นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองประธานกรรมาธิการการกฏหมาย ยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงความเคลื่อนไหวของนายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ที่ได้เข้าไปเยี่ยมผู้ต้องหากลุ่มเสื้อแดง ในเรือนจำจ.อุบลราชธานี ว่า นายอัมสเตอร์ดัม ใช้สิทธิอะไรในการเข้าไปเยี่มผู้ต้องหาถึงภายในเรือนจำ เพราะอยู่ในฐานะชาวต่างชาติ และไม่มีความเกี่ยวข้องในเรื่องเครือญาติกับผู้ต้องหา และไม่ได้เป็นทนายความในคดีดังกล่าวแต่อย่างใด การถือวิสาสะเข้าไปในครั้งนี้ เป็นการให้ไฟเขียวจากฝ่ายรัฐบาลหรือไม่ อธิบดีกรมราชทัณฑ์จะต้องตอบคำถามนี้ต่อสังคม เพราะการเยี่ยมผู้ต้องหาใดๆ ในที่คุมขัง จะต้องมีระเบียบในการเข้าเยี่ยมที่ชัดเจน หากนายอัมสเตอร์ดัม ไม่มีสิทธิในการเข้าเยี่ยม แต่ได้เข้าไปเยี่ยม ก็ถือว่าเป็นการปล่อยปละละเลยของเจ้าหน้าที่ หรือหย่อนประสิทธิภาพในการทำงาน ซึ่งอาจมีความผิดต่อหน้าที่ได้
ส่วนการที่นายอัมสเตอร์ดัม ออกมาระบุว่า พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคของทหาร นั้น พรรคได้รวบรวมข้อมูลหลักฐานไว้เรียบร้อยแล้ว รอให้คณะกรรมการบริหารพรรคมอบอำนาจให้ฝ่ายกฏหมาย ไปเป็นผู้ร้องทุกข์ กล่าวโทษ ต่อนายอัมสเตอร์ดัม ในข้อหาหมิ่นประมาทพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเวลานั้นนายอัมสเตอร์ดัมอย่าทำอวดเก่ง เดินทางหนีออกนอกประเทศไปอีก ขอให้อยู่สู้คดีให้ถึงที่สุด ทั้งคดีเก่าข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามมาตรา 112 และข้อหาหมิ่นศาล ตามมาตรา 198 และรวมถึงคดีหมิ่นประมาทพรรคประชาธิปัตย์ ในครั้งนี้ด้วย
นายเทพไท ยังกล่าวถึงกรณี พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงษ์ รักษาการ ผบ.ตร. ออกมาการันตีความบริสุทธิ์ของนายอัมสเตอร์ดัม ว่าไม่เคยมีคดีติดตัวนั้น ก็อยากจะให้ ผบ.ตร.ไปค้นแฟ้มบันทึกประจำวันของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่กองปราบปรามในการกล่าวโทษร้องทุกข์ต่อนายอัมสเตอร์ดัม เมื่อวันที่ 19 ก.พ. 54 ว่าเป็นจริงหรือไม่ เพราะหากไม่มีการกล่าวโทษร้องทุกข์ในตอนนั้น นายโรเบิร์ต ก็เดินทางเข้ามาประเทศไทยนานแล้ว ไม่จำเป็นต้องรอจนถึงรัฐบาลชุดนี้ แสดงให้เห็นว่า มีคนในรัฐบาลชุดนี้จงใจที่จะเคลียร์คดีดังกล่าว เพื่อให้นายอัมสเตอร์ดัม เข้ามาเคลื่อนไหวก่อกวนการเมืองภายในประเทศ ไม่ต่างอะไรกับการเปิดประตูให้โจรเข้ามาในบ้าน ซึ่งรัฐบาลก็จะต้องรับผิดชอบต่อการเข้ามาสร้างความวุ่นวายของนายอัมสเตอร์ดัม ที่อาจจะเป็นภัยต่อความมั่นคงภายในประเทศได้
ด้านนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี นายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ที่เดินสายพยายามเข้าพบกับผู้ที่ถูกคุมขังในข้อหาก่อการชุมนุมว่า ไม่มีอะไรมากไปกว่าเล่นปาหี่ระดับโลก ที่จะสร้างความหวังผิดๆ ให้กับประชาชน ว่าจะนำเรื่องไปศาลระดับโลก ทั้งที่ทราบดีว่าทำไม่ได้ แต่แค่หวังเบิกเงินจากกระเป๋า พ.ต.ท.ทักษิณ เท่านั้น
จึงอยากให้กลุ่มคนเสื้อแดงได้รู้ความจริง และ พรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันพร้อมจะให้การตรวจสอบทุกเรื่อง แต่อย่าไปหลงคารมกับทนายต่างชาติที่ไม่หวังดีกับประเทศไทย และอย่าตกเป็นเครื่องมือ หรือเป็นเหยื่อให้นายอัมสเตอร์ดัม หากิน เพราะเป็นคนที่ไม่มีเคยมีประวัติเป็นนักต่อสู้ หรือเป็นนักสิทธิมนุษยชน แต่เป็นทนายความป็นธรรมดาๆ ที่หากินกับอาชญากรกระดับโลกหลายคน
" ที่บอกว่าเพื่อน ปชป.ไม่อยากให้อยู่ไทย ผมไม่ทราบว่านายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัมหมายถึงใคร แต่อดที่จะคิดไปถึง พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้ แต่ที่ตลกและทำให้พรรคพรั่นพรึ่ง ก็คือที่บอกว่า คนๆนี้ทำให้ค่าเงินบาทผันผวน เป็นการยอมรับเลยว่า คบคนเลว เพราะคนที่ทำให้ค่าเงินบาทผันผวน เป็นตัวการทำให้เศรษฐกิจไทยต้องพินาศ ดังนั้นก็ไม่ควรให้อยู่ในไทย แต่เราไม่เคยเล่นเกมการเมือง ไม่กลั่นแกล้งใคร เราให้ทุกคนมีสิทธิ์เข้าออกบ้านเมืองได้อยู่แล้ว ยกเว้นคนที่เป็นภัยต่อบ้านเมือง "
ส่วนกรณีการเปิดหมู่บ้านเสื้อแดงที่ จ.เชียงราย นั้น พรรคประชาธิปัตย์ไม่อยากให้การปฏิบัติเช่นนี้เกิดขึ้นแพร่หลายในประเทศไทย เพราะเป็นการสร้างสัญลักษณ์ สร้างความแตกแยกให้เกิดขึ้น เวลานี้ไม่ว่ากลุ่มคนสีอะไรก็ได้รับความเดือดร้อนทั้งสิ้น จึงขอเรียกร้องคนที่เป็นแกนนำได้ยุติความเคลื่อนไหว และขอให้ระดมกำลัง ร่วมแรงร่วมใจในการกู้ชีวิต ทรัพย์สินให้ผ่านพ้นไปได้ดีก่อน แล้วค่อยมานั่งถกเถียงกันในประเด็นการเมือง ขอให้นำเรื่องนี้เป็นวาระแห่งชาติ ให้คนไทยทุกคนสามัคคีกัน อย่าซ้ำเติมบาดแผลให้ลงลึกมากไปกว่านี้เลย
ส่วนการที่นายอัมสเตอร์ดัม ออกมาระบุว่า พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคของทหาร นั้น พรรคได้รวบรวมข้อมูลหลักฐานไว้เรียบร้อยแล้ว รอให้คณะกรรมการบริหารพรรคมอบอำนาจให้ฝ่ายกฏหมาย ไปเป็นผู้ร้องทุกข์ กล่าวโทษ ต่อนายอัมสเตอร์ดัม ในข้อหาหมิ่นประมาทพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเวลานั้นนายอัมสเตอร์ดัมอย่าทำอวดเก่ง เดินทางหนีออกนอกประเทศไปอีก ขอให้อยู่สู้คดีให้ถึงที่สุด ทั้งคดีเก่าข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามมาตรา 112 และข้อหาหมิ่นศาล ตามมาตรา 198 และรวมถึงคดีหมิ่นประมาทพรรคประชาธิปัตย์ ในครั้งนี้ด้วย
นายเทพไท ยังกล่าวถึงกรณี พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงษ์ รักษาการ ผบ.ตร. ออกมาการันตีความบริสุทธิ์ของนายอัมสเตอร์ดัม ว่าไม่เคยมีคดีติดตัวนั้น ก็อยากจะให้ ผบ.ตร.ไปค้นแฟ้มบันทึกประจำวันของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่กองปราบปรามในการกล่าวโทษร้องทุกข์ต่อนายอัมสเตอร์ดัม เมื่อวันที่ 19 ก.พ. 54 ว่าเป็นจริงหรือไม่ เพราะหากไม่มีการกล่าวโทษร้องทุกข์ในตอนนั้น นายโรเบิร์ต ก็เดินทางเข้ามาประเทศไทยนานแล้ว ไม่จำเป็นต้องรอจนถึงรัฐบาลชุดนี้ แสดงให้เห็นว่า มีคนในรัฐบาลชุดนี้จงใจที่จะเคลียร์คดีดังกล่าว เพื่อให้นายอัมสเตอร์ดัม เข้ามาเคลื่อนไหวก่อกวนการเมืองภายในประเทศ ไม่ต่างอะไรกับการเปิดประตูให้โจรเข้ามาในบ้าน ซึ่งรัฐบาลก็จะต้องรับผิดชอบต่อการเข้ามาสร้างความวุ่นวายของนายอัมสเตอร์ดัม ที่อาจจะเป็นภัยต่อความมั่นคงภายในประเทศได้
ด้านนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี นายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ที่เดินสายพยายามเข้าพบกับผู้ที่ถูกคุมขังในข้อหาก่อการชุมนุมว่า ไม่มีอะไรมากไปกว่าเล่นปาหี่ระดับโลก ที่จะสร้างความหวังผิดๆ ให้กับประชาชน ว่าจะนำเรื่องไปศาลระดับโลก ทั้งที่ทราบดีว่าทำไม่ได้ แต่แค่หวังเบิกเงินจากกระเป๋า พ.ต.ท.ทักษิณ เท่านั้น
จึงอยากให้กลุ่มคนเสื้อแดงได้รู้ความจริง และ พรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันพร้อมจะให้การตรวจสอบทุกเรื่อง แต่อย่าไปหลงคารมกับทนายต่างชาติที่ไม่หวังดีกับประเทศไทย และอย่าตกเป็นเครื่องมือ หรือเป็นเหยื่อให้นายอัมสเตอร์ดัม หากิน เพราะเป็นคนที่ไม่มีเคยมีประวัติเป็นนักต่อสู้ หรือเป็นนักสิทธิมนุษยชน แต่เป็นทนายความป็นธรรมดาๆ ที่หากินกับอาชญากรกระดับโลกหลายคน
" ที่บอกว่าเพื่อน ปชป.ไม่อยากให้อยู่ไทย ผมไม่ทราบว่านายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัมหมายถึงใคร แต่อดที่จะคิดไปถึง พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้ แต่ที่ตลกและทำให้พรรคพรั่นพรึ่ง ก็คือที่บอกว่า คนๆนี้ทำให้ค่าเงินบาทผันผวน เป็นการยอมรับเลยว่า คบคนเลว เพราะคนที่ทำให้ค่าเงินบาทผันผวน เป็นตัวการทำให้เศรษฐกิจไทยต้องพินาศ ดังนั้นก็ไม่ควรให้อยู่ในไทย แต่เราไม่เคยเล่นเกมการเมือง ไม่กลั่นแกล้งใคร เราให้ทุกคนมีสิทธิ์เข้าออกบ้านเมืองได้อยู่แล้ว ยกเว้นคนที่เป็นภัยต่อบ้านเมือง "
ส่วนกรณีการเปิดหมู่บ้านเสื้อแดงที่ จ.เชียงราย นั้น พรรคประชาธิปัตย์ไม่อยากให้การปฏิบัติเช่นนี้เกิดขึ้นแพร่หลายในประเทศไทย เพราะเป็นการสร้างสัญลักษณ์ สร้างความแตกแยกให้เกิดขึ้น เวลานี้ไม่ว่ากลุ่มคนสีอะไรก็ได้รับความเดือดร้อนทั้งสิ้น จึงขอเรียกร้องคนที่เป็นแกนนำได้ยุติความเคลื่อนไหว และขอให้ระดมกำลัง ร่วมแรงร่วมใจในการกู้ชีวิต ทรัพย์สินให้ผ่านพ้นไปได้ดีก่อน แล้วค่อยมานั่งถกเถียงกันในประเด็นการเมือง ขอให้นำเรื่องนี้เป็นวาระแห่งชาติ ให้คนไทยทุกคนสามัคคีกัน อย่าซ้ำเติมบาดแผลให้ลงลึกมากไปกว่านี้เลย