ทุกฝ่ายประสานเสียง กทม.รอดน้ำท่วม-ประเมินค่าเสียหายแสนล้าน

ทุกหน่วยงานประสานเสียง กทม.ปลอดภัย กรมชลฯ เผยลดการระบายน้ำจากเขื่อนทางเหนือ ส่งผล กทม.รอด ด้านรองผู้ว่าฯ กทม.ยันคุมสถานการณ์อยู่ โบ้ยข่าวลือเครือข่ายสังคม ทำ ปชช.เข้าใจผิด “ประชา” ย้ำการเตือนภัยหลังจากนี้ขอแถลงเอง หลังพบสาร ศปภ.ผิดพลาดทำประชาชนแตกตื่น เผยความเสียหายเบื้องต้นแสนล้าน ด้าน รมว.ต่างประเทศ รอคำตอบสหรัฐฯ ช่วยเหลือด้านเทคนิค

เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 14 ต.ค. ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย หรือ ศปภ. พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการ ศปภ.แถลงว่า หลังจากนี้เรื่องของการเตือนภัย เป็นหน้าที่ของตนในการเป็นผู้เแจ้งหรือประกาศด้วยตัวของตน ขณะเดียวกัน นายพรเทพ เตชะไพบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้แสดงความห่วงใย และพูดคุยกับตนว่า ไม่สบายใจ เนื่องจากพบมีเอกสารที่อ้างว่า เป็นข่าวจาก ศปภ.วางอยู่ไปทั่วใน ศปภ.โดยเนื้อหาระบุให้พี่น้องรีบอพยพออกจากบ้านเรือนของตัวเองไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย ซึ่งยืนยันว่าเอกสารดังกล่าวไม่ใช่เอกสารของ ศปภ.ที่มีการแจ้งเตือนออกไป ศปภ.ไม่ได้เป็นผู้จัดทำขึ้นมา และข่าวจากนี้ไปที่เกี่ยวข้องกับพี่น้องชาว กทม. ต้องเป็นข่าวที่ยืนยันร่วมกัน ระหว่าง ศปภ.กับ กทม.มีเนื้อหาเดียวกัน ไม่ให้ขัดแย้งกัน

กรมชลฯ เผยตัดยอดน้ำเหนือเข้ากรุง

ด้าน นายชลิต ดำรงค์ศักดิ์ อธิบดีกรมชลประธาน กล่าวว่า ตนข้อชี้แจงข้อเท็จจริงสถานการณ์น้ำทั้งหมดตั้งแต่ต้นน้ำไปถึงช่วงปลายน้ำ อันดับแรกช่วงวันที่ 13-18 ต.ค.54 ที่ เป็นช่วงน้ำทะเลสูงสุดและน้ำจากภาคเหนือมาบรรจบกัน ขั้นตอนการบริหารจัดการคือเราจะตัดยอดน้ำข้างบนก่อนโดยลำน้ำปิงก็จะมีเขื่อนภูมิพล ทางกรมชลฯก็จะลดระบายน้ำในเขื่อนภูมิพล เพื่อให้น้ำลงมาจากนครสวรรค์ให้น้อยที่สุด วันนี้มีการระบายน้ำอยู่ที่ 60 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ขณะเดียวกัน ระดับน้ำที่แม่ม้ำวัง มีเขื่อนกิ่วลมอยู่ด้านบน ซึ่งตรงนี้มีปริมาณน้ำที่น้อยและไม่มีผลกระทบต่อ จ.นครสวรรค์เท่าไร มีเพียงลุ่มน้ำยมที่ตอนนี้ที่ไม่มีเขื่อนที่จะชะลอน้ำ ส่วนลุ่มน้ำน่านเรามีถึง 2 เขื่อน ทางกรมชลฯ ชะลอน้ำไว้ในเขื่อน โดยการปล่อยการระบายน้ำให้น้อยที่สุด

นายชลิตกล่าวต่อว่า วันนี้เขื่อนสิริกิติ์ที่อยู่ด้านบนมีการระบายอยู่ที่ 20 ล้านลูกบาศก์เมตร และเขื่อนแควน้อยมีการปล่อยอยู่ที่ 13 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน ผลของการปล่อยน้ำในเขื่อนต่างๆ ที่น้อยลงก็ทำให้วันนี้น้ำที่ จ.นครสวรรค์ อยู่ที่ 4,686 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที่ และนิ่งมาประมาณ 3 วันแล้วและไม่มีน้ำเพิ่มมากขึ้น ซึ่งก็ถือว่าน้ำก้อนใหญ่ได้ถึง จ.นครสวรรค์แล้ว การบริหารจัดการอันดับสอง คือ จาก จ.นครสวรรค์ ถึงกรุงเทพมหานครน้ำจะมาถึงในวันที่ 15-16 ตุลาคม ระดับความสูงของน้ำจะอยู่ที่ประมาณ 2.3-2.4 เมตร แต่ขณะนี้ข้อเท็จจริงสถานการณ์น้ำด้านบนน้อยกว่าที่กรมชลฯ ได้คาดหมายไว้ แนวกั้นน้ำกรุงเทพฯ ระดับน้ำความสูงอาจจะอยู่ที่ 2.5 เมตร เพราะฉะนั้นยืนยันสถานการณ์ที่จะเข้ามาในกรุงเทพฯ รอดแน่

“ประชา” ยัน กทม.ปลอดภัย

ขณะที่ พล.ต.อ.ประชา กล่าวว่า การป้องกันเขตเศรษฐกิจของประเทศคือ กรุงเทพมหานคร เป็นเรื่องที่เราให้ความสำคัญขั้นสูงสุด ขณะนี้เราได้มีการะบายน้ำที่อยู่รอบกรุงเทพฯ ไม่ว่าในเขต จะเป็นพระนครศรีอยุธยา นนทบุรี ปทุมธานี ฉะเชิงเทรา ได้มีการระบายน้ำลงทะเลลงใน 3 ช่องทาง คือ ระบายน้ำฝั่งตะวันออก ผ่านคลองระพีพัฒน์ ผ่านคลองต่างๆ ที่เป็นคลองเล็กคลองน้อยที่เชื่อมต่อคลองระพีพัฒน์ 7 คลองซอย ตอนกลางระบายน้ำลงแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อระบายลงสู่ทะเล และฝั่งตะวันตก ระบายน้ำออกทางแม่น้ำท่าจีนเพื่อระบายลงสู่ทะเล ขณะนี้การระบายน้ำทั้ง 3 ช่องทางสามารถระบายน้ำลงทะเลได้วันละ 550 ล้านลูกบาศก์เมตร เปรียบเทียบกับปริมาณที่มีอยู่ในเวลานี้ กับน้ำที่มาจากทางเหนือ กับปริมาณน้ำที่ผลักลงทะเลน่าจะเป็นผลดี เพราะได้มีการผลักดันน้ำลงทะเลได้มากกว่าน้ำที่ไหลมาจากทางเหนือ ก็คงอยู่เกิน 100 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน ซึ่งน่าจะเป็นผลดี

“ส่วนคำถามที่ว่า น้ำจะท่วม กทม.หรือไม่ ศปภ.เรียนยืนยัน ณ ตรงนี้เลยว่า กทม.ไม่ถูกกระทบแน่นอน ขอยืนยัน จากการที่เราเอานำน้ำออกทั้ง 3 ทาง แต่อาจจะกระทบบ้างในพื้นรอบนอก กทม. ซึ่งทางศูนย์ขอแสดงความห่วงใยไม่ว่าจะเป็น สมุทรปราการ ปทุมธานี นนทบุรี ฉะเชิงเทรา กทม.ถือเป็นเขตเศรษฐกิจที่สำคัญ เป็นเมืองหลวงของประเทศ ศปภ.ให้ความสำคัญขั้นสูงสุดในการที่จะป้องกัน กทม.ไว้ให้ได้ ซึ่งขณะนี้อยู่ในสถานการณ์ที่ควบคุมได้ ไม่ท่วมแน่นอน

พล.ต.อ.ประชากล่าวว่า น้ำที่จะเข้า กทม.มีแนวกั้นทั้งหมด 3 แนวคือ บริเวณหลัก 6 อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี บริเวณเมืองเอก ซึ่งได้มีการทำแนวกั้นน้ำไว้ โดย ศปภ.ได้มอบหมายให้กองทัพบกเป็นผู้รับผิดชอบ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาผู้บัญชาการทหารบก แม่ทัพภาคที่ 1 ได้ลงไปดูด้วยตัวเอง มั่นใจว่าคันกั้นน้ำแห่งนี้รองรับได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนที่ 2 คลองทวีวัฒนา เชื่อมต่ออำเภอศาลาญา จังหวัดนครปฐม ซึ่งเสร็จแล้ว แต่เพื่อความมั่นใจจะมีการเสริมความแข็งแรง โดยพยายามขยายฐานและเพิ่มความสูง ซึ่งกำลังดำเนินการ และส่วนที่ 3 คือ คันกั้นน้ำที่คลองรังสิตตั้งแต่คลอง 1 ถึงคลอง 8 และกำลังทำคันกั้นน้ำอีก 1 คัน จากประตูน้ำพระอินทร์ถึงคลองระพีพัฒน์ ความยาว 24 กิโลเมตร ซึ่งได้เริ่มดำเนินการตั้งแต่เช้าวันนี้แล้ว คาดว่าอีก 2 วันจะแล้วเสร็จ เนื่องจากมีการระดมสรรพกำลังลงไป

“พรเทพ” ระบุข่าวลือทำ ปชช.ตื่น

ด้านนายพรเทพ เตชะไพบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แถลงว่า ระบบการบริหารน้ำในการทำงานร่วมกับกรมชลประทานและ ศปภ.ทำให้ประชาชนที่อยู่ใน กทม.มีความอุ่นใจ แต่อย่างไรก็ตามปัญหาในเรื่องการข่าวก็ต้องยอมรับว่ามีข่าวลือมาก รวมถึงโซเชียลเน็ตเวิร์ก มีการทวิตกันอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดการเข้าใจผิดจึงต้องมีการแก้ข่าว แต่ตนก็ดีใจที่ทราบว่าทางกรมชลประทานพยายามตัดน้ำเอาไว้และปล่อยน้ำลงมา โดยเฉพาะในทางด้านตะวันออกที่เป็นปัญหาบริเวณเขตมีนบุรี หนองจอก และคลองสามวา ซึ่งเป็นจุดที่พี่น้องแช่น้ำมาหลายเดือนแล้ว ตรงนี้การปล่อยน้ำจากแม่น้ำป่าสักก็ได้ปล่อยลงมาน้อยลง คาดว่าจะสามารถแห้งได้ในระยะเวลาอันสั้น และได้ทราบว่ามีการบริหารน้ำจากคลองระะพีพัฒน์ที่จะเป็นแนวกั้นน้ำและผันน้ำให้เอียงไปอีกด้านหนึ่งตนจึงคิดว่าน่าจะปลอดภัย อย่างข่าวลือที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ทางผู้ว่าฯ ก็ได้พยายามสั่งไปยังเขตให้พยายามแก้ข่าว

น้ำเจ้าพระยายังต่ำกว่าแนวเขื่อน

นายพรเทพกล่าวต่อว่า ปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาที่จะมาในวันพรุ่งนี้ อยู่ต่ำกว่าระดับแนวเขื่อนของเรา จึงไม่มีปัญหา แต่แน่นอนเมื่อมีความสูงก็อาจจะทะลักเข้ามาตามแนวที่ท่วมอยู่เล็กน้อย แต่ก็มีเครื่องปั้มน้ำและเจ้าหน้าที่สำนักระบายน้ำกว่า 5,000 คน ที่กระจายตามจุดต่างๆ จึงไม่ต้องเป็นห่วง ช่วงเช้าของวันที่ 15 ต.ค.ผู้ว่าฯ กทม.จะขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปสำรวจอีกครั้งว่าถ้าน้ำมาแล้วจะเกิดอะไรขึ้น ขอเรียนว่าทุกครั้งที่มีข่าวแต่ความจริงที่เกิดขึ้นค่อนข้างจะไม่เลวร้ายกว่าที่เป็น วันนี้พี่น้องที่ออกไปซื้อของเก็บไว้ก็ขออย่าตกใจ เพราะไม่น่าจะมีปัญหา นอกจากจะมีพายุฝนตกลงมาอย่างรุนแรง เช่น ย่านถนนศรีนครินทร์เมื่อคืนนี้มีฝนตกลงมากว่า 150 มิลลิเมตร ก็มีการดูดน้ำออกซึ่งใช้เวลาพอสมควร ก็เป็นเรื่องปกติเพราะคลองต่างๆ มีระดับน้ำที่สูง เพราะเราต้องพยุงการระบายน้ำออกแม่น้ำเจ้าพระยาที่ไหลลงมาจากทางเหนือ แต่ทั้งหมดก็อยู่ในการควบคุมได้

พล.ต.อ.ประชา กล่าวยืนยันว่า กรุงเทพฯ ยังปลอดภัย แต่จากข่าวที่ออกมาสับสน อาจจะเกิดจาการ ศปภ.มีประสานไปยังจังหวัดรอบนอก 7-8 จังหวัดที่ไม่ใช่ กทม. หากระดับน้ำอันตราย จำเป็นต้องอพยพประชาชนไปอยู่ที่ปลอดภัยก็ขอให้กระทำในทันที อันนี้มีการแจ้งจังหวัดอื่นๆ ให้เตรียมรับสถานการณ์เท่านั้น แต่ใน กทม.ขอยืนยันไม่มี เพราะมีการประสาน กทม.ต่อเนื่อง รวมถึงผู้ว่าฯ กทม.ส่งผู้แทนมาที่ ศปภ.หารือกันตลอด เพราะฉะนั้นการให้ข่าวทั้งเรื่องการอพยพ เคลื่อนย้าย เหตุร้ายแรงสำคัญ ตนขอแถลงด้วยตัวเอง

แรงงานลั่นมีงานรองรับผู้ว่างงาน 86,000 อัตรา

นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ รมว.แรงงาน ได้เดินทางมอบของช่วยเหลือประเภทถุงยังชีพ ชุดลอยน้ำ เรือพาย ฯลฯ รวมมูลค่าประมาณ 175,000 บาท และกล่าวว่า กระทรวงแรงงานได้เตรียมแผนรองรับโดยเจรจากับผู้ประกอบการให้แรงงานที่ประสบภัยทุกคนได้ลางาน แล้วตอนนี้มีโครงการ 86,000 กว่าอัตราทั้งหมด รองรับไว้ให้กับผู้ว่างงาน และมีการระดมกำลังทรัพยากรบุคคลของกรมจัดหางานในจังหวัดที่ไม่ได้น้ำท่วม ออกหาข้อมูลที่ศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบอุกทกภัย เพื่อให้พี่น้องที่อยากทำงานว่าอยากทำที่ไหนทำอย่างไร ซึ่งก็ขอบคุณที่ได้รับความร่วมมือจากสถานประกอบการที่ไม่ถูกน้ำท่วม ได้รับคน 1-2 หมื่นคน ไปทำงานชั่วคราวทันที ขอให้มั่นใจว่าหลังจากน้ำลดไม่ต้องห่วงเพราะเรามีอัตรารองรับไว้แล้ว อย่างไรก็ตาม ประชาชนสามารถโทร.มาได้ที่เบอร์ 1506 แจ้งความประสงค์ว่าจะทำงานที่ไหน เรามีหน่วยงานต่างๆ ถึง 60-70 แห่งที่จะให้ไปทำงาน หรือโทรมาหมายเลขของกระทรวงได้ที่ 0-2248-2222 หรือกรอกใบสมัครแจ้งความประสงค์มาว่าอยากทำงานประเภทอะไร

กต.ชี้ต่างประเทศช่วยผ่านกาชาด

ด้าน นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงการให้ความช่วยเหลือจากต่างประเทศว่า ขณะนี้ประเทศต่างๆได้ให้การสนับสนุนช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยของประเทศไทย ถูกส่งผ่านมาทางสภากาชาดเป็นจำนวนมาก ซึ่งรัฐบาลไทยต้องกราบเรียนว่าเราไม่ได้ขอร้อง แต่ด้วยความสัมพันธ์ความช่วยเหลือที่มีความเป็นห่วงพี่น้องคนไทยที่ประสบภัยพิบัติครั้งนี้ ทุกประเทศจึงเข้ามาช่วยเหลือ ซึ่งบางประเทศได้ให้ในรูปของตัวเงินและสิ่งของ ซึ่งตนในฐานะรัฐมนตรีต่างประเทศ และเป็นตัวแทนของพี่น้องประชาชน ตลอดจนนายกรัฐมนตรีได้ขอบคุณไปยังประเทศต่างๆ ถึงความอนุเคราะห์ช่วยเหลือประเทศไทย และในสัปดาห์หน้าทางเอกอัครราชทูตของประเทศต่างๆ จะมาเยี่ยมชมศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยแห่งนี้ เพราะขณะนี้ ศปภ.ได้ทำหน้าที่ได้ประสบผลสำเร็จอย่างยิ่งและจะเป็นรูปแบบนำไปใช้ในการแก้ไขปัญหาผู้ประสบภัยในลักษณะเดียวกัน ภายในประชาคมอาเซียน โดยในปีหน้าเราจะเป็นผู้นำพาให้เกิดการประชุมเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับภัยพิบัติ

ประเมินค่าเสียหายแสนล้าน

พล.ต.อ.ประชา เปิดเผยการประเมินความเสียหายเบื้องต้นจากสถานการณ์น้ำท่วมพบว่า ขณะนี้เกิดความเสียหายนับแสนล้านบาท ซึ่งวันนี้เราได้ประสานงานกับทางสถานทูตสหรัฐอเมริกา เพื่อนัดหมายที่จะนัดพูดคุยกันโดยเราจะใช้แผนของสหรัฐอเมริกาที่เคยทำสำเร็จ มาแล้วในช่วงที่สหรัฐฯ ประสบอุทกภัยอย่างรุนแรง ทั้งนี้ เราได้ประสานงานกับ FEMA (Federal Emergency Management Agency) องค์กรกลางบริหารจัดการฉุกเฉิน สหรัฐอเมริกา พร้อมกันนี้จะให้ประสานกับรัฐบาลเนเธอร์แลนด์ ที่จะส่งผู้เชี่ยวชาญมา ซึ่งเรามาหาข้อสรุปร่วมกันกับกรแก้ไขปัญหาครั้งนี้

ด้าน รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า วันนี้เรารอคำตอบจากทางสหรัฐฯ ซึ่งเขาได้เตรียมการทุกอย่างในการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ที่ประสบความสำเร็จ ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยคน แต่รวมไปถึงสัตว์เลี้ยงที่ต้องมีการอพยพด้วย ทั้งนี้ตนได้หารือกับนายกฯ สิ่งที่เราต้องการขณะนี้คือทางด้านเทคนิค เช่น ในการใช้เฮลิคอปเตอร์ที่จะมองลงมาแล้วเห็นมีคนติดอยู่ในบ้าน จะได้มีคำสั่งลงมาภาคพื้นดินเพื่อให้เข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยเย็นวันนี้ (14 ต.ค.) สหรัฐฯ จะให้คำตอบมาอย่างเป็นทางการ และเข้าใจว่าวันพรุ่งนี้ (15 ต.ค.)จะแถลงอย่างเป็นทางการ

ด้าน นายถิระชัย วุฒิธรรม โฆษกกระทรวงยุติธรรม กล่าวเสริมว่า สหรัฐฯมีประสบการจากอุทกภัยแคทารีนาซึ่งถือว่าเป็นมหันตภัยที่ใหญ่ที่สุดในโลก และทาง FEMA จะมีระบบดำเนินการเป็นขั้นตอน โดยเบื้องต้น คือ 1.อพยพคนมาอยู่รวมกัน เพื่อให้การช่วยเหลือได้ง่าย 2.กู้น้ำ และ 3.กู้ระบบเพื่อนำกลับคืนสู่การฟื้นฟูเยียวยา