ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.)ทำงานมาได้สองสัปดาห์กว่า คนส่วนใหญ่ไม่ให้ความเชื่อมั่นและมองว่าทำงานไม่เอาอ่าว
ศึกรับมืออุทกภัยก็หนักหนาสาหัสแล้ว ตอนนี้ ศปภ.ยังมาเจอกับข่าวเชิงลบอย่างต่อเนื่อง
นางสาว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีที่ยกระดับการทำงานแก้ปัญหาอุทกภัยของรัฐบาลให้มีอำนาจเต็มมือผ่านการใช้มาตรา 31 ของพรบ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ถ้ามองข้ามปัญหาการทำงานของศปภ.ที่เละเทะเลอะเทอะสุดๆ เชื่อว่าจะไม่สามารถแก้ปัญหาน้ำท่วมได้อย่างแน่นอน และทุกข์ก็จะตกอยู่กับประชาชนคนไทยทั้งหมด
กลุ่มองค์กรภายนอกจากภาคประชาสังคม ที่เข้าไปช่วยรัฐบาลรับมือปัญหาน้ำท่วมที่ศูนย์ศปภ. ดอนเมือง หลายกลุ่มออกมาเปิดเผยแล้วว่า มี “การเมือง”อยู่ในศปภ. อย่างที่ไม่สมควรเกิดขึ้นในภาวะเช่นนี้
กรณีนักวิชาการ รศ.ดร.ทวีวงศ์ ศรีบุรี กรรมการผู้อำนวยการศูนย์บริการวิชาการแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ออกมาเปิดเผยว่าทางศูนย์เดิมจะส่งคนไปช่วยงานที่ศปภ.แต่ได้รับแจ้งว่า ให้ใส่เสื้อสีแดงเข้ามา จึงต้องเรียกเด็กในศูนย์วิชาการกลับ เพราะรับไม่ได้ที่มีการแบ่งฝ่ายกันในช่วงที่ประเทศกำลังมีวิกฤต
ไม่น่าเชื่อว่า จะมีสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น หากเรื่องนี้ไม่จริง ศปภ.ก็ต้องปฏิเสธออกมา
การทำงานของศปภ.เริ่มมีปัญหาออกมาให้เห็นเรื่อยๆ อย่างกรณีกลุ่มthaiflood ที่เป็นกลุ่มองค์กรประชาชนซึ่งไปตั้งทีมเป็นอาสาสมัคร และส่งคนไปช่วยรัฐบาลอยู่ที่ศปภ.ดอนเมืองตั้งแต่ช่วงแรกที่มีการเปิดศูนย์
กลุ่มนี้ถือว่ามีบทบาทสำคัญไม่น้อยในการให้ข้อมูลข่าวสารกับประชาชนในเรื่องสถานการณ์น้ำท่วมแบบเรียลไทม์ และข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในด้านต่างๆ เพื่อรับมือกับภัยน้ำท่วมผ่านโลกไซเบอร์ ตลอดจนรับเรื่องร้องเรียนปัญหาต่างๆ จากผู้ประสบภัยน้ำท่วมทั่วประเทศ
ปรเมศ มินศิริ ผู้ก่อตั้งเว็บไซด์ www.thaiflood.com ออกมาบอกถึงสาเหตุที่ถอนตัวจากการทำงานร่วมกับศูนย์ศปภ.ที่ดอนเมือง มีสาเหตุมาจากถูกกีดกั้นด้านข้อมูล และ ศปภ.ไม่ยอมรับการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน ถึงขนาดโทรศัพท์มาขอเซ็นเซอร์ข้อมูลก่อนที่จะแถลงข่าว
“ปรเมศ”พูดตรงกับสิ่งที่คนส่วนใหญ่เห็นก็คือ ศปภ.มีปัญหาสำคัญในเรื่อง การบริหารจัดการที่ไม่เป็นเอกภาพ ไม่มีการแจ้งข้อมูลต่อประชาขนอย่างเป็นระบบ เพื่อรับมือกับสถานการณ์น้ำท่วมครั้งนี้ ทำให้กลุ่ม Thaiflood ต้องขอแยกตัวจาก ศปภ.
ที่น่าตกใจก็คือ กรณีที่กลุ่มนี้เปิดเผยออกมาว่า ของบริจาคที่คนส่วนใหญ่บริจาคเมื่อถูกลำเลียงออกไปแจกจ่ายประชาชน พบว่ามีการร้องเรียนมาจากประชาชนว่ามีการเลือกปฏิบัติ เช่นหากหมู่บ้านหรือชุมชนไหนมีการติดธงแดงหรือสัญลักษณ์สีแดงก็จะได้รับการแจกสิ่งของ แต่ชุมนุมไหนไม่ใช่เสื้อแดงก็ไม่ได้รับความช่วยเหลือ และการนำสิ่งของออกไปจากดอนเมืองจะต้องผ่านนักการเมืองในศปภ.ก่อน
ถ้าเรื่องนี้เป็นความจริง ถือเป็นเรื่องไม่สมควรจะเกิดขึ้นอย่างยิ่ง มัน “สองมาตรฐาน”หรือเปล่า ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และนักการเมืองเสื้อแดงในศปภ.ต้องตอบด้วย
อีกรายหนึ่ง เมื่อ 23 ตุลาคมที่ผ่านมา อัฏฐพร ชัยรัตน์ลี้ตระกูลอาจารย์ประจำคณะบริหารธุรกิจมหาวิทยาลัยรังสิต เข้าร้องเรียนต่อสื่อมวลชนที่ปักหลักทำข่าวที่ศปภ.ดอนเมืองว่า ศปภ.และรัฐบาลไม่นำเสนอข้อเท็จจริงในการป้องกันปัญหาน้ำท่วม พูดไม่พูดเปล่านำคลิปวิดีโอที่บริเวณช่องระบายน้ำประตูดำ เขตดอนเมือง เมื่อเวลา 13.00 น. ของวันที่ 23 ตุลาคมมาแสดงให้สื่อดูเพื่อให้เห็นว่ามีน้ำไหลบ่าจากคลองรังสิตอย่างรุนแรงโดยที่ประตูระบายน้ำเขตดอนเมืองอยู่ในสภาพชำรุดแต่ศปภ.ไม่แจ้งเตือนเรื่องนี้กับประชาชน เพื่อให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวรวมถึงคนกรุงเทพมหานครเตรียมรับมือ
สิ่งที่เกิดขึ้นกับนักวิชาการจากค่ายจุฬาฯ การออกมาเปิดเผยข้อมูลอีกด้านจากอาจารย์มหาวิทยาลัยรังสิต และการออกมาบอกความจริงให้สังคมรู้ของกลุ่ม thaifloodบางคนอาจคิดไปว่า มีอะไรอยู่เบื้องหลังหรือเปล่า เป็นเรื่องการเมืองกันภายในศปภ.หรือเปล่า ฟังความข้างเดียวหรือไม่ ?ก็เป็นสิทธิจะคิดได้
แต่สิ่งที่ดีที่สุด ทางศปภ.ก็ควรทำเรื่องนี้ให้เคลียร์สักหน่อย หรือคิดว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย คนไม่สนใจ เอาเวลาไปทุ่มกับการลุ้นไม่ให้กรุงเทพมหานครน้ำท่วมดีกว่า ถ้าคิดแบบนี้คงไม่เป็นผลดีกับศปภ.แน่นอน
เพราะมันกระทบกับภาพลักษณ์ของศปภ.ที่เป็นเสมือนกองบัญชาการสูงสุดของรัฐบาลในการสู้กับอุทกภัยครั้งนี้
อย่าลืมว่าสองสัปดาห์กว่า ข่าวเชิงบวก แทบไม่เคยมีสำหรับศปภ. แค่2-3 กรณีที่ยกมาข้างต้นยังไม่พอ ยังมีเรื่องฟังแล้วทุเรศยิ่งกว่าที่ว่ามา คือ
ความกร่างไม่เข้าที่เข้าทางของพวกแก๊งแดง
เสื้อแดงหลายคนไปทำกร่างถึงในศูนย์ศปภ. คงนึกว่าที่นี่เป็นสี่แยกราชประสงค์-สะพานผ่านฟ้าหรือโรงพยาบาลจุฬาฯที่เคยบุกไปค้นโรงพยาบาลยามวิกาล เข้าใจว่าคงเสพติดอำนาจขนานหนัก
กรณีของ แดงกร่างคับดอนเมือง ที่ผู้คนคงเห็นข่าวกันมาแล้ว แต่ขอตอกย้ำสั้นๆ กับเรื่องที่“เจ๋ง ดอกจิก”หรือ ยศวริศ ชูกล่อม ที่มีตำแหน่งทางการคือ ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย(ฐานิสร์ เทียนทอง-มท.3) ซึ่งก็มาปักหลักอยู่ที่ศปภ.ดอนเมืองเกือบทุกวัน เดินไปเดินมาทั้งภายในศูนย์ และจุดที่คนเสื้อแดงปักหลักรับบริจาคสิ่งของอยู่
“ไอ้เจ๋ง”ทำตัวไม่ธรรมดา เดินจากห้องนั้นไปห้องนี้ จากข้างบนไปข้างล่าง ต้องมีคนติดตาม เสริมบารมีตลอดอย่างน้อยก็สองคนประกบซ้ายขวา ไม่รู้ว่ากลัวจะไม่เป็นจุดสนใจหรือกลัวใครจะมาดักตีหัวถึงดอนเมือง เลยต้องมีคนคุ้มกันหนาแน่น แบบนี้
เรื่องที่เกิดก็เพราะ “ไอ้เจ๋ง” ไปแสดงท่าทีจะเอาของบริจาคคือเรือพายที่มีบริษัทเอกชนนำมาบริจาคให้ศปภ. ซึ่งต้องถือว่าเป็นของส่วนกลาง ขั้นตอนโดยทั่วไปเมื่อมีคนมาบริจาคแล้ว ทางศปภ.และหน่วยงานระดับปฏิบัติการในศปภ.ก็จะต้องดูว่าจะเอาไปทำอะไรหรือให้หน่วยงานไหนรับผิดชอบและจะให้ใครเป็นคนเอาของบริจาคไปแจกและจะแจกที่ไหน
แต่ “ไอ้เจ๋ง” กำลังจะพา ศปภ.เจ๊ง
กับความกร่างไม่เข้าเรื่องที่คิดจะเอาของบริจาคที่คนบริจาคเขาบริจาคให้ศปภ.ไม่ได้บอกว่าจะให้เจ๋ง ดอกจิกหรือกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เลย แต่ “ไอ้เจ๋ง” กลับคิดว่า นักการเมืองทำอะไรก็ได้ เลยจะเอาของบริจาคไปทำเลย ไม่ให้ส่วนกลางพิจารณาก่อน
แถมอวดดีพูดเสีย วิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หน่วยงานที่รับผิดชอบโดยฐานิสร์ ลูกพี่ของเจ๋ง ดอกจิก คงสะดุ้งโหยง ที่อดีตตลกจำอวดตามคาเฟ่และผู้ต้องหาเผาบ้านเผาเมืองมาบอกว่า เลขาฯมท.3 อย่างเจ๋ง ดอกจิก
กู ใหญ่กว่าอธิบดีโว้ย
เป็นคราวซวยของรัฐบาล-กระทรวงมหาดไทย-ศปภ.และลูกพี่ ฐานิสน์ จริงๆ ที่ได้ลูกน้องอย่างตลกลืมตีน มาช่วยงาน
คนโดนน้ำท่วมกำลังจะตาย แต่ศปภ.ทำงานไม่ได้เรื่อง ยิ่งทำคนยิ่งเห็น ปกปิดข้อมูลข้อเท็จจริงที่ประชาชนควรต้องรู้แต่เนิ่นๆ เพื่อเตรียมตัวเตรียมใจรับสภาพ แถมในศปภ.เองก็มีปัญหาภายใน ทำงานขัดแข้งขัดขากันหนัก อีกทั้งยังไม่ให้คนภายนอกเข้าไปช่วยงานเพื่อจะได้ฝ่าฟันปัญหาไปด้วยกัน และแบ่งเบาภาระภาครัฐ
ยิ่งมาเจอกรณี “ไอ้เจ๋ง ดอกจิก” ใหญ่กว่าอธิบดี จบกันเลย ศปภ.
ศึกรับมืออุทกภัยก็หนักหนาสาหัสแล้ว ตอนนี้ ศปภ.ยังมาเจอกับข่าวเชิงลบอย่างต่อเนื่อง
นางสาว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีที่ยกระดับการทำงานแก้ปัญหาอุทกภัยของรัฐบาลให้มีอำนาจเต็มมือผ่านการใช้มาตรา 31 ของพรบ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ถ้ามองข้ามปัญหาการทำงานของศปภ.ที่เละเทะเลอะเทอะสุดๆ เชื่อว่าจะไม่สามารถแก้ปัญหาน้ำท่วมได้อย่างแน่นอน และทุกข์ก็จะตกอยู่กับประชาชนคนไทยทั้งหมด
กลุ่มองค์กรภายนอกจากภาคประชาสังคม ที่เข้าไปช่วยรัฐบาลรับมือปัญหาน้ำท่วมที่ศูนย์ศปภ. ดอนเมือง หลายกลุ่มออกมาเปิดเผยแล้วว่า มี “การเมือง”อยู่ในศปภ. อย่างที่ไม่สมควรเกิดขึ้นในภาวะเช่นนี้
กรณีนักวิชาการ รศ.ดร.ทวีวงศ์ ศรีบุรี กรรมการผู้อำนวยการศูนย์บริการวิชาการแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ออกมาเปิดเผยว่าทางศูนย์เดิมจะส่งคนไปช่วยงานที่ศปภ.แต่ได้รับแจ้งว่า ให้ใส่เสื้อสีแดงเข้ามา จึงต้องเรียกเด็กในศูนย์วิชาการกลับ เพราะรับไม่ได้ที่มีการแบ่งฝ่ายกันในช่วงที่ประเทศกำลังมีวิกฤต
ไม่น่าเชื่อว่า จะมีสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น หากเรื่องนี้ไม่จริง ศปภ.ก็ต้องปฏิเสธออกมา
การทำงานของศปภ.เริ่มมีปัญหาออกมาให้เห็นเรื่อยๆ อย่างกรณีกลุ่มthaiflood ที่เป็นกลุ่มองค์กรประชาชนซึ่งไปตั้งทีมเป็นอาสาสมัคร และส่งคนไปช่วยรัฐบาลอยู่ที่ศปภ.ดอนเมืองตั้งแต่ช่วงแรกที่มีการเปิดศูนย์
กลุ่มนี้ถือว่ามีบทบาทสำคัญไม่น้อยในการให้ข้อมูลข่าวสารกับประชาชนในเรื่องสถานการณ์น้ำท่วมแบบเรียลไทม์ และข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในด้านต่างๆ เพื่อรับมือกับภัยน้ำท่วมผ่านโลกไซเบอร์ ตลอดจนรับเรื่องร้องเรียนปัญหาต่างๆ จากผู้ประสบภัยน้ำท่วมทั่วประเทศ
ปรเมศ มินศิริ ผู้ก่อตั้งเว็บไซด์ www.thaiflood.com ออกมาบอกถึงสาเหตุที่ถอนตัวจากการทำงานร่วมกับศูนย์ศปภ.ที่ดอนเมือง มีสาเหตุมาจากถูกกีดกั้นด้านข้อมูล และ ศปภ.ไม่ยอมรับการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน ถึงขนาดโทรศัพท์มาขอเซ็นเซอร์ข้อมูลก่อนที่จะแถลงข่าว
“ปรเมศ”พูดตรงกับสิ่งที่คนส่วนใหญ่เห็นก็คือ ศปภ.มีปัญหาสำคัญในเรื่อง การบริหารจัดการที่ไม่เป็นเอกภาพ ไม่มีการแจ้งข้อมูลต่อประชาขนอย่างเป็นระบบ เพื่อรับมือกับสถานการณ์น้ำท่วมครั้งนี้ ทำให้กลุ่ม Thaiflood ต้องขอแยกตัวจาก ศปภ.
ที่น่าตกใจก็คือ กรณีที่กลุ่มนี้เปิดเผยออกมาว่า ของบริจาคที่คนส่วนใหญ่บริจาคเมื่อถูกลำเลียงออกไปแจกจ่ายประชาชน พบว่ามีการร้องเรียนมาจากประชาชนว่ามีการเลือกปฏิบัติ เช่นหากหมู่บ้านหรือชุมชนไหนมีการติดธงแดงหรือสัญลักษณ์สีแดงก็จะได้รับการแจกสิ่งของ แต่ชุมนุมไหนไม่ใช่เสื้อแดงก็ไม่ได้รับความช่วยเหลือ และการนำสิ่งของออกไปจากดอนเมืองจะต้องผ่านนักการเมืองในศปภ.ก่อน
ถ้าเรื่องนี้เป็นความจริง ถือเป็นเรื่องไม่สมควรจะเกิดขึ้นอย่างยิ่ง มัน “สองมาตรฐาน”หรือเปล่า ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และนักการเมืองเสื้อแดงในศปภ.ต้องตอบด้วย
อีกรายหนึ่ง เมื่อ 23 ตุลาคมที่ผ่านมา อัฏฐพร ชัยรัตน์ลี้ตระกูลอาจารย์ประจำคณะบริหารธุรกิจมหาวิทยาลัยรังสิต เข้าร้องเรียนต่อสื่อมวลชนที่ปักหลักทำข่าวที่ศปภ.ดอนเมืองว่า ศปภ.และรัฐบาลไม่นำเสนอข้อเท็จจริงในการป้องกันปัญหาน้ำท่วม พูดไม่พูดเปล่านำคลิปวิดีโอที่บริเวณช่องระบายน้ำประตูดำ เขตดอนเมือง เมื่อเวลา 13.00 น. ของวันที่ 23 ตุลาคมมาแสดงให้สื่อดูเพื่อให้เห็นว่ามีน้ำไหลบ่าจากคลองรังสิตอย่างรุนแรงโดยที่ประตูระบายน้ำเขตดอนเมืองอยู่ในสภาพชำรุดแต่ศปภ.ไม่แจ้งเตือนเรื่องนี้กับประชาชน เพื่อให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวรวมถึงคนกรุงเทพมหานครเตรียมรับมือ
สิ่งที่เกิดขึ้นกับนักวิชาการจากค่ายจุฬาฯ การออกมาเปิดเผยข้อมูลอีกด้านจากอาจารย์มหาวิทยาลัยรังสิต และการออกมาบอกความจริงให้สังคมรู้ของกลุ่ม thaifloodบางคนอาจคิดไปว่า มีอะไรอยู่เบื้องหลังหรือเปล่า เป็นเรื่องการเมืองกันภายในศปภ.หรือเปล่า ฟังความข้างเดียวหรือไม่ ?ก็เป็นสิทธิจะคิดได้
แต่สิ่งที่ดีที่สุด ทางศปภ.ก็ควรทำเรื่องนี้ให้เคลียร์สักหน่อย หรือคิดว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย คนไม่สนใจ เอาเวลาไปทุ่มกับการลุ้นไม่ให้กรุงเทพมหานครน้ำท่วมดีกว่า ถ้าคิดแบบนี้คงไม่เป็นผลดีกับศปภ.แน่นอน
เพราะมันกระทบกับภาพลักษณ์ของศปภ.ที่เป็นเสมือนกองบัญชาการสูงสุดของรัฐบาลในการสู้กับอุทกภัยครั้งนี้
อย่าลืมว่าสองสัปดาห์กว่า ข่าวเชิงบวก แทบไม่เคยมีสำหรับศปภ. แค่2-3 กรณีที่ยกมาข้างต้นยังไม่พอ ยังมีเรื่องฟังแล้วทุเรศยิ่งกว่าที่ว่ามา คือ
ความกร่างไม่เข้าที่เข้าทางของพวกแก๊งแดง
เสื้อแดงหลายคนไปทำกร่างถึงในศูนย์ศปภ. คงนึกว่าที่นี่เป็นสี่แยกราชประสงค์-สะพานผ่านฟ้าหรือโรงพยาบาลจุฬาฯที่เคยบุกไปค้นโรงพยาบาลยามวิกาล เข้าใจว่าคงเสพติดอำนาจขนานหนัก
กรณีของ แดงกร่างคับดอนเมือง ที่ผู้คนคงเห็นข่าวกันมาแล้ว แต่ขอตอกย้ำสั้นๆ กับเรื่องที่“เจ๋ง ดอกจิก”หรือ ยศวริศ ชูกล่อม ที่มีตำแหน่งทางการคือ ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย(ฐานิสร์ เทียนทอง-มท.3) ซึ่งก็มาปักหลักอยู่ที่ศปภ.ดอนเมืองเกือบทุกวัน เดินไปเดินมาทั้งภายในศูนย์ และจุดที่คนเสื้อแดงปักหลักรับบริจาคสิ่งของอยู่
“ไอ้เจ๋ง”ทำตัวไม่ธรรมดา เดินจากห้องนั้นไปห้องนี้ จากข้างบนไปข้างล่าง ต้องมีคนติดตาม เสริมบารมีตลอดอย่างน้อยก็สองคนประกบซ้ายขวา ไม่รู้ว่ากลัวจะไม่เป็นจุดสนใจหรือกลัวใครจะมาดักตีหัวถึงดอนเมือง เลยต้องมีคนคุ้มกันหนาแน่น แบบนี้
เรื่องที่เกิดก็เพราะ “ไอ้เจ๋ง” ไปแสดงท่าทีจะเอาของบริจาคคือเรือพายที่มีบริษัทเอกชนนำมาบริจาคให้ศปภ. ซึ่งต้องถือว่าเป็นของส่วนกลาง ขั้นตอนโดยทั่วไปเมื่อมีคนมาบริจาคแล้ว ทางศปภ.และหน่วยงานระดับปฏิบัติการในศปภ.ก็จะต้องดูว่าจะเอาไปทำอะไรหรือให้หน่วยงานไหนรับผิดชอบและจะให้ใครเป็นคนเอาของบริจาคไปแจกและจะแจกที่ไหน
แต่ “ไอ้เจ๋ง” กำลังจะพา ศปภ.เจ๊ง
กับความกร่างไม่เข้าเรื่องที่คิดจะเอาของบริจาคที่คนบริจาคเขาบริจาคให้ศปภ.ไม่ได้บอกว่าจะให้เจ๋ง ดอกจิกหรือกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เลย แต่ “ไอ้เจ๋ง” กลับคิดว่า นักการเมืองทำอะไรก็ได้ เลยจะเอาของบริจาคไปทำเลย ไม่ให้ส่วนกลางพิจารณาก่อน
แถมอวดดีพูดเสีย วิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หน่วยงานที่รับผิดชอบโดยฐานิสร์ ลูกพี่ของเจ๋ง ดอกจิก คงสะดุ้งโหยง ที่อดีตตลกจำอวดตามคาเฟ่และผู้ต้องหาเผาบ้านเผาเมืองมาบอกว่า เลขาฯมท.3 อย่างเจ๋ง ดอกจิก
กู ใหญ่กว่าอธิบดีโว้ย
เป็นคราวซวยของรัฐบาล-กระทรวงมหาดไทย-ศปภ.และลูกพี่ ฐานิสน์ จริงๆ ที่ได้ลูกน้องอย่างตลกลืมตีน มาช่วยงาน
คนโดนน้ำท่วมกำลังจะตาย แต่ศปภ.ทำงานไม่ได้เรื่อง ยิ่งทำคนยิ่งเห็น ปกปิดข้อมูลข้อเท็จจริงที่ประชาชนควรต้องรู้แต่เนิ่นๆ เพื่อเตรียมตัวเตรียมใจรับสภาพ แถมในศปภ.เองก็มีปัญหาภายใน ทำงานขัดแข้งขัดขากันหนัก อีกทั้งยังไม่ให้คนภายนอกเข้าไปช่วยงานเพื่อจะได้ฝ่าฟันปัญหาไปด้วยกัน และแบ่งเบาภาระภาครัฐ
ยิ่งมาเจอกรณี “ไอ้เจ๋ง ดอกจิก” ใหญ่กว่าอธิบดี จบกันเลย ศปภ.