00 ตอนแรกนึกว่าเป็นการพูดจาแก้ตัวปัดความรับผิดชอบแบบตัวบุคคลบางประเภทตามนิสัยดั้งเดิม เริ่มจากตอนที่น้ำเริ่มท่วมใหม่ๆ สถานการณ์ยังไม่บานปลายนัก “หัวโจกใหญ่” ทักษิณ ชินวัตร ที่วางแผนจะทำลายกองทัพ ก็เริ่มเดินเครื่องทันที ด้วยการกล่าวหาว่าเป็นตัวการทำลายประชาธิปไตย จากนั้น จตุพร พรหมพันธุ์ และหัวโจกคนอื่นๆ ที่ไปสุมหัวกันที่อิมพีเรียล ลาดพร้าว เมื่อสองสามสัปดาห์ก่อนก็ตามถล่มซ้ำหลังจากน้ำเริ่มทะลักขยายวงกว้างว่า “ทหารวางยา” รัฐบาลปู ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
00 จากนั้นเมื่อไม่อาจรับมือได้แล้ว พ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิง ไม่อาจบรรเทาปัญหาน้ำที่ทะลักเข้ามาทุกทิศทางแบบไร้การควบคุม และต่อมาเมื่อหมดท่า ถูกรุมด่าจากชาวบ้าน ไม่เว้นแม้แต่พวกเสื้อแดงที่สมาธิสั้น ไม่อดทนพอหลังจากที่ต้องจมน้ำ เดือดร้อนอยู่นานนับเดือน ก็มามุกใหม่ใช้ชุดความคิดใหม่นั่นคือ “โยนขี้” เอาดื้อๆ ว่า อำมาตย์-ทหาร-พวกเสียอำนาจ รวมหัวกันแกล้ง ปล่อยน้ำออกจากเขื่อนใหญ่มาแกล้งให้น้ำท่วม ความหมายก็คือ เขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ ซึ่งวิธีการแบบนี้กำลังพยายามขยายออกไปตามสื่อแดงมากขึ้นทุกวัน
00 วิธีการแบบนี้นอกจากทุเรศ น่าสะอิดสะเอียดจนสุดบรรยายแล้ว ยังถือว่าเป็นการตอกลิ่มทำลายชาติ ทำลายสถาฯบันอย่างไม่น่าให้อภัย ทั้งที่ความเสียหายเดือดร้อนที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นั้น เป็นเพราะความล้มเหลวของรัฐบาล และผู้นำล้วนๆ ขาดการบริหารจัดการล่วงหน้า เพื่อบรรเทาปัญหา เพราะน้ำมันไหลจากที่สูงลงที่ต่ำ อีกทั้งสามารถคำนวณปริมาณน้ำฝน ทั้งเหนือเขื่อน ใต้เขื่อน ได้ล่วงหน้านานกว่าสองสามเดือน และที่สำคัญทุกหน่วยงานล้วนอยู่ในกำมือของรัฐบาล สั่งซ้ายหันขวาหันได้อยู่แล้ว
00 ดังนั้นความเสียหายที่เกิดขึ้นรัฐบาลยิ่งลักษณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทักษิณ ชินวัตร ที่เป็นเจ้าของอยู่เบื้องหลังต้องรับผิดชอบ ก็ไหนบอกว่า “ทักษิณคิด-เพื่อไทยทำ-ยิ่งลักษณ์โคลนนิ่งไง” เมื่อห่วยแตก เละตุ้มเปะแบบนี้จะปัดความรับความรับผิดชอบกันหน้าด้านๆได้อย่างไร ถึงจะแก้ตัวอย่างไร พวกเสื้อแดงไม่น้อยอาจจะยังเชื่อถือกันต่อไปก็ไม่ว่ากัน เพราะอาจยังทำใจไม่ได้ ก็ให้รอพิสูจน์กันอีกนิด ลองกันสักตั้งก็ได้ ว่าหลังน้ำลดจะเจอสภาพอย่างไรกันบ้าง เพราะนี่แค่เริ่มต้น เตรียมรับชะตากรรมให้ดีก็แล้วกัน แต่สำหรับนักลงทุนเขาคงไม่โง่ หลงคารมห่วยๆ แบบนี้อีกต่อไป
00 ล่าสุดวานนี้ ( 3 พ.ย.) ฟังการแถลงของ ผอ.ศปภ. พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก บอกว่าไม่อาจรับประกันได้ว่ากรุงเทพฯ ชั้นในน้ำจะท่วมหรือไม่ และที่หดหู่ไปยิ่งกว่าก็คือ ไม่รู้ว่าน้ำจะไหลไปทิศทางไหนบ้าง ความหมายก็คือ ปล่อยไปตามยะถากรรม รอลุ้นอยู่ในบ้านก็แล้วกันว่าน้ำจะมาวันไหน ทุด ทุด ทุด!!
00 จากนั้นเมื่อไม่อาจรับมือได้แล้ว พ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิง ไม่อาจบรรเทาปัญหาน้ำที่ทะลักเข้ามาทุกทิศทางแบบไร้การควบคุม และต่อมาเมื่อหมดท่า ถูกรุมด่าจากชาวบ้าน ไม่เว้นแม้แต่พวกเสื้อแดงที่สมาธิสั้น ไม่อดทนพอหลังจากที่ต้องจมน้ำ เดือดร้อนอยู่นานนับเดือน ก็มามุกใหม่ใช้ชุดความคิดใหม่นั่นคือ “โยนขี้” เอาดื้อๆ ว่า อำมาตย์-ทหาร-พวกเสียอำนาจ รวมหัวกันแกล้ง ปล่อยน้ำออกจากเขื่อนใหญ่มาแกล้งให้น้ำท่วม ความหมายก็คือ เขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ ซึ่งวิธีการแบบนี้กำลังพยายามขยายออกไปตามสื่อแดงมากขึ้นทุกวัน
00 วิธีการแบบนี้นอกจากทุเรศ น่าสะอิดสะเอียดจนสุดบรรยายแล้ว ยังถือว่าเป็นการตอกลิ่มทำลายชาติ ทำลายสถาฯบันอย่างไม่น่าให้อภัย ทั้งที่ความเสียหายเดือดร้อนที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นั้น เป็นเพราะความล้มเหลวของรัฐบาล และผู้นำล้วนๆ ขาดการบริหารจัดการล่วงหน้า เพื่อบรรเทาปัญหา เพราะน้ำมันไหลจากที่สูงลงที่ต่ำ อีกทั้งสามารถคำนวณปริมาณน้ำฝน ทั้งเหนือเขื่อน ใต้เขื่อน ได้ล่วงหน้านานกว่าสองสามเดือน และที่สำคัญทุกหน่วยงานล้วนอยู่ในกำมือของรัฐบาล สั่งซ้ายหันขวาหันได้อยู่แล้ว
00 ดังนั้นความเสียหายที่เกิดขึ้นรัฐบาลยิ่งลักษณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทักษิณ ชินวัตร ที่เป็นเจ้าของอยู่เบื้องหลังต้องรับผิดชอบ ก็ไหนบอกว่า “ทักษิณคิด-เพื่อไทยทำ-ยิ่งลักษณ์โคลนนิ่งไง” เมื่อห่วยแตก เละตุ้มเปะแบบนี้จะปัดความรับความรับผิดชอบกันหน้าด้านๆได้อย่างไร ถึงจะแก้ตัวอย่างไร พวกเสื้อแดงไม่น้อยอาจจะยังเชื่อถือกันต่อไปก็ไม่ว่ากัน เพราะอาจยังทำใจไม่ได้ ก็ให้รอพิสูจน์กันอีกนิด ลองกันสักตั้งก็ได้ ว่าหลังน้ำลดจะเจอสภาพอย่างไรกันบ้าง เพราะนี่แค่เริ่มต้น เตรียมรับชะตากรรมให้ดีก็แล้วกัน แต่สำหรับนักลงทุนเขาคงไม่โง่ หลงคารมห่วยๆ แบบนี้อีกต่อไป
00 ล่าสุดวานนี้ ( 3 พ.ย.) ฟังการแถลงของ ผอ.ศปภ. พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก บอกว่าไม่อาจรับประกันได้ว่ากรุงเทพฯ ชั้นในน้ำจะท่วมหรือไม่ และที่หดหู่ไปยิ่งกว่าก็คือ ไม่รู้ว่าน้ำจะไหลไปทิศทางไหนบ้าง ความหมายก็คือ ปล่อยไปตามยะถากรรม รอลุ้นอยู่ในบ้านก็แล้วกันว่าน้ำจะมาวันไหน ทุด ทุด ทุด!!