พรรคประชาธิปัตย์ สั่งส.ส.พรรค ส่งข้อมูลจัดการน้ำให้รัฐบาล พร้อมแนะรัฐเร่งหามาตรการด้านการศึกษา รองรับเปิดเทอม พร้อมลดภาษีนิติบุคคลพร้อมขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทเพื่อช่วยคนจน หนุนประกาศ พ.ร.ก.ฉุนเฉิน ให้สอดรับสถานการณ์
วันนี้(12 ต.ค.) นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ส.ส.กทม.ในฐานะโฆษกครม.เงาพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า ครม.เงาเน้นย้ำให้ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ให้ความร่วมมือนำข้อเสนอแนะกลับไปยังจังหวัดต่างๆ ในการช่วยรัฐบาลในการบริหารจัดการน้ำท่วม ขอให้รัฐบาลเน้นในเรื่องของการบริหารบุคคลเพิ่มเติมมากกว่านี้ เนื่องจากว่าสถานการณ์ตอนนี้ผลเริ่มกระทบถึงตัวบุคคลมากขึ้นและควรกำหนดชัดเจนเรื่องของมาตรการที่เกี่ยวข้องกับมาตรการกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อรอรับเด็กที่กำลังจะเปิดเทอมว่าจะมีกระบวนการทำอย่างไร รวมถึงเรื่องของแรงงานในปัจจุบันที่มีการตกงานชั่วคราวเป็นจำนวนมากว่าจะมีมาตรการในการช่วยเหลือคนภาคแรงงานอย่างไร จึงอยากขอให้รัฐบาลช่วยเร่งดำเนินช่วยเหลือ
นายอรรถวิชช์ กล่าวอีกว่า ส่วนการติดตามมติครม.เป็นเรื่องของการลดภาษีนิติบุคคลลง ในวันที่ 1 ม.ค.55 โดยครม.เงา อยากให้รัฐบาลกลับไปนึกถึงคำสัญญาเดิมในกรณีการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท เป็นการแลกกับการลดภาษีนิติบุคคลเพราะจะเห็นได้ว่าถ้าย้อนเวลากลับไปในช่วงหาเสียง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯรัฐมนตรี ก็พูดชัดเจนว่า ถ้าจะขึ้นค่าแรง 300บาท ก็จะเยียวยานิติบุคคล บริษัทต่างๆ โดยการลดภาษีลงมา เพราะฉะนั้นเมื่อประกาศชัดเจนว่า ลดภาษีในวันดังกล่าวก็ขอให้วันนั้นเป็นวันเดียวกันกับการประกาศการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300บาท ทั่วประเทศ ถือว่าเป็นมาตรการออกมาช่วยเหลือคนจนได้ด้วย แต่ในขณะนี้คนรวยได้รับประโยชน์จาการลดภาษีนิติบุคคลของรัฐบาลเป็นที่แน่นอนแล้ว เป็นการทวงถามจากครม.เงา
ส่วนกรณี เรื่องการประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินหรือกฎหมายที่เอื้อประโยชน์ต่อการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ในขณะนี้ นายอรรถวิชช์ กล่าวว่า ทางครม.เงามองว่า หากมีความจำเป็นในการที่ต้องประกาศกฎหมายใดหรือพ.ร.ก.ฉุกเฉินเพื่อเอื้อประโยชน์ต่อการบริหารจัดการต้องรีบดำเนินการเพราะการอพยพคนออกจากพื้นที่วิกฤตนั้นเป็นเรื่องสำคัญ ก็อยากจะให้ใช้กฏหมายที่สอดรับกับสถานการณ์เพราะปัจจุบันเตรียมอพยพคนจำนวนมาก ซึ่งบริเวณดังกล่าวต้องเป็นพื้นที่ปิดไม่อนุญาตให้คนเข้าไปเพราะฉะนั้นถ้ามีกฏหมายมากเอื้อประโยชน์ตรงนี้จะเป็นที่ดีมาก ซึ่งขณะนี้มีโจรน้ำจืดจำนวนมากที่แพร่ระบาดและเข้าไปขโมยของในจุดที่เป็นจุดวิกฤตต่างๆ เพราะนั้นเชื่อว่ากลไกทางกฏหมายที่จะเอื้อประโยชน์ขอให้รัฐบาลจะออกก็ออก อย่ากังวลใจเรื่องของภาพลักษณ์ถ้ามีความจำเป็นที่จะต้องออกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งผลสุดท้ายจะดูว่าการรับมือเรื่องน้ำและเรื่องคนของรัฐบาลชุดนี้ประสบความสำเร็จหรือไม่ นั้นเป็นเป้าหมายหลักมากกว่าที่จะต้องรักษาภาพพจน์ เพราะการออกพ.ร.ก.ฉุกเฉินเอื้อประโยชน์ต่อกามประชาชน เรื่องการจัดสรรคน และเรื่องของราคาสินค้าเนื่องจากมีการโกงราคาสินค้า ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญมากอยากให้รัฐบาลใช้ดุลพินิจให้ดีว่า การรักษาภาพพจน์ในการหลีกออกพ.ร.ก.ฉุกเฉินก็ควรคิดให้ดี
