xs
xsm
sm
md
lg

นายกฯตั้งกองทัพคุม5จว. ยื้อนวนคร! นิคมบางปะอิน-เซียร์รังสิตอ่วม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการรายวัน - ศปภ.แจงมวลน้ำก้อนใหญ่ จากนครสวรรค์ผ่าน กทม. ลงทะเลอ่าวไทยแล้ว เฝ้าระวังน้ำทะเลหนุนปลายเดือนอีกรอบ ยันเมืองกรุงไม่อ่วม แต่ยังห่วงพื้นที่รอบนอก ด้าน “ยิ่งลักษณ์” ลงนามตั้ง “กองทัพไทย” ดูแล 5 จังหวัดหลักพร้อมดุแล “นวนคร” สุดกำลัง มึน! กรมชลฯอ้างชาวบ้านไม่ยอมให้ปิดคลอง 1 ทำน้ำท่วมถึงเซียร์รังสิต ส่วนนิคมฯ บางปะอินท่วมทุกจุดแล้ว

เมื่อเวลา11.45น.วานนี้ (16 ต.ค.) นายธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรและสหกรณ์ ที่กำกับดูแลกรมชลประทาน จากพรรคชาติไทยพัฒนา ได้ออกมาแถลงข่าวถึงสถานการณ์อุทกภัยเป็นครั้งแรก โดยระบุว่า ตั้งแต่เดือนมิ.ย.กับปริมาณน้ำค่อนข้างมหาศาล ทำให้เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดนและเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ต้องเก็บน้ำให้ได้ถึงร้อยละ 99 แต่สถานการณ์ขณะนี้ค่อนข้างดีขึ้นเขื่อนภูมิพลได้ปล่อยน้ำวันละ50ล้านลบ.ม. เขื่อนสิริกิติ์ปล่อยน้ำวันละ20 ล้านลบ.ม. เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ปล่อยน้ำวันละ30ล้านลบ.ม.

ส่วนข้อสังเกตว่าน้ำจะเข้ามา กทม.จากพื้นที่ใดนั้น มีจุดสังเกตและเฝ้าระวังสองจุดคือ อ.บรรพตพิสัย จ.นครสวรรค์ ซึ่งปริมาณแม่น้ำปิงลดลง และอ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์ ซึ่งแม่น้ำน่านรวมกับแม่น้ำยมนั้นปริมาณน้ำลดลง เมื่อแม่น้ำทั้งหมดรวมกันเป็นแม่น้ำเจ้าพระยาที่อ.เมือง จ.นครสวรรค์ ปริมาณน้ำอยู่ที่ 4,630 ลบ.ม.ต่อวินาที ซึ่งปริมาณน้ำลดลงจากเมื่อวันที่15ต.ค.และทรงตัวมาหลายวันแล้ว

มวลน้ำสูงสุดจากจ.นครสวรรค์ ที่ไหลลงมานั้นได้ผ่านไปแล้วตั้งแต่วันที่ 13ต.ค. ฉะนั้นการบริหารจัดการมวลน้ำที่ผ่านเขื่อนเจ้าพระยา3,600ลบ.ม.ต่อวินาที โดยจะทรงตัวในลักษณะนี้ต่อไป และกำลังผลักดันน้ำออกไปทางตะวันออก ตอนนี้ค่อนข้างมีปัญหาเพราะรับน้ำได้น้อยคือ87ลบ.ม.ต่อวินาที โดยสูบน้ำออกไปได้วันละ30ลบ.ม.ต่อวินาที ส่วนทางตะวันตกคือแม่น้ำท่าจีนและแม่น้ำน้อยนั้น สามารถระบายน้ำได้710ลบ.ม.ต่อวินาที โดยสูบน้ำออกไปได้วันละ15ล้านลบ.ม.และรวมกับคลองลัดโพธิ์ที่ระบายน้ำลงทะเลได้อีกวันละ 40-50 ล้านลบ.ม.รวมปริมาณน้ำที่ระบายลงสู่ทะเลได้วันละ400-500 ล้านลบ.ม.”

ส่วนแม่น้ำเจ้าพระยา โซนเหนือตั้งแต่จ.สิงห์บุรี อ่างทอง อยุธยานั้น มีแนวโน้มลดลงและทรงตัวในลักษณะนี้หากจะเพิ่มขึ้นบ้างที่อ.บางไทร จ.อยุธยานั้นก็เป็นเพราะน้ำทะเลหนุน กรมชลประทานประมาณการณ์น้ำจากทุกแหล่งที่จะไหลเข้ากทม.ในปริมาณสูงสุดระหว่างวันที่15-16ต.ค.

“ย้ำว่า มวลน้ำปริมาณใหญ่ที่สุดนั้นได้ผ่านกทม.ออกทะเลไปแล้ว ประชาชนจึงสบายใจได้ เพราะระดับน้ำสูงสุดที่สะพานพุทธยอดฟ้า เมื่อเช้าวันที่15ต.ค.อยู่ที่ 2.29เมตร ซึ่งต่ำกว่าที่กรมชลประมานคาดไว้หนึ่งเซนติเมตร ปริมาณน้ำในจังหวัดต่างๆจะทรงตัวและค่อยๆลดลง ยืนยันได้ว่าปริมาณน้ำสูงสุดในรอบนี้ผ่านไปแล้ว และน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาจะไม่สามารถท่วมคันกั้นน้ำของกทม.ที่สร้างไว้สองจุดแน่นอน”

ทั้งนี้ สิ่งที่ประชาชนเป็นห่วงคือ ปริมาณน้ำที่ผ่านนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ ออกไปทางอ.วังน้อย จ.อยุธยาว่าจะไหลเข้า กทม.หรือไม่ ขอให้ประชาชนสบายใจว่า รัฐบาลเตรียมแก้ไขไว้แล้ว คือทำคันกั้นน้ำและเป็นแนวทางให้ไหลลงคลองต่างๆ หากมวลน้ำผ่านถนนพหลโยธินนั้น จะมีคลองระพีพัฒน์ที่สร้างกั้นไว้ น้ำจะไหลลงคลองต่างๆคือคลองหนึ่งถึงคลองสิบ น้ำตอนนี้ไหลเข้าคลองหนึ่งค่อนข้างเยอะจนประชาชนตกใจ แต่ขอให้ไม่ต้องเป็นห่วงว่าน้ำจะสูงขึ้นนั้น เพราะจะทยอยปล่อยน้ำไปคลองต่างๆ โดยน้ำจากคลองหนึ่งถึงคลองเจ็ดนั้นแต่สามารถรับไปตั้งเต่คลองแปดถึงคลองสิบมาลงคลองรังสิต โดยเมื่อน้ำลงคลองรังสิตจะสูบน้ำไปทางประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ และตั้งเครื่องสูบน้ำไว้ที่คลองระพีพัฒน์ระบายน้ำให้เป็นแก้มลิงเพื่อสูบน้ำออกมา และในกทม.มีคั้นกั้นน้ำจากโครงการพระราชดำริกั้นไว้ทางตะวันออกและกรมชลประทานไปกั้นเพิ่มไว้อีกชั้นหนึ่ง ยืนยันว่ารัฐบาลเตรียมแผนจัดการไว้ครบแล้ว ประชาชนมั่นใจได้

** เฝ้าระวังน้ำทะเลหนุน 28-30 ต.ค.

นายชลิต ดำรงศักดิ์ อธิบดีกรมชลประทาน แถลงว่า สถานการณ์น้ำจากนี้ไป ระดับน้ำจะทรงตัว แม้ปริมาณน้ำมวลใหญ่จะไหลลงทะเลไปแล้ว เพราะตอนนี้น้ำจากท้องทุ่งกำลังจะไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาอย่างช้าๆ ขณะเดียวกันน้ำจากพื้นที่เฝ้าระวังคือนิคมฯไฮเทคและนิคมฯโรจนะจ.อยุธยาที่จะข้ามถนนมิตรภาพ อ.บางปะอินนั้น ขอบคุณประชาชนที่ยอมให้เปิดคลองแปดถึงคลองสิบจนระบายน้ำและควบบุมทิศทางน้ำไปสู่ทางตะวันออกได้ จุดที่ตั้งเครื่องสูบน้ำไว้ที่คลองหนึ่งกับประตูน้ำจุฬาลงกรณ์นั้น พยายามเพิ่มเครื่องสูบน้ำให้มากที่สุด และพยายามน้ำมวลน้ำขนาดใหญ่ในตอนนี้ออกไปทางประตูระบายน้ำเชียงรากน้อย หากน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยามีระดับต่ำกว่าน้ำในคันกั้นน้ำก็จะเปิดประตูบานนี้เพื่อปล่อยน้ำอีกทางหนึ่ง

และตอนนี้กรมชลประทานตั้งเครื่องสูบน้ำไว้เจ็ดเครื่อง แต่ตอนนี้น้ำท่วมคันกั้นน้ำจมจึงไปเสริมคันกั้นน้ำหากเสริมได้จะเป็นช่องทางระบายน้ำได้อีกจากคลองระพีพัฒน์ไปยังคลองหนึ่ง

รวมทั้งน้ำทะเลหนุนระหว่างวันที่ 28-30 ตุลาคม แนวคันกั้นน้ำชั่วคราวและกระสอบทรายที่วางไว้นั้น ขอร้องว่าประชาชนอย่าทำลาย จุดใดอ่อนก็จะเสริมความแข็งแรงเพื่อให้บรรเทาภาวะต่างๆ ลงไป

**หวั่นคลองสามวา-มีนบุรี-หนองจอก

นายยงศักดิ์ ขงมาก ตัวแทนกทม.แถลงว่า การเตรียมความพร้อมของกทม.นั้น น้ำจะท่วมหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับน้ำเหนือ น้ำหนุนและน้ำฝนที่จะบรรจบกันจนทำให้กทม.ท่วม ประชาชนสอบถามว่าน้ำที่ท่วมขังตอนนี้เป็นน้ำเหนือหรือไม่ ขอเรียนว่าไม่ใช่ แต่มันเป็นน้ำฝน ซึ่งกทม.จัดการไปแล้ว และกทม.มีเขื่อนที่รองรับน้ำทะเลหนุนได้เต็มร้อย ตอนนี้น้ำที่ไหลมาทางทิศเหนือและลงคอลหนึ่งจนประชาชนไม่ยอมให้ปิดประตูระบายน้ำคลองหนึ่งและไม่ยอมเปิดประตูระบายน้ำเชียงรากนอยจนน้ำไหลบ่ามาทางตวันออกและอาจทำให้เขตดอนเมืองและสายไหมได้รับผลกระทบ เช้าวันนี้ผู้ว่าฯกทม.สั่งการไปว่าระดมเจ้าหน้าที่กทม.ทั้งหมดไปสร้างแนวคันกั้นน้ำเสริมความแข็งแรงระยะทางหกกิโลเมตร และวันนี้จะดำเนินการให้แล้วเสร็จเพื่อไม่ให้น้ำไหลมาในสองเขตดังกล่าว ทั้งนี้จะขอความร่วมมือประชาชนไปช่วยเจ้าหน้าที่ด้วย ยืนยันกทม.ส่วนกลางนั้นขอให้มั่นใจได้ว่าจะไม่ท่วม ตอนนี้มีเพียงจุดเดียวที่คลองทวีวัฒนา โดยตอนนี้กองทัพเรือส่งกำลังพลมาช่วยทำคันกั้นน้ำแล้ว

“ทางตะวันออกคือเขตคลองสามวา ลาดกระบัง มีนบุรี หนองจอกนั้น อาจมีน้ำสูงบ้างเพราะคลองประเวศบุรีรมย์ระบายน้ำออกไปทางประตูระบายน้ำลาดกระบังเพื่อนำน้ำลงแม่น้ำบางปะกง แต่ประชาชนแถวนี้สูบน้ำลงแม่น้ำดังกล่าวนั้นน้ำจะท่วมทันที เพราะประตูน้ำตรงนี้ไม่สามารถสูบน้ำได้ น้ำจะล้นไปสู่ประตูระบายน้ำพระโขนงต่อไป”นายยงศักดิ์ระบุ

**ปูลงนามตั้งกองทัพไทยดูแล 5 จว.

เวลา16.10น.พล.อ.พลางกูร กล้าหาญ โฆษกศปภ.ร่วมกันแถลงข่าวว่า ที่ประชุมรับทราบคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ลงนามในคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่209/2554 เรื่องการบริหารจัดการ ควบคุม สั่งการ ของศปภ.มอบให้กองทัพไทย กระทรวงกลาโหม จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการทางอากาศเพื่อควบคุมและรวบรวมการทำงานทางอากาศของทุกหน่วยงาน รวมทั้งอุปกรณ์การช่วยเหลือจากต่างประเทศ และจัดตั้งศูนย์การค้นหาและช่วยชีวิต

ทั้งนี้นายกฯต้องการบูรณการการทำงานของกองทัพไทยเข้าช่วยเหลือประชาชนเต็มกำลังให้มากและกว้างขึ้น เพื่อให้ดูแล จ.นครสวรรค์ อยุธยา ลพบุรี ปทุมธานีและนนทบุรี ส่วนจังหวัดอื่นๆมอบให้ผู้ว่าฯเป็นหัวหน้าบัญชาการ โดยจะไปช่วยเเฝ้าระวังระดับน้ำและช่วยเหลือประชาชนตามที่แจ้งไว้ ขอเรียนว่า วันนี้นายกฯมีกำลังใจเต็มเปี่ยมเพื่อดูแลประชาชนแม้การประชุมทุกครั้งจะเคร่งเครียดจากข้อมูลด้านต่างๆแต่ก็ยังยิ้มได้

ทั้งนี้ กระทรงกลาโหมและกองทัพไทยได้จัดตั้งสองศูนย์ดังกล่าวขึ้นเพื่อที่จะบูรณาการการทำงาน เพราะจะมีเฮลิคอปเตอร์จากสหรัฐอเมริกามาช่วย และคำสั่งของนายกฯนั้น กองทัพไทยจะเข้าไปช่วยเหลือ 10 จังหวัด และใน 5จังหวัดหลักคือจ.นครสวรรค์ ให้กองทัพภาค 3 รับผิดชอบ จ.อยุธยาและนนทบุรี ให้กองทัพภาค 1รับผิดชอบ จ.ลพบุรี ให้ศูนย์สงครามพิเศษฯรับผิดชอบ จ.ปทุมธานี ให้หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ กองทัพบกรับผิดชอบ ทั้งนี้ขอเปลี่ยนชื่อจาก “ศูนย์อพยพ”เป็น “ศูนย์ที่พักพิงชั่วคราว”

**ทบ.ยืนยันคุมนวนครได้

ส่วนการป้องกันนิคมฯนวนคร จ.ปทุมธานี ที่มีการสู้กับน้ำแบบนาทีต่อนาที มั่นใจว่าจะป้องกันนิคมฯนี้ได้เนื่องจากได้ใช้เทคโนโลยีทันสมัยพร้อมกระสอบทรายซ่อมเสริมคันกั้นน้ำให้แข็งแรง ถือเป็นนโยบายของนายกฯสั่งให้ดูแลดีที่สุด ดังนั้จึงขอร้องประชาชนอย่าไปเจาะหรือแก้ไขเอง เพราะปัญหาจะบานปลาย

นายวิม รุ่งวัฒนะจินดา โฆษกศปภ.แถลงว่า เรือทีเข้ามาร่วมผลักดันน้ำมีหลายร้อยลำที่แม่น้ำเจ้าพระยา ขณะที่เรือของเอกชนบางส่วนไปช่วยผลักดันน้ำในแม่น้ำท่าจีนและบางปะกง ซึ่งน้ำได้ไหลผ่านกทม.ไปแล้วเมื่อคืนวันที่15ต.ค. เหลือแต่น้ำในท้องทุ่งต่างๆ

ส่วนการระบายน้ำจากคลองเชียงรากน้อยไปยังคลองเปรมประชากรเพื่อไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยามีระยะทาง 7กิโลเมตร ได้เปิดประตูระบายน้ำเต็มที่เพื่อเร่งน้ำไหลจากจ.ปทุมธานีให้ไหลลงแม่น้ำเจ้าพระยา โดยน้ำจะท่วมบ้างในบางพื้นที่ น้ำจากจ.อยุธยาจะไหลมายังคลองเจ็ดถึงคลองเก้า เข้าสู่การระบายน้ำไปจ.สมุทรปราการและระบายลงแม่น้ำบางปะกง ส่วนข้อกังวลว่าน้ำจะไหลเข้าคลองเปรมประชากร มาสู่คลองหนึ่งและตอนบนของกทม.นั้น ประชาชนอย่าเพิ่งตระหนกเพราะไม่เป็นจริงตามข่าวลือ เนื่องจากศปภ.มีมาตรการปิดประตูน้ำและมีถนนเลียบคลองรังสิต-นครนายกเป็นพนังกั้นน้ำไม่ให้ไหลเข้ากทม.ส่วนน้ำที่ล้นออกจากคลองเปรมประชากรนั้น ได้ประสานกับกทม.ให้ผันน้ำลงแม่น้ำ

“สมมติว่าหากระบายน้ำวันละห้าสิบล้านลูกบาศ์กเมตร การผันน้ำของกทม.จะต้องผันน้ำในปริมาณเท่ากันเพื่อไม่ให้น้ำล้นสองฝั่งคลอง ส่วนรังสิตมีประตูระบายน้ำด้านเชียงรากใหญ่และเชียงรากน้อย น้ำจะระบายผ่านกทม.ในบางส่วนเท่านั้น ส่วน ข่าวลือที่ทำให้ชาวกทม.วิตกกังวล ศปภ.ยืนยันว่า หากมีความเคลื่อนไหวด้านข่าวลือใดๆจะแจ้งทันที เช่น มีข่าวลือการปิดทางด่วนบางปะอิน และไม่ให้รถเล็กวิ่งนั้น ตอนนี้น้ำท่วมขังบนถนนจริงและปิดการจราจรไม่ให้รถเล็กวิ่งผ่าน เพราะระดับน้ำอยู่ในระดับอันตราย แต่ไม่กระทบการจราจรเพราะเส้นทางจากอ.วังน้อยมายังเส้นทางต่างระดับบางปะอินมีน้ำท่วมขังและถนนสายเอเชียก็มีน้ำท่วมขัง รถผ่านน้อย ฉะนั้นจึงไม่มีผลกระทบในตอนนี้”นายวิมกล่าว

**กรมชลฯจีนเสนอ 3 ข้อนายกฯ

ที่ห้องบัญชาการ ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ท่าอากาศยานดอนเมือง นายหลิว หนิง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกรมชลประทาน ของสาธารณรัฐประชาชนจีน เข้าเยี่ยมคารวะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในโอกาสเดินทางเยี่ยมประเทศไทยในฐานะแขกของรัฐบาล โดยได้กล่าวแสดงความเสียใจและเห็นใจต่อสถานการณ์อุทกภัยในประเทศไทย โดยได้เสนอแนวทางการแก้ปัญหาหลัก 3 ข้อ คือ การป้องกันดูแลกรุงเทพมหานคร จากอุทกภัย การวางแผนระบายน้ำสู่ทะเลให้มีประสิทธิภาพ และการป้องกันและดูแลระบบน้ำและการชลประทานให้สมบูรณ์ โดยข้อเสนอทั้ง 3 ข้อ จะได้นำมาปฏิบัติและทำงานร่วมกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยต่อไป

**กทม.'บี้“กรมชล” ปิดคลอง1

ส่วนสถานการณ์ในกรุงเทพ ฯ เวลา 10.00 น. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) แถลงสถานการณ์น้ำในพื้นที่ กทม. ว่า เมื่อคืนวันที่ 15 ต.ค. มีฝนตกหนักในกรุงเทพฯ โดยเฉพาะฝั่งธนบุรีอยู่ที่ 154 มิลลิเมตร ขณะที่ภาพรวมปริมาณฝนที่ตกลงมา ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. - 16 ต.ค. มีปริมาณฝนถึง 2,158 มิลลิเมตร ซึ่งเป็นปริมาณที่สูงกว่าปกติ และถือว่าสูงมากในช่วง 20 ปีที่ผ่านมาถึง 50 เปอร์เซ็นต์ แต่ยืนยันว่าน้ำที่ท่วมขังหลายพื้นที่เมื่อคืนนี้เป็นเพราะฝนตกหนัก ไม่ใช่น้ำเหนือไหลเข้ามา ทั้งนี้ ยังมีข่าวดีว่าพายุบันยันได้สลายตัวแล้ว แต่ยังมีร่องกดอากาศต่ำอยู่ในพื้นที่กทม. จึงทำให้ฝนยังตกอยู่

สำหรับสถานการณ์น้ำวันนี้ระดับน้ำที่แม่น้ำเจ้าพระยาขึ้นสูงสุดที่ปากคลองตลาด อยู่ที่ 2.06 ม.รทก. ลดลงจากวานนี้ ขณะที่ปริมาณน้ำไหลผ่านอ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา อยู่ที่ 3,821 ลบ.ม.ต่อวินาที ส่วนระดับน้ำในคลองทวีวัฒนาสูงขึ้น 10 เซนติเมตร เนื่องจากฝนที่ตกลงมา แต่ยังไม่มีปัญหา เพราะกทม.จะเร่งระบายน้ำในคลองทวีวัฒนาไปยังแม่น้ำท่าจีน ขณะที่กรุงเทพฯด้านตะวันออกมีชุมชนนอกแนวคันกั้นน้ำได้รับผลกระทบ 2 เซนติเมตร แต่สถานการณ์ยังทรงตัว และยังไม่วิกฤติ ซึ่งกทม.จะดูแลอย่างใกล้ชิดต่อไป

**ห่วงน้ำทะลัก"สายไหม-ดอนเมือง"

ตนเป็นห่วงกรุงเทพฯด้านเหนือ โดยเฉพาะที่ประตูระบายน้ำคลองหนึ่ง ที่จ.ปทุมธานี เนื่องจากกรมชลประทานได้เปิดประตูระบายน้ำจุดนี้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลกับคลองหกวาเขตสายไหมมีระดับน้ำในคลองสูงขึ้นวันละ 2 เซนติเมตร จึงเกรงว่าเขตสายไหม ดอนเมือง และฝั่งตะวันออกของกทม.จะได้รับผลกระทบ ซึ่งวันนี้กทม.จะขอความร่วมมือกองทัพบก เพื่อสร้างแนวคันกั้นน้ำกระสอบทรายตลอดแนวคลองหกวาระยะทาง 6 กิโลเมตร ความสูง 1 เมตร ทั้งนี้ กทม.จะประสานไปยังกรมชลประทานอีกครั้งเพื่อให้ปิดประตูระบายน้ำคลองหนึ่ง โดยกทม.จะร้องขอทุกวันจนกว่ากรมชลประทานจะปิดประตูระบายน้ำ เพื่อป้องกันน้ำในคลองหกวาสูงที่ขึ้นทุกวัน

“ ถ้ากรมชลฯปฏิเสธ เราก็จะขอความเห็นใจไปเรื่อยๆ จนกว่าจะมีการปิดประตูระบายน้ำที่คลองหนึ่ง เพราะหากไม่ปิดน้ำในคลองหกวาก็สูงขึ้นวันละ 2 เซนติเมตร 20 วันก็ 20 เซนติเมตร แต่ถ้ากรมชลฯยังไม่ปิดประตูระบายน้ำ กทม.ก็ต้องป้องกันพื้นที่ของตัวเองและเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด” ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าว

** 20 เขต 641 ชุมชนโดนผลกระทบ

สำหรับชุมชนที่ได้รับผลกระทบ พบว่ามีจำนวน 641 ชุมชน ใน 20 เขต ได้แก่ เขตบางซื่อ,ดุสิต,พระนคร,สัมพันวงศ์

,สาทร,บางคอแหลม,ยานนาวา,คลองเตย,บางพลัด,บางกอกน้อย,ธนบุรี,คลองสาน,ราษฎร์บูรณะ,คลองสามวา

,มีนบุรี,หนองจอก,ลาดกระบัง,สายไหม,คันนายาว และ ทวีวัฒนา รวม 41,485 ครัวเรือน ซึ่งผู้ได้รับผลกระทบส่วนใหญ่เป็นชุมชนนอกแนวป้องน้ำท่วม และชุมชนที่อยู่ในพื้นที่ลุ่มต่ำ ไม่ได้กระทบครอบคลุมทั่วทั้งเขตพื้นที่

**กทม.สั่งเฝ้าระวัง 3 คลอง 24 ชม.

ที่ศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย กรุงเทพมหานคร(กทม.) รายงานสรุปสถานการณ์น้ำในในกรุงเทพฯ ว่า ปริมาณฝน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาสูงสุดที่ สถานีสูบน้ำดาวคะนอง เขตธนบุรี 154.5 มิลลิเมตร โดยน้ำเหนือผ่านแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ปริมาณน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาบวกกับเขื่อนพระราม 6 รวม 4,274 ลบ.ม.ต่อวินาที ลดจากเมื่อวาน 65 ลบ.ม.ต่อวินาที ปริมาณน้ำผ่าน อ. บางไทร 3,821 ลบ.ม.วินาที เพิ่มจากเมื่อวาน 43 ลบ.ม.ต่อวินาที ส่วนระดับน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาตรวจวัดที่ปากคลองตลาด วันนี้สูงสุดช่วงเช้าเวลา 09.00 น ระดับที่ 2.05 เมตร ต่ำกว่าคันกั้นน้ำ 75 ซม.

ส่วนเหตุการณ์ฝนตกหนักช่วงเย็นวานนี้(15ต.ค.) ทำให้เกิดปัญหาน้ำท่วมขังผิวจราจรหลายเส้นทาง โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานครฝั่งธนบุรี ซึ่งเวลานี้ทุก ๆ จุด น้ำแห้งเป็นปกติแล้ว นอกจากนี้ สถานการณ์น้ำเหนือบวกน้ำทะเลหนุน ปัจจุบันแนวป้องกันน้ำท่วมริมแม่น้ำเจ้าพระยาของกทม.ยังสามารถป้องกันได้ไม่มีผลกระทบกับพื้นที่ในแนวป้องกันของกทม.ซึ่งป้องกันได้ที่ระดับเฉลี่ย 2.50 ม.- 3.00 ม.

ขณะที่ระดับน้ำคลองต่าง ๆ เขตกรุงเทพฯภายในคั้นกั้นน้ำ ส่วนใหญ่อยู่ในสภาวะปกติ แต่ระดับน้ำในคลองพื้นที่ฝั่งธนบุรี คลองบางพรหม คลองบางเชือกหนัง คลองบางแวก คลองภาษีเจริญ มีระดับที่สูงขึ้นเนื่องจากฝนตกหนัก ด้านระดับน้ำในคลองด้านตะวันออก คลองแสนแสบ คลองประเวศน์บุรีรมย์ คลอง 13 คลองหลวงแพ่ง ในเขตคลองสามวา มีนบุรี หนองจอก ลาดกระบัง มีระดับสูง และมีผลกระทบบางพื้นที่ ถนนบางสายมีระดับน้ำท่วมขังสูง 10-30 เซนติเมตร บางหมู่บ้านมีน้ำท่วมขัง อยู่ระหว่างการดำเนินการแก้ไขของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ส่วนระดับในคลองด้านตะวันตก คลองมหาสวัสดิ์ มีระดับสูง ต้องเฝ้าระวัง และระดับน้ำในคลองด้านเหนือ คลองรังสิต คลองหกวาสายล่าง มีระดับสูง ต้องเฝ้าระวัง

** ไม่ปิดคลอง1ท่วมถึงเซียร์รังสิต

รายงานข่าวจากศูนย์อำนวยการกทม. แจ้งว่า จากเหตุ “กรมชลประทาน” ไม่ปิดประตูระบายน้ำคลอง 1 กทม.จึงเร่งประสาน “กองทัพอากาศ” สร้างแนวคันกั้นน้ำ พร้อมขอบริจาค อุปกรณ์สร้างแนวคันกั้นน้ำเพิ่มเติม เตรียมรับมือน้ำหนุนช่วงปลายเดือน

ขณะที่สายด่วนกรมชลประทานแจ้งว่าขณะนี้ ได้ปล่อยน้ำลงคลอง1รังสิตแล้ว เนื่องจากชาวบ้านไม่ยอมให้กั้นน้ำตรง ประตูน้ำพระอินทร์ทำให้น้ำเริ่มเอ่อท่วมบริเวณริมคลอง 1ไปจนถึงห้างเซียร์รังสิตโดยเฉพาะพื่นที่ลุ่มหรือบริเวณที่คันดินริมคลองรังสิตกั้นไม่อยู่ และคาดว่า จะค่อยๆท่วมเข้าหมู่บ้านแต่ไม่ใช่ลักษณะท่วมฉับพลัน

ส่วนประตูน้ำจุฬาลงกรณ์บริเวณตลาดรังสิต ขณะนี้ยังรับน้ำไหวเพราะน้ำจากเหนือลดระดับลงแล้ว แต่หากประตูนี้ไม่สามารถกั้นน้ำได้น้ำจะเข้าท่วมเส้นรังสิตนครนายกและดอนเมืองทันที

**รังสิต-ปทุมธานีจมบาดาล

ที่บริเวณถนนรังสิต-ปทุมธานี ช่วงหน้าหมู่บ้านรัตนโกสินทร์ 200 ปี ฝั่งตรงข้ามตลาดรังสิต ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ได้มีน้ำจากคลองรังสิตประยูรศักดิ์ ที่กำลังเพิ่มระดับสูงขึ้นอยู่ตลอดเวลา และได้ไหลย้อนเข้ามาตามท่อระบายน้ำและมาโผล่ขึ้นบนถนนรังสิต-ปทุมธานี โดยปริมาณน้ำได้ไหลเข้าท่วมพื้นผิวการจราจร ทั้งฝั่งขาเข้าและขาออก สูงประมาณ 10-20 เซนติเมตร

โดย ถนนรังสิต-ปทุมธานี ถือเป็นเส้นทางสำคัญที่ผ่านกลางเมืองรังสิตอันเป็นศูนย์เศรษฐกิจที่สำคัญของ จังหวัดปทุมธานี ที่มีตลาดสดที่ขายส่งสินค้าขนาดใหญ่ 3 ตลาด ห้างสรรพสินค้า ทั้งฟิวเจอร์พาร์ครังสิต เทสโก้โลตัส เมเจอร์ซีนีเพล็ก เป็นต้น โดยประชาชนที่อยู่ทั้งในหมู่บ้านรัตนโกสินทร์ และในย่านเศรษฐกิจ ต่างเร่งก่ออิฐสร้างคันกั้นน้ำหน้าบ้านตัวเองกันอย่างเร่งด่วน

ส่วนหน้าห้างฟิวเจอร์ปาร์ค รังสิต ได้มีน้ำเอ่อล้นขึ้นมาบนถนน ขึ้นมากว่าครึ่งล้อรถยนต์ และมีน้ำเอ่อล้นบนมายังพื้นที่ผิวถนนช่วง ตั้งคลองรังสิต คลอง 1 จนถึง คลอง 7 อย่างไรก์ทั้งสองฝากฝั่งประชาชนที่อาศัยติดแนวริมคลอง ได้ออกมาช่วยกั้นวางแนวกระสอบทรายเพื่อกั้นน้ำในคลองรังสิตอย่างต่อเนื่อง ส่วนการจราจรบนบริเวณถนนรังสิต-องค์รักษ์ การจราจรยังคงสามารถที่จะเคลื่อนตัวได้อย่างช้าๆ ส่วนหน้าเซียร์ รังสิต น้ำท่วมสูงประมาณ 30 เซนติเมตร ทำให้เส้น ถ.พหลโยธิน หน้าเซียร์รังสิต รถพอผ่านได้อย่างช้าๆ

ที่อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี มวลน้ำมหาศาลไหลบ่าจาก อ.สามโคก เข้าท่วมพื้นที่ในเขตอำเภอลาดหลุมแก้ว 6 ตำบลจมบาดาล โดยเฉพาะหมู่บ้านจัดสรรขนาดใหญ่่ เช่น หมู่บ้านฉัตรไพลิน หมู่บ้านนพวงศ์ หมู่บ้านเอื้ออาทร ตลาด 100 ปี ระแหง และโรงสีไทยวัฒน์สินไรซ์มิลล์ จำกัด ถูกน้ำเข้าท่วมข้าวสาร ข้าวเปลือกได้รับความเสียหาย

ถนนสายปทุมธานีลาดหลุมแก้วถูกตัดขาดรถเล็กไม่สามารถวิ่งได้ ถนนวงแหวนตะวันตก รถเล็กไม่สามารถวิ่งได้ ถนนลาดหลุมแก้ว สี่แยกนพวงศ์ ถูกน้ำท่วม รถเมล์ก็หยุดวิ่งทุกเส้นทาง ทำให้เกิดโกลาหน

**มธ.น้ำล้อมรอบศูนย์รังสิตทุกด้าน

นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เปิดเผยว่า มธ.ศูนย์รังสิต ซึ่งเป็นศูนย์พักพิงผู้ประสบอุทกภัย ขณะนี้มวลน้ำได้ล้อมรอบ มธ.ศูนย์รังสิตไว้แล้วในทุกทิศ ทั้งด้านสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (เอไอที) และสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ซึ่งมีเขื่อนปิดกั้นอยู่

ส่วนด้านตะวันตก และประตูฝั่งเชียงราก น้ำท่วมแล้วได้ปิดกั้นด้านดังกล่าวไว้ ส่วนถนนพหลโยธินมีน้ำในปริมาณมาก อย่างไรก็ตาม อาคารยิมเนเซียม 1 ที่ใช้เป็นที่พักพิงให้ผู้ประสบภัยนั้น อยู่สูงเกินจากพื้นถึง 1.20 เมตร เว้นแต่ระดับน้ำจะท่วมเกิน 1.20 เมตร จึงจะมีผลกระทบกับการเป็นศูนย์พักพิง

อยากให้รัฐส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบความแข็งแรงของคันกั้นน้ำรอบ มธ.ศูนย์รังสิต ว่ามีจุดใดที่เริ่มมีรอยรั่วหรือไม่ รวมทั้งหากมีทรายเพียงพอ มธ.ขอให้มีการตั้งกระสอบทรายล้อมรอบอาคารยิมฯ 1 ที่ผู้ประสบภัยอยู่ไว้ ให้สูงขึ้น 1 เมตร สำหรับระดับน้ำที่ล้อมรอบ มธ.ศูนย์รังสิต อยู่ขณะนี้ คาดว่ายังเหลืออีก 1 เมตร จากระดับคันกั้นที่ มธ.สร้างเพิ่มสูง 6 เมตร แต่สิ่งที่ไม่รู้ คือ เวลารัฐบาลแถลงว่ามวลน้ำก้อนใหญ่จะมาอีกเท่านั้นเท่านี้ มันไม่เห็นภาพ ชาวบ้านต้องการรู้ว่าระดับน้ำจะสูงขึ้นเป็นเท่าใด ซึ่งรัฐก็คงบอกไม่ได้ เพราะระดับของพื้นที่แต่ละแห่งต่างกัน

ทั้งนี้ จากการประเมินสถานการณ์น้ำรอบ มธ.ศูนย์รังสิต จึงประกาศปิดทำการในส่วนของ มธ.ศูนย์รังสิต ไปอีก 3 วัน

**มะกันส่งฮอร์กอาย 26 ลำ มาก่อน 6

นายสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ระบุว่าทางสหรัฐอเมริกาจะส่งเฮลิคอปเตอร์แบบฮอร์กอายมาช่วยค้นหาผู้ประสบภัยจำนวน 28 ลำ เมื่อวันที่ 15 ต.ค. ว่า ในวันที่ 16 ต.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ของสหรัฐอเมริกาได้ขึ้นบินสำรวจร่วมกับกองทัพไทยเพื่อตรวจสอบพื้นที่ประสบอุทกภัยแล้ว โดยเบื้องต้นสหรัฐอเมริกาจะส่งเฮลิคอปเตอร์แบบฮอร์กอายมาให้ทั้งสิ้น 26 ลำ โดยจะส่งมาให้ในรอบแรกก่อนจำนวน 6 ลำ ซึ่งจะเดินทางมาถึงในคืนวันที่ 17 ต.ค.นี้ จากนั้นจะส่งเพิ่มเติมมาให้อีก 20 ลำ แต่ยังไม่ได้ระบุวันและเวลาที่ชัดเจน

ด้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า เรื่องนี้อยู่ระหว่างการประสานการจราจรทางอากาศของไทย ซึ่งระบบการประสานงานจะให้เป็นหน้าที่ของกองทัพอากาศในการดูแลความเรียบร้อยการบินทางอากาศ เมื่อถามว่า เป็นห่วงชั้นข้อข้อมูลความลับหรือกระทบต่อความมั่นคงหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่ ซึ่งทางผู้บัญชาการกองทัพอากาศจะเป็นผู้ประสานงาน และรายละเอียดทั้งหมด ซึ่งจะมีการปรึกษาหารือกัน กับกระทรวงการต่างประเทศด้วย ส่วนเครื่องบินจะมาถึงเมื่อไรนั้น ยังไม่ทราบเป็นเรื่องของกระทรวงการต่างประเทศ

** รับ“นวนคร”เลือกดูแลเป็นโซน

น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวถึงความมั่นใจในการป้องกันนิคมอุตสาหกรรมนวนคร ว่า ตอนนี้ในส่วนของหน้างานทำหน้าที่อย่างเต็มที่ ขณะเดียวกันเราจะดูด้านเทคนิคต่างๆ ในการเคลื่อนย้ายเครื่องจักร ตนก็จะทำอย่างเต็มที่ แต่เนื่องจากบริเวณนั้นมีน้ำมาก ซึ่งจะต้องพิจารณาเป็นโซนๆ ไป เมื่อถามว่า ณ เวลานี้ยังสามารถคุมสถานการณ์น้ำได้อยู่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ภาพรวมถือว่า ในบางส่วนก็เริ่มดีขึ้น แต่เนื่องจากวันนี้ปัญหาที่ประชาชนได้ยินช่วง 1-2 วันนี้น้ำทะเลจะหนุนสูง ก็จะกระทบบ้าง แต่ในการทำงานนั้น เราก็ได้มอบหมายการทำงานที่ชัดเจน และได้รับความร่วมมือจากทางกองทัพ รวมถึงเครื่องไม้เครื่องมือ และอุปกรณ์ต่างๆ อย่างเต็มที่มากขึ้น

ผู้สื่อข่าวถามว่า ปัจจัยที่เพิ่มเข้ามาไม่ว่าจะเป็นปริมาณฝน และน้ำทะเลที่หนุนสูงขึ้น ยังให้ความมั่นใจหรือไม่ว่า น้ำจะไม่ท่วมกทม.เหมือนที่ยืนยันเมื่อวันที่ผ่านมา นายกฯ กล่าวว่า ใช่ วันนี้ก็ยังให้ความมั่นใจ เพราะว่าเราได้มีการกันน้ำหลายส่วนอยู่แล้ว ก็อย่างวันนี้เองทางกรมชลประทาน และผู้ที่เกี่ยวข้องออกมาชี้แจงในรายการ รวมการเฉพาะกิจให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบ ก็ขอให้พี่น้องประชาชนมีความมั่นใจ

**“ยิ่งลักษณ์”ยังยันน้ำไม่ท่วมกทม.

เมื่อถามว่า พื้นที่นอกรอบกทม.จะมีน้ำท่วมขังมากขนาดไหน นายกฯ กล่าวว่า ตรงนี้ก็อยู่ที่พี่น้องประชาชนที่เราขอความร่วมมือ ในส่วนของการทำแนวคันกั้นน้ำต่างๆ ขอความกรุณาอย่าดึงออก และขอให้ความร่วมมือในการกั้นแนวนั้นไว้ ตรงนี้ก็ทำให้ในส่วนของกทม.นั้น สามารถปลอดภัยจากน้ำได้

เมื่อถามว่า ในขณะที่เรารักษาพื้นที่เศรษฐกิจหลักของประเทศ พื้นที่รอบนอกกทมปริมณฑลทั้งหมด จะยังต้องมีน้ำท่วมขังไปอีกนานเท่าไร นายกฯ กล่าวว่า ตอนนี้ต้องบอกว่าภาพรวมน้ำนั้นมีทุกที่ วันนี้เราต้องเลือกในการดูแลบางพื้นที่ แต่ไม่ได้หมายความว่า เราจะละเลยพี่น้องประชาชนที่ประสบปัญหาอุทกภัยครั้งนี้ เพราะว่าเราจำเป็นที่จะต้องช่วยกันในภาพรวมของเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งการระบายน้ำนั้น อย่างที่ได้เรียนว่า ตนได้เร่งทำวิถีทาง ทั้งในเรื่องของการขุดคลองต่างๆ ทั้งในฝั่งตะวันออก และตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งวันนี้ได้มีการระดมในเรื่องของการใช้เรือผลักดันน้ำ และนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่เราจะเร่งระบายน้ำ เพราะถ้าเราปล่อยน้ำขังไว้เฉยๆ อาจจะต้องใช้เวลานาน ซึ่งวันนี้เราได้มีการระดมสรรพกำลังทำตรงนี้ และขณะเดียวกันจะหาวิธีทำให้น้ำเร่งระบายลงสู่ทะเลลงเร็วที่สุด

ส่วนการขุดคลองมีความคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว นายกฯ กล่าวว่า ตอนนี้ฝั่งตะวันออกเสร็จไปบ้างแล้ว แต่ยังไม่ได้รับรายงานว่า เสร็จไปบ้างแล้วกี่คลอง แต่น่าจะอยู่ในกำหนดการอยู่แล้ว ไม่น่าเกินหนึ่งสัปดาห์แล้วเสร็จ เพราะว่าเราเองจะไล่ตั้งแต่ทางด้านต้นน้ำเลย และก็ไล่ขุดคลองไปเรื่อย และสุดท้ายจะไล่ไปสู่ปลายคลองในที่สุด ส่วนทางตะวันตกนั้น ทางด้านกองทัพก็รับปากว่า จะเสร็จภายใน 5 วัน

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการร้องเรียนว่า เรือที่เข้าโครงการผลักดันน้ำไม่ได้เข้าตามจำนวนที่ตกลง มารับค่าน้ำมันแล้วก็เดินทางกลับไป นายกฯ กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่ได้รับรายงาน วันนี้ในส่วนของน้ำทะเลนั้นเราพูดถึงการที่ใช้เรือผลักดันน้ำในแม่น้ำทั้ง 3 ที่ ทั้งแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำท่าจีน และแม่น้ำบางประกง ดังนั้นภาพที่สื่อมวลชนเห็นนั้นคือส่วนหนึ่ง ทั้งหมด 3 แม่น้ำนั้น เราใช้เรือพันกว่าลำ ซึ่งบางท่านนั้นเข้ามา การทำงานก็อาจมีการรประสานกับภาคประชาชนด้วย ก็จะมีเรือในส่วนของภาครัฐ และภาคอาสาที่มาช่วยกันทำงาน เมื่อถามว่า ในส่วนของสนามบินสุวรรณภูมิมีการป้องกันอย่างไร เพราะน้ำเริ่มจะลงมาทางฝั่งตะวันออก นายกฯ กล่าวว่า วันนี้ในส่วนของสุวรรณภูมิไม่ต้องเป็นห่วง ให้กระทรวงคมนาคมไปดูแล ซึ่งในส่วนของสุวรรณภูมินั้น มีแนวกั้นน้ำอยู่แล้ว และเราเองก็ไปทำเพิ่มอีก ก็เชื่อว่าสุวรรณภูมิรองรับได้อยู่แล้ว

**เรือดันน้ำออกทะเลไร้อุปสรรค

เวลา 10.00 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ เดินทางมายังบริเวณสะพานพระนั่งเกล้า จังหวัดนนทบุรี เพื่อเป็นประธานในการปล่อยเรือเร่งผลักดันน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาลงสู่ทะเล จำนวนเรือประมาณ 500 ลำ ได้แก่ เรือดันจูงขนาดเล็กและขนาดไหญ่ เรือโดยสาร เรือด่วนเจ้าพระยา เรือข้ามฟาก เรือเล็ก เรือหางยาว เรือสปีดโบ๊ต เรือเจ๊ตสกี ตามโครงการ ”เรือประชาอาสาผันน้ำลงทะเล” ใช้เรือเร่งผลักดันน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาลงสู่ทะเลเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย

นายวิเชียร กล่าวว่า จะทำการผลักดันน้ำอย่างต่อเนื่องทุกวันในช่วงที่น้ำลง จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย

นายปลอดประสพ กล่าวว่า ขณะนี้มีก่ารผลักดันน้ำใน 3 แม่น้ำได้แก่ แม่น้ำเจ้าพระ แม่น้ำบางประกง และแม่น้ำท่าจีน ซึ่งจะดำเนินการผลักดันน้ำในช่วงน้ำลงเท่านั้น โดยเรือผลักดันน้ำสามารถผลักดันน้ำได้ถึงวันละ 50 ลูกบาศเมตร ทั้งนี้มีเรือที่จะผลักดันน้ำลงสู่ทะเลมี 3 ที่ทั้งแม่น้ำเจ้าพระยา มีเรือ 926 จำนวน 50 จุด แม่น้ำบางประกงมีเรือ 121 ลำ จำนวน 13 จุด และเรือที่แม่น้ำท่าจีน 102 ลำจำนวน15 จุด ทั้งหมดจะมีจำนวน 1,149 ลำ

น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ต้องเร่งระบายน้ำให้เร็วขึ้นนั้น โครงการนี้เป็นอีกหนึ่งวิธี เป็นการช่วยระบายน้ำสู่ทะเลให้เร็วขึ้นเป็นวิธีที่เสริมธรรมชาติให้เร็วที่สุดและน้อมนำพระปรีชาสามารถของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่พระองค์เคยใช้เรือผลักดันน้ำลงสู่ทะเล ประสบความสำเร็จเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา ดังนั้นรัฐบาลได้มีการทำโครงการผลักดันน้ำมาแล้วที่คลองลัดโพธิ์ ได้มีการระบายออกสู่ทะเลนั้นปริมาณน้ำ 50 ลูกบาศเมตรต่อวินาที แม้ว่าจำนวนจะไม่มาเมื่อเทียบกับปริมาณน้ำที่มีอยู่แต่ก็ถือว่าเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพและคุ้มค่าที่จะทำ

**สธ.ห่วงเด็กเล่นน้ำตาแดงนับพัน

นายวิทยา บุรณศิริ รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า ตนมีความเป็นห่วงเด็กๆ ในพื้นที่น้ำท่วม จะป่วยเป็นโรคตาแดง ซึ่งจากการไปตรวจเยี่ยมหลายจังหวัด พบว่าเด็กๆมักจะออกมาเล่นน้ำท่วมกันจำนวนมาก ซึ่งสภาพน้ำท่วมในช่วงหลังๆนี้ เริ่มมีปัญหาเน่าเสียจากต้นข้าว ต้นหญ้า หรือจากขยะ สิ่งปฏิกูลต่างๆที่อยู่ในน้ำ จากข้อมูลของหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พบประชาชนหลายจังหวัดป่วยเป็นโรคตาแดงประปรายสะสมรวมกว่า 1,700 ราย ส่วนใหญ่เป็นเด็ก แต่ไม่มีการแพร่ระบาด

น.พ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า โรคตาแดงที่พบในช่วงน้ำท่วมขังนี้ มีสาเหตุมาจากติดเชื้อแบคทีเรียที่ปนเปื้อนมากับน้ำ จากการลงเล่นน้ำ หรือน้ำสกปรกกระเด็นเข้าตา หรืออาจเกิดจากการใช้น้ำที่ไม่สะอาดล้างหน้า หรือเกิดจากการใช้มือ แขน หรือเสื้อผ้าที่สกปรกขยี้ตา หรือเช็ดตา โรคนี้อาการไม่รุนแรง หลังจากติดเชื้อภายใน 2 - 14 วัน จะมีอาการเคืองตา คันตา ตาแดง น้ำตาไหล มีขี้ตามาก มักเริ่มจากตาข้างหนึ่งก่อน แล้วลามไปยังตาอีกข้างหนึ่งภายใน 2 - 3 วัน

***นิคมฯ บางปะอิน ท่วมแล้ว 100%

ล่าสุด นายสมหวัง ถุงสุวรรณ ประธานชมรมผู้บริหารงานนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน กล่าวถึงสถานการณ์น้ำในพื้นที่ว่า ขณะนี้ระดับน้ำในนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน มีความสูงประมาณ 1.80 เมตร เสมอกับระดับน้ำด้านหน้าถนน ซึ่งระดับน้ำในนิคมอุตสาหกรรมขณะนี้ท่วมครบทั้งพื้นที่เต็ม 100% แล้ว และคงจะไม่สามารถทำอะไรได้ ต้องปล่อยให้น้ำแห้งไปเอง อุปกรณ์เครื่องจักรสำคัญของโรงงานต่างๆ สามารถขนออกได้เพียงบางส่วนเท่านั้น และบางส่วนใช้วิธีการยกขึ้นที่สูง และห่อหุ้มด้วยพลาสติก ส่วนคนงานของบริษัทต่างๆ คาดว่าขณะนี้ยังมีเหลืออยู่ 7-8 บริษัท ที่ยังคงตรวจตราเฝ้าอยู่ด้านใน โดยได้มีการตัดกระแสไฟฟ้าในนิคมอุตสาหกรรมบางปะอินแล้ว.
กำลังโหลดความคิดเห็น