ธาตุแท้นักเลือกตั้งชั้นสวะ หาเสียงบนความทุกข์ชาวบ้าน

ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ -วิกฤติน้ำท่วมครั้งนี้ ได้เปิดเผยให้เห็นถึงธาตุแท้ความฉ้อฉลอำมหิตเลือดเย็นของนักเลือกตั้งทุนสามานย์ออกมาอย่างล่อนจ้อน

เริ่มตั้งแต่เมื่อมีเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในภาคเหนือที่ จ.พิษณุโลก พิจิตร นครสวรรค์ เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา อันเนื่องมาจากปริมาณน้ำฝนซึ่งตกหนักเป็นประวัติการณ์ในรอบหลายสิบปี และรัฐบาลน่าจะคาดการณ์ล่วงหน้าได้ว่า จะเกิดปัญหาน้ำท่วมใหญ่ตามมาแน่นอน

แต่ รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยังแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปวันๆ ลงพื้นที่เยี่ยมผู้ประสบภัยแล้วแจกของ และกลับมาประชุมอนุมัติเงินชดเชย พร้อมกับประดิษฐ์ประดอยชุดคำพูด“บางระกำโมเดล”ขึ้นมา เพื่อที่จะบอกว่า นี่คือผลงานของรัฐบาล

ขณะเดียวกัน ส.ส.พรรคเพื่อไทยส่วนใหญ่ ก็ไม่ได้อินังขังขอบต่อความเดือดร้อนของชาวบ้านที่ทรัพย์สินจมอยู่ใต้น้ำและกำลังลอยคอเอาชีวิตรอด ส.ส.พวกนี้กลับพากันยกโขยงไปเตะฟุตบอลร่วมกับนายฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา และแสดงความพินอบพิเทาต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดีที่เดินทางไปกัมพูชาในช่วงนั้น

จนกระทั่งมวลน้ำก้อนใหญ่เคลื่อนลงมาถึงภาคกลางตอนล่าง และเข้าประชิดกรุงเทพฯ ในช่วงต้นเดือนตุลาคม รัฐบาลได้ตั้งศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย(ศปภ.)ขึ้นมารับมือ แต่ก็ไม่สามารถป้องกันได้ จนสร้างความเสียหายอย่างมหาศาล

นิคมอุตสาหกรรม 7 แห่ง ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงงานผลิตสินค้าป้อนทั่วโลกได้รับความเสียหาย คิดเป็นมูลค่าหลายแสนล้านบาท ประชาชนจำนวนมากต้องอพยพออกจากบ้านเรือนที่อยู่อาศัยเพราะถูกน้ำท่วม

รัฐบาลจำเป็นต้องออกมาตรการฟื้นฟูเยียวยาและเร่งดำเนินการช่วยเหลือบรรเทาทุกข์เฉพาะหน้าให้แก่ผู้ประสบภัย ทั้งด้วยงบประมาณของรัฐบาลเองและเปิดรับบริจาคจากประชาชนทั่วไป

นี่เองกลายเป็นโอกาสให้นักการเมืองเข้ามาแสวงหาประโยชน์เฉพาะหน้าให้ตัวเอง ไม่ได้ต้องการบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประสบภัยอย่างแท้จริง

นับตั้งแต่มีการเปิด ศปภ.รับบริจาคสิ่งของเพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม จึงปรากฏว่า มีชื่อของนักการเมือง ส.ส.หรือรัฐมนตรีจากพรรครัฐบาลติดอยู่บนสิ่งของบริจาค หรือบนรถขนของบริจาค ทั้งที่สิ่งของเหล่านั้นมาจากการบริจาคของประชาชนทั่วไป

ที่มีการแฉกันจะๆ ด้วยภาพจากวิดีโอคลิป ก็คือภาพการขนสิ่งของที่ประชาชนนำมาบริจาคที่ ศปภ.ขึ้นบรรทุกที่ติดป้ายข้อความว่า "บริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ด้วยรักและห่วงใย จาก พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร"

รวมถึงป้ายข้อความ “เราไม่เคยลืมกันด้วยความรักและห่วงใย จากครัวต่างแดน จากดูไบ” พร้อมภาพ พ.ต.ท.ทักษณ ชินวัตร ที่ปรากฏ ณ ศูนย์พักพิงผู้ประสบอุทกภัย อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ขณะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้เป็นน้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางไปเยี่ยมผู้ประสบภัยที่นั่น

นอกจากนี้ ก็ยังมีชื่อของ พ.ต.ท.ทักษิณ ปรากฏตามสิ่งของบรรเทาทุกข์ ไม่ว่าจะเป็นถุงข้าวสาร เรือพลาสติก และป้ายข้อความแสดงความห่วงใยจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ติดอยู่ตามพื้นที่น้ำท่วม รวมทั้งมีการเปิดจุดรับบริจาคสิ่งของด้วยชื่อของ พ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งที่เจ้าตัวไมได้มาเกี่ยวข้อง นอกจากใช้ชีวิตอย่างสุขสบายอยู่ที่ดูไบ

ขณะเดียวกัน การแจกจ่ายสิ่งของที่ได้รับบริจาคมานั้นก็ถูกควบคุมโดย ส.ส.พรรคเพื่อไทย สายคนเสื้อแดง ทำให้มีข่าวมาตลอดว่ามีการกั๊กของไว้ให้พวกเดียวกันเองไปแจกจ่ายเอาหน้า รวมทั้งเอาของจาก ศปภ.ไปรวมกับของบริจาคของคนเสื้อแดงที่ห้างอิมพีเรียล ลาดพร้าว จนแม้กระทั่ง ส.ส.พรรคเดียวกันเองที่ไม่ได้มาจากสายคนเสื้อแดงก็ยังไม่พอใจ เพราะได้รับของบริจาคน้อยกว่า ส.ส.สายคนเสื้อแดง

การฉวยโอกาสหาเสียงกับของบริจาคทำให้การแจกจ่ายสิ่งของบรรเทาทุกข์ไปถึงมือประชาชนผู้เดือดร้อนด้วยความล่าช้า เพราะต้องรอให้ ส.ส.ที่ทำตัวเป็นขาใหญ่เห็นชอบก่อน รวมทั้งต้องรอติดป้ายชื่อ ปัญหานี้ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทยก็ยอมรับ จนต้องเปลี่ยนคนดูแลการแจกจ่ายสิ่งของ จากนายการุณ โหสกุล ส.ส.เขตดอนเมือง พรรคเพื่อไทย เป็นผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรีแทน

นอกจากนี้ ยังมีลักษณะการทำงานที่แบ่งพวกแบ่งสี หวังที่จะให้คนเสื้อแดงโดดเด่นกว่าคนสีอื่น สิ่งของบรรเทาทุกข์บางอย่าง มีการติดข้อความชัดเจนว่า สำหรับคนเสื้อแดงเท่านั้น หรือผู้ประสบภัยในพื้นที่คนเสื้อแดงบางคนไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากคนสีอื่น

บุคคลภายนอกที่จะเข้าไปเป็นอาสาสมัครในภารกิจช่วยเหลือผู้ประสบภัย ก็มีข่าวว่า ต้องให้สวมเสื้อแดงเท่านั้น หรือหมู่บ้านที่ได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัย หากไม่ติดธงแดง ก็มักจะไม่ได้รับของบริจาคที่ขนไปโดยรถคนเสื้อแดง ซึ่งนายปรเมศวร์ มินศิริ เจ้าของเว็บไซต์กระปุกดอตคอม ในฐานะผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ www.thaiflood.com ให้ความเห็นว่า นี่เป็นการฉวยโอกาสในการสร้างความเข้มแข็งให้กับตำบลคนเสื้อแดง และเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้กลุ่ม Thaiflood ถอนตัวออกมาจากการ่วมงานกับ ศปภ. หลังจากพบปัญหาในการทำงานร่วมกับภาคประชาชนหลายอย่าง

ไม่เพียงเท่านั้น ในระดับการวางยุทธศาสตร์การผันน้ำ ก็มีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยมีความเดือดร้อนของประชาชนและความเสียหายของประเทศชาติเป็นเดิมพัน
เมื่อการระบายน้ำจากตอนเหนือของกรุงเทพมหานครลงสู่ทะเลเป็นไปด้วยความล่าช้า ก็มีการโยนความผิดกันไปมาระหว่างกรุงเทพมหานคร(กทม.)ที่มีผู้บริหารมาจากพรรคประชาธิปัตย์ กับรัฐบาล ที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ

ฝ่ายรัฐบาลอ้างว่า กทม.ไม่ยอมเปิดประตูรับน้ำเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะกลัวน้ำจะทะลักเข้ากรุงเทพฯ ด้านใน กระทบกับฐานเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ เป็นสาเหตุให้น้ำระบายลงทะเลล่าช้า

ฝ่าย กทม.ก็บอกว่า กรมชลประทานที่อยู่ภายใต้การสั่งการของรัฐบาล ไม่ยอมเปิดประตูระบายน้ำคลอง 8-12 เพื่อระบายน้ำไปทางฝั่งตะวันออกและระบายลงสู่ทะเลผ่านแม่น้ำบางปะกง เพราะกลัวว่าหากน้ำไหลท่วมไปทางตะวันออกก็จะกระทบกับฐานเสียงของพรรคเพื่อไทย

รวมทั้งมีข้อสังเกตว่า นายอุเทน ชาติภิญโญ ประธานคณะกรรมการผันน้ำลงทะเล ของ ศปภ. ก็เป็นคนของพรรคเพื่อไทย จึงไม่ยอมให้มีการระบายน้ำไปทางตะวันออก

ขณะเดียวกัน ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งโฆษกพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์ ก็ยังคงเล่นสงครามน้ำลาย แถลงข่าวโจมตี เกทับ บลั๊ฟแหลกกันไปมา โดยไม่สนใจว่ามวลน้ำมหาศาลกำลังจะถล่มเมืองศูนย์กลางประเทศ นี่สะท้อนว่า ระบบการเมืองน้ำเน่า ที่นักการเมืองเอาแต่จะหาคะแนนนิยมเฉพาะหน้านั้น ไม่อาจแก้ไขปัญหาใดๆ ให้แก่ประเทศชาติได้เลย มีแต่สร้างความพินาศย่อยยับเท่านั้น