xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

เอาปัญญาชนมากรอกทราย แล้วเอา.....มาวางแผน!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ -มีชายคนหนึ่งไปซื้อของที่ตลาดสด....แล้วเหลือบมองไปเห็นป้ายที่แม่ค้าติดเอาไว้...สมองอภิสิทธิ์ ราคากิโล 200 บาท สมองชูวิทย์ ราคากิโลละ 500 บาท สมองยิ่งลักษณ์ ราคากิโลละ 100,000 บาท….

ผู้ชายคนนั้นทำหน้างงๆ สงสัย.......แล้วถามแม่ค้าว่า ทำไมสมองยิ่งลักษณ์ ถึงได้ราคาแพงจัง......แม่ค้าทำหน้ายิ้มๆ พร้อมตอบเสียงเบาๆว่า ... ...“เพราะมันมีน้อยคร้า”

นี่คือตัวอย่าง ข้อความที่โพสต์ในเฟสบุ๊คของคนธรรมดา ที่ติดหล่มน้ำท่วมปากของรัฐบาล จนสร้างความเดือดร้อนไปทั่วประเทศ การแถลงข่าวและรายงานข่าวเกี่ยวกับน้ำท่วม ก็ดูเสมือหนึ่งว่า...กำลังเกิดสงคราม น้ำกลายเป็น ศัตรูของคนไทย

น้ำท่วมมาตั้งแต่เชียงใหม่ ลำพูน อุตรดิตถ์ กำแพงเพชร แต่ที่โด่งดังมากที่สุดก็คือ นครสวรรค์ ชัยนาท อยุธยา ลพบุรี อ่างทอง สิงห์บุรี ปทุมธานี นนทบุรี...สุดท้ายก็ลงมาที่ กรุงเทพมหานคร คนตายไปแล้วกว่า 300 คน ความเสียหายที่เป็นตัวเงินชัดเจนแล้วประมาณ 500,000 ล้านบาท

ความเสียหายที่ไม่เป็นตัวเงิน (โอกาสทางธุรกิจ, คนตกงาน, การปิดโรงงาน, สินค้าราคาแพง, ของขาดตลาด, การขนส่งหยุดชะงัก, การขนส่งสินค้า, โรงเรียนและมหาวิทยาลัยปิดการเรียนการสอน, สถานที่ราชการหยุดทำงาน, บริษัทห้างร้านต่างๆหยุดกิจการชั่วคราว) เหล่านี้...ประเมินค่าไม่ได้

น้ำท่วมไปแล้ว 27 จังหวัด ประชาชนกว่า 2.5 ล้านครัวเรือน กำลังเดือดร้อนอย่างหนัก 
         

พื้นที่การเกษตรที่เสียหายไปแล้วกว่า 10 ล้านไร่
นิคมอุตสาหกรรมโรจนะ สหรัตนนคร บ้านหว้า(ไฮเทค) บางปะอิน นวนคร กลายเป็นนิคมฯ เจิ่งน้ำตามลำดับ บริษัทฮอนด้า และโตโยต้า ประกาศหยุดผลิตรถยนต์ เพราะโรงงานผลิตชิ้นส่วนและโรงงานประกอบรถยนต์ในนิคมอุตสาหกรรม จมอยู่ในน้ำคนไทยต้องไปอาศัยอยู่ในศูนย์อพยพ เหมือนหนีภัยสงครามมา

เมืองแต่ละเมืองถูกกองทัพน้ำตีแตกอย่างไม่เป็นขบวน

ทั้งทัพหน้า ทัพหลัง ทัพหลวง ปีกซ้าย ปีกขวา พ่ายเรียบ จนเหลือเพียงกรุงเทพฯ เพียงแห่งเดียว ....มันจะบ้ากันไปใหญ่

ข้อเท็จจริงแล้ว น้ำไม่ได้เป็นศัตรูของคนไทย น้ำกลับมสร้างความมั่งคั่งให้คนมานับศตวรรรษ แต่ศัตรูของคนหนีน้ำ กลับเป็น “ปัญญาจัดการของรัฐบาล” ต่างหาก

“ธีระ วงศ์สมุทร” รมว.เกษตรและสหกรณ์ แถลงที่ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) อย่างภาคภูมิใจ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 18 ต.ค.ที่ผ่านมาว่า ปีนี้มวลน้ำปริมาณใหญ่ที่สุดนั้นได้ผ่าน กทม. ออกทะเลไปแล้ว ประชาชนจึงสบายใจได้ เพราะระดับน้ำสูงสุดที่สะพานพุทธยอดฟ้า เมื่อเช้าวันที่ 15 ต.ค. อยู่ที่ 2.29 เมตร ซึ่งต่ำกว่าที่กรมชลประมานคาดไว้ 1 เซนติเมตร สำหรับปริมาณน้ำในจังหวัดต่างๆ จะทรงตัวและค่อยๆ ลดลง

" ขอยืนยันว่าปริมาณน้ำสูงสุดในรอบนี้ผ่านไปแล้ว และน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยา จะไม่สามารถท่วมคันกั้นน้ำของ กทม.ที่สร้างไว้ 2 จุดแน่นอน" นายธีระ กล่าว


หนังสือพิมพ์ต่างพากันดีอกดีใจว่า น้ำจะไม่ท่วม กทม.แล้ว ต่างพากันพาดหัวข่าวทำนองว่า “น้ำไม่ท่วมกทม.แน่”

แต่หลังจากนั้น 3 วันเท่านั้น หนังสือพิมพ์พาดหัวข่าวใหม่ว่า “เอวัง ! กทม.จมน้ำ” เพราะม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการ กทม. ประกาศเตือน 7 เขต ที่ต้องเตรียมตัวเก็บของขึ้นที่สูง เพราะมีโอกาสน้ำท่วม

แปลไทยเป็นไทย ก็คือ น้ำจะท่วม กทม.

“จะมีน้ำปริมาณกว่า 1,200 ล้าน ลบ.ม. จากตอนบนเหนือพื้นที่กรุงเทพมหานคร ไหลผ่านมายังทุ่งรังสิต ซึ่ง กทม.ประเมินสถานการณ์แล้วว่า ทุ่งรังสิตสามารถรับน้ำได้เพียง 400 ล้าน ลบ.ม. อาจส่งผลกระทบต่อคันกั้นน้ำตะวันออก ทำให้น้ำท่วมพื้นที่กรุงเทพฯ และส่งผลกระทบต่อไปยังบางพื้นที่ของกรุงเทพมหานคร จำนวน 7  เขต ได้แก่ สายไหม บางเขน คลองสามวา หนองจอก มีนบุรี ลาดกระบัง และคันนายาว”

ผู้ว่าฯกทม. บอกว่า เพื่อความไม่ประมาท ขอให้ประชาชนในพื้นที่ 7 เขตดังกล่าว เตรียมยกสิ่งของรวมทั้งปลั๊กไฟขึ้นที่สูง และเตรียมศึกษาแผนอพยพของกรุงเทพมหานคร เพราะขณะนี้มีความเปลี่ยนแปลงพอสมควร โดยมีมวลน้ำทางด้านเหนือของกรุงเทพฯ เคลื่อนตัวเข้ามาเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งน้ำจากนวนคร และเขื่อนระพีพัฒน์นั้น ไม่สามารถที่จะคำนวณได้แน่นอนว่า ปริมาณน้ำจะมีมากขนาดไหน และจะมาถึงกรุงเทพฯ เมื่อไหร่ แต่คาดว่าจะมาถึงคลองรังสิต ในวันที่ 20 ต.ค.  และจะมาถึงคลองสอง และคลองหกวา ในวันศุกร์

หลังจากนั้น “คุณธีระ วงศ์สมุทร” ก็หายเข้ากลีบเมฆ ไม่โผล่ให้เห็นหน้าทีวีอีกเลย

ยิ่งพินิจพิเคราะห์ “การแก้ปัญหาน้ำท่วม” ของ ยิ่งลักษณ์ จะพบว่ายิ่งไม่ธรรมดา ก่อนที่เมืองนครสวรรค์จะจมน้ำท่วม ยิ่งลักษณ์ เดินสายโบกไม้โบกมือไปต่างประเทศ (ยังดีที่ไม่ส่งจูบ) จนนักข่าวถามว่า จะแก้ปัญหาปัญหาน้ำท่วมหรือเปล่า

ยิ่งลักษณ์ ตอบว่า “ ดิฉันได้คิดทบทวนเรื่องดังกล่าว (เดินทางไปต่างประเทศ) เช่นกัน แต่เนื่องจากเราต้องเร่งสร้างความสัมพันธ์กับต่างประเทศ...และขอเรียนว่า บางครั้งการเตรียมการฟื้นฟูหลังน้ำลด มีความจำเป็นที่ต้องสร้างความสัมพันธ์กับต่างประเทศ ทั้งแนวทางด้านความสัมพันธ์การค้าขาย โดยหลังน้ำลดเราต้องมีการเปิดงานกับต่างประเทศ เพื่อให้เกิดการค้าขาย”

แต่ ณ วันนี้ น้ำท่วมยังไม่มีทีท่าว่าจะลดลง ยิ่งลักษณ์ ยังไม่มีปัญญาว่า แก้ปัญหาน้ำท่วมได้ ทั้งน้ำเหนือ น้ำทุ่ง น้ำฝน น้ำทะเล กำลังไหลบ่าเข้า กทม.

วันที่ 17 ต.ค.ที่ผ่านมา แทนที่ “ยิ่งลักษณ์” จะพยายามรักษาคำพูดในการรักษากทม. ไว้ไม่ให้เกิดน้ำท่วม แต่ยิ่งลักษณ์ กลับบอกว่าจะกู้เงินกว่า 100,000 ล้านบาท เพื่อดูแลหลังน้ำลด

ปัญญาทำให้น้ำลดยังไม่มี แล้วยังวางแผนใช้เงินหลังน้ำลดอีก

นักวิชาการด้านทรัพยากรทางน้ำประเมินว่า น้ำจะท่วมขัง อยุธยา นครสวรรค์ และนิคมอุตสาหกรรม ประมาณเดือนเศษ

นั่นหมายความว่า 1 เดือนเศษนี้ ยิ่งลักษณ์ จะไม่ทำอะไร เพราะกำลังวางแผนทำงานหลังจากน้ำลด
ยิ่งลักษณ์ เคยอธิบายแบบท่องจำเขามาอีกที ในรายการรัฐบาลพบประชาชนว่า “การระบายน้ำลงสู่ทะเล เป็นวิธีที่ดีที่สุด คือ จากเจ้าพระยาลงทะเล ทั้งด้านตะวันตกและตะวันออก โดยใช้เรือผลักดันน้ำทางคลองลัดโพธิ์ 800 ลำ ซึ่งขอขอบคุณประชาชนที่ช่วยนำเรือมาผลักดัน” แต่หลังจากใช้เรือแล้ว น้ำยังกระจายท่วมต่อไปอย่างไม่ที่สิ้นสุด

วิธีคิดแก้ปัญหาน้ำท่วมของ ยิ่งลักษณ์ มีอยู่ 2 อย่างคือ สร้างคันกั้นน้ำ กับปิดประตูน้ำ

ล่าสุด ยิ่งลักษณ์ได้สั่งให้ปิดประตูระบายน้ำคลองรังสิตจำนวน 4 ประตู จากทั้งหมด 6 ประตู เพื่อไม่ให้น้ำจาก นวนคร ธรรมศาสตร์ และ รังสิต ไหลลงคลองประปา แต่ก็ไม่รอดอีกเช่นเดิม

จนนักข่าวทนไม่ไหว ต้องยืดอกถามอย่างไม่ไว้หน้าสักครั้ง

นักข่าวถามว่า ศปภ.จะรอดพ้นจากน้ำท่วมหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยืนยันว่า “จะทำหน้าที่อย่างเต็มที่ และเชื่อว่ายังป้องกันศูนย์นี้ได้ และเชื่อว่าคงยังไม่ต้องย้ายศูนย์”

  นักข่าวถามใหม่ว่า รู้สึกหรือไม่ว่า ข้อมูลที่ได้เข้ามาใน ศปภ.เป็นข้อมูลที่ผิดพลาดมาโดยตลอด ยิ่งลักษณ์ ตอบอด้วยสีหน้าเคร่งเครียดอย่างชัดเจนว่า “ ต้องขอความกรุณากับสื่อมวลชน ถ้าเราสัมภาษณ์หลายๆ คน หนึ่งคนอาจจะดูแค่มุมเดียว ดังนั้นจะไม่เห็นภาพทั้งหมด พอให้ข้อมูลข่าวสารกับพี่น้องประชาชน อาจจะเกิดความตกใจ บางครั้งอาจเป็นมุมมองบุคคลใดบุคคลหนึ่งเท่านั้น ดังนั้นเราจึงต้องปรับปรุงการแถลงข่าวของ ศปภ. ให้เป็นลายลักษณ์อักษรชัดเจน”

แต่เมื่อถามว่า น้ำที่จะทะลักเข้ามาในกทม. มีระดับสูงเท่าใด ยิ่งลักษณ์ กลับตอบไม่ได้

  นั่นจึงทำให้คนที่ถูกน้ำท่วมบ้านทนไม่ไหว ต้องระบายผ่านเฟสบุ๊ค ทวิตเตอร์

"หนูดี" วนิษา เรซ ผู้อำนวยการโรงเรียนวนิษา ซึ่งเป็นที่รู้จักในนามผู้แต่งหนังสือ “อัจฉริยะสร้างได้” ได้โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ @nudi_vanessa ระบุว่า “ขอพูดอะไรแรงๆ สักครั้งในชีวิตค่ะ พูดแล้วจะร้องไห้...น้ำท่วมไม่กลัว กลัวอย่างเดียว...ผู้นำโง่ เพราะพวกเราจะตายกันหมด”

ยิ่งถ้าใครได้ดูข่าวยิ่งลักษณ์ เป็นประธานปล่อยเรือผลักดันน้ำในโครงการ “เรือประชาชนอาสาผันน้ำลงสู่ทะเล” เมื่อวันอาทิตย์ที่ 18 ต.ค.ที่ผ่านมา ที่บริเวณสะพานพระนั่งเกล้า จ.นนทบุรี ร่วมกับ นายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี , พล.ร.อ.สุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และนายวิเชียร พุฒิวิญญู ผู้ว่าฯนนทบุรี

โดยมีเรือดันจูงขนาดเล็ก และขนาดใหญ่ เรือโดยสาร  เรือด่วนเจ้าพระยา เรือข้ามฟาก เรือเล็ก เรือหางยาว เรือสปีดโบ๊ต และเรือเจ็ตสกี จำนวนกว่า 500 ลำ เข้าร่วมโครงการใน 42 จุดพื้นที่ จ.นนทบุรี

จะพบว่า ยิ่งลักษณ์ ยืนปล่อยเรือพร้อมกับโบกมือยิ้มแบบนางงามร้อยเวที เสมือนหนึ่งเป็นนางงามรับจ๊อบ ออกงานโชว์ตัว...อะไรทำนองนั้น

นั่นจึงทำให้ข้อความ “เอาปัญญาชนมากรอกทราย แล้วเอา.....มาวางแผน” กระจายผ่านเฟสบุ๊ค อย่างรวดเร็ว

กำลังโหลดความคิดเห็น