นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ออกมาท้าทายให้พรรคประชาธิปัตย์ ฟ้องนายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ทนายความส่วนตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ว่า พรรคได้ฉลองศรัทธาให้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ต่อจากนี้นายจตุพร ก็เตรียมให้ความช่วยเหลือลูกน้องของนายใหญ่ที่รับงานเข้ามาป่วนประเทศไทย อย่ากระโดดหนีไปเสียก่อน โดยพรรคยืนยันว่าจะทำคดีนี้เป็นกรณีตัวอย่าง เพื่อเป็นบทเรียนกับคนต่างชาติที่เข้ามาแทรกแซง จุ้นในกิจการภายในของไทย และที่สำคัญคือ ต้องตำหนิคนประเภทเกิดบนแผ่นดินไทย แต่ใจเป็นทาส ชักศึกเข้าบ้าน
นายเทพไท ยังกล่าวถึงกรณีนายจตุพร ออกมาแฉว่ามีขบวนการใช้วิกฤตน้ำท่วมเป็นจุดเปลี่ยนรัฐบาลของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่มาจากการเลือกตั้งว่า คงเป็นอาการจิตหลอน สร้างภาพจินตนาการเรื่องการปฏิวัติรัฐประหารขึ้นมาเอง เพราะพยายามปั้นเรื่องเหล่านี้ขึ้นมาหลายครั้งหลายหนแล้ว เพียงเพื่อหวังผลทางการเมือง สร้างเรตติ้งจากคนเสื้อแดงให้รวมตัวต่อต้าน หลังจากที่ไม่มีเงื่อนไขกิจกรรมเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดง ซึ่งจะทำให้บทบาทของนายจตุพร ในพรรคเพื่อไทยตกต่ำลง เนื่องจากส.ส.ส่วนใหญ่ของพรรค ก็ไม่ยอมรับบทบาทของแกนนำนปช. ที่พยายามเข้าแทรกแซงการบริหารงานภายในพรรค จนรู้ไปทั่ววงการเมือง
ในภาวะการณ์น้ำท่วมเช่นนี้ นายจตุพร ก็พยายามปั้นน้ำเป็นตัวอีกครั้ง เพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของกองทัพไทย ซึ่งเข้าใจว่า สถานการณ์น้ำท่วมที่กองทัพได้ส่งกำลังทหารทุกเหล่าทุกหน่วย เข้ามาช่วยเหลือชาวบ้านเต็มที่ จนได้รับคะแนนนิยมจากชาวบ้านมากกว่า ศปภ. ของรัฐบาลที่ล้มเหลว และประชาชนไม่ให้ความเชื่อถือเห็นได้จากผลโพลคะแนนเต็ม 10 แต่ศปภ.ได้เพียง 3.36 คะแนนเท่านั้น
ขณะที่สังคมไทย โดยเฉพาะผู้ประสบอุทกภัย ต่างถามหาแกนนำคนเสื้อแดง ว่าหายหัวไปอยู่ที่ไหนกันหมด จึงไม่ออกมาเคลื่อนไหวปลุกระดมรวบรวมคนเสื้อแดงมาช่วยแก้ปัญหาน้ำท่วม เหมือนครั้งที่ชุมนุมเผาบ้านเผาเมือง และขอเตือนนายอัมสเตอร์ดัมว่าอย่าพยายามสร้างหลักฐานเท็จ เพื่อไปฟ้องต่อศาลโลก
** "อัมสเตอร์ดัม"เยี่ยมแดงอุดรฯ
ด้านนายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ยังคงลงพื้นที่จังหวัดต่างๆ เพื่อเยี่ยมนักโทษการเมือง รวมทั้งเก็บข้อมูลจากคนเสื้อแดง ญาติผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมเดือนพฤษภา 53 เอาไว้ยื่นร้องต่อศาลอาญาระหว่างประเทศนั้น
ทั้งนี้ นายอัมสเตอร์ดัม พร้อมด้วยนายคารม พลทะกลาง ทนายความ นปช.ได้ไปที่ จ.อุดรธานี เพื่อเยี่ยมคนเสื้อแดง 2 ราย ในเรือนจำกลางอุดรธานี คือ นายประสิทธิ วิชัยรัตน์ หรือ "ดีเจ. จ.ใจเดียว" และ นายจักรพงษ์ แสนคำ หรือ "ดีเจ.ก้อง" นักจัดรายการวิทยุสถานีวิทยุชุมชนคนรักอุดรฯ ที่จะพ้นโทษวันที่ 31 ต.ค.นี้ โดยมีนายขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร และคนเสื้อแดงประมาณ 200 คนไปรอรับที่หน้าเรือนจำ
นายอัมสเตอร์ดัมได้ใช้เวลาเยี่ยมผู้ต้องขัง และสอบถามข้อมูลประมาณ 1 ชั่วโมง หลังจากนั้นเดินทางพบกับคนเสื้อแดงที่เป็นผู้ต้องหาในคดีต่างๆ และเดินทางไปที่สถานีวิทยุ คลื่น 97.5 สถานีวิทยุชมรมคนรักอุดรฯ พร้อมเปิดเผยว่า การเดินทางมาครั้งนี้ เพื่อหาแนวทางการช่วยเหลือ และจะดำเนินการโดยให้ทนายทั้งหมดมารวมตัวกันแบ่งปันหลักฐาน จากนั้นเป็นขั้นตอนคุยกับรัฐบาลว่าจะให้ความยุติธรรมกับคนเหล่านี้อย่างไร
"เราจะต้องเดินหน้าไม่หยุด เพื่อนำผู้สั่งสังหารประชาชนมาลงโทษ ทักษิณ คือเพื่อนมนุษย์คนหนึ่ง มีอยู่ช่วงหนึ่งฟังคำพูดของพรรคประชาธิปัตย์แล้วทำให้รู้ว่า พวกเขาใส่ร้ายและกล่าวหา ทำให้พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นปีศาจร้าย หากเราเกิดอุบัติเหตุขึ้นในประเทศไทย เขาจะโทษว่าเป็นเพราะทักษิณ หากนายอภิสิทธิ์ หกล้มก็จะโทษว่าเป็นเพราะทักษิณ หากนายสุเทพ ปวดหัวจะถูกใส่ร้ายว่าเป็นเพราะทักษิณอีก" นายอัมสเตอร์ดัม กล่าว
จากนั้น นายอัมสเตอร์ดัมและคณะได้เดินทางไปที่จ.เชียงใหม่ เพื่อเยี่ยมคนเสื้อแดงที่ถูกคุมขังที่เรือนจำเชียงใหม่
นายคารม พลทะกลาง กล่าวว่าจะพา นายอัมสเตอร์ดัม ไปเรือนจำเชียงใหม่ เพื่อพูดคุย เก็บข้อมูลจากกลุ่มผู้ต้องขังเสื้อแดง
"นายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม จะอยู่เชียงใหม่ถึงวันที่ 21 ต.ค. ก่อนเดินทางกลับต่างประเทศ อาจเปิดแถลงข่าวถึงผลการเดินทางมาประเทศไทยครั้งนี้ ซึ่งตั้งแต่วันที่ 10 ต.ค. จนถึงขณะนี้ ได้หลักฐานสำคัญอะไรบ้างในคดี 91 ศพ และจะแจ้งรายละเอียดการแถลงข่าวให้ทราบต่อไป" นายคารม กล่าว
** ไม่สนถูกปชป.ฟ้อง
นายคารมยังกล่าวถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ แจ้งความดำเนินคดีนายอัมสเตอร์ดัม ในข้อหาหมิ่นประมาทว่า ไม่มีอะไรน่ากังวล และสิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ออกมาแจ้งจับนายอัมสเตอร์ดัม เพราะไม่ต้องการให้เปิดเผยความจริงในสิ่งที่ได้กระทำไป ทั้งนี้ นายอัมสเตอร์ดัมยืนยันว่าจะขอต่อสู้กับพรรคประชาธิปัตย์ตลอดไป และจะนำเอาข้อมูลที่ได้ครั้งนี้ เปิดเผยให้ชาวโลกได้รับรู้ความจริงว่า พรรคประชาธิปัตย์สนับสนุนประชาธิปไตยของไทยจริงหรือไม่
นายเทพไท ยังกล่าวถึงกรณีนายจตุพร ออกมาแฉว่ามีขบวนการใช้วิกฤตน้ำท่วมเป็นจุดเปลี่ยนรัฐบาลของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่มาจากการเลือกตั้งว่า คงเป็นอาการจิตหลอน สร้างภาพจินตนาการเรื่องการปฏิวัติรัฐประหารขึ้นมาเอง เพราะพยายามปั้นเรื่องเหล่านี้ขึ้นมาหลายครั้งหลายหนแล้ว เพียงเพื่อหวังผลทางการเมือง สร้างเรตติ้งจากคนเสื้อแดงให้รวมตัวต่อต้าน หลังจากที่ไม่มีเงื่อนไขกิจกรรมเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดง ซึ่งจะทำให้บทบาทของนายจตุพร ในพรรคเพื่อไทยตกต่ำลง เนื่องจากส.ส.ส่วนใหญ่ของพรรค ก็ไม่ยอมรับบทบาทของแกนนำนปช. ที่พยายามเข้าแทรกแซงการบริหารงานภายในพรรค จนรู้ไปทั่ววงการเมือง
ในภาวะการณ์น้ำท่วมเช่นนี้ นายจตุพร ก็พยายามปั้นน้ำเป็นตัวอีกครั้ง เพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของกองทัพไทย ซึ่งเข้าใจว่า สถานการณ์น้ำท่วมที่กองทัพได้ส่งกำลังทหารทุกเหล่าทุกหน่วย เข้ามาช่วยเหลือชาวบ้านเต็มที่ จนได้รับคะแนนนิยมจากชาวบ้านมากกว่า ศปภ. ของรัฐบาลที่ล้มเหลว และประชาชนไม่ให้ความเชื่อถือเห็นได้จากผลโพลคะแนนเต็ม 10 แต่ศปภ.ได้เพียง 3.36 คะแนนเท่านั้น
ขณะที่สังคมไทย โดยเฉพาะผู้ประสบอุทกภัย ต่างถามหาแกนนำคนเสื้อแดง ว่าหายหัวไปอยู่ที่ไหนกันหมด จึงไม่ออกมาเคลื่อนไหวปลุกระดมรวบรวมคนเสื้อแดงมาช่วยแก้ปัญหาน้ำท่วม เหมือนครั้งที่ชุมนุมเผาบ้านเผาเมือง และขอเตือนนายอัมสเตอร์ดัมว่าอย่าพยายามสร้างหลักฐานเท็จ เพื่อไปฟ้องต่อศาลโลก
** "อัมสเตอร์ดัม"เยี่ยมแดงอุดรฯ
ด้านนายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ยังคงลงพื้นที่จังหวัดต่างๆ เพื่อเยี่ยมนักโทษการเมือง รวมทั้งเก็บข้อมูลจากคนเสื้อแดง ญาติผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมเดือนพฤษภา 53 เอาไว้ยื่นร้องต่อศาลอาญาระหว่างประเทศนั้น
ทั้งนี้ นายอัมสเตอร์ดัม พร้อมด้วยนายคารม พลทะกลาง ทนายความ นปช.ได้ไปที่ จ.อุดรธานี เพื่อเยี่ยมคนเสื้อแดง 2 ราย ในเรือนจำกลางอุดรธานี คือ นายประสิทธิ วิชัยรัตน์ หรือ "ดีเจ. จ.ใจเดียว" และ นายจักรพงษ์ แสนคำ หรือ "ดีเจ.ก้อง" นักจัดรายการวิทยุสถานีวิทยุชุมชนคนรักอุดรฯ ที่จะพ้นโทษวันที่ 31 ต.ค.นี้ โดยมีนายขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร และคนเสื้อแดงประมาณ 200 คนไปรอรับที่หน้าเรือนจำ
นายอัมสเตอร์ดัมได้ใช้เวลาเยี่ยมผู้ต้องขัง และสอบถามข้อมูลประมาณ 1 ชั่วโมง หลังจากนั้นเดินทางพบกับคนเสื้อแดงที่เป็นผู้ต้องหาในคดีต่างๆ และเดินทางไปที่สถานีวิทยุ คลื่น 97.5 สถานีวิทยุชมรมคนรักอุดรฯ พร้อมเปิดเผยว่า การเดินทางมาครั้งนี้ เพื่อหาแนวทางการช่วยเหลือ และจะดำเนินการโดยให้ทนายทั้งหมดมารวมตัวกันแบ่งปันหลักฐาน จากนั้นเป็นขั้นตอนคุยกับรัฐบาลว่าจะให้ความยุติธรรมกับคนเหล่านี้อย่างไร
"เราจะต้องเดินหน้าไม่หยุด เพื่อนำผู้สั่งสังหารประชาชนมาลงโทษ ทักษิณ คือเพื่อนมนุษย์คนหนึ่ง มีอยู่ช่วงหนึ่งฟังคำพูดของพรรคประชาธิปัตย์แล้วทำให้รู้ว่า พวกเขาใส่ร้ายและกล่าวหา ทำให้พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นปีศาจร้าย หากเราเกิดอุบัติเหตุขึ้นในประเทศไทย เขาจะโทษว่าเป็นเพราะทักษิณ หากนายอภิสิทธิ์ หกล้มก็จะโทษว่าเป็นเพราะทักษิณ หากนายสุเทพ ปวดหัวจะถูกใส่ร้ายว่าเป็นเพราะทักษิณอีก" นายอัมสเตอร์ดัม กล่าว
จากนั้น นายอัมสเตอร์ดัมและคณะได้เดินทางไปที่จ.เชียงใหม่ เพื่อเยี่ยมคนเสื้อแดงที่ถูกคุมขังที่เรือนจำเชียงใหม่
นายคารม พลทะกลาง กล่าวว่าจะพา นายอัมสเตอร์ดัม ไปเรือนจำเชียงใหม่ เพื่อพูดคุย เก็บข้อมูลจากกลุ่มผู้ต้องขังเสื้อแดง
"นายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม จะอยู่เชียงใหม่ถึงวันที่ 21 ต.ค. ก่อนเดินทางกลับต่างประเทศ อาจเปิดแถลงข่าวถึงผลการเดินทางมาประเทศไทยครั้งนี้ ซึ่งตั้งแต่วันที่ 10 ต.ค. จนถึงขณะนี้ ได้หลักฐานสำคัญอะไรบ้างในคดี 91 ศพ และจะแจ้งรายละเอียดการแถลงข่าวให้ทราบต่อไป" นายคารม กล่าว
** ไม่สนถูกปชป.ฟ้อง
นายคารมยังกล่าวถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ แจ้งความดำเนินคดีนายอัมสเตอร์ดัม ในข้อหาหมิ่นประมาทว่า ไม่มีอะไรน่ากังวล และสิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ออกมาแจ้งจับนายอัมสเตอร์ดัม เพราะไม่ต้องการให้เปิดเผยความจริงในสิ่งที่ได้กระทำไป ทั้งนี้ นายอัมสเตอร์ดัมยืนยันว่าจะขอต่อสู้กับพรรคประชาธิปัตย์ตลอดไป และจะนำเอาข้อมูลที่ได้ครั้งนี้ เปิดเผยให้ชาวโลกได้รับรู้ความจริงว่า พรรคประชาธิปัตย์สนับสนุนประชาธิปไตยของไทยจริงหรือไม่