ศาลชั้นต้น จ.อุดรธานี สั่งจำคุก 22 นปช. คดีบุกรุกสถานที่ราชการ เผาอาคารเทศบาลนครอุดรธานี ทำให้ทรัพย์สินเสียหาย พิพากษาจำคุกจำเลยสูงสุด 22 ปี 6 เดือน และต่ำสุด ผิด พ.ร.ก. 6 เดือน พร้อมสั่งปรับจำเลยที่ 6 จำนวน 142 ล้านบาท ส่วนจำเลยอื่นๆ ก็มีการลดหลั่นกันไป
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 28 ตุลาคม ที่ห้องพิจารณาคดีที่ 7 ศาล จ.อุดรธานี นายสุมิตร ดวงสีดา และนายธีรโชติ ยอดไกรศรี ผู้พิพากษาศาล จ.อุดรธานี ได้ออกบัลลังค์อ่านคำพิพากษาศาลชั้นต้น คดี 22 ผู้ต้องหา ร่วมกับผู้ที่ยังหลบหนี ก่อคดีกระทำผิด พรก.บริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน , โฆษณาชักชวนให้กระทำผิดกฎหมาย , บุกรุกสถานที่ราชการโดยมีอาวุธ , ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน , วางเพลิงเผาสถานที่ราชการศาลากลาง จ.อุดรธานี เทศบาลนครอุดรธานี และทำให้เสียทรัพย์อันเป็นสาธารณประโยชน์ และร่วมกันพยายามเผาที่ว่าการ อ.เมืองอุดรธานี และจวนผู้ว่าราชการจังหวัด ตามคดีดำที่ 1154, 1155, 1221 และ 1374/2553 เหตุเกิดเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 โดยรวมเป็นคดีเดียวกัน
โดยจำเลยทั้ง 22 คน ที่ได้รับการประกันตัว ได้ทยอยเดินทางมาฟังคำพิพากษาตามนัด ประกอบด้วย จำเลยที่ 1 นายวิทยา ชาวเวียง 2.นางปฐมาวดี วินิจจามร 3.นายประชา โพนหลวง 4.นายสมใจ เหล็กแสน 5.นายธนพล มาดีประเสริฐ 6.นายอาทิตย์ ทองสาย 7.นายวันชัย รักสงวนศิลป์ 8.นายกิตติพงษ์ ชัยกัง 9.นายสมศรี ไกลพล 10.นายนิมิต ด้านซอม 11.นายอุดร หลาบยองศรี 12.นายแสงทอง ประจำเมือง 13.นายสมจิตร อารีย์ 14.นายคำพอง ทัศศรี 15.นายเหมือนทอง สมบุญมี 16.นายมงคล ชมคุณ 17.นางแสงเดือน สุภาพล 18.นางรัศมี ทองสีดำ 19.นางปาริชาติ จวงจันทร์ 20.นายเดชา คมขำ 21.นางบัวเรียน แพงสา 22. นายอาทิตย์ ทรงเดช โดยทั้งหมดมีสีหน้าไม่ค่อยดีนัก
โดยมี นางขนิษฐา รัฐกาญจน์ ทนายความ นปช.จาก สนง.นวรัฐกาญจน์ กทม. นายชัชวาลย์ ลือคำหาญ ทนายความผู้ประสานงาน นำจำเลยเข้ารับฟังคำพิพากษา ขณะที่ พ.ต.ท.สุรทิน พิมานเมฆินทร์ ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย เป็น ส.ส.คนเดียวเดินทางมาให้กำลังใจตั้งแต่เช้า ร่วมกับญาติพี่น้องมาให้กำลังใจราว 100 คน ท่ามกลางการดูแลความปลอดภัย ด้วยกำลังตำรวจ สภ.เมืองอุดรธานี , ตชด.24 และสารวัตทหาร มีการตรวจอาวุธทุกคนที่เข้าในบริเวณ และอนุญาตเฉพาะคู่ความ เข้าไปในอาคารศาล ส่วนบุคคลอื่นจัดเต้นและเก้าอี้ไว้ที่สนามหน้า พร้อมถ่ายทอดทีวีวงปิด จากห้องพิจารณาคดีออกมา 2 เครื่อง ซึ่งวันนี้ไม่มีนายขวัญชัย สาราคำ หรือ ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร เดินทางมาร่วมรับฟัง เนื่องจากเดินทางไป จ.เชียงใหม่
ผู้พิพากษาศาลจังหวัดอุดรธานี ใช้เวลาในการอ่านคำพิพากษารวม 3 ชั่วโมงเต็ม โดยคดีวางเพลิงสถานที่ราชการ ความเสียหาย 203 ล้านบาท พิพากษามีความผิด 5 คน แต่ไม่ใช่ตัวการสำคัญ ประกอบด้วย นายอาทิตย์ สายทอง ผิด พรก.ฉุกเฉิน , วางเพลิงเทศบาลนครอุดรธานี และบุกรุกศาลากลาง จ.อุดรธานี จำคุก 22 ปี 6 เดือน , นายวันชัย รักสงวนศิลป์ ผิด พรก.ฉุกเฉิน , วางเพลิงศาลากลาง จ.อุดรธานี จำคุก 20 ปี 6 เดือน , นายกิตติพงษ์ ชัยกัง เป็นผู้เยาว์ ผิด พรก.ฉุกเฉิน , วางเพลิงศาลากลาง จ.อุดรธานี วางเพลิงเ?สบาลนครอุดรธานี จำคุก 11 ปี 3 เดือน , นายเดชา คมขำ และนายบัวเรียน แพงสา ผิด พรก.ฉุกเฉิน , วางเพลิงเทศบาลนครอุดรธานี จำคุก 20 ปี 6 เดือน
คดีบุกรุกสถานที่ราชการ ทำให้ทรัพย์สินเสียหาย พิพากษามีความผิด 4 ราย ประกอบด้วย นายประชา โพนหลวง ผิด พรก.ฉุกเฉิน , บุกรุกศาลากลาง และเทศบาลนครอุดรธานี ทำให้ทรัพย์สินเสียหาย จำคุก 4 ปี 6 เดือน , นายสมใจ เหล็กแสน ผิด พรก.ฉุกเฉิน , บุกรุกศาลากลาง ทำให้ทรัพย์สินเสียหาย จำคุก 2 ปี 6 เดือน , นายนิมิต ด้านซอม ผิด พรก.ฉุกเฉิน , บุกรุกศาลากลาง ทำให้ทรัพย์สินเสียหาย จำคุก 2 ปี 6 เดือน และ นายอาทิตย์ ทรงเดช ผิด พรก.ฉุกเฉิน , บุกรุกที่ว่าการอำเภอเมือง ทำให้ทรัพย์สินเสียหาย จำคุก 2 ปี 6 เดือน
และพิพากษาให้นายอาทิตย์ สายทอง , นายเดชา คมขำ และนายบัวเรียน แพงสา ร่วมกันชดเชยค่าเสียหาย 142 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5, ให้นายวันชัย รักสงวนศิลป์ ร่วมกับนายกิตติพงษ์ ชัยกัง ชดใช้ค่าเสียหาย 57.7 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5, ให้นายประชา โพนหลวงผิด , นายสมใจ เหล็กแสน , นายนิมิต ด้านซอม และนายอาทิตย์ ทรงเดช ชดใช้ความเสียหายคนละ 20,000 บาท
ส่วนจำเลยที่เหลืออีก 13 คน พิพากษามีความผิด ตาม พรก.บริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน จำคุก 1 ปี รับสารภาพเหลือจำคุกคนละ 6 เดือน โฆษณาชักชวนให้กระทำผิดกฎหมาย , บุกรุกสถานที่ราชการโดยมีอาวุธ , ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน , วางเพลิงเผาสถานที่ราชการศาลากลาง จ.อุดรธานี เทศบาลนครอุดรธานี และทำให้เสียทรัพย์อันเป็นสาธารณประโยชน์ และ ร่วมกันพยายามเผาที่ว่าการ อ.เมืองอุดรธานี และจวนผู้ว่าราชการจังหวัด ศาลให้ยกฟ้อง ศาลเห็นว่าทั้งหมดถูกขังมาพอแก่โทษแล้วให้ปล่อยตัว
หลังจากอ่านคำพิพากษาเสร็จสิน จำเลยทั้ง 13 คน ได้เดินออกมาจากศาล จ.อุดรธานี ท่ามกลางการแสดงความยินดีของญาติที่รอให้กำลังใจ ขณะที่ญาติพี่น้องของจำเลย 9 คน ที่ถูกตัดสินลงโทษ เจ้าหน้าที่ของศาลฯ นำตัวไปควบคุมไว้ รอการส่งตัวเข้าเรือนจำกลาง จ.อุดรธานี โดยเฉพาะญาติของผู้ต้องคำพิพากษาจำคุก10-20 ปี ต่างร้องไห้ด้วยความเสียใจ ญาติที่ไม่ร้องไห้ก็เข้ามาปลอบ
นางขนิษฐา รัฐกาญจน์ ทนายความ เปิดเผยว่า มีความพอใจกับผลการตัดสินในระดับหนึ่ง เพราะทั้ง 22 คน ถูกกล่าวหาว่าวางเพลิงสถานที่ราชการ ซึ่งถือว่ามีโทษหนักมาก และการต่อสู้คดีเราถูกตัดสินวางเพลิงเพียง 5 คน อีก 4 คน ก็เป็นโทษไม่ร้ายแรง ซึ่งทั้งหมดก็จะยื่นอุทธรณ์แน่นอน โดยที่ผ่านมาเราสืบพยานเยอะไว้มาก เรามีช่องทางที่จะต่อสู้อยู่พอสมควร ซึ่งถ้าไม่พ้นผิดไปเลย โทษจะลดหย่อนลงมากว่านี้ ถ้าถามว่ามั่นใจหรือไม่ ทนายความทุกคนก็ต้องตอบว่ามั่นใจ
พ.ต.ท.สุรทิน พิมานเมฆินทร์ ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ตนเป็นตัวแทนของ 10 ส.ส.อุดรธานี ที่ใช้ตำแหน่ง ส.ส.ประกันตัวจำเลยออกมาก่อนหน้านี้ มาทำหน้าที่ให้กำลังใจทุกคน เมื่อมีคำพิพากษาออกมาเช่นนี้ จะรีบแจ้งให้ ส.ส.อุดรธานี เดินทางมาใช้ตำแหน่ง ส.ส.ประกันตัวทุกคนออกมา ระหว่างที่ทนายความยื่นอุทธรณ์.
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 28 ตุลาคม ที่ห้องพิจารณาคดีที่ 7 ศาล จ.อุดรธานี นายสุมิตร ดวงสีดา และนายธีรโชติ ยอดไกรศรี ผู้พิพากษาศาล จ.อุดรธานี ได้ออกบัลลังค์อ่านคำพิพากษาศาลชั้นต้น คดี 22 ผู้ต้องหา ร่วมกับผู้ที่ยังหลบหนี ก่อคดีกระทำผิด พรก.บริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน , โฆษณาชักชวนให้กระทำผิดกฎหมาย , บุกรุกสถานที่ราชการโดยมีอาวุธ , ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน , วางเพลิงเผาสถานที่ราชการศาลากลาง จ.อุดรธานี เทศบาลนครอุดรธานี และทำให้เสียทรัพย์อันเป็นสาธารณประโยชน์ และร่วมกันพยายามเผาที่ว่าการ อ.เมืองอุดรธานี และจวนผู้ว่าราชการจังหวัด ตามคดีดำที่ 1154, 1155, 1221 และ 1374/2553 เหตุเกิดเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 โดยรวมเป็นคดีเดียวกัน
โดยจำเลยทั้ง 22 คน ที่ได้รับการประกันตัว ได้ทยอยเดินทางมาฟังคำพิพากษาตามนัด ประกอบด้วย จำเลยที่ 1 นายวิทยา ชาวเวียง 2.นางปฐมาวดี วินิจจามร 3.นายประชา โพนหลวง 4.นายสมใจ เหล็กแสน 5.นายธนพล มาดีประเสริฐ 6.นายอาทิตย์ ทองสาย 7.นายวันชัย รักสงวนศิลป์ 8.นายกิตติพงษ์ ชัยกัง 9.นายสมศรี ไกลพล 10.นายนิมิต ด้านซอม 11.นายอุดร หลาบยองศรี 12.นายแสงทอง ประจำเมือง 13.นายสมจิตร อารีย์ 14.นายคำพอง ทัศศรี 15.นายเหมือนทอง สมบุญมี 16.นายมงคล ชมคุณ 17.นางแสงเดือน สุภาพล 18.นางรัศมี ทองสีดำ 19.นางปาริชาติ จวงจันทร์ 20.นายเดชา คมขำ 21.นางบัวเรียน แพงสา 22. นายอาทิตย์ ทรงเดช โดยทั้งหมดมีสีหน้าไม่ค่อยดีนัก
โดยมี นางขนิษฐา รัฐกาญจน์ ทนายความ นปช.จาก สนง.นวรัฐกาญจน์ กทม. นายชัชวาลย์ ลือคำหาญ ทนายความผู้ประสานงาน นำจำเลยเข้ารับฟังคำพิพากษา ขณะที่ พ.ต.ท.สุรทิน พิมานเมฆินทร์ ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย เป็น ส.ส.คนเดียวเดินทางมาให้กำลังใจตั้งแต่เช้า ร่วมกับญาติพี่น้องมาให้กำลังใจราว 100 คน ท่ามกลางการดูแลความปลอดภัย ด้วยกำลังตำรวจ สภ.เมืองอุดรธานี , ตชด.24 และสารวัตทหาร มีการตรวจอาวุธทุกคนที่เข้าในบริเวณ และอนุญาตเฉพาะคู่ความ เข้าไปในอาคารศาล ส่วนบุคคลอื่นจัดเต้นและเก้าอี้ไว้ที่สนามหน้า พร้อมถ่ายทอดทีวีวงปิด จากห้องพิจารณาคดีออกมา 2 เครื่อง ซึ่งวันนี้ไม่มีนายขวัญชัย สาราคำ หรือ ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร เดินทางมาร่วมรับฟัง เนื่องจากเดินทางไป จ.เชียงใหม่
ผู้พิพากษาศาลจังหวัดอุดรธานี ใช้เวลาในการอ่านคำพิพากษารวม 3 ชั่วโมงเต็ม โดยคดีวางเพลิงสถานที่ราชการ ความเสียหาย 203 ล้านบาท พิพากษามีความผิด 5 คน แต่ไม่ใช่ตัวการสำคัญ ประกอบด้วย นายอาทิตย์ สายทอง ผิด พรก.ฉุกเฉิน , วางเพลิงเทศบาลนครอุดรธานี และบุกรุกศาลากลาง จ.อุดรธานี จำคุก 22 ปี 6 เดือน , นายวันชัย รักสงวนศิลป์ ผิด พรก.ฉุกเฉิน , วางเพลิงศาลากลาง จ.อุดรธานี จำคุก 20 ปี 6 เดือน , นายกิตติพงษ์ ชัยกัง เป็นผู้เยาว์ ผิด พรก.ฉุกเฉิน , วางเพลิงศาลากลาง จ.อุดรธานี วางเพลิงเ?สบาลนครอุดรธานี จำคุก 11 ปี 3 เดือน , นายเดชา คมขำ และนายบัวเรียน แพงสา ผิด พรก.ฉุกเฉิน , วางเพลิงเทศบาลนครอุดรธานี จำคุก 20 ปี 6 เดือน
คดีบุกรุกสถานที่ราชการ ทำให้ทรัพย์สินเสียหาย พิพากษามีความผิด 4 ราย ประกอบด้วย นายประชา โพนหลวง ผิด พรก.ฉุกเฉิน , บุกรุกศาลากลาง และเทศบาลนครอุดรธานี ทำให้ทรัพย์สินเสียหาย จำคุก 4 ปี 6 เดือน , นายสมใจ เหล็กแสน ผิด พรก.ฉุกเฉิน , บุกรุกศาลากลาง ทำให้ทรัพย์สินเสียหาย จำคุก 2 ปี 6 เดือน , นายนิมิต ด้านซอม ผิด พรก.ฉุกเฉิน , บุกรุกศาลากลาง ทำให้ทรัพย์สินเสียหาย จำคุก 2 ปี 6 เดือน และ นายอาทิตย์ ทรงเดช ผิด พรก.ฉุกเฉิน , บุกรุกที่ว่าการอำเภอเมือง ทำให้ทรัพย์สินเสียหาย จำคุก 2 ปี 6 เดือน
และพิพากษาให้นายอาทิตย์ สายทอง , นายเดชา คมขำ และนายบัวเรียน แพงสา ร่วมกันชดเชยค่าเสียหาย 142 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5, ให้นายวันชัย รักสงวนศิลป์ ร่วมกับนายกิตติพงษ์ ชัยกัง ชดใช้ค่าเสียหาย 57.7 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5, ให้นายประชา โพนหลวงผิด , นายสมใจ เหล็กแสน , นายนิมิต ด้านซอม และนายอาทิตย์ ทรงเดช ชดใช้ความเสียหายคนละ 20,000 บาท
ส่วนจำเลยที่เหลืออีก 13 คน พิพากษามีความผิด ตาม พรก.บริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน จำคุก 1 ปี รับสารภาพเหลือจำคุกคนละ 6 เดือน โฆษณาชักชวนให้กระทำผิดกฎหมาย , บุกรุกสถานที่ราชการโดยมีอาวุธ , ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน , วางเพลิงเผาสถานที่ราชการศาลากลาง จ.อุดรธานี เทศบาลนครอุดรธานี และทำให้เสียทรัพย์อันเป็นสาธารณประโยชน์ และ ร่วมกันพยายามเผาที่ว่าการ อ.เมืองอุดรธานี และจวนผู้ว่าราชการจังหวัด ศาลให้ยกฟ้อง ศาลเห็นว่าทั้งหมดถูกขังมาพอแก่โทษแล้วให้ปล่อยตัว
หลังจากอ่านคำพิพากษาเสร็จสิน จำเลยทั้ง 13 คน ได้เดินออกมาจากศาล จ.อุดรธานี ท่ามกลางการแสดงความยินดีของญาติที่รอให้กำลังใจ ขณะที่ญาติพี่น้องของจำเลย 9 คน ที่ถูกตัดสินลงโทษ เจ้าหน้าที่ของศาลฯ นำตัวไปควบคุมไว้ รอการส่งตัวเข้าเรือนจำกลาง จ.อุดรธานี โดยเฉพาะญาติของผู้ต้องคำพิพากษาจำคุก10-20 ปี ต่างร้องไห้ด้วยความเสียใจ ญาติที่ไม่ร้องไห้ก็เข้ามาปลอบ
นางขนิษฐา รัฐกาญจน์ ทนายความ เปิดเผยว่า มีความพอใจกับผลการตัดสินในระดับหนึ่ง เพราะทั้ง 22 คน ถูกกล่าวหาว่าวางเพลิงสถานที่ราชการ ซึ่งถือว่ามีโทษหนักมาก และการต่อสู้คดีเราถูกตัดสินวางเพลิงเพียง 5 คน อีก 4 คน ก็เป็นโทษไม่ร้ายแรง ซึ่งทั้งหมดก็จะยื่นอุทธรณ์แน่นอน โดยที่ผ่านมาเราสืบพยานเยอะไว้มาก เรามีช่องทางที่จะต่อสู้อยู่พอสมควร ซึ่งถ้าไม่พ้นผิดไปเลย โทษจะลดหย่อนลงมากว่านี้ ถ้าถามว่ามั่นใจหรือไม่ ทนายความทุกคนก็ต้องตอบว่ามั่นใจ
พ.ต.ท.สุรทิน พิมานเมฆินทร์ ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ตนเป็นตัวแทนของ 10 ส.ส.อุดรธานี ที่ใช้ตำแหน่ง ส.ส.ประกันตัวจำเลยออกมาก่อนหน้านี้ มาทำหน้าที่ให้กำลังใจทุกคน เมื่อมีคำพิพากษาออกมาเช่นนี้ จะรีบแจ้งให้ ส.ส.อุดรธานี เดินทางมาใช้ตำแหน่ง ส.ส.ประกันตัวทุกคนออกมา ระหว่างที่ทนายความยื่นอุทธรณ์.