ASTVผู้จัดการรายวัน - เผยไข่ “ปู” ล่าสุดทะลุแผงละ 200 หรือฟองละ 7 บาท ทำสถิติสูงสุดทุกรัฐบาล “กิตติรัตน์” บอกไข่แพงอย่าไปซื้อ ไปกินอย่างอื่นแทน พร้อมยันสินค้าอุปโภคบริโภคยังมีเพียงพอ เตรียมเปิดศูนย์กระจายสินค้าที่ชลบุรีเพิ่ม ช่วยกระจายสินค้า “ยรรยง” ประสานผู้ผลิตรายย่อยเร่งผลิตน้ำดื่มป้อนตลาด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัญหาน้ำท่วมที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ ส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าเครื่องอุปโภคบริโภคเกือบทุกชนิด โดยเฉพาะไข่ไก่ที่ปรับราคาสูงขึ้นทุกขนาด โดยเฉพาะไข่ไก่เบอร์ 2 ซึ่งเป็นไข่ที่ประชาชนส่วนใหญ่นิยมซื้อไปรับประทาน ที่ปรับราคาจากปกติ 110-115 บาท เป็นแผงละ 180-200 บาท หรือขายปลีกฟองละ 6-7 บาท ซึ่งมีราคาสูงกว่าทุกๆ รัฐบาลที่ผ่านมา
นางนงค์พงา โกชะดา เจ้าของร้านจำหน่ายไข่ไก่ของบริษัท ยู่สูง ในตลาดอำเภอศรีราชา จ.ชลบุรี กล่าวว่า ขณะนี้ไข่ไก่ มีการกำหนดการซื้อขาย โดยลูกค้าประจำจะจำหน่ายให้ทันทีตามที่ออร์เดอร์ไว้ทุกวัน แต่หากลูกค้าทั่วไปจะขายให้คนละไม่เกิน 3 แพง เนื่องจากขณะนี้จำนวนไข่ไก่ที่ส่งมาให้ลดจำนวนลง เนื่องจากฟาร์มไก่ไข่บางแห่งถูกน้ำท่วมไก่ไข่ที่เลี้ยงไว้ก็ถูกน้ำท่วมตายเป็นจำนวนมาก ทำให้ปริมาณไข่ไก่ออกสู่ท้องตลาดน้อยลง จึงไม่เพียงพอกับความต้องการของผู้บริโภค ทำให้ราคาไข่ไก่ปรับตัวสูงขึ้นมากเกือบเท่าตัว
ปัจจุบันราคาไข่ไก่ ร้านขายส่ง เบอร์ 0 แผงละ 111 บาท ,เบอร์1 แผงละ 108 บาท ,เบอร์ 2 แผงละ 105 บาท ,เบอร์ 3 แผงละ 102 บาท ,เบอร์ 4 แผงละ 99 บาท ,เบอร์ 5 แผงละ 84 บาท และ เบอร์ 6 แผงละ 69 บาท ซึ่งที่ร้านจำหน่ายราคาที่ถูกกว่าร้านอื่นๆ เนื่องจากเป็นไข่ที่ส่งมาจากบริษัท แต่ตามร้านขายของชำทั่วไปบางร้านก็ไม่จำหน่าย ส่วนบางที่สามารถเข้าแถวรอซื้อ ก็จะมีการการปรับราคาสูงขึ้น
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยหลังประชุมกับผู้ประกอบการผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคว่า ยอมรับว่าปัญหาไข่ไก่ราคาแพงและขาดแคลนแก้ไขได้ยาก เพราะตอนนี้น้ำท่วมกระทบต่อฟาร์มเลี้ยงไก่ไข่ ทำให้แม่ไก่ตายไปจำนวนมาก จึงเป็นเรื่องที่แก้ไขไม่ได้จนกว่าจะเลี้ยงแม่ไก่รุ่นใหม่ออกมา ส่วนมาตรการการอนุญาตนำเข้าไข่ไก่จากต่างประเทศ ซึ่งจะมีราคาสูงกว่าไข่ไก่ที่ผลิตในประเทศอยู่แล้วเพราะมีต้นทุนการขนส่ง และการผลิตที่แพงกว่าในประเทศไทย
“ช่วงนี้หากสินค้าไข่ไก่ที่มีราคาสูงขึ้นมากถึงฟองละ 8 บาท ประชาชนก็อย่าไปซื้อ ไปหาสินค้าอย่างอื่นแทน” นายกิตติรัตน์กล่าว
อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการยืนยันว่าปริมาณสินค้าอุปโภคบริโภคสำคัญยังมีเพียงพอ ทั้งน้ำดื่ม ผลิตภัณฑ์นม เนื้อหมู เนื้อไก่ เพราะยังมีแหล่งผลิตในส่วนของภูมิภาคอื่นที่ไม่ได้ความเสียหายจากอุทกภัย สามารถเร่งรัดขนย้ายมาในส่วนกลางเพื่อทดแทนได้ และได้ยืนยันที่จะตรึงราคาจำหน่ายเท่าเดิมต่อไป โดยเฉพาะเนื้อหมูที่ขณะนี้กำลังประสบปัญหาราคาตกต่ำเหลือ กก.ละ 120 บาท ดังนั้นหากราคาสินค้าอื่นแพงก็สามารถบริโภคเนื้อหมูแทนได้
นอกจากนี้ ได้ตั้งศูนย์กระจายสินค้าแห่งใหม่ขึ้นมาแทนศูนย์กระจายสินค้า (ดีซี) ที่ดอนเมืองที่ถูกน้ำท่วม โดยได้เตรียมความพร้อมจะตั้งดีซี.แห่งใหม่ที่จ.ชลบุรี คาดว่าจะเริ่มกระจายสินค้าไปยังพื้นที่ประสบอุทกภัยได้ภายในวันที่ 31 ต.ค.
นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กำลังพิจารณาเพิ่มศูนย์กระจายสินค้า 2 แห่งที่ ชลบุรี คือ บ่อวิน และสัตหีบ ส่วนภาคกลางตอนบนตั้งที่พิษณุโลก และภาคอีสานที่นครราชสีมา เพื่อช่วยกระจายสินค้าให้กับภาคเอกชนเพิ่มเติมจากของเดิมที่ดอนเมือง
ส่วนการแก้ปัญหาน้ำดื่มคาดว่าจะคลี่คลายภายใน 1-2 วันนี้ เพราะได้เร่งแก้ไขหลายแนวทางประกอบกัน ตั้งแต่ประสานไปยังผู้ประกอบการน้ำดื่มขนาดเล็กทั่วประเทศกว่า 1 พันราย ให้เร่งเพิ่มกำลังการผลิตทดแทน โรงงานขนาดใหญ่ที่ถูกน้ำท่วม และยังจะติดตั้งเครื่องผลิตน้ำดื่มที่ได้รับบริจาคจากประเทศจีน 150 ตู้ช่วยผลิตเพิ่มตามแหล่งชุมชน ควบคู่กับเพิ่มตู้หยอดเหรียญน้ำดื่มอีก 7,500-10,000 ตู้ ให้ประชาชนใช้บริการซื้อน้ำได้เพิ่มขึ้น ส่วนในศูนย์การค้า ก็จะมีการนำเข้าน้ำดื่มเข้ามาจากต่างประเทศเข้ามาขายเพิ่มเติมอีกทางหนึ่งด้วย.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัญหาน้ำท่วมที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ ส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าเครื่องอุปโภคบริโภคเกือบทุกชนิด โดยเฉพาะไข่ไก่ที่ปรับราคาสูงขึ้นทุกขนาด โดยเฉพาะไข่ไก่เบอร์ 2 ซึ่งเป็นไข่ที่ประชาชนส่วนใหญ่นิยมซื้อไปรับประทาน ที่ปรับราคาจากปกติ 110-115 บาท เป็นแผงละ 180-200 บาท หรือขายปลีกฟองละ 6-7 บาท ซึ่งมีราคาสูงกว่าทุกๆ รัฐบาลที่ผ่านมา
นางนงค์พงา โกชะดา เจ้าของร้านจำหน่ายไข่ไก่ของบริษัท ยู่สูง ในตลาดอำเภอศรีราชา จ.ชลบุรี กล่าวว่า ขณะนี้ไข่ไก่ มีการกำหนดการซื้อขาย โดยลูกค้าประจำจะจำหน่ายให้ทันทีตามที่ออร์เดอร์ไว้ทุกวัน แต่หากลูกค้าทั่วไปจะขายให้คนละไม่เกิน 3 แพง เนื่องจากขณะนี้จำนวนไข่ไก่ที่ส่งมาให้ลดจำนวนลง เนื่องจากฟาร์มไก่ไข่บางแห่งถูกน้ำท่วมไก่ไข่ที่เลี้ยงไว้ก็ถูกน้ำท่วมตายเป็นจำนวนมาก ทำให้ปริมาณไข่ไก่ออกสู่ท้องตลาดน้อยลง จึงไม่เพียงพอกับความต้องการของผู้บริโภค ทำให้ราคาไข่ไก่ปรับตัวสูงขึ้นมากเกือบเท่าตัว
ปัจจุบันราคาไข่ไก่ ร้านขายส่ง เบอร์ 0 แผงละ 111 บาท ,เบอร์1 แผงละ 108 บาท ,เบอร์ 2 แผงละ 105 บาท ,เบอร์ 3 แผงละ 102 บาท ,เบอร์ 4 แผงละ 99 บาท ,เบอร์ 5 แผงละ 84 บาท และ เบอร์ 6 แผงละ 69 บาท ซึ่งที่ร้านจำหน่ายราคาที่ถูกกว่าร้านอื่นๆ เนื่องจากเป็นไข่ที่ส่งมาจากบริษัท แต่ตามร้านขายของชำทั่วไปบางร้านก็ไม่จำหน่าย ส่วนบางที่สามารถเข้าแถวรอซื้อ ก็จะมีการการปรับราคาสูงขึ้น
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยหลังประชุมกับผู้ประกอบการผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคว่า ยอมรับว่าปัญหาไข่ไก่ราคาแพงและขาดแคลนแก้ไขได้ยาก เพราะตอนนี้น้ำท่วมกระทบต่อฟาร์มเลี้ยงไก่ไข่ ทำให้แม่ไก่ตายไปจำนวนมาก จึงเป็นเรื่องที่แก้ไขไม่ได้จนกว่าจะเลี้ยงแม่ไก่รุ่นใหม่ออกมา ส่วนมาตรการการอนุญาตนำเข้าไข่ไก่จากต่างประเทศ ซึ่งจะมีราคาสูงกว่าไข่ไก่ที่ผลิตในประเทศอยู่แล้วเพราะมีต้นทุนการขนส่ง และการผลิตที่แพงกว่าในประเทศไทย
“ช่วงนี้หากสินค้าไข่ไก่ที่มีราคาสูงขึ้นมากถึงฟองละ 8 บาท ประชาชนก็อย่าไปซื้อ ไปหาสินค้าอย่างอื่นแทน” นายกิตติรัตน์กล่าว
อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการยืนยันว่าปริมาณสินค้าอุปโภคบริโภคสำคัญยังมีเพียงพอ ทั้งน้ำดื่ม ผลิตภัณฑ์นม เนื้อหมู เนื้อไก่ เพราะยังมีแหล่งผลิตในส่วนของภูมิภาคอื่นที่ไม่ได้ความเสียหายจากอุทกภัย สามารถเร่งรัดขนย้ายมาในส่วนกลางเพื่อทดแทนได้ และได้ยืนยันที่จะตรึงราคาจำหน่ายเท่าเดิมต่อไป โดยเฉพาะเนื้อหมูที่ขณะนี้กำลังประสบปัญหาราคาตกต่ำเหลือ กก.ละ 120 บาท ดังนั้นหากราคาสินค้าอื่นแพงก็สามารถบริโภคเนื้อหมูแทนได้
นอกจากนี้ ได้ตั้งศูนย์กระจายสินค้าแห่งใหม่ขึ้นมาแทนศูนย์กระจายสินค้า (ดีซี) ที่ดอนเมืองที่ถูกน้ำท่วม โดยได้เตรียมความพร้อมจะตั้งดีซี.แห่งใหม่ที่จ.ชลบุรี คาดว่าจะเริ่มกระจายสินค้าไปยังพื้นที่ประสบอุทกภัยได้ภายในวันที่ 31 ต.ค.
นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กำลังพิจารณาเพิ่มศูนย์กระจายสินค้า 2 แห่งที่ ชลบุรี คือ บ่อวิน และสัตหีบ ส่วนภาคกลางตอนบนตั้งที่พิษณุโลก และภาคอีสานที่นครราชสีมา เพื่อช่วยกระจายสินค้าให้กับภาคเอกชนเพิ่มเติมจากของเดิมที่ดอนเมือง
ส่วนการแก้ปัญหาน้ำดื่มคาดว่าจะคลี่คลายภายใน 1-2 วันนี้ เพราะได้เร่งแก้ไขหลายแนวทางประกอบกัน ตั้งแต่ประสานไปยังผู้ประกอบการน้ำดื่มขนาดเล็กทั่วประเทศกว่า 1 พันราย ให้เร่งเพิ่มกำลังการผลิตทดแทน โรงงานขนาดใหญ่ที่ถูกน้ำท่วม และยังจะติดตั้งเครื่องผลิตน้ำดื่มที่ได้รับบริจาคจากประเทศจีน 150 ตู้ช่วยผลิตเพิ่มตามแหล่งชุมชน ควบคู่กับเพิ่มตู้หยอดเหรียญน้ำดื่มอีก 7,500-10,000 ตู้ ให้ประชาชนใช้บริการซื้อน้ำได้เพิ่มขึ้น ส่วนในศูนย์การค้า ก็จะมีการนำเข้าน้ำดื่มเข้ามาจากต่างประเทศเข้ามาขายเพิ่มเติมอีกทางหนึ่งด้วย.
