วานนี้ (13 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจาก เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ว่า นายอัมสเตอร์ดัม พร้อมทีมกฏหมายนปช. ได้เข้าเยี่ยม นายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ หรือ แซ่ด่าน และนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข กรณีโดนข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เพื่อขอข้อมูล พูดคุยถึงเป้าหมาย แนวทางในการช่วยเหลือ
อย่างไรก็ตาม นายอัมสเตอร์ดัม ปฏิเสธที่จะเปิดเผยว่าได้คุยกับทั้งสองคนในเรื่องใดบ้าง เนื่องจากจะมีผลต่อคดี แต่ยืนยันจะอยู่ในประเทศไทยให้นานที่สุด และไม่ขอเปิดเผยกำหนดการระหว่างอยู่ในประเทศไทย ทั้งนี้ สภาพความเป็นอยู่ของระบบยุติธรรมในสถานที่ถูกคุมขัง ไม่ตรงกับมาตรฐานหลักนานาชาติสากล ซึ่งมองว่า เรื่องนี้จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงโดยเร็วที่สุด
นายอัมสเตอร์ดัม กล่าวว่า อัยการของประเทศไทย พยายามทำให้กลุ่มผู้ต้องขังท้อแท้และยอมรับสารภาพ ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลง โดยตนจะทยอยเดินทางเข้าพบผู้ต้องขังเสื้อแดงในต่างจังหวัดด้วย
ส่วนจะมีการเข้าพบน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หรือไม่นั้น ยังไม่แน่ใจ เพราะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องดูแลช่วยเหลือเรื่องน้ำท่วม แต่ตนก็รู้จักคนในรัฐบาล 2-3 คน อาจจะมีการเข้าไปพบพูดคุยในเรื่องนี้
ขณะเดียวกัน การเดินทางเข้าประเทศไทยในครั้งนี้ ก็ไม่กลัวว่าพรรคประชาธิปัตย์หรือฝ่ายค้านจะมองว่าเป็นการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม เพราะถือว่าสิ่งที่ตนทำเป็นแนวทางที่ถูกต้อง อีกทั้งมองว่า การที่พรรคประชาธิปัตย์ นำเรื่องของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เข้ามาโยงเกี่ยวข้องนั้น เป็นเพราะพรรคประชาธิปัตย์ กลัว พ.ต.ท.ทักษิณ
สำหรับความคืบหน้าการยื่นคำร้อง ฟ้องรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ ที่สลายการชุมนุม จนทำให้มีผู้เสียชีวิตนั้น ในวันนี้ (14 ต.ค.) ตนจะแถลงข่าว ที่ชั้น 5 ห้างสรรพสินค้า อิมพีเรียลลาดพร้าว ในเวลา 13.00 น. อย่างเป็นทางการอีกครั้ง
ด้านนายคารม พลทะกลาง ทนายความ นปช. ระบุว่า การที่นายอัมเตอร์ดัม เดินทางมาประเทศไทย เพราะมีความสนใจในเรื่องของ มาตรา 112 ว่า ทำไมผู้ถูกคุมขังในคดีหมิ่นประมาท ถึงไม่ได้รับการประกันตัว พร้อมสนใจกฎหมายที่มาจากอำนาจเผด็จการ และมองว่าเป็นคดีที่ซับซ้อน และเกี่ยวข้องกับหลายฝ่าย
ทั้งนี้ กลุ่มเสื้อแดงที่ยังถูกคุมขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และคลองเปรม มีจำนวนทั้งสิ้น 40 คน รวมผู้หญิงอีก 3 คน โดยส่วนใหญ่จะถูกดำเนินคดี ข้อหา ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และม. 112
**"เหลิม"เมินจับกุม"อัมสเตอร์ดัม"
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายวัชระ เพชรทอง ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ จะทำหนังสือถึงร.ต.อ.เฉลิม ให้สั่งการไปยัง พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รักษาการ ผบ.ตร. เพื่อมอบหมายให้ตำรวจในท้องที่ดำเนินการจับกุมนายโรเบิร์ต อัมเตอร์ดัม ทนายความส่วนตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเดินทางเข้าประเทศไทยทั้งๆที่ถูกแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ว่า ตนยังไม่เห็นหนังสือดังกล่าว แต่ถ้าร้องมาแล้ว ก็ต้องรอการตรวจสอบ เมื่อรับตรวจสอบแล้ว ก็ต้องพิจารณาตามข้อกฎหมายว่า สอดคล้องรองรับกับที่ร้องมาหรือไม่ ก็ไม่มีปัญหาอะไร ผิดก็ว่ากันไปตามผิด ถูกก็ว่ากันไปตามถูก จะนึกเอาแต่ความรู้สึกของตัวเองคงจะไม่ได้ ตนก็ทำงานตรงไปตรงมาไม่มีปัญหาอะไร
ส่วนกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์อ้างว่า นายอัมสเตอร์ดัม เป็นผู้ต้องหาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพนั้น ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ก็จะไปตรวจสอบที่ไปร้องทุกข์กล่าวโทษมา ว่าเรื่องอะไร ซึ่งทางเจ้าพนักงานสืบสวนสอบสวน เขาก็ต้องมีการสอบสวนหาข้อเท็จจริง เพราะบางครั้งเราไปร้องทุกข์กล่าวโทษแล้ว เราไปทึกทักเอาเองว่าเขาผิด ซึ่งทุกอย่างก็ต้องอยู่ที่การรวบรวมพยานหลักฐาน และสำนวน ซึ่งการสอบสวนนั้นจะมีมากน้อยแค่ไหน
"ขอย้ำว่าใครสักคนจะไปร้องทุกข์กล่าวโทษคนหนึ่งคนใด ไม่ใช่ทันทีที่ร้องทุกข์กล่าวโทษบุคคลนั้นจะตกเป็นผู้ต้องหาทันทีนั้น ไม่ใช่ เพราะมีขั้นตอนการสืบสวน การสอบสวน ต้องมีพยานหลักฐาน น้ำหนักแห่งคดีมีมากน้อยแค่ไหนถ้าไม่มี พนักงานสอบสวนก็ระงับการสอบสวน" ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
เมื่อถามว่า การที่พรรคประชาธิปัตย์ หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมา ก็อาจจะเติมน้ำหนักข้อครหาที่ว่า พรรคเพื่อไทยไม่จงรักภักดี ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ตนไม่แสดงความเห็น ประชาชนได้ตัดสินไปแล้วว่า ข้อกล่าวหาต่างๆ ประชาชนไม่เชื่อ และประชาชนมั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยมั่นคงต่อสถาบันฯ
** จวก"อัมสเตอร์ดัม"แทรงแซงไทย
ด้านนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี นาย อัมสเตอร์ดัม กล่าวถึงการแก้กฎหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา 112 ที่เกี่ยวกับสถาบันเบื้องสูงว่า แก้ยาก เพราะมีมือที่มองไม่เห็นคุ้มครองอยู่ว่า นายอัมสเตอร์ดัม ไม่ได้เกี่ยวข้องกับประเทศไทยเลยที่จะมาพูดเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญของไทย ถือเป็นการพูดที่ขาดจรรยาบรรณ และขาดความเป็นสมบัติผู้ดี ไม่ใช่คนไทยไม่มีสิทธิมายุ่งเกี่ยวกับกิจการภายในของประเทศไทย เพราะกระบวนการต่างๆ เราคนไทยพูดกันเองได้
การที่นายอัมสเตอร์ดัม พูดถึงมือที่มองไม่เห็นนั้น ยืนยันว่า มีแต่มือที่มีความจงรักภักดี ที่เป็นเกราะป้องกันจากทนายคนนี้ ที่พยายามเข้ามาแทรกแซง ตอนนี้ทุกคนกำลังร่วมมือกันมาช่วยอุทกภัยอยู่ แต่หากนายโรเบิร์ตจะทำอะไรที่เป็นคุณูปการ ก็ขอให้ไปบอกนายจ้างของตัวเองว่า ควรช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างไรบ้าง เพราะเห็นพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทำตัวเงียบที่สุดตอนนี้ที่คนไทยกำลังเดือดร้อน เพราะกลัวจะเสียทรัพย์สินเงินทอง ทั้งที่มหาเศรษฐีของไทยแต่ละคน ออกมามาช่วยบริจาคเงินช่วยเหลือ แต่พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ช่วยสักสองสลึงหรือยัง ถ้ายังก็ฝากนายโรเบิร์ต ให้ช่วยไปบอกด้วย
อย่างไรก็ตาม นายอัมสเตอร์ดัม ปฏิเสธที่จะเปิดเผยว่าได้คุยกับทั้งสองคนในเรื่องใดบ้าง เนื่องจากจะมีผลต่อคดี แต่ยืนยันจะอยู่ในประเทศไทยให้นานที่สุด และไม่ขอเปิดเผยกำหนดการระหว่างอยู่ในประเทศไทย ทั้งนี้ สภาพความเป็นอยู่ของระบบยุติธรรมในสถานที่ถูกคุมขัง ไม่ตรงกับมาตรฐานหลักนานาชาติสากล ซึ่งมองว่า เรื่องนี้จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงโดยเร็วที่สุด
นายอัมสเตอร์ดัม กล่าวว่า อัยการของประเทศไทย พยายามทำให้กลุ่มผู้ต้องขังท้อแท้และยอมรับสารภาพ ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลง โดยตนจะทยอยเดินทางเข้าพบผู้ต้องขังเสื้อแดงในต่างจังหวัดด้วย
ส่วนจะมีการเข้าพบน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หรือไม่นั้น ยังไม่แน่ใจ เพราะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องดูแลช่วยเหลือเรื่องน้ำท่วม แต่ตนก็รู้จักคนในรัฐบาล 2-3 คน อาจจะมีการเข้าไปพบพูดคุยในเรื่องนี้
ขณะเดียวกัน การเดินทางเข้าประเทศไทยในครั้งนี้ ก็ไม่กลัวว่าพรรคประชาธิปัตย์หรือฝ่ายค้านจะมองว่าเป็นการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม เพราะถือว่าสิ่งที่ตนทำเป็นแนวทางที่ถูกต้อง อีกทั้งมองว่า การที่พรรคประชาธิปัตย์ นำเรื่องของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เข้ามาโยงเกี่ยวข้องนั้น เป็นเพราะพรรคประชาธิปัตย์ กลัว พ.ต.ท.ทักษิณ
สำหรับความคืบหน้าการยื่นคำร้อง ฟ้องรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ ที่สลายการชุมนุม จนทำให้มีผู้เสียชีวิตนั้น ในวันนี้ (14 ต.ค.) ตนจะแถลงข่าว ที่ชั้น 5 ห้างสรรพสินค้า อิมพีเรียลลาดพร้าว ในเวลา 13.00 น. อย่างเป็นทางการอีกครั้ง
ด้านนายคารม พลทะกลาง ทนายความ นปช. ระบุว่า การที่นายอัมเตอร์ดัม เดินทางมาประเทศไทย เพราะมีความสนใจในเรื่องของ มาตรา 112 ว่า ทำไมผู้ถูกคุมขังในคดีหมิ่นประมาท ถึงไม่ได้รับการประกันตัว พร้อมสนใจกฎหมายที่มาจากอำนาจเผด็จการ และมองว่าเป็นคดีที่ซับซ้อน และเกี่ยวข้องกับหลายฝ่าย
ทั้งนี้ กลุ่มเสื้อแดงที่ยังถูกคุมขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และคลองเปรม มีจำนวนทั้งสิ้น 40 คน รวมผู้หญิงอีก 3 คน โดยส่วนใหญ่จะถูกดำเนินคดี ข้อหา ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และม. 112
**"เหลิม"เมินจับกุม"อัมสเตอร์ดัม"
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายวัชระ เพชรทอง ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ จะทำหนังสือถึงร.ต.อ.เฉลิม ให้สั่งการไปยัง พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รักษาการ ผบ.ตร. เพื่อมอบหมายให้ตำรวจในท้องที่ดำเนินการจับกุมนายโรเบิร์ต อัมเตอร์ดัม ทนายความส่วนตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเดินทางเข้าประเทศไทยทั้งๆที่ถูกแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ว่า ตนยังไม่เห็นหนังสือดังกล่าว แต่ถ้าร้องมาแล้ว ก็ต้องรอการตรวจสอบ เมื่อรับตรวจสอบแล้ว ก็ต้องพิจารณาตามข้อกฎหมายว่า สอดคล้องรองรับกับที่ร้องมาหรือไม่ ก็ไม่มีปัญหาอะไร ผิดก็ว่ากันไปตามผิด ถูกก็ว่ากันไปตามถูก จะนึกเอาแต่ความรู้สึกของตัวเองคงจะไม่ได้ ตนก็ทำงานตรงไปตรงมาไม่มีปัญหาอะไร
ส่วนกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์อ้างว่า นายอัมสเตอร์ดัม เป็นผู้ต้องหาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพนั้น ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ก็จะไปตรวจสอบที่ไปร้องทุกข์กล่าวโทษมา ว่าเรื่องอะไร ซึ่งทางเจ้าพนักงานสืบสวนสอบสวน เขาก็ต้องมีการสอบสวนหาข้อเท็จจริง เพราะบางครั้งเราไปร้องทุกข์กล่าวโทษแล้ว เราไปทึกทักเอาเองว่าเขาผิด ซึ่งทุกอย่างก็ต้องอยู่ที่การรวบรวมพยานหลักฐาน และสำนวน ซึ่งการสอบสวนนั้นจะมีมากน้อยแค่ไหน
"ขอย้ำว่าใครสักคนจะไปร้องทุกข์กล่าวโทษคนหนึ่งคนใด ไม่ใช่ทันทีที่ร้องทุกข์กล่าวโทษบุคคลนั้นจะตกเป็นผู้ต้องหาทันทีนั้น ไม่ใช่ เพราะมีขั้นตอนการสืบสวน การสอบสวน ต้องมีพยานหลักฐาน น้ำหนักแห่งคดีมีมากน้อยแค่ไหนถ้าไม่มี พนักงานสอบสวนก็ระงับการสอบสวน" ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
เมื่อถามว่า การที่พรรคประชาธิปัตย์ หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมา ก็อาจจะเติมน้ำหนักข้อครหาที่ว่า พรรคเพื่อไทยไม่จงรักภักดี ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ตนไม่แสดงความเห็น ประชาชนได้ตัดสินไปแล้วว่า ข้อกล่าวหาต่างๆ ประชาชนไม่เชื่อ และประชาชนมั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยมั่นคงต่อสถาบันฯ
** จวก"อัมสเตอร์ดัม"แทรงแซงไทย
ด้านนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี นาย อัมสเตอร์ดัม กล่าวถึงการแก้กฎหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา 112 ที่เกี่ยวกับสถาบันเบื้องสูงว่า แก้ยาก เพราะมีมือที่มองไม่เห็นคุ้มครองอยู่ว่า นายอัมสเตอร์ดัม ไม่ได้เกี่ยวข้องกับประเทศไทยเลยที่จะมาพูดเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญของไทย ถือเป็นการพูดที่ขาดจรรยาบรรณ และขาดความเป็นสมบัติผู้ดี ไม่ใช่คนไทยไม่มีสิทธิมายุ่งเกี่ยวกับกิจการภายในของประเทศไทย เพราะกระบวนการต่างๆ เราคนไทยพูดกันเองได้
การที่นายอัมสเตอร์ดัม พูดถึงมือที่มองไม่เห็นนั้น ยืนยันว่า มีแต่มือที่มีความจงรักภักดี ที่เป็นเกราะป้องกันจากทนายคนนี้ ที่พยายามเข้ามาแทรกแซง ตอนนี้ทุกคนกำลังร่วมมือกันมาช่วยอุทกภัยอยู่ แต่หากนายโรเบิร์ตจะทำอะไรที่เป็นคุณูปการ ก็ขอให้ไปบอกนายจ้างของตัวเองว่า ควรช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างไรบ้าง เพราะเห็นพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทำตัวเงียบที่สุดตอนนี้ที่คนไทยกำลังเดือดร้อน เพราะกลัวจะเสียทรัพย์สินเงินทอง ทั้งที่มหาเศรษฐีของไทยแต่ละคน ออกมามาช่วยบริจาคเงินช่วยเหลือ แต่พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ช่วยสักสองสลึงหรือยัง ถ้ายังก็ฝากนายโรเบิร์ต ให้ช่วยไปบอกด้วย