.72% เนื้อสัตว์ เป็ด ไก่ และสัตว์น้ำ 11.40% ไข่และผลิตภัณฑ์นม 7.14% ผักและผลไม้ 15.49% เครื่องประกอบอาหาร 15.13% เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ 1.92% และอาหารสำเร็จรูป 9.8% ส่วนดัชนีราคาหมวดอื่นๆ ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม สูงขึ้น 0.75% โดยสินค้าที่ราคาสูงขึ้น เช่น น้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น 0.66% หมวดเคหะสถาน 1.7% หมวดการตรวจรักษาและบริการส่วนบุคคล 1.01% เป็นต้น
ทั้งนี้ เมื่อแยกเป็นรายการสินค้า พบว่า ข้าวสารเจ้าราคาสูงขึ้น 1.26% ข้าวสารเหนียว 2.12% ผลไม้สด 20.20% ไข่ไก่ 20.13% โดยราคาไข่ไก่ที่สูงขึ้นเป็นผลจากฟาร์มเลี้ยงไก่เสียหายจากภาวะน้ำท่วม และการขนส่งทำได้ยากลำบาก ทำให้ไข่ไก่บางตลาดในพื้นี่ประสบภัยน้ำท่วมราคาสูงขึ้นมาก เช่น จ.อยุธยา ส่วนตลาดกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่ไข่ไก่ยังจำหน่ายในราคาปกติ ซึ่งไข่ไก่เบอร์ 2 ราคา 3.70-4.50 บาท/ฟอง เนื้อหมู 17.28% กับข้าวสำเร็จรูป 17.48% ราคากับข้าวถุงในตลาดทั่วไปอยู่ที่ 30-35 บาท/ถุง สินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไป เช่น ของใช้ส่วนบุคคล ราคาสูงขึ้น 1.31% เช่น สบู่ ยาสีฟัน แป้งทาผิวกาย ขณะที่สินค้าที่อยู่เหนือการควบคุมของกระทรวงพาณิชย์ เช่น น้ำประปา ราคาสูงขึ้น 1.50% ค่าไฟฟ้า 7.93% เป็นผลจากรัฐบาลยกเลิกมาตรการค่าไฟฟ้าฟรีแก่ประชาชน และน้ำมันเชื้อเพลิง ราคาสูงขึ้น 0.66%
นายยรรยง กล่าวว่า ปัญหาขาดแคลนสินค้าจำเป็นในประเทศขณะนี้ เกิดจากโรงงานที่ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคหลายแห่งจมน้ำ ทำให้ไม่สามารถเดินเครื่องผลิตสินค้าได้ ส่วนโรงงานที่ยังสามารถผลิตได้ ก็ขนส่งสินค้ายาก เพราะถนนหลายเส้นทางถูกตัดขาด ขณะที่บางโรงงานที่ยังไม่ถูกน้ำท่วม แต่อยู่ในพื้นที่เสี่ยง เช่น นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง หรือบางชัน ได้ถอดปลั๊กเครื่องจักรแล้ว เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับน้ำท่วม รวมถึงประชาชนแตกตื่นแห่ซื้อสินค้ากักตุนเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้สินค้าหลายอย่าง เช่น น้ำดื่ม มีปัญหาขาดแคลนในบางพื้นที่ ส่วนไข่ไก่ที่ขาดแคลนเพราะผลผลิตลดลงเล็กน้อย จากปัญหาแม่ไก่ไข่จมน้ำ
“ได้สั่งให้กรมการค้าภายในสำรวจผลผลิตและปริมาณสินค้าว่ามีกลุ่มใดอีกบ้างที่เสี่ยงต่อการขาดแคลนเพิ่มเติม โดยให้เร่งประสานแหล่งผลิตเพื่อเพิ่มกำลังการผลิต หรืออาจนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศมาแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า เช่น เกลือ ที่มีแนวโน้มตึงตัว เนื่องจากแหล่งผลิตในจ.สมุทรสาคร และจ.สมุทรสงคราม ประสบปัญหาน้ำท่วม ซึ่งอาจกระทบต่อผู้ประกอบการที่ใช้เกลือผลิตสินค้า เช่น ผู้ผลิตอาหารกระป๋อง ส่วนภาคครัวเรือนไม่มีผลกระทบจากเกลือมากนัก”
อย่างไรก็ตาม กระทรวงได้แก้ปัญหาด้วยการเปิดให้เอกชนนำเข้าจากต่างประเทศแล้ว ทั้งสินค้าจำเป็นอย่างน้ำดื่ม ปลากระป๋อง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ไข่ไก่ เป็นต้น โดยในส่วนน้ำดื่มบรรจุขวด ผู้ประกอบการห้างบิ๊กซี และเทสโก้ โลตัส นำเข้า 2 ขนาด คือ 1.5 ลิตร และ 600 ซีซี รวม 5.4 ล้านขวด ซึ่งขณะนี้ได้นำเข้ามาแล้วบางส่วน ส่วนไข่ไก่ ได้อนุมัติให้เกษมชัย ฟาร์ม ผู้ผลิตไข่ไก่ในประเทศนำเข้า 3 ล้านฟอง ในวันที่ 3 พ.ย.และบิ๊กซี นำเข้าอีก 6.5 แสนฟอง ในวันที่ 9 พ.ย.บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป จะมีการนำเข้า 3 แสนซอง ในวันที่ 9 พ.ย.และปลากระป๋อง จะเริ่มนำเข้าจำนวน 3.6 ล้านกระป๋อง ในสัปดาห์ที่ 2 ของเดือน พ.ย.ซึ่งหลังจากนำเข้าแล้ว คาดจะใช้เวลา 3-4 วัน ในการกระจายสินค้าไปยังสาขาต่างๆ ของห้างค้าปลีก เพื่อให้ประชาชนหาซื้อได้
สำหรับการประกาศราคาแนะนำขายปลีกสินค้าที่อยู่ในบัญชีควบคุม ล่าสุด ได้ประกาศเพิ่มเติมอีก 7 รายการ รวมกับการประกาศก่อนหน้านี้ 9 รายการ รวมเป็น 16 รายการ ได้แก่ น้ำดื่มบรรจุขวด (พลาสติกใส) ขนาด 600 ซีซี ไม่แช่เย็น ไม่เกิน 7 บาท แช่เย็นไม่เกิน 10 บาท 750 ซีซี ไม่เกิน 9 บาท 1500 ซีซี 14 บาท ขวดขุ่น ขนาด 800 ซีซี 5 บาท ส่วนทรายบรรจุถุง ขายไม่เกิน 45 บาท อิฐบล็อก ไม่เกินก้อนละ 10 เสื้อชูชีพไม่เกินตัวละ 450 บาท เรือไฟเบอร์ (เล็ก) ไม่เกิน 4,500 บาท เรือไฟเบอร์ (ใหญ่) ไม่เกิน 6,500 บาท รองเท้าบูต ยาง คู่ละไม่เกิน 200 บาท ถังน้ำฝาปิดพลาสติก 22 แกลลอน ไม่เกิน 350 บาท 40 แกลลอน ไม่เกิน 600 บาท ผลิตภัณฑ์ยาแนวกันน้ำ ไม่เกินหลอดละ 90 บาท เครื่องสูบน้ำ ไม่เกินเครื่องละ 4,500 บาท กระดาษชำระ ไม่เกินม้วนละ 12 บาท กระบอกไปฉาย ไม่เกินกระบอกละ 69 บาท ถ่านไฟฉาย ไม่เกินก้อนละ 11.25 บาท ยาสีฟัน 200 กรัม ไม่เกินหลอดละ 65 บาท แปรงสีฟัน ไม่เกินด้ามละ 30 บาท ที่นอนปิกนิกไม่เกินหลังละ 500 บาท และเทียนไข ไม่เกินแพ็ก (9 เล่ม) ละ 19 บาท
