"ประยุทธ์" เชือดนิ่มรัฐบาล สอนมวยแก้ปัญหาน้ำท่วม

ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ -ในสภาวะที่ประชาชนหลายจังหวัดต้องประสบกับความเดือดร้อนแสนสาหัสกับอุทกภัยน้ำท่วม หากจะกล่าวถึง "พระเอกตัวจริง" ของงานนี้คงหนีไม่พ้นกองทัพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหล่าทหารบกของ "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่เชื่อแน่ว่าประชาชนผู้ได้รับความเดือดร้อนต้องได้เห็นภาพทหารตะลุยช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมทุกรูปแบบ โดยไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อยเต็มทุกพื้นที่

ชนิดที่ทหารอยู่ที่ไหน ประชาชนอุ่นใจที่นั่น เอาเป็นว่าได้ใจประชาชนไปเต็มๆ (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม “เพราะเราคือทหารของประชาชน” หน้า 21)

ขณะที่นับวัน การบริหารจัดการน้ำของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีก็ยิ่งดำดิ่งลงเหวไปทุกที จนซ้ำเติมมหาวิบัติที่ประเทศกำลังเผชิญอยู่ให้หนักหนาสาหัสเข้าไปอีก

ทั้งนี้ เมื่อทหารกลายเป็นขวัญใจประชาชน ขบวนการดิสเครดิตก็เริ่มก่อการขึ้นด้วยการกล่าวหาว่า ทหารช่วยเหลือประชาชนไม่เป็น แต่สุดท้ายก็ไม่เป็นผล เพราะสิ่งประชาชนเห็นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันคือ ภาพของทหารที่ให้ความช่วยเหลือประชาชนในทุกพื้นที่ ต่างกับบรรดา ส.ส.และนักการเมืองที่พากันหายหัวไปหมด

ตัวอย่างที่ชัดเจนคือการที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย แกนนำคนเสื้อแดง กล่าวบนเวทีปราศรัย“ไพร่แดง ลมหายใจที่ไม่แพ้” ที่ อ.เมือง จ.เชียงราย พูดเป็นวรรคเป็นเวรทำนองว่ามีขบวนจ้องล้มล้างรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ โดยมีเป้าจะล้มให้ได้ในเดือน ธ.ค. แต่โชคดีที่มีน้ำท่วมใหญ่ขึ้นมาเสียก่อน ทำให้ทำไม่ได้ และเลื่อนไปเป็นกลางปี 2555 แทน

นายจตุพร บอกอีกว่าเหตุที่น้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้มาจากยุคพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งกักน้ำเอาไว้เต็มเขื่อนหลายแห่ง ส่วนทหารที่ขอเข้ามาช่วยแก้น้ำท่วม ถ้าล้มเหลวทหารต้องรับไปด้วย 50% ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะปฏิวัติช่วงน้ำท่วมก็แสดงว่าจะปฏิวัติหลังน้ำลดใช่หรือไม่

อย่างไรก็ตาม ความพยายามในการดึงกองทัพ ดึงทหารเข้าไปเป็นแพะในเกมแก้ปัญหาน้ำท่วมอันโหล่ยโท่ยของรัฐบาลก็ยังไม่หมดไป แต่เดชะบุญที่ทหารรู้ทันและพยายามตั้งหน้าตั้งตาทำงานโดยไม่ปริปากบ่น

รัฐบาลจะสั่งให้ไปทำอะไร ศปภ.จะสั่งให้ไปช่วยเหลือตรงไหน ทหารก็พร้อมที่จะให้บริการอย่างสุดใจขาดดิ้น

ขณะที่ตัวขุนพลคนสำคัญอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาก็แสดงบทบาทและวางตัวในการแก้ปัญหาน้ำท่วมอย่างเหมาะสม

ยิ่งเมื่อฟังคารมที่กล่าวถึงปัญหาน้ำท่วมล่าสุดเมื่อวันที่ 2 พ.ย.ที่ผ่านมาก็ยิ่งเห็นชัดว่า บิ๊กตู่นั้นไม่ธรรมดา

"ปัญหาที่คลองสามวาที่มีการพยายามทำลายพนังกั้นน้ำ ผมไม่ได้ตำหนิใคร ซึ่งเขาเข้าใจว่าถ้ากั้นน้ำตรงนี้ได้ ระดับน้ำจะลดลงและน้ำจะท่วมน้อยลง แต่เบี่ยงน้ำไปแล้วก็ลดลงไม่ได้ 100 % มันก็ยังท่วมอยู่เหมือนเดิม แต่ความคุ้มค่าการที่น้ำเข้ามาในพื้นที่ กทม.มากๆ จะทำให้น้ำท่วมทั้ง 50 เขต หรือเข้าไปในนิคมบางชัน อาจจะทำให้หนักกว่าเดิม”

"ดังนั้นจะต้องดูว่าจะดูแลกันอย่างไร คิดว่าฝ่ายการเมืองคงจะดำเนินการ ผมไม่อยากไปก้าวก่าย ส่วนการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินนั้น การใช้กฎหมายมีอย่างเดียว คือการบังคับใช้ว่าทำอย่างไรไม่ให้คนทำลายพนังกั้นน้ำ คือการเอากำลังไปต่อสู้กับประชาชน ยกตัวอย่างเมื่อเดือนเมษา-พฤษภาที่ผ่านมา ไม่ให้ประชาชนออกมาชุมนุมในพื้นที่ที่กำหนด ก็จำเป็นจะต้องใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็เช่นเดียวกันต้องใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินในการห้ามประชาชนเข้ามารื้อคันกั้นน้ำ ซึ่งการเผชิญหน้ากันจะต้องสู้กันอย่างเมื่อวันก่อน เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ดันกับประชาชน"

"ผมไม่เข้าใจ สิ่งที่สำคัญคือ จะต้องให้ความรู้กับประชาชนให้รู้จักเสียสละ รู้จักให้ รู้จักรับ และรู้จักหน้าที่ความรับผิดชอบประเทศไทย ถ้าอยู่กันด้วยกันกฎหมาย คงอยู่ด้วยกันไม่ได้ จากน้ำท่วม เมื่อจบแล้วก็คงตีกันเรื่องอื่น ก็จะต้องมาบังคับใช้กฎหมาย

"อยากถามว่าวันนี้ประชาชนยอมรับกฎหมายเท่าไหร่ อยากถามว่ามันผิดกฎหมายหรือไม่ มันก็ผิดกันทั้งหมด จะเอาจับติดคุกให้หมด ที่ทำลายพนังคันกั้นน้ำ มีรูปอยู่แล้ว ไปจับมาดำเนินคดี สิ่งนี้ทำได้หรือไม่ก็ทำไม่ได้ ถ้าใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เจ้าหน้าที่ก็ถูกบังคับให้ต้องทำ ท้ายที่สุดก็จะต้องตีกับประชาชน และจะได้อะไรมา แต่ผมคิดว่าไม่ได้ เมื่อติดคุกก็จะต้องมีการประกันตัว สถานการณ์ก็จะกลับไปวงรอบเก่า"พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

เรียกว่า เชือดรัฐบาลแบบนิ่มๆ ทำนองว่าหากก่อนที่ประชาชนจะพังประตูน้ำคลองสามวานั้น รัฐบาลชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจและภาคภูมิใจถึงความเสียสละ พ.ร.ก.ฉุกเฉินเก็บไว้เลย ซึ่งในความเป็นจริงก็คือรัฐบาลก็หาได้เข้าถึง พูดคุยกับประชาชนก่อนที่ปัญหาจะลุกลามบานปลาย และการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินไม่ได้หมายความว่าเอาทหารไปทุบประชาชน

ทั้งนี้ หากพูดอย่างตรงไปตรงมา งานนี้หากรัฐบาลของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่ได้เหล่าทหารภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ ช่วยแบ่งเบาภาระในการช่วยเหลือประชาชน ก็มีแต่จะยิ่งถูกชาวบ้านด่าลับหลังกันขรมมากกว่านี้เป็นแน่แท้ เนื่องจากวิกฤตการณ์น้ำท่วมวินาศสันตะโรในครั้งนี้ ประชาชนก็แทบจะมองไม่เห็นศักยภาพในการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นมรรคเป็นผลเท่าที่ควรจะเป็นของรัฐบาลชุดนี้เสียด้วยซ้ำ

ดังนั้นแล้ว คงต้องถามประชาชนและคนเสื้อแดงที่เดือดร้อนในภาวะน้ำท่วมหน่อยเถิดว่าป่านนี้เห็นเงาหัวของแกนนำเสื้อแดง ส.ส.พรรคเพื่อไทย ลงไปช่วยดูแลบรรเทาทุกข์คนในพื้นที่บ้างหรือยัง