ปฏิบัติล้างบางข้าราชการประจำกำลังเริ่มปรากฏเค้าลางให้เห็นเป็นรูปธรรมว่า กำลังจะเกิดขึ้นจริงในเวลาอันใกล้นี้ หลังจาก ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้รับโบนัสจากพี่ชายให้เป็นนายกรัฐมนตรีไทยคนที่ 3 ของครอบครัวชินวัตร เป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ ที่คนในครอบครัวเดียวจะได้เป็นประมุขฝ่ายบริหารขนาดนี้ แต่ความจริงที่น่าทะลึง กำลังเกิดขึ้นแล้ว
ล่าสุด มีการหารือเป็นการภายในเพื่อล้างบางข้าราชการยกแผง เตรียมชูญาติเข้าแทรกแซงทั้งระบบได้ถูกวางแผนเป็นขั้นเป็นตอน ในการจัดสรรประโยชน์ให้ลงตัว เพื่อไม่ให้คนที่จะสูญเสียตำแหน่งเผยอหน้าไปฟ้องศาลปกครอง ด้วยการให้ข้อแลกเปลี่ยนที่มิอาจปฏิเสธ
ตำแหน่งแรกที่เล็งจากกะบังลมบ้านจันทร์ส่องหล้า ซึ่งมีอำนาจเต็มเสียยิ่งกว่าคนทางไกลจาก ดูไบ คือ การปลอบขวัญพี่ชาย พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ให้เป็น ผบ.ตร.ในวาระสุดท้ายของชีวิตราชการ ที่กำลังจะเกษียรอายุราชการในเดือนกันยายนปีหน้า หลังจากเสียน้ำตาลูกผู้ชาย ฟ้องรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต่อศาลปกครองว่า ถูกข้ามหัวโดยไม่เป็นธรรม แต่ไม่สำเร็จ
เพราะศาลปกครองยกฟ้องไป ทำให้น้ำตาบิ๊กสีกากี ที่เคยก้าวข้ามหัวคนอื่นขึ้นเป็นใหญ่ ไร้ความหมาย
มาคราวนี้ เมื่อการเมืองเปลี่ยนข้าง น้องสาวกลับมาใหญ่คับเมือง มีอำนาจเต็มมากกว่า “ว่าที่นายกฯปูแดง” การซับน้ำตา พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ จึงถูกจัดเต็ม จัดหนัก ทำทันทีภายในเดือนกันยายนนี้
โดยมีการส่งล่ามไปเจรจาแลกตำแหน่งให้ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. คนปัจจุบันให้ไปเป็นเลขา สมช. เขี่ย ถวิล เปลี่ยนสี ที่ตั้งในสมัยอภิสิทธิ์ไปเข้ากรุ แล้วถวายพานตำแหน่งให้ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ได้สมหวังในตำแหน่ง ผบ.ตร. ตามคำสั่งของ “หญิงอ้อ” อดีตภริยานักโทษ ที่ไม่เคยตัดขาดจากวงโคจรชีวิต ของคนที่อยู่ต่างแดน
ขณะเดียวกันก็จะโยก พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ที่ยังมั่นคงอยู่ที่กระทรวงยุติธรรม ได้ตลอดสมัยรัฐบาลปชป. เพราะมี “คลิปลับ” ของนักการเมืองใหญ่ที่นั่นเป็นสิ่งต่อรองรั้งเก้าอี้ไว้ได้ คราวนี้ถูกวางตัวไปเป็นผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ
และแน่นอนว่า ตำแหน่งอธิบดี ดีเอสไอของ ธาริต เพ็งดิษฐ์ ก็กำลังเปลี่ยนมือ เพื่อจัดวางคนที่ “ปูแดง”สั่งได้ ภายใต้การชักใยของนักโทษเข้าไปแทนที่ เพื่อพลิกคดีเผาบ้านเผาเมือง ที่ค้างอยู่ โดยเฉพาะประเด็นขบวนการล้มเจ้า ที่ปรากฏพฤติกรรมแกนนำแดงหลายราย รวมทั้ง “คางคกตู่” จตุพร พรหมพันธุ์ ที่เพิ่งได้ออกจากคุก ได้กล่าววาจาจาบจ้วงล่วงละเมิดสถาบันฯ อันเป็นที่เคารพรักของคนไทย
ซึ่งบรรดาขี้กลากลามปามเบื้องสูงขอเลื่อนการเข้าให้ปากคำกับดีเอสไอ ไปแล้วหลายครั้ง เชื่อได้ว่าขี้กลากเหล่านี้ พร้อมจะขึ้นดีเอสไอ ก็ต่อเมื่ออธิบดีไม่ได้ชื่อ “ธาริต” แล้วเท่านั้น
ที่น่าเป็นห่วงคือ เมื่อข้าราชการอาชีพที่มีจิตสำนึกว่า ตนเป็นข้าของพระเจ้าอยู่หัว เป็นคนที่ต้องตอบแทนคุณแผ่นดิน ถูกสลับสับเปลี่ยนไปอยู่ในมุมมืดที่ไร้ความหมายแล้ว นำคนที่จงรักภักดีต่อนักโทษ แต่ถูกตั้งคำถามถึงความสำนึกเพื่อแผ่นดิน มากุมบังเหียนคุมงานด้านความมั่นคงแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
ก็เท่ากับฝากปลาย่างไว้กับแมว ประเทศพร้อมถูกเขมือบได้ทุกเมื่อ
แม้รัฐบาลปูแดงจะย้าย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ไม่ง่ายอย่างที่อยากจะทำ แต่อย่านึกว่าคนพวกนี้จะไม่คิดพยายาม โดยจับตาหมากเกมแรกกันได้ จากตำแหน่งรัฐมนตรีในครม.ปูแดง 1 ว่าจะมีตำแหน่ง รมช.กลาโหม เพื่มอำนาจทางการเมืองในคณะกรรมการของสภากลาโหม ที่จะมีอำนาจในการโยกย้ายนายทหารระดับนายพลหรือไม่
ถ้ามีก็เป็นการส่งสัญญาณข่มขู่ “บิ๊กตู่” กลาย ๆ ว่า อย่าคิดว่าจะนั่งเก้าอี้ ผบ.ทบ.ได้อย่างสบายใจ และแม้ว่า “บิ๊กตู่”ซึ่งมีทหารในกองทัพเป็นกำลังหนุนหนาแน่น ก็ไม่ได้หมายความว่า จะเป็นเสาหลักค้ำความมั่นคงของชาติให้ปลอดภัยจากภยันตราย ที่กำลังคุกคามนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงประเทศได้ เพราะลำพังกองทัพเพียงอย่างเดียว มิอาจต้านทุกกลไกที่กลายเป็นข้ารับใช้นักโทษได้อย่างแน่นอน
อีกทั้งการสยายปีกของนักโทษทักษิณ ยังมีทั้งลิ่วล้อในสภา มวลชนเสื้อแดงที่พร้อมคลุ้มคลั่งตามคำปลุกปั่นยุยงได้ตลอดเวลา รวมถึงกองกำลังติดอาวุธ ที่พร้อมป่วนชาติทันทีที่มีการกดปุ่ม ย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย ที่กองทัพจะจัดการแก้ปัญหาด้วยวิธีการลากรถถังออกมาแบบเดิม ๆ
คนที่อยู่ในภาวะอึดอัดคับข้องใจที่สุด จึงน่าจะเป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งคงรู้ตัวดีว่า ชีวิตราชการนับจากนี้ไปแขวนอยู่บนเส้นด้ายความสุ่มเสี่ยงที่พร้อมหลุดจากตำแหน่งทุกเมื่อ แต่ยังไม่แน่ใจ “บิ๊กตู่” จะยืนยันตามที่ได้ประกาศไว้ได้หรือไม่ ว่า "จะไม่กลัว แต่จะเดินหน้าทำหน้าที่ปกป้องสถาบันเบื้องสูง เป็นทหารของประชาชน" ตามที่เพิ่งไปยืนยันหนักแน่นกับน้อง ๆ กลุ่มบูรพาพยัคฆ์
สิ่งที่ท้าทายสำหรับ “บิ๊กตู่” อีกประการหนึ่งนับจากนี้ไปคือ จะรักษาความเป็นเอกภาพในกองทัพไว้ได้หรือไม่ เพราะในยุคที่วัตถุนิยมเป็นใหญ่ อำนาจมาก่อนสำนึกรักชาติบ้านเมือง ย่อมยวนยั่ว ให้นายทหารไร้สำนึกจำนวนไม่น้อยพร้อมแปรพักตร์ไปสยบยอมลัทธิที่เสื้อแดงบอกว่า กำลังเป็นตะวันรุ่งแทนการจงรักภักดีระบบเก่า...
เมื่อนั้น สถานการณ์ก็จะสุกงอมที่ทำให้คนบางคนได้จังหวะเปลี่ยนชาติ แปลงเมืองสถาปนารัฐไทยใหม่ โดยใช้กองทัพห้ำหั่นกันเอง มีมวลชนเป็นเกราะบังหน้า อ้างการปฏิรูปเพื่อให้ “นายใหญ่” กลับมาเป็นใหญ่ในแผ่นดินอีกครั้ง
ล่าสุด มีการหารือเป็นการภายในเพื่อล้างบางข้าราชการยกแผง เตรียมชูญาติเข้าแทรกแซงทั้งระบบได้ถูกวางแผนเป็นขั้นเป็นตอน ในการจัดสรรประโยชน์ให้ลงตัว เพื่อไม่ให้คนที่จะสูญเสียตำแหน่งเผยอหน้าไปฟ้องศาลปกครอง ด้วยการให้ข้อแลกเปลี่ยนที่มิอาจปฏิเสธ
ตำแหน่งแรกที่เล็งจากกะบังลมบ้านจันทร์ส่องหล้า ซึ่งมีอำนาจเต็มเสียยิ่งกว่าคนทางไกลจาก ดูไบ คือ การปลอบขวัญพี่ชาย พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ให้เป็น ผบ.ตร.ในวาระสุดท้ายของชีวิตราชการ ที่กำลังจะเกษียรอายุราชการในเดือนกันยายนปีหน้า หลังจากเสียน้ำตาลูกผู้ชาย ฟ้องรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต่อศาลปกครองว่า ถูกข้ามหัวโดยไม่เป็นธรรม แต่ไม่สำเร็จ
เพราะศาลปกครองยกฟ้องไป ทำให้น้ำตาบิ๊กสีกากี ที่เคยก้าวข้ามหัวคนอื่นขึ้นเป็นใหญ่ ไร้ความหมาย
มาคราวนี้ เมื่อการเมืองเปลี่ยนข้าง น้องสาวกลับมาใหญ่คับเมือง มีอำนาจเต็มมากกว่า “ว่าที่นายกฯปูแดง” การซับน้ำตา พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ จึงถูกจัดเต็ม จัดหนัก ทำทันทีภายในเดือนกันยายนนี้
โดยมีการส่งล่ามไปเจรจาแลกตำแหน่งให้ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. คนปัจจุบันให้ไปเป็นเลขา สมช. เขี่ย ถวิล เปลี่ยนสี ที่ตั้งในสมัยอภิสิทธิ์ไปเข้ากรุ แล้วถวายพานตำแหน่งให้ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ได้สมหวังในตำแหน่ง ผบ.ตร. ตามคำสั่งของ “หญิงอ้อ” อดีตภริยานักโทษ ที่ไม่เคยตัดขาดจากวงโคจรชีวิต ของคนที่อยู่ต่างแดน
ขณะเดียวกันก็จะโยก พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ที่ยังมั่นคงอยู่ที่กระทรวงยุติธรรม ได้ตลอดสมัยรัฐบาลปชป. เพราะมี “คลิปลับ” ของนักการเมืองใหญ่ที่นั่นเป็นสิ่งต่อรองรั้งเก้าอี้ไว้ได้ คราวนี้ถูกวางตัวไปเป็นผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ
และแน่นอนว่า ตำแหน่งอธิบดี ดีเอสไอของ ธาริต เพ็งดิษฐ์ ก็กำลังเปลี่ยนมือ เพื่อจัดวางคนที่ “ปูแดง”สั่งได้ ภายใต้การชักใยของนักโทษเข้าไปแทนที่ เพื่อพลิกคดีเผาบ้านเผาเมือง ที่ค้างอยู่ โดยเฉพาะประเด็นขบวนการล้มเจ้า ที่ปรากฏพฤติกรรมแกนนำแดงหลายราย รวมทั้ง “คางคกตู่” จตุพร พรหมพันธุ์ ที่เพิ่งได้ออกจากคุก ได้กล่าววาจาจาบจ้วงล่วงละเมิดสถาบันฯ อันเป็นที่เคารพรักของคนไทย
ซึ่งบรรดาขี้กลากลามปามเบื้องสูงขอเลื่อนการเข้าให้ปากคำกับดีเอสไอ ไปแล้วหลายครั้ง เชื่อได้ว่าขี้กลากเหล่านี้ พร้อมจะขึ้นดีเอสไอ ก็ต่อเมื่ออธิบดีไม่ได้ชื่อ “ธาริต” แล้วเท่านั้น
ที่น่าเป็นห่วงคือ เมื่อข้าราชการอาชีพที่มีจิตสำนึกว่า ตนเป็นข้าของพระเจ้าอยู่หัว เป็นคนที่ต้องตอบแทนคุณแผ่นดิน ถูกสลับสับเปลี่ยนไปอยู่ในมุมมืดที่ไร้ความหมายแล้ว นำคนที่จงรักภักดีต่อนักโทษ แต่ถูกตั้งคำถามถึงความสำนึกเพื่อแผ่นดิน มากุมบังเหียนคุมงานด้านความมั่นคงแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
ก็เท่ากับฝากปลาย่างไว้กับแมว ประเทศพร้อมถูกเขมือบได้ทุกเมื่อ
แม้รัฐบาลปูแดงจะย้าย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ไม่ง่ายอย่างที่อยากจะทำ แต่อย่านึกว่าคนพวกนี้จะไม่คิดพยายาม โดยจับตาหมากเกมแรกกันได้ จากตำแหน่งรัฐมนตรีในครม.ปูแดง 1 ว่าจะมีตำแหน่ง รมช.กลาโหม เพื่มอำนาจทางการเมืองในคณะกรรมการของสภากลาโหม ที่จะมีอำนาจในการโยกย้ายนายทหารระดับนายพลหรือไม่
ถ้ามีก็เป็นการส่งสัญญาณข่มขู่ “บิ๊กตู่” กลาย ๆ ว่า อย่าคิดว่าจะนั่งเก้าอี้ ผบ.ทบ.ได้อย่างสบายใจ และแม้ว่า “บิ๊กตู่”ซึ่งมีทหารในกองทัพเป็นกำลังหนุนหนาแน่น ก็ไม่ได้หมายความว่า จะเป็นเสาหลักค้ำความมั่นคงของชาติให้ปลอดภัยจากภยันตราย ที่กำลังคุกคามนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงประเทศได้ เพราะลำพังกองทัพเพียงอย่างเดียว มิอาจต้านทุกกลไกที่กลายเป็นข้ารับใช้นักโทษได้อย่างแน่นอน
อีกทั้งการสยายปีกของนักโทษทักษิณ ยังมีทั้งลิ่วล้อในสภา มวลชนเสื้อแดงที่พร้อมคลุ้มคลั่งตามคำปลุกปั่นยุยงได้ตลอดเวลา รวมถึงกองกำลังติดอาวุธ ที่พร้อมป่วนชาติทันทีที่มีการกดปุ่ม ย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย ที่กองทัพจะจัดการแก้ปัญหาด้วยวิธีการลากรถถังออกมาแบบเดิม ๆ
คนที่อยู่ในภาวะอึดอัดคับข้องใจที่สุด จึงน่าจะเป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งคงรู้ตัวดีว่า ชีวิตราชการนับจากนี้ไปแขวนอยู่บนเส้นด้ายความสุ่มเสี่ยงที่พร้อมหลุดจากตำแหน่งทุกเมื่อ แต่ยังไม่แน่ใจ “บิ๊กตู่” จะยืนยันตามที่ได้ประกาศไว้ได้หรือไม่ ว่า "จะไม่กลัว แต่จะเดินหน้าทำหน้าที่ปกป้องสถาบันเบื้องสูง เป็นทหารของประชาชน" ตามที่เพิ่งไปยืนยันหนักแน่นกับน้อง ๆ กลุ่มบูรพาพยัคฆ์
สิ่งที่ท้าทายสำหรับ “บิ๊กตู่” อีกประการหนึ่งนับจากนี้ไปคือ จะรักษาความเป็นเอกภาพในกองทัพไว้ได้หรือไม่ เพราะในยุคที่วัตถุนิยมเป็นใหญ่ อำนาจมาก่อนสำนึกรักชาติบ้านเมือง ย่อมยวนยั่ว ให้นายทหารไร้สำนึกจำนวนไม่น้อยพร้อมแปรพักตร์ไปสยบยอมลัทธิที่เสื้อแดงบอกว่า กำลังเป็นตะวันรุ่งแทนการจงรักภักดีระบบเก่า...
เมื่อนั้น สถานการณ์ก็จะสุกงอมที่ทำให้คนบางคนได้จังหวะเปลี่ยนชาติ แปลงเมืองสถาปนารัฐไทยใหม่ โดยใช้กองทัพห้ำหั่นกันเอง มีมวลชนเป็นเกราะบังหน้า อ้างการปฏิรูปเพื่อให้ “นายใหญ่” กลับมาเป็นใหญ่ในแผ่นดินอีกครั้ง