ASTVผู้จัดการรายวัน- อีสานหลายจังหวัดยังวิกฤต "กาฬสินธุ์"กระอักน้ำชีทะลักท่วมหนักต้องสั่งปิดการจราจรบนถนนทางหลวงหมายเลข 214 กาฬสินธุ์-ร้อยเอ็ดหลังน้ำสูงกว่า 1 เมตร ขณะที่ศูนย์อพยพอุบลฯ ถูกน้ำมูลไหลทะลักเข้าท่วม จนท.ต้องเร่งขนย้ายชาวบ้านที่อยู่ในศูนย์อพยพกว่า 50 ครอบครัวไปอยู่ที่ใหม่อย่างโกลาหล ส่วน "บุรีรัมย์"มีการประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินจากภาวะน้ำท่วมทั้งจังหวัดแล้ว ลมฝนถล่มสงขลารั้วกั้นกำแพงเมืองเก่าพังยับ
สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ โดยเฉพาะ อ.กมลาไสย และ อ.ฆ้องชัย จากการระบายน้ำของของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เขื่อนอุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น ยังทำให้ในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ มีมวลน้ำในพื้นที่มากกว่า 50 ล้านลูกบาศก์เมตร นอกจากนี้ ทางเขื่อนยังมีการระบายน้ำมากถึง 34 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวันยังทำให้น้ำในแม่น้ำชีทะลักเข้าพื้นที่อย่างหนัก โดยเฉพาะที่บริเวณ กม.21-25 รอยต่อระหว่าง ต.ธัญญา อ.กมลาไสยและ ต.ลำชี อ.ฆ้องชัย พนังกั้นแม่น้ำชีตลอดทั้งแนวถูกน้ำเซาะจนพังทลายเสียหายเป็นระยะ โดยล่าสุดเจ้าหน้าที่ซ่อมได้เพียง 60% แต่ชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ก็ยังไม่สามารถดำเนินการอุดรอยแตกของพนังได้อีก 3 จุด ทำได้เพียงชะลอความแรงของน้ำเท่านั้น
**ปิดถนนกาฬสิทธุ์-ร้อยเอ็ดจมกว่า1เมตร
ขณะที่การเจาะถนนเพื่อที่จะระบายน้ำชีที่ทะลักเข้าท่วมนาข้าวเป็นไปด้วยความยากลำบากเช่นกัน นอกจากนี้ ชาวบ้านต้องระมัดระวังในการใช้เรือสัญจรไปมาในพื้นที่เพราะกระแสน้ำเชี่ยวกรากมาก ส่วนบริเวณถนนทางหลวงหายเลข 214 กาฬสินธุ์-ร้อยเอ็ด น้ำยังท่วมสูง ซึ่งได้มีการสั่งปิดการจราจรแล้ว เพราะน้ำขึ้นสูงกว่า 1 เมตรแล้ว
อย่างไรก็ตาม นายพูลศักดิ์ สาระคร ผอ.แขวงการทางกาฬสินธุ์ ได้โทรศัพท์เข้ามาแจ้งความคืบหน้าในการแก้ปัญหาน้ำท่วมทางหลวงหมายเลข 214 สายกาฬสินธุ์-ร้อยเอ็ดกับ“ผู้จัดการ”ช่วงเวลา 13.30 น.ว่า ระดับน้ำได้ลดลงบ้างแล้วโดย กม.23+350-23+900 ช่วงบ้านหัวแฮด-บ้านหนองบัวระยะทาง550 เมตร ระดับน้ำสูงจากหลังทาง 70 ซม.และ กม.26+300-27+900 บ้านท่ากลางระยะทาง 1,400 เมตรระดับน้ำสูงจากหลังทาง 50 ซม.รถปิกอัพยกสูง และรถ 6 ล้อขึ้นไปผ่านได้ ขณะที่รถเล็ก รถเก๋ง และปิกอัพธรรมดาผ่านไม่ได้
ทั้งนี้ แนะนำให้รถที่ผ่านไม่ได้หลีกเลี่ยงไปใช้เส้นทางกาฬสินธุ์-ยางตลาด-กันทรวิชัย-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด ระยะทาง 85 กม.จาก อ.กมลาไสย-ร้อยเอ็ด ให้ใช้เส้นทางกมลาไสย-แยกหนองแปน-ยางตลาด-กาฬสินธุ์ จาก อ.ร่องคำ-ไปร้อยเอ็ดให้ใช้เส้นทางร่องคำ-โพนทอง-ร้อยเอ็ด-ระยะทาง 86 กม.จาก อ.จังหาร-กาฬสินธุ์ให้ใช้เส้นทางจังหาร-ร้อยเอ็ด-มหาสารคาม-กันทรวิชัย-ยางตลาด-กาฬสินธุ์ ระยะทาง 95 กม.
ส่วนที่ศูนย์อพยพของ จ.กาฬสินธุ์ ทางเหล่ากาชาดจังหวัดกาฬสินธุ์ ร่วมกับสารธารณสุขจังหวัดกาฬสินธุ์ และโรงพยาบาลในพื้นที่ได้ระดมทีมแพทย์เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเข้าตรวจสุขภาพรักษาอาการป่วยของประชาชน โดยพบว่ามีคนชราประมาณ 20 รายที่ป่วยเป็นโรคเบาหวานและความดันมีโรคแทรกซ้อนเข้ามา โดยส่วนใหญ่ป่วยเป็นโรคเครียด โรคน้ำกัดเท้าแล้ว 20 ราย ทั้งนี้ ในความเสียหายขณะนี้มีบ้านเรือนราษฎรที่ถูกน้ำท่วมอยู่กว่า 5,000 หลังคาเรือน นาข้าวที่รอการเก็บเกี่ยวอีกกว่า 130,000 ไร่
**น้ำมูลทะลักท่วม "ศูนย์อพยพอุบลฯ"
ส่วนระดับน้ำในแม่น้ำมูลที่ จ.อุบลราชธานี ซึ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้น้ำไหลทะลักเข้าท่วมศูนย์อพยพของชาวชุมชนดอนงิ้ว ที่มีชาวบ้านกว่า 50 ครอบครัวอพยพหนีน้ำท่วมมาปลูกเป็นเพิงพักอยู่รอบบริเวณสวนสาธารณะกุดปลา ถูกน้ำไหลเข้าท่วมสูง 30-50 ซม.ทำให้สำนักงานเทศบาลเมืองวารินชำราบ กับกำลังทหารจากมณฑลทหารบกที่ 22 ค่ายสรรพสิทธิประสงค์ เข้าขนย้ายสิ่งของประชาชนไปอยู่ที่คลังเก็บสินค้าของบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย ซึ่งอยู่ในที่สูงหลังสถานีรถไฟ อ.วารินชำราบ อย่างโกลาหล
ขณะที่สำนักงานพื้นที่การศึกษาเขต 4 อ.วารินชำราบ ซึ่งมีโรงเรียนถูกน้ำท่วมโดยสิ้นเชิง 4 โรง คือ โรงเรียนชุมชนท่าบ้งมั่ง โรงเรียนชุมชนหาดสวนยา โรงเรียนกุดปลาขาว และโรงเรียนชุมชนคูสว่าง ซึ่งเปิดสอนตั้งแต่ชั้นอนุบาลถึงชั้นประถมศึกษาตอนปลาย และมีกำหนดเปิดทำการเรียนการสอนในวันจันทร์ที่ 1 พ.ย.ให้เลื่อนเปิดไปอย่างไม่มีกำหนด เพราะโรงเรียนแต่ละแห่ง มีน้ำท่วมอาคารเรียนสูงกว่า 2 เมตร และหลังน้ำลดคณะครูอาจารย์จะทำการสอนเสริมต่อไป
**"บุรีรัมย์"ประกาศภัยพิบัติทั้งจังหวัดแล้ว
ด้านนายพรเชษฐ์ แสงทอง ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดบุรีรัมย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ จ.บุรีรัมย์ได้ประกาศให้ 23 อำเภอทั้งจังหวัดเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินจากภาวะน้ำท่วมหมดแล้ว หลังแม่น้ำมูล น้ำชี ลำน้ำมาศ และลำน้ำสาขาต่างๆ ได้เอ่อท่วมบ้านเรือนราษฎรได้รับความเดือดร้อนจำนวน 155 ตำบล 1,632 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับผลกระทบกว่า 35,180 ครัวเรือนและน้ำได้เอ่อท่วมบ้านเรือนราษฎร 353 หลังคาเรือน และมีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 3 ศพ
**ลมฝนถล่มสงขลากำแพงเมืองเก่าพัง
ที่ จ.สงขลาเมื่อเวลา 02.00 น.ของวานนี้ได้เกิดเหตุฝนและลมพัดกระหน่ำในพื้นที่เขตเทศบาลนครสงขลา ตั้งแต่กลางดึกเมื่อคืนวันที่ 25 ต.ค.ที่ผ่านมา ต่อเนื่องถึงวันที่ 26 ต.ค.ส่งผลให้รั้วที่กั้นรอบกำแพงเมืองเก่าสงขลาที่อยู่ระหว่างการบูรณะซ่อมแซมเสียหายจากเหตุพายุฝนพัดถล่มเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ซึ่งมีโครงสร้างเป็นเหล็ก อะลูมิเนียม และตาข่ายผ้า ความสูง 2 เมตรครึ่ง ซึ่งเป็นรั้วที่ตั้งอยู่ริมถนนจะนะ หน้าพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ
โดยรั้วที่พังลงมามีความยาวประมาณ 100 เมตร ลมได้พัดมากองอยู่ริมถนน แต่ไม่ได้สร้างความเสียหายให้กับโครงสร้างของกำแพงเมืองเก่าสงขลาแต่อย่างใด เนื่องจากฐานของรั้วได้ยึดไว้กับดินไม่ได้ยึดกับตัวกำแพง และโชคดีที่ขณะเกิดเหตุไม่มีรถยนต์และผู้คนผ่านไปมาจึงไม่ได้สร้างความเสียหายและไม่มีผู้บาดเจ็บแต่อย่างใด
สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ โดยเฉพาะ อ.กมลาไสย และ อ.ฆ้องชัย จากการระบายน้ำของของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เขื่อนอุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น ยังทำให้ในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ มีมวลน้ำในพื้นที่มากกว่า 50 ล้านลูกบาศก์เมตร นอกจากนี้ ทางเขื่อนยังมีการระบายน้ำมากถึง 34 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวันยังทำให้น้ำในแม่น้ำชีทะลักเข้าพื้นที่อย่างหนัก โดยเฉพาะที่บริเวณ กม.21-25 รอยต่อระหว่าง ต.ธัญญา อ.กมลาไสยและ ต.ลำชี อ.ฆ้องชัย พนังกั้นแม่น้ำชีตลอดทั้งแนวถูกน้ำเซาะจนพังทลายเสียหายเป็นระยะ โดยล่าสุดเจ้าหน้าที่ซ่อมได้เพียง 60% แต่ชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ก็ยังไม่สามารถดำเนินการอุดรอยแตกของพนังได้อีก 3 จุด ทำได้เพียงชะลอความแรงของน้ำเท่านั้น
**ปิดถนนกาฬสิทธุ์-ร้อยเอ็ดจมกว่า1เมตร
ขณะที่การเจาะถนนเพื่อที่จะระบายน้ำชีที่ทะลักเข้าท่วมนาข้าวเป็นไปด้วยความยากลำบากเช่นกัน นอกจากนี้ ชาวบ้านต้องระมัดระวังในการใช้เรือสัญจรไปมาในพื้นที่เพราะกระแสน้ำเชี่ยวกรากมาก ส่วนบริเวณถนนทางหลวงหายเลข 214 กาฬสินธุ์-ร้อยเอ็ด น้ำยังท่วมสูง ซึ่งได้มีการสั่งปิดการจราจรแล้ว เพราะน้ำขึ้นสูงกว่า 1 เมตรแล้ว
อย่างไรก็ตาม นายพูลศักดิ์ สาระคร ผอ.แขวงการทางกาฬสินธุ์ ได้โทรศัพท์เข้ามาแจ้งความคืบหน้าในการแก้ปัญหาน้ำท่วมทางหลวงหมายเลข 214 สายกาฬสินธุ์-ร้อยเอ็ดกับ“ผู้จัดการ”ช่วงเวลา 13.30 น.ว่า ระดับน้ำได้ลดลงบ้างแล้วโดย กม.23+350-23+900 ช่วงบ้านหัวแฮด-บ้านหนองบัวระยะทาง550 เมตร ระดับน้ำสูงจากหลังทาง 70 ซม.และ กม.26+300-27+900 บ้านท่ากลางระยะทาง 1,400 เมตรระดับน้ำสูงจากหลังทาง 50 ซม.รถปิกอัพยกสูง และรถ 6 ล้อขึ้นไปผ่านได้ ขณะที่รถเล็ก รถเก๋ง และปิกอัพธรรมดาผ่านไม่ได้
ทั้งนี้ แนะนำให้รถที่ผ่านไม่ได้หลีกเลี่ยงไปใช้เส้นทางกาฬสินธุ์-ยางตลาด-กันทรวิชัย-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด ระยะทาง 85 กม.จาก อ.กมลาไสย-ร้อยเอ็ด ให้ใช้เส้นทางกมลาไสย-แยกหนองแปน-ยางตลาด-กาฬสินธุ์ จาก อ.ร่องคำ-ไปร้อยเอ็ดให้ใช้เส้นทางร่องคำ-โพนทอง-ร้อยเอ็ด-ระยะทาง 86 กม.จาก อ.จังหาร-กาฬสินธุ์ให้ใช้เส้นทางจังหาร-ร้อยเอ็ด-มหาสารคาม-กันทรวิชัย-ยางตลาด-กาฬสินธุ์ ระยะทาง 95 กม.
ส่วนที่ศูนย์อพยพของ จ.กาฬสินธุ์ ทางเหล่ากาชาดจังหวัดกาฬสินธุ์ ร่วมกับสารธารณสุขจังหวัดกาฬสินธุ์ และโรงพยาบาลในพื้นที่ได้ระดมทีมแพทย์เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเข้าตรวจสุขภาพรักษาอาการป่วยของประชาชน โดยพบว่ามีคนชราประมาณ 20 รายที่ป่วยเป็นโรคเบาหวานและความดันมีโรคแทรกซ้อนเข้ามา โดยส่วนใหญ่ป่วยเป็นโรคเครียด โรคน้ำกัดเท้าแล้ว 20 ราย ทั้งนี้ ในความเสียหายขณะนี้มีบ้านเรือนราษฎรที่ถูกน้ำท่วมอยู่กว่า 5,000 หลังคาเรือน นาข้าวที่รอการเก็บเกี่ยวอีกกว่า 130,000 ไร่
**น้ำมูลทะลักท่วม "ศูนย์อพยพอุบลฯ"
ส่วนระดับน้ำในแม่น้ำมูลที่ จ.อุบลราชธานี ซึ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้น้ำไหลทะลักเข้าท่วมศูนย์อพยพของชาวชุมชนดอนงิ้ว ที่มีชาวบ้านกว่า 50 ครอบครัวอพยพหนีน้ำท่วมมาปลูกเป็นเพิงพักอยู่รอบบริเวณสวนสาธารณะกุดปลา ถูกน้ำไหลเข้าท่วมสูง 30-50 ซม.ทำให้สำนักงานเทศบาลเมืองวารินชำราบ กับกำลังทหารจากมณฑลทหารบกที่ 22 ค่ายสรรพสิทธิประสงค์ เข้าขนย้ายสิ่งของประชาชนไปอยู่ที่คลังเก็บสินค้าของบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย ซึ่งอยู่ในที่สูงหลังสถานีรถไฟ อ.วารินชำราบ อย่างโกลาหล
ขณะที่สำนักงานพื้นที่การศึกษาเขต 4 อ.วารินชำราบ ซึ่งมีโรงเรียนถูกน้ำท่วมโดยสิ้นเชิง 4 โรง คือ โรงเรียนชุมชนท่าบ้งมั่ง โรงเรียนชุมชนหาดสวนยา โรงเรียนกุดปลาขาว และโรงเรียนชุมชนคูสว่าง ซึ่งเปิดสอนตั้งแต่ชั้นอนุบาลถึงชั้นประถมศึกษาตอนปลาย และมีกำหนดเปิดทำการเรียนการสอนในวันจันทร์ที่ 1 พ.ย.ให้เลื่อนเปิดไปอย่างไม่มีกำหนด เพราะโรงเรียนแต่ละแห่ง มีน้ำท่วมอาคารเรียนสูงกว่า 2 เมตร และหลังน้ำลดคณะครูอาจารย์จะทำการสอนเสริมต่อไป
**"บุรีรัมย์"ประกาศภัยพิบัติทั้งจังหวัดแล้ว
ด้านนายพรเชษฐ์ แสงทอง ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดบุรีรัมย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ จ.บุรีรัมย์ได้ประกาศให้ 23 อำเภอทั้งจังหวัดเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินจากภาวะน้ำท่วมหมดแล้ว หลังแม่น้ำมูล น้ำชี ลำน้ำมาศ และลำน้ำสาขาต่างๆ ได้เอ่อท่วมบ้านเรือนราษฎรได้รับความเดือดร้อนจำนวน 155 ตำบล 1,632 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับผลกระทบกว่า 35,180 ครัวเรือนและน้ำได้เอ่อท่วมบ้านเรือนราษฎร 353 หลังคาเรือน และมีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 3 ศพ
**ลมฝนถล่มสงขลากำแพงเมืองเก่าพัง
ที่ จ.สงขลาเมื่อเวลา 02.00 น.ของวานนี้ได้เกิดเหตุฝนและลมพัดกระหน่ำในพื้นที่เขตเทศบาลนครสงขลา ตั้งแต่กลางดึกเมื่อคืนวันที่ 25 ต.ค.ที่ผ่านมา ต่อเนื่องถึงวันที่ 26 ต.ค.ส่งผลให้รั้วที่กั้นรอบกำแพงเมืองเก่าสงขลาที่อยู่ระหว่างการบูรณะซ่อมแซมเสียหายจากเหตุพายุฝนพัดถล่มเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ซึ่งมีโครงสร้างเป็นเหล็ก อะลูมิเนียม และตาข่ายผ้า ความสูง 2 เมตรครึ่ง ซึ่งเป็นรั้วที่ตั้งอยู่ริมถนนจะนะ หน้าพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ
โดยรั้วที่พังลงมามีความยาวประมาณ 100 เมตร ลมได้พัดมากองอยู่ริมถนน แต่ไม่ได้สร้างความเสียหายให้กับโครงสร้างของกำแพงเมืองเก่าสงขลาแต่อย่างใด เนื่องจากฐานของรั้วได้ยึดไว้กับดินไม่ได้ยึดกับตัวกำแพง และโชคดีที่ขณะเกิดเหตุไม่มีรถยนต์และผู้คนผ่านไปมาจึงไม่ได้สร้างความเสียหายและไม่มีผู้บาดเจ็บแต่อย่างใด