สถานการณ์น้ำท่วมยังไม่มีทีท่าคลี่คลายลงง่ายๆ กระแสน้ำไหล่บ่าใกล้เมืองหลวงเข้าไปทุกที
เมืองรอบนอก ปทุมธานี นนทบุรี หลายพื้นที่ไม่ต้องพูดถึง กลายเป็นเมืองบาดาลไปในพริบตา สร้างความเสียหายทั้งชีวิต ทรัพย์สิน บ้านเรือน พื้นที่เพาะปลูก ไปจนถึงนิคมอุตสาหกรรม ยากประเมินถึงความเสียหาย
การแก้ปัญหาช่วงน้ำท่วมว่ายากยิ่งนักแล้ว การแก้ปัญหาหลังน้ำลด ทั้งด้านฟื้นฟูสภาพจิตใจคน การแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบ รวมถึงทรัพย์สินในส่วนต่างๆ ที่เสียหาย เป็นอีกปัญหา รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต้องเผชิญอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
แม้ขณะนี้ในระหว่างการทำงานยังเจอะเจอปัญหาให้หงุดหงิดรำคาญใจ โดยเฉพาะการประสานงานกับฝ่ายต่างๆ ล่าสุด “ยิ่งลักษณ์” ประกาศใช้มาตรา 31 ของ พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550 เพิ่มอำนาจอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด หลังเจอปัญหาจุกอก ขบเหลี่ยม ปีนเกลียว กับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.เลยต้องงัดเครื่องมือออกมายึดอำนาจจาก กทม.
ตอนนี้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ระดมกำลังทุกหน่วยงาน เข้ามาแก้ปัญหาน้ำท่วม อันเป็นเรื่องหลัก เรื่องด่วนที่ต้องดำเนินการทันที จนไม่มีเวลามาคิดเรื่องการเมือง เช่นเดียวกับขั้วตรงข้ามที่ดูเหมือนจะงดเล่นการเมือง (ชั่วคราว) หันมาหยิบจับคนละไม้ คนละมือ ในสิ่งที่ทำได้
การเมืองช่วงนี้จึงอยู่ในช่วง นิ่งเงียบ หลบกระแสให้ ข่าวคราวน้ำท่วมเป็นหลัก แต่ยังไม่วาย พวกนักการเมืองมืออาชีพ และพวกจอมปั้นน้ำ ยังอาศัยกระแสน้ำท่วมหยิบจับ ผูกโยงให้เป็นเรื่องเป็นราวอีก
จตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย บนหมวกแกนนำ นปช. ออกมาทะลุกลางปล้องว่า สถานการณ์ทางธรรมชาติครั้งนี้ถ้าเป็นเหตุการณ์ปกติ รัฐบาลและคนเสื้อแดงคงรับมือไม่ยาก แต่ในอุทกภัยครั้งใหญ่นี้มีกลเกมทางการเมืองอยู่หลายประการที่จะเป็นโรคแทรกซ้อน มีคนบางพวกบอกจะเอาวิกฤตน้ำท่วมครั้งนี้เพื่อเปลี่ยนแปลงรัฐบาล
พร้อมดักคอที่พรรคประชาธิปัตย์เรียกร้องให้นำ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มาใช้ สวนกลับว่าไม่จำเป็นต้องใช้ เพราะเจตนาของผู้ร่างเพื่อไว้ใช้แก้ปัญหาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เบิ้ลกลับไปด้วยว่า ที่ผ่านมาเคยนำมาใช้กับคนใน กทม.ผิดวัตถุประสงค์ไปแล้วครั้งหนึ่ง
พร้อมแหย่ทิ้งทายว่ามีบางพวกกำลังเอาวิกฤติมาเล่นการเมือง เหตุที่รัฐบาลไม่ประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แก้ปัญหา ภัยพิบัติน้ำท่วมเพราะกลัวทหารปฏิวัติ
ร้อนถึงผู้ถูกพาดพิง ถึงกับฉุนกึ๊ก “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. สวนกลับไปทันทีว่า ไม่อยากสนใจคำโต้แย้งของ “จตุพร” พร้อมถามกลับว่า ใครจะมายึดอำนาจตอนนี้ น้ำท่วมถึงคอแล้ว คงไม่มีใครโง่ไปทำ ด่ากลับด้วยว่าอย่าให้ร้ายทหารที่เหน็ดเหนื่อย เครียด อย่ากล่าวพาดพิงให้เสียกำลังใจกัน
ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น เกมเสี่ยงๆ ที่ “จตุพร” แอนด์เดอะแก๊ง งัดออกมาเล่นยามหน้าสิ่วหน้าขวานนี้ เข้าใจว่าแกนนำเสื้อแดงคงจะกลัวม็อบฝ่อ เลยต้องออกมาให้ข่าว กระตุ้นกระแสหล่อเลี้ยงแนวร่วมให้เตรียมพร้อมตลอดเวลา ประเด็นที่จะหยิบยกมา พุ่งเป้าได้ดีทีสุดคงไม่พ้น ทหาร ศัตรูเบอร์หนึ่งที่คอยขวางทางเพื่อไทย-เสื้อแดงมาช้านาน
ก่อนหน้าก็บอกจะแก้ พ.ร.บ.กลาโหมให้ได้ อ้างว่าเป็นกฎหมายเผด็จการ ให้อำนาจกองทัพมากเกินไป ก่อนหน้าก็ขยับมวลชน ระดมสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม นำโมเดล เคลื่อนพลทั้งแผ่นดินมาปรับใช้ เพียงแต่ปรับรูปแบบจากเคลื่อนพลทางการเมือง เป็นการเคลื่อนพลเพื่อช่วยเหลือ
เป็นลูกเล่นแนวคิดผู้บริหารม็อบ ที่ต้องทำให้แนวร่วมระแวดระวัง เลยต้องกุเรื่องสร้างกระแส ไม่ให้แนวร่วมหยุดนิ่ง ทั้งความคิดและกิจกรรม ก็เปรียบเหมือน ไพร่ราบ ยามพักสงครามก็ต้องหากิจกรรม ให้เหล่าไพร่ราบได้ขยับจับทำอะไรบ้าง ทั้งด้านความคิดก็ต้องใส่ข้อมูลความชิงชัง ระวังภัย เพื่อให้ตื่นตัวอยู่เสมอ ด้านกิจกรรม ก็ต้องหาลูกเล่นขยับให้ได้ทำอะไรบ้าง เพื่อให้เตรียมพร้อมรบทุกเมื่อ
แต่การปั้นน้ำในช่วง น้ำท่วมคนเดือดร้อนแสนสาหัส เป็นสิ่งไม่ควรทำอย่างยิ่ง ข้อเท็จจริงวันนี้ ทหารช่วยเหลือประชาชน แบบไม่พ่นน้ำลายใส่ไมค์ ออกหน้าผ่านจอได้ดีกว่า รัฐบาลยิ่งเละเสียอีก
เมืองรอบนอก ปทุมธานี นนทบุรี หลายพื้นที่ไม่ต้องพูดถึง กลายเป็นเมืองบาดาลไปในพริบตา สร้างความเสียหายทั้งชีวิต ทรัพย์สิน บ้านเรือน พื้นที่เพาะปลูก ไปจนถึงนิคมอุตสาหกรรม ยากประเมินถึงความเสียหาย
การแก้ปัญหาช่วงน้ำท่วมว่ายากยิ่งนักแล้ว การแก้ปัญหาหลังน้ำลด ทั้งด้านฟื้นฟูสภาพจิตใจคน การแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบ รวมถึงทรัพย์สินในส่วนต่างๆ ที่เสียหาย เป็นอีกปัญหา รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต้องเผชิญอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
แม้ขณะนี้ในระหว่างการทำงานยังเจอะเจอปัญหาให้หงุดหงิดรำคาญใจ โดยเฉพาะการประสานงานกับฝ่ายต่างๆ ล่าสุด “ยิ่งลักษณ์” ประกาศใช้มาตรา 31 ของ พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550 เพิ่มอำนาจอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด หลังเจอปัญหาจุกอก ขบเหลี่ยม ปีนเกลียว กับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.เลยต้องงัดเครื่องมือออกมายึดอำนาจจาก กทม.
ตอนนี้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ระดมกำลังทุกหน่วยงาน เข้ามาแก้ปัญหาน้ำท่วม อันเป็นเรื่องหลัก เรื่องด่วนที่ต้องดำเนินการทันที จนไม่มีเวลามาคิดเรื่องการเมือง เช่นเดียวกับขั้วตรงข้ามที่ดูเหมือนจะงดเล่นการเมือง (ชั่วคราว) หันมาหยิบจับคนละไม้ คนละมือ ในสิ่งที่ทำได้
การเมืองช่วงนี้จึงอยู่ในช่วง นิ่งเงียบ หลบกระแสให้ ข่าวคราวน้ำท่วมเป็นหลัก แต่ยังไม่วาย พวกนักการเมืองมืออาชีพ และพวกจอมปั้นน้ำ ยังอาศัยกระแสน้ำท่วมหยิบจับ ผูกโยงให้เป็นเรื่องเป็นราวอีก
จตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย บนหมวกแกนนำ นปช. ออกมาทะลุกลางปล้องว่า สถานการณ์ทางธรรมชาติครั้งนี้ถ้าเป็นเหตุการณ์ปกติ รัฐบาลและคนเสื้อแดงคงรับมือไม่ยาก แต่ในอุทกภัยครั้งใหญ่นี้มีกลเกมทางการเมืองอยู่หลายประการที่จะเป็นโรคแทรกซ้อน มีคนบางพวกบอกจะเอาวิกฤตน้ำท่วมครั้งนี้เพื่อเปลี่ยนแปลงรัฐบาล
พร้อมดักคอที่พรรคประชาธิปัตย์เรียกร้องให้นำ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มาใช้ สวนกลับว่าไม่จำเป็นต้องใช้ เพราะเจตนาของผู้ร่างเพื่อไว้ใช้แก้ปัญหาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เบิ้ลกลับไปด้วยว่า ที่ผ่านมาเคยนำมาใช้กับคนใน กทม.ผิดวัตถุประสงค์ไปแล้วครั้งหนึ่ง
พร้อมแหย่ทิ้งทายว่ามีบางพวกกำลังเอาวิกฤติมาเล่นการเมือง เหตุที่รัฐบาลไม่ประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แก้ปัญหา ภัยพิบัติน้ำท่วมเพราะกลัวทหารปฏิวัติ
ร้อนถึงผู้ถูกพาดพิง ถึงกับฉุนกึ๊ก “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. สวนกลับไปทันทีว่า ไม่อยากสนใจคำโต้แย้งของ “จตุพร” พร้อมถามกลับว่า ใครจะมายึดอำนาจตอนนี้ น้ำท่วมถึงคอแล้ว คงไม่มีใครโง่ไปทำ ด่ากลับด้วยว่าอย่าให้ร้ายทหารที่เหน็ดเหนื่อย เครียด อย่ากล่าวพาดพิงให้เสียกำลังใจกัน
ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น เกมเสี่ยงๆ ที่ “จตุพร” แอนด์เดอะแก๊ง งัดออกมาเล่นยามหน้าสิ่วหน้าขวานนี้ เข้าใจว่าแกนนำเสื้อแดงคงจะกลัวม็อบฝ่อ เลยต้องออกมาให้ข่าว กระตุ้นกระแสหล่อเลี้ยงแนวร่วมให้เตรียมพร้อมตลอดเวลา ประเด็นที่จะหยิบยกมา พุ่งเป้าได้ดีทีสุดคงไม่พ้น ทหาร ศัตรูเบอร์หนึ่งที่คอยขวางทางเพื่อไทย-เสื้อแดงมาช้านาน
ก่อนหน้าก็บอกจะแก้ พ.ร.บ.กลาโหมให้ได้ อ้างว่าเป็นกฎหมายเผด็จการ ให้อำนาจกองทัพมากเกินไป ก่อนหน้าก็ขยับมวลชน ระดมสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม นำโมเดล เคลื่อนพลทั้งแผ่นดินมาปรับใช้ เพียงแต่ปรับรูปแบบจากเคลื่อนพลทางการเมือง เป็นการเคลื่อนพลเพื่อช่วยเหลือ
เป็นลูกเล่นแนวคิดผู้บริหารม็อบ ที่ต้องทำให้แนวร่วมระแวดระวัง เลยต้องกุเรื่องสร้างกระแส ไม่ให้แนวร่วมหยุดนิ่ง ทั้งความคิดและกิจกรรม ก็เปรียบเหมือน ไพร่ราบ ยามพักสงครามก็ต้องหากิจกรรม ให้เหล่าไพร่ราบได้ขยับจับทำอะไรบ้าง ทั้งด้านความคิดก็ต้องใส่ข้อมูลความชิงชัง ระวังภัย เพื่อให้ตื่นตัวอยู่เสมอ ด้านกิจกรรม ก็ต้องหาลูกเล่นขยับให้ได้ทำอะไรบ้าง เพื่อให้เตรียมพร้อมรบทุกเมื่อ
แต่การปั้นน้ำในช่วง น้ำท่วมคนเดือดร้อนแสนสาหัส เป็นสิ่งไม่ควรทำอย่างยิ่ง ข้อเท็จจริงวันนี้ ทหารช่วยเหลือประชาชน แบบไม่พ่นน้ำลายใส่ไมค์ ออกหน้าผ่านจอได้ดีกว่า รัฐบาลยิ่งเละเสียอีก
