xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

เกาเหลาประเทศไทย! ปมเรือรบสหรัฐถอนสมอ?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ -ฉบับที่แล้วตั้งข้อสังเกตว่า เฮลิคอปเตอร์ 2 แบบคือ ซีฮอว์ก 20 ลำ และฮอว์คอาย 6 ลำ เพื่อปฏิบัติภารกิจค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบ“มหาอุทกภัย” ในประเทศไทย ที่ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี และ “สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล” รมว.ต่างประเทศ บอกอย่างมั่นใจว่าน่าจะมาถึงไทยในวันที่ 17 ต.ค. แต่นับจากนั้นก็ไม่มีวี่แววแต่อย่างใด มีเพียง “นาวินโยธิน” จากหน่วย “เอชเอเอสที”10 นาย จากเกาโอกินาวา ในฐานะ“คณะประเมินล่วงหน้า” เพื่อเข้ามาช่วยกองทัพไทยสำรวจพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วม “อยุธยา-นครสวรรค์”

แถมยังมีข่าวว่า กองเรือบรรทุกเครื่องบินของสหรัฐ ที่ชื่อว่า “ยูเอสเอส จอร์จ วอชิงตัน” มุ่งหน้ามายังประเทศไทย เพื่อเตรียมให้ความช่วยเหลือ ประกอบด้วย เรือพิฆาต ยูเอสเอส ดิวอี้, ยูเอสเอส เวย์น อี เมเยอร์ และยูเอสเอส คิดด์ ที่ร่วมเดินทางมาพร้อมกับยูเอสเอส จอร์จ วอชิงตัน

เกือบ 10 วัน ถึงจะมีข่าว “กองทัพเรือสหรัฐถอนสมออกจากไทย หลังรัฐบาลไม่ชัดเจน”

ข่าวว่า นาวาตรี “จอห์น เพอร์คินส์” โฆษกกองทัพเรือสหรัฐ แจ้งว่า ได้ถอนสมอออกจากประเทศไทยแล้ว หลังจากได้รับข้อมูลที่สับสนจากรัฐบาลไทย หลังจากเดินทางมายังประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 16 ต.ค. โดยมีเป้าหมายให้ความช่วยเหลือด้านการบรรเทาทุกข์ ในขณะที่ไทยเผชิญน้ำท่วมสูงในหลายพื้นที่ แต่กองทัพเรือสหรัฐ ยังไม่ได้รับการร้องขออย่างเป็นทางการจากรัฐบาลไทย ทำให้ต้องเดินทางกลับไปแล้วตั้งแต่วันศุกร์ที่ 21 ต.ค.

มีกระแสข่าวว่า ทางสหรัฐพร้อมจะให้ความช่วยเหลือ แต่ก็ยังไม่ได้รับการร้องขอ และบอกด้วยว่า มีสองฝ่ายในรัฐบาลไทย คือ ฝ่ายหนึ่งบอกว่าเอา และฝ่ายหนึ่งบอกว่าไม่เอา

ขณะที่ “สุรพงษ์ โตวิจักรชัยกุล” พูดได้คำเดียวว่า “ยังไม่ทราบรายละเอียด”

แถมวันนั้น กระทรวงต่างประเทศ ทำได้แค่ แจงเอกสารข่าว 7ข้อระบุว่า สหรัฐ'ยังให้ความร่วมมือช่วยน้ำท่วม' และยังดีและเข้าใจดี"สหรัฐฯบริจาคเงินครั้งแรก 3 ล้านบาท ผ่าน สภากาชาดไทย และต่อมาได้บริจาคอีก 15 ล้านบาท จัดถุงกระสอบทราย 18,000 กระสอบ มีการประชุมทางโทรศัพท์กับฝ่ายไทยในกรณีฉุกเฉิน และประชุมคณะประเมินล่วงหน้า

ต่อมา ฝ่ายสหรัฐฯ ประเมินในเบื้องต้นว่า สถานการณ์น้ำท่วมของไทยมิได้รุนแรงถึงขั้นเป็นภัยต่อชีวิตซึ่งตามกฎระเบียบของฝ่ายสหรัฐฯ นั้น ไม่สามารถสั่งการให้เฮลิคอปเตอร์เข้าปฏิบัติภารกิจด้านกู้ภัยทางอากาศได้ ดังนั้นวันที่ 25 ต.ค. เรือบรรทุกเครื่องบิน USS George Washington พร้อมเรือสนับสนุนอีกจำนวนหนึ่ง ได้เดิน ทางออกจากประเทศไทย เพื่อปฏิบัติภารกิจอื่นตามที่กำหนดไว้เดิม

ต่างจากคำแถลงของ “โฆษกกองทัพเรือสหรัฐ”ที่แถลงว่าเดินทางออกไปตั้งแต่วันที่ 21 ต.ค.

“กระทรวงบัวแก้ว”แจ้งว่า อย่างไรก็ดี เรือ USS Mustin พร้อมลูกเรือ 300 นาย และเฮลิคอปเตอร์อีก 2 ลำ ยังเทียบท่าอยู่ที่ท่าเรือแหลมฉบัง เพื่อให้ความช่วยเหลือกับผู้ประสบภัยในพื้นที่ และสำรวจและประเมินสถานการณ์ในพื้นที่ต่อไป รวมถึงจะมีการสนับสนุนภาพถ่ายดาวเทียม เพื่อสนับสนุนการดำเนินการของฝ่ายไทย รวมทั้งให้คณะทำงานด้านสาธารณสุขจากหน่วยงาน Centers for Disease Control ของสหรัฐฯ เพื่อสนับสนุนกระทรวงสาธารณสุขไทยในการบริหารจัดการโรคติดต่อที่มาจากน้ำและสถานการณ์สาธารณสุขหลังน้ำลด

แม้ว่าจะไม่สามารถส่งเฮลิคอปเตอร์ เข้าปฏิบัติ ภารกิจกู้ภัยทางอากาศ (Air lift) ได้ เนื่องจากข้อจำกัดด้านกฎระเบียบของสหรัฐฯ เอง แต่ฝ่ายสหรัฐฯ ก็ได้ให้ ความช่วยเหลือด้านอื่น ๆ ทั้งในรูปแบบของเงินบริจาค สิ่งของ และทางวิชาการ

แถลงการณ์ฉบับนี้ออกภายหลัง การถอนสมอเรือรบกลับไปแล้ว????

ค่ำวันนั้น “คริสตี้ เคนนี่ย์” เอกอัครทูตสหรัฐประจำประเทศไทย ให้สัมภาษณ์สดผ่านสถานีโทรทัศน์ของไทย ว่า เรื่องดังกล่าวไม่จริง โดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รัฐบาลไทยได้ขอความช่วยเหลือ สหรัฐจึงได้ส่งนาวิกโยธินด้านมนุษยธรรมจากฐานทัพเรือสหรัฐในญี่ปุ่นและใกล้เคียง โดยเคลื่อนเรือบรรทุกเครื่องบิน และเรืออีก 5 ลำ ออกจากสิงคโปร์มาที่อ่าวไทย และทำงานร่วมกับฝ่ายไทยเพื่อทำหน้าที่ช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และส่งอุปกรณ์ที่จำเป็น อีกทั้งส่งทีมช่วยเหลือพลเรือน 2 ทีม เครื่องทำน้ำสะอาดและเสื้อชูชีพ

โดยตอนนี้มีเรือจากกองทัพเรือสหรัฐ 1 ลำ ที่ท่าเรือแหลมฉบังและทีมให้ความช่วยเหลือ ซึ่งจากประสบการณ์ในฟิลิปปินส์พบว่า ควรจะให้ความช่วยเหลือตรงความต้องการ เพราะว่ามีหลายหน่วยงานเข้ามาช่วย สิ่งสำคัญที่สุดคือช่วยเหลือผู้ประสบภัย

ซึ่งประเมินแล้วเรือ 1 ลำ เฮลิคอปเตอร์ 2 ลำ ทีมนาวิกโยธิน และทีมช่วยเหลือพลเรือนน่าจะเพียงพอ

ส่วนที่สื่อต่างประเทศ ระบุว่า เจ้าหน้าที่กองทัพเรือสหรัฐได้รับข้อมูลสับสนจากรัฐบาลไทยนั้น เห็นว่า จากสถานการณ์ในไทย สหรัฐได้รับคำตอบที่ชัดเจนจากรัฐบาลไทย ว่าต้องการความช่วยเหลือจากกองทัพ ซึ่งคำขอชัดเจน และตอนนี้เจ้าหน้าที่ของสหรัฐได้ลงพื้นที่ทำงานร่วมกับฝ่ายไทย

ทางทูตสหรัฐ สรุปต่อรายการโทรทัศน์ว่า สถานการณ์ตอนนี้ เรือ 1 ลำ ทีมนาวิโยธิน ทีมพลเรือนช่วยเหลือ และทีมแพทย์ฉุกเฉิน น่าจะเพียงพอ ซึ่งจากประสบการณ์ภัยพิบัติในฟิลิปปินส์ อยากให้คนไทยเตรียมพร้อม ไม่ตื่นตระหนก พยายามมองไปข้างหน้า

แต่เป็นที่น่าแปลกใจก็ตรงวันเดียวกันเวลา 22.00 น. (25 ต.ค.) “กระทรวงกลาโหม สหรัฐอเมริกา (เพนตากอน)” โดย“จอร์จ ลิทเทิล”โฆษกเพนตากอน ระบุในแถลงการณ์ ว่า “ลีออน พาเนตตา” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ กำลังตรวจสอบสถานการณ์น้ำท่วมในไทยอย่างใกล้ชิด ซึ่งสหรัฐฯ จะทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ไทยต่อเนื่อง เพื่อประเมินว่าไทยอาจต้องการความช่วยเหลือใดบ้าง

“โดยยังชื่นชมรัฐบาลไทยที่รับมือกับภัยพิบัติได้อย่างรวดเร็ว”

จู่ๆ เพนตากอนก็ออกแถลงการณ์ชื่นชมรัฐบาลไทยว่า รับมือน้ำได้ยยอดเยี่ยมกระเทียมดอง รวดเร็ว พูดเหมือนกับน้ำแห้งสนิท

ตกลง...เพนตากอน ( สหรัฐ ) เขาเยาะเย้ย รัฐบาลไทย หรือ เขาได้รับข้อมูลผิดพลาดกันแน่ เพราะขณะที่น้ำทะลักท่วมทุกระแหง ปริ่มปากปริ่มคอ แม้แต่ ศปภ.ก็ยังเอาตัวแทบไม่รอด

ตอนนี้ “ปู” เอาไม่อยู่แล้ว คร้าาา

เช้าวันต่อมา ที่ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ท่าอากาศยานดอนเมือง เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย นำนักธุรกิจชาวสหรัฐฯ ที่ลงทุนในประเทศไทยจำนวนหนึ่ง เข้าพบน.ส.ยิ่งลักษณ์ เพื่อให้ความเชื่อมั่นในการลงทุนในประเทศไทย

พร้อมทั้งยังนำลูกเรือจากเรือรบ USS Mustin มาร่วมบริจาคสิ่งของให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัยน้ำท่วมในประเทศไทย อาทิ เรือยางติดเครื่อยนต์จำนวน 10 ลำ พร้อมมอบเงินให้แก่สภากาชาดไทยเพื่อใช้ซื้อสิ่งของบรรเทาทุกข์จำนวน 1 แสนเหรียญสหรัฐฯ เป็นต้น

ต่อมาก็มีภาพ “ทหารเรืออเมริกัน” ช่วยแพ็คของช่วยน้ำท่วม ณ สำนักงานบรรเทาทุกข์ฯ สภากาชาดไทย รวมถึงร่วมบริจาคโลหิตช่วยผู้ประสบอุทกภัย ณ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย

ส่วนฝั่งรัฐบาลไทยโดย “พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา” รมว.กลาโหม ยอมรับว่า สหรัฐไม่สบายใจเพราะไม่มีความชัดเจนในเรื่องการสนับสนุนจึงได้ถอนเรือและเครื่องบินกลับไป

แต่กลับโบ้ยไปยัง“เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา”กับ“สำนักงานข่าวเอเอฟพี” ที่เสนอข่าวว่า สหรัฐอเมริกาไม่พอใจที่ไทยปฏิเสธจะรับความช่วยเหลือจากเขา แต่ยอมรับว่า สิ่งที่เขาให้เราบางเรื่องไม่ตรงกับความต้องการ เช่น ขอเฮลิอคอปเตอร์ เพื่อเข้ามาตรวจสอบบุคคลที่สูญหายในน้ำ ซึ่งขณะนี้เราไม่ต้องการ

“สิ่งที่เราต้องการ คือ เรือ กระสอบทราย อาหารแห้ง ซึ่งเราบอกว่า ถ้าส่งสิ่งของเหล่านี้มา หรือส่งเงินมาช่วยเราก็พอใจ”รมว.กลาโหมบอก และยืนยันว่า ปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง ระหว่างรัฐบาลกับ กทม.ในการช่วยเหลือน้ำท่วม ไม่ใช่เรื่องที่ทำให้เขาถอนความช่วยเหลือ

แต่กลับมีกระแสอีกด้านว่า สาเหตุที่ทางการสหรัฐประกาศถอนเรือออกจากน่านน้ำไทย เนื่องจากสหรัฐมองว่า การช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่ผ่านมา รัฐบาลไทยมีความขัดแย้งกับกองทัพมาตลอด และพยายามจะดึงสหรัฐเข้ามาถ่วงดุลอำนาจของกองทัพ ตั้งแต่ฝ่ายทหารเสนอให้รัฐบาลใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ประกอบกับช่วงที่ผ่านมา หลังจากสหรัฐได้ส่งนาวิกโยธินและผู้เชี่ยวชาญลงสำรวจพื้นที่ และช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในประเทศไทย ทำให้ทางการสหรัฐรู้ถึงความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลกับกองทัพมาอย่างต่อเนื่อง

ซึ่งเรื่องนี้ทางการสหรัฐมองว่า หากเข้าไปข้องเกี่ยวอาจจะตกเป็นเครื่องมือทางการเมือง จึงตัดสินใจประกาศถอนเรือทุกลำที่เข้ามาช่วยเหลือออกจากน่านน้ำทันที.
กำลังโหลดความคิดเห็น