ประชาชนจำมันเอาไว้!! “ 2พรรคใหญ่” โบ้ย!ไม่มีเอี่ยวทำน้ำท่วมประเทศ “ปชป.”จับโกหก“ยิ่งลักษณ์” เมินเสียงเตือนกรมชลฯ-กรมอุตุฯ ดันทุรัง สั่งลดการระบายน้ำในเขื่อนรักษานโยบายจำนำข้าว พท.”ท้าเปิดหลักฐาน“สมัยมาร์ค”มีน้ำแค่ครึ่งเขื่อน “พิชัย”ป้องกฟผ.ไม่ผิดปล่อยน้ำช้า ยันสองเขื่อนไม่ใช่สาเหตุน้ำท่วม
วานนี้(3 พ.ย.)นายชวนนท์ อินทรโกมาลสุตย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงตอบโต้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กรณีกล่าวหาว่ารัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์กักน้ำในเขื่อนจนเต็มทำให้ไม่สามารถระบายน้ำได้ด้วยการนำกราฟมายืนยันตัวเลขปริมาณน้ำในเขื่อนอีกครั้งเพื่อแสดงให้เห็นว่าน้ำในเขื่อนมีปริมาณสูงขึ้นในช่วงการบริหารงานของรัฐบาลชุดนี้แต่กลับไม่มีการระบายน้ำอย่างที่ควรจะทำ โดยนำคำสัมภาษณ์ขอวนายธีระวงศ์ สมุทร รมว.เกษตรฯ ในวันที่ 5 กันยายน มีคำสั่งให้ชะลอการระบายน้ำในเขื่อนภูมิพล
“ได้สั่งการให้กรมชลประทานประสานกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตลดการระบายน้ำเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าที่เขื่อนภูมิพลรวมถึงทำการหน่วงน้ำที่เขื่อนเจ้าพระยาไม่ให้ไหลผ่านเกิน 2,390 ลูกบาศก์เมตร(ลบ.ม.)ต่อวินาที เพื่อให้ชาวนาในพื้นที่เขตลุ่มเจ้าพระยาเก็บเกี่ยวข้าวได้เสร็จในช่วงนี้เนื่องจากการคาดการณ์สภาพอากาศที่จะเกิดฝนตกหนักลงมาอีกในระยะนี้ประกอบกับ1-2 วันที่ผ่านมามีปริมาณฝนตกชุกในพื้นที่ดังกล่าว”นายชวนนท์ กล่าวและว่า รัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ได้รับการส่งสัญญาณเตือนจากทั้งกรมชลประทานและกรมอุตุนิยมวิทยาว่ากำลังจะมีพายุเข้าถึง 5 ลูก แต่่ไม่ใส่ใจที่จะรับมือกับสถานการณ์เพื่อป้องกันเหตุน้ำท่วม ในวันที่ 15 กันยายน นายกรัฐมนตรี ยังทิ้งประชาชนที่ดำบังประสบปัญหาอุทกภัยๆปเยือนกัมพูชาเยี่ยมสมเด็จฮุนเซนและยังต่อด้วยการทัวร์อาเซียน กระทั่งสถานการณ์น้ำในเขื่อนวิกฤตแล้วจึงมีการเรียกประชุมคณะกรรมการน้ำเป็นครั้งแรกในวันที่ 6. ตุลาคม และมีคำสั่งให้ระบายน้ำในเขื่อน จนทำให้น้ำท่วมไปค่อนประเทศ
**“พท.”ท้าเปิดหลักฐานน้ำครึ่งเขื่อน
นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ทีมโฆษกปชป. กล่าวหาว่ารัฐบาลบริหารจัดการเรื่องน้ำผิดพลาด และระบุไม่ไช่สาเหตุมาจากรัฐบาลชุดที่แล้วว่า เป็นอาการกินปูนร้อนท้อง ปัดความรับผิดชอบ โยนให้เป็นความผิดพลาดของรัฐบาลชุดนี้ ความจริงพรรคประชาธิปัตย์ควรยืดอกรับอย่างลูกผู้ชายว่า รัฐบาลชุดที่แล้วประมาณการและวางแผนผิดพลาด จึงกักเก็บน้ำเต็มเกือบทุกเขื่อน เนื่องจากกังวลว่าน้ำจะไม่เพียงพอ แต่สุดท้ายน้ำมามากจนเกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่ ในช่วงรอยต่อที่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์
ส่วนกรณีที่นายสาทิตย์ระบุว่า สมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์มีน้ำอยู่ประมาณครึ่งเขื่อนนั้น ขอท้าให้เอาหลักฐานมาดูกัน อย่าเอาแต่เล่นเกมการเมือง เพราะวันนี้แทนที่จะช่วยเหลือกัน กลับจ้องจะซ้ำเติมกัน โยนความผิด และปรามาสต่างๆ ทั้งๆ ที่รัฐบาลทำงานอย่างเต็มที่ ถ้าพูดแบบนี้ไปใส่กระโปรงดีกว่า อย่างไรก็ตาม หากพรรคประชาธิปัตย์จะพูดเรื่องนี้ ในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2555 นั้นตนก็จะพูดด้วย เพราะต้องการเอาความจริงมาพูดกัน วันนี้ทุกคนรู้ดีว่า ใครปกปิดอะไรไว้อยู่
นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รมว.กระทรวงศึกษาธิการ กล่าว่า ต้องดูข้อเท็จจริงว่าปริมาณน้ำ ก่อนที่รัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ เข้ามาทำงานเกิดน้ำท่วมอยู่แล้ว ถ้าจำได้เมื่อโปรดเกล้าฯแต่งตั้งน.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นนายกรัฐมนตรี นายกฯก็ได้ไปจังหวัดแพร่เป็นจังหวัดแรก ซึ่งพบว่าท่วมมา 3-4 ครั้งแล้วในปีนี้ ซึ่งต้องเข้าใจด้วยว่าน้ำในปีนี้มากเป็นพิเศษ
ปัญหาไม่ได้อยู่แค่เรื่องน้ำ แต่อยู่ที่ระบบ คู คลอง แม่น้ำ ที่ไม่ได้ทำอะไรเลย รัฐบาลชุดนี้เข้ามาแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเพราะปัญหาเกิดขึ้นก่อนรัฐบาลเข้ามาทำงาน ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาระยะยาว อย่างงบประมาณก็ยังไม่ผ่านสภากว่าจะออกมาก็เดือนกุมภาพันธ์ รัฐบาลชุดนี้มีการตั้งศูนย์ขึ้นมาและทุ่มเทให้การทำงานอย่างเต็มที่ เมื่อเทียบกลับรัฐบาลชุดก่อนไม่ให้ความดูแลเอาจริงเอาจังเหมือนรัฐบาลชุดนี้ด้วยซ้ำ ซึ่งพอเกิดน้ำท่วมก็แค่เยียวยาไปตามสภาพ ไม่ได้แก้ไขปัญหา
หากสุดท้ายฝ่ายค้านจะนำประเด็นนี้มาชี้ชะตาการทำงานของรัฐบาล นายวรวัจน์ กล่าวว่า เมื่อเปรียบเทียบการทำงานระหว่างสองรัฐบาล จะเห็นได้ว่ารัฐบาลชุดนี้เอาจริงเอาจังกับงานมากกว่าอย่างชัดเจน
** "พิชัย"ป้องกฟผ.ไม่ผิดปล่อยน้ำช้า
นายพิชัย นริพทะพันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวตอบกรณีที่ขณะนี้มีหลายฝ่ายโจมตีการปล่อยน้ำจากเขื่อนภูมิพล ว่า กฟผ.ออกมาชี้แจงแล้วว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง หากจำกันได้ก่อนเลือกตั้งจะเห็นว่าปริมาณน้ำในเขื่อนภูมิพลมีอยู่เกือบเต็มเขื่อน นอกจากนี้ในการปล่อยน้ำจะต้องผ่านคณะกรรมการพิจารณา 8-9 คนที่มีตัวแทนจากระทรวงเกษตรและสหกรณ์มากที่สุดจึงอยากขอให้ออกมาชี้แจงความจริง ซึ่งตนไม่อยากจะว่าใครเพียงแต่อยากให้ชี้แจงความจริง และไม่ได้มุ่งหวังจะให้เป็นประเด็นทางการเมือง
**กฟผ.ชี้สองเขื่อนไม่ใช่สาเหตุน้ำท่วม
ก่อนหน้านั้น การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) ได้ตอบข้อสงสัย 5 ข้อ ของกระแสสังคมบางส่วน ต่อการบริหารน้ำในเขื่อน โดยเฉพาะสองเขื่อนใหญ่“เขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์”ตอนหนึ่ง ระบุถึงการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาจะดำเนินการโดยคณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำ ที่มีอธิบดีกรมชลประทานเป็นประธาน และอีก 8 หน่วยงานร่วมเป็นกรรมการ ประกอบด้วย กรมอุตุนิยมวิทยา สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร กรมทรัพยากรน้ำ กรมอุทกศาสตร์ สำนักการระบายน้ำ กทม. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ(สำนักงาน กปร.) และ กฟผ. โดยคณะอนุกรรมการฯ จะติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิดและร่วมกันพิจารณาปริมาณน้ำที่เหมาะสมที่จะต้องระบายออกจากเขื่อนทุกสัปดาห์หรือทุกวัน ซึ่ง กฟผ.ก็ได้ปฏิบัติตามมติของคณะอนุกรรมการฯ มาโดยตลอด
นอกจากนี้แล้ว เขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ ยังช่วยเก็บกักน้ำปริมาณจำนวนมากไว้ในช่วงเดือน ส.ค.-ก.ย. เพื่อบรรเทาสภาวะน้ำท่วมในพื้นที่ภาคกลาง ซึ่งแม้ว่าจะมีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำทั้งสองเขื่อนมากถึง 10,940 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่มีการระบายน้ำออกรวมกันเพียง 4,915 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยได้เก็บกักน้ำไว้รวมทั้งสิ้น 6,025 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งหากปริมาณน้ำจำนวนนี้ไม่ได้ถูกเก็บกักไว้ในเขื่อนทั้งสอง จะส่งผลกระทบต่อภาวะน้ำท่วมในพื้นที่ภาคกลางมากขึ้น
อย่างไรก็ดี มวลน้ำที่ระบายออกจากเขื่อนทั้งสองจะใช้เวลาเดินทางมาถึงกรุงเทพฯ ประมาณ 2 สัปดาห์ จึงไม่ส่งผลต่อมวลน้ำก้อนใหญ่ที่โอบล้อมกรุงเทพฯอยู่ขณะนี้
วานนี้(3 พ.ย.)นายชวนนท์ อินทรโกมาลสุตย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงตอบโต้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กรณีกล่าวหาว่ารัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์กักน้ำในเขื่อนจนเต็มทำให้ไม่สามารถระบายน้ำได้ด้วยการนำกราฟมายืนยันตัวเลขปริมาณน้ำในเขื่อนอีกครั้งเพื่อแสดงให้เห็นว่าน้ำในเขื่อนมีปริมาณสูงขึ้นในช่วงการบริหารงานของรัฐบาลชุดนี้แต่กลับไม่มีการระบายน้ำอย่างที่ควรจะทำ โดยนำคำสัมภาษณ์ขอวนายธีระวงศ์ สมุทร รมว.เกษตรฯ ในวันที่ 5 กันยายน มีคำสั่งให้ชะลอการระบายน้ำในเขื่อนภูมิพล
“ได้สั่งการให้กรมชลประทานประสานกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตลดการระบายน้ำเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าที่เขื่อนภูมิพลรวมถึงทำการหน่วงน้ำที่เขื่อนเจ้าพระยาไม่ให้ไหลผ่านเกิน 2,390 ลูกบาศก์เมตร(ลบ.ม.)ต่อวินาที เพื่อให้ชาวนาในพื้นที่เขตลุ่มเจ้าพระยาเก็บเกี่ยวข้าวได้เสร็จในช่วงนี้เนื่องจากการคาดการณ์สภาพอากาศที่จะเกิดฝนตกหนักลงมาอีกในระยะนี้ประกอบกับ1-2 วันที่ผ่านมามีปริมาณฝนตกชุกในพื้นที่ดังกล่าว”นายชวนนท์ กล่าวและว่า รัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ได้รับการส่งสัญญาณเตือนจากทั้งกรมชลประทานและกรมอุตุนิยมวิทยาว่ากำลังจะมีพายุเข้าถึง 5 ลูก แต่่ไม่ใส่ใจที่จะรับมือกับสถานการณ์เพื่อป้องกันเหตุน้ำท่วม ในวันที่ 15 กันยายน นายกรัฐมนตรี ยังทิ้งประชาชนที่ดำบังประสบปัญหาอุทกภัยๆปเยือนกัมพูชาเยี่ยมสมเด็จฮุนเซนและยังต่อด้วยการทัวร์อาเซียน กระทั่งสถานการณ์น้ำในเขื่อนวิกฤตแล้วจึงมีการเรียกประชุมคณะกรรมการน้ำเป็นครั้งแรกในวันที่ 6. ตุลาคม และมีคำสั่งให้ระบายน้ำในเขื่อน จนทำให้น้ำท่วมไปค่อนประเทศ
**“พท.”ท้าเปิดหลักฐานน้ำครึ่งเขื่อน
นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ทีมโฆษกปชป. กล่าวหาว่ารัฐบาลบริหารจัดการเรื่องน้ำผิดพลาด และระบุไม่ไช่สาเหตุมาจากรัฐบาลชุดที่แล้วว่า เป็นอาการกินปูนร้อนท้อง ปัดความรับผิดชอบ โยนให้เป็นความผิดพลาดของรัฐบาลชุดนี้ ความจริงพรรคประชาธิปัตย์ควรยืดอกรับอย่างลูกผู้ชายว่า รัฐบาลชุดที่แล้วประมาณการและวางแผนผิดพลาด จึงกักเก็บน้ำเต็มเกือบทุกเขื่อน เนื่องจากกังวลว่าน้ำจะไม่เพียงพอ แต่สุดท้ายน้ำมามากจนเกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่ ในช่วงรอยต่อที่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์
ส่วนกรณีที่นายสาทิตย์ระบุว่า สมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์มีน้ำอยู่ประมาณครึ่งเขื่อนนั้น ขอท้าให้เอาหลักฐานมาดูกัน อย่าเอาแต่เล่นเกมการเมือง เพราะวันนี้แทนที่จะช่วยเหลือกัน กลับจ้องจะซ้ำเติมกัน โยนความผิด และปรามาสต่างๆ ทั้งๆ ที่รัฐบาลทำงานอย่างเต็มที่ ถ้าพูดแบบนี้ไปใส่กระโปรงดีกว่า อย่างไรก็ตาม หากพรรคประชาธิปัตย์จะพูดเรื่องนี้ ในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2555 นั้นตนก็จะพูดด้วย เพราะต้องการเอาความจริงมาพูดกัน วันนี้ทุกคนรู้ดีว่า ใครปกปิดอะไรไว้อยู่
นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รมว.กระทรวงศึกษาธิการ กล่าว่า ต้องดูข้อเท็จจริงว่าปริมาณน้ำ ก่อนที่รัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ เข้ามาทำงานเกิดน้ำท่วมอยู่แล้ว ถ้าจำได้เมื่อโปรดเกล้าฯแต่งตั้งน.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นนายกรัฐมนตรี นายกฯก็ได้ไปจังหวัดแพร่เป็นจังหวัดแรก ซึ่งพบว่าท่วมมา 3-4 ครั้งแล้วในปีนี้ ซึ่งต้องเข้าใจด้วยว่าน้ำในปีนี้มากเป็นพิเศษ
ปัญหาไม่ได้อยู่แค่เรื่องน้ำ แต่อยู่ที่ระบบ คู คลอง แม่น้ำ ที่ไม่ได้ทำอะไรเลย รัฐบาลชุดนี้เข้ามาแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเพราะปัญหาเกิดขึ้นก่อนรัฐบาลเข้ามาทำงาน ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาระยะยาว อย่างงบประมาณก็ยังไม่ผ่านสภากว่าจะออกมาก็เดือนกุมภาพันธ์ รัฐบาลชุดนี้มีการตั้งศูนย์ขึ้นมาและทุ่มเทให้การทำงานอย่างเต็มที่ เมื่อเทียบกลับรัฐบาลชุดก่อนไม่ให้ความดูแลเอาจริงเอาจังเหมือนรัฐบาลชุดนี้ด้วยซ้ำ ซึ่งพอเกิดน้ำท่วมก็แค่เยียวยาไปตามสภาพ ไม่ได้แก้ไขปัญหา
หากสุดท้ายฝ่ายค้านจะนำประเด็นนี้มาชี้ชะตาการทำงานของรัฐบาล นายวรวัจน์ กล่าวว่า เมื่อเปรียบเทียบการทำงานระหว่างสองรัฐบาล จะเห็นได้ว่ารัฐบาลชุดนี้เอาจริงเอาจังกับงานมากกว่าอย่างชัดเจน
** "พิชัย"ป้องกฟผ.ไม่ผิดปล่อยน้ำช้า
นายพิชัย นริพทะพันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวตอบกรณีที่ขณะนี้มีหลายฝ่ายโจมตีการปล่อยน้ำจากเขื่อนภูมิพล ว่า กฟผ.ออกมาชี้แจงแล้วว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง หากจำกันได้ก่อนเลือกตั้งจะเห็นว่าปริมาณน้ำในเขื่อนภูมิพลมีอยู่เกือบเต็มเขื่อน นอกจากนี้ในการปล่อยน้ำจะต้องผ่านคณะกรรมการพิจารณา 8-9 คนที่มีตัวแทนจากระทรวงเกษตรและสหกรณ์มากที่สุดจึงอยากขอให้ออกมาชี้แจงความจริง ซึ่งตนไม่อยากจะว่าใครเพียงแต่อยากให้ชี้แจงความจริง และไม่ได้มุ่งหวังจะให้เป็นประเด็นทางการเมือง
**กฟผ.ชี้สองเขื่อนไม่ใช่สาเหตุน้ำท่วม
ก่อนหน้านั้น การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) ได้ตอบข้อสงสัย 5 ข้อ ของกระแสสังคมบางส่วน ต่อการบริหารน้ำในเขื่อน โดยเฉพาะสองเขื่อนใหญ่“เขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์”ตอนหนึ่ง ระบุถึงการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาจะดำเนินการโดยคณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำ ที่มีอธิบดีกรมชลประทานเป็นประธาน และอีก 8 หน่วยงานร่วมเป็นกรรมการ ประกอบด้วย กรมอุตุนิยมวิทยา สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร กรมทรัพยากรน้ำ กรมอุทกศาสตร์ สำนักการระบายน้ำ กทม. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ(สำนักงาน กปร.) และ กฟผ. โดยคณะอนุกรรมการฯ จะติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิดและร่วมกันพิจารณาปริมาณน้ำที่เหมาะสมที่จะต้องระบายออกจากเขื่อนทุกสัปดาห์หรือทุกวัน ซึ่ง กฟผ.ก็ได้ปฏิบัติตามมติของคณะอนุกรรมการฯ มาโดยตลอด
นอกจากนี้แล้ว เขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ ยังช่วยเก็บกักน้ำปริมาณจำนวนมากไว้ในช่วงเดือน ส.ค.-ก.ย. เพื่อบรรเทาสภาวะน้ำท่วมในพื้นที่ภาคกลาง ซึ่งแม้ว่าจะมีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำทั้งสองเขื่อนมากถึง 10,940 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่มีการระบายน้ำออกรวมกันเพียง 4,915 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยได้เก็บกักน้ำไว้รวมทั้งสิ้น 6,025 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งหากปริมาณน้ำจำนวนนี้ไม่ได้ถูกเก็บกักไว้ในเขื่อนทั้งสอง จะส่งผลกระทบต่อภาวะน้ำท่วมในพื้นที่ภาคกลางมากขึ้น
อย่างไรก็ดี มวลน้ำที่ระบายออกจากเขื่อนทั้งสองจะใช้เวลาเดินทางมาถึงกรุงเทพฯ ประมาณ 2 สัปดาห์ จึงไม่ส่งผลต่อมวลน้ำก้อนใหญ่ที่โอบล้อมกรุงเทพฯอยู่ขณะนี้