xs
xsm
sm
md
lg

ปากน้ำโพโกลาหล คันกั้นเจ้าพระยาแตก-น้ำทะลัก เตือน!วันนี้ระดับน้ำขึ้นสูงสุด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวภูมิภาค -"ในหลวง" ทรงรับมอบเงินเครือเจริญโภคภัณฑ์เพื่อช่วยเหลือน้ำท่วม นครสวรรค์โกลาหล พนังคันดินกั้นน้ำริมเจ้าพระยาแตก น้ำทะลักเข้าท่วมย่านเศรษฐกิจจมบาดาล ประชาชนหนีตายอลหม่าน ทหารเคลื่อนย้ายผู้ป่วยวุ่น เลวร้ายสุดไฟฟ้าดับทั้งหมด เตือนประชาชนระวังน้ำไหลสูงสุดวันนี้ ส่วน "อยุธยา"วิกฤตต่อเนื่อง พบเจ้าหน้าที่กรมศิลป์และชาวอยุธยากว่า 100 ชีวิตติดเกาะ ขณะที่ "น้ำชี-น้ำพอง" ทะลักท่วมหมู่บ้านริมน้ำแล้ว ปภ.เขต 6 สั่งอพยพชาวบ้านด่วน “กทม.” ตั้งวอร์รูมรับวิกฤตน้ำท่วมตะวันออก จับตา 16-18 ต.ค.นี้

เวลา 17.44 น.วานนี้ (10 ต.ค.) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เสด็จออก ณ ห้องประชุมพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ชั้น 14 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการบริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด และคณะกรรมการบริหารบริษัท เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายพระพรชัยมงคล และทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเงินเพื่อทรงใช้สอยตามพระราชอัธยาศัย เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม 2553 และเพื่อสมทบทุนมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ สำหรับช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย

สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีความห่วงใยพระสงฆ์ที่จำพรรษาอยู่ในพื้นที่ประสบอุทกภัย ทรงมีพระราชเสาวนีย์ให้ พล.อ.ณพล บุญทับ ราชเลขาธิการส่วนพระองค์ ในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ นำกองงานส่วนพระองค์ไปประกอบภัตตาหารถวายพระสงฆ์ในพื้นที่ อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา โดยนำโรงครัวพระราชทานไปตั้งที่เทศบาล ต.ปากจั่น อ.นครหลวง เพื่อประกอบภัตตาหาร ขณะนี้โรงครัวพระราชทานจัดตั้งขึ้นแล้ว

**คันดินกั้นเจ้าพระยานครสวรรค์แตก

มีรายงานข่าวจาก จ.นครสวรรค์ว่า เมื่อช่วงเช้าวานนี้ (10 ต.ค.) แนวคันดินกั้นน้ำแม่น้ำปิงบริเวณต้นแม่น้ำเจ้าพระยา จ.นครสวรรค์ ที่เทศบาลนครสวรรค์ได้วางแนวเอาไว้เพื่อป้องกั้นน้ำทะลักเข้าท่วมด้วยความสูงเฉลี่ยกว่า 2 เมตรได้เกิดทลายลงมาทำให้น้ำไหลทะลักเข้าท่วมตัวเมืองนครสวรรค์อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเขตเทศบาลนครนครสวรรค์ พนังกั้นน้ำริมตลิ่งเสียหายเป็นทางยาวกว่า 100 เมตร

หลังเกิดเหตุเทศบาลนครนครสวรรค์ได้เปิดสัญญาณไซเรนแจ้งให้ประชาชนรีบอพยพออกมาจากที่อยู่อาศัยไปยังพื้นที่ปลอดภัย ซึ่งจัดเอาไว้ให้รวม 5 จุดเป็นการด่วนทันที ทำให้บรรยากาศทั่วทั้งเมืองนครสวรรค์ เป็นไปด้วยความโกลาหลโดยระดับสูงเฉลี่ย 1 เมตร ขณะที่กำลังทหารในสังกัดกองทัพภาคที่ 3 ได้เร่งเข้าเคลื่อนย้ายผู้ป่วยจากโรงพยาบาลนครสวรรค์ ไปยังโรงพยาบาลจิระประวัติ ที่อยู่ภายในค่ายทหารเป็นการด่วน

**เผยเรือหางยาวต้นเหตุทำคันดินพัง

รายงานแจ้งว่า น้ำที่พังแนวคันดินกั้นน้ำไหลทะลักเข้ามานั้นมีความแรงมาก แม้ทางทหารกองทัพภาคที่ 3 จะระดมกำลังเข้าป้องกั้นด้วยการนำหินคลุกมาเทหวังป้องกันให้น้ำหยุดไหล แต่ก็ไม่สามารถทานความแรงของน้ำได้ ส่งผลให้น้ำไหลทะลักเข้าท่วมตัวตลาดเขตเทศบาลนครนครสวรรค์ชั้นในและขยายวงกว้างจากตลาดบ่อนไก่ถึงโรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จากนั้นกระแสน้ำได้ไหลทะลักไปตามถนนโกสีย์ ถนนสวรรค์วิถี ถนนอรรถกวี ถนนมาตุลี จนทำให้ตัวเมืองนครสวรรค์กลายเป็นเมืองบาดดาลในทันที

ขณะที่พ่อค้าขายหมูที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ เปิดเผยว่า คันหินคลุกพังเนื่องจากเรือหาวยาวหันหัวเรือแล้วหางที่มีใบพัดตีมาที่แบบไม้กั้นกระสอบทรายบนคันหินคลุกจนแบบไม้หักพังกระสอบทรายหล่นลงมา น้ำจึงไหลทะลักพังคันหินคลุกเข้ามาทันที

**เตือนปชช.ระวังน้ำไหลสูงสุดวันนี้

นายวิศาล วสุนธาระภร หัวหน้าโครงการชลประทานจังหวัดนครสวรรค์ เปิดเผยว่า กระแสน้ำที่ทะลักจากคันดินซึ่งสูงกว่า 2 เมตรครั้งนี้ไหลเร็วและแรงมากจนทุกคนตั้งตัวไม่ทัน ทั้งนี้ เนื่องจากปริมาณน้ำจำนวนมากที่ไหลลงมาจากภาคเหนือจากเขื่อนภูมิพลต่อเนื่องและทรงตัว 3 วันที่ผ่านมาทำให้เขื่อนดินชั่วคราวที่ป้องกันน้ำไว้ไม่สามารถทนต่อกระแสแรงดันของน้ำได้ จึงทำให้เกิดจุดรั่วซึมเพราะน้ำเหนือมีอัตราไหล 2,247 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และปริมาณน้ำวานนี้ (10)ยังไม่ถึงจุดสูงสุดโดยจะมีน้ำไหลทะลักสูงสุดวันนี้ (11 ต.ค.)

"ขณะนี้นอกจากจุดคันดินแตกแล้วยังต้องเฝ้าระวังคันดินอื่นๆ อีก เพราะดินอิ่มไปด้วยน้ำ ตลอดระยะทางยาว 11 กม.ตลอดแนวฝั่งตะวันตกหรือในเขตเทศบาลเมือง โดยมีระดับความแตกต่างของระดับน้ำ 2 เมตรก็ขอให้เฝ้าระวังอย่างเต็มที่ ส่วนปัญหาวันนี้คือรถที่นำวัสดุหินคลุกมาเทอุดรอยรั่วของคันดินทำงานด้วยความยากลำบากเพราะติดขัดไปด้วยผู้คน"

**"ปู"บินด่วนลงดูพื้นที่นครสวรรค์

เวลา 14.00 น.น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะ เดินทางมาถึงนครสวรรค์ โดยนายชัยโรจน์ มีแดง ผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ ได้นำนายกรัฐมนตรีไปที่สำนักงานเทศบาลนครนครสวรรค์ เพื่อตรวจดูสถานการณ์น้ำท่วม และรับฟังการบรรยายสรุปสถานการณ์ พร้อมกับได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งระดมกำลังสกัดดั้นน้ำและซ่อมแซมจุดที่พัง แต่หากไม่ได้ให้วางแนวป้องกันรักษาพื้นที่ส่วนใหญ่ย่านเศรษฐกิจไว้ให้ได้มากที่สุด จากนั้นนั่งรถยนต์ของทหารกองทัพภาคที่ 3 ตรวจเยี่ยมพื้นที่ถูกน้ำท่วมขัง พบว่าน้ำได้กระจายเข้ามาเขตชุมชนประชาชน

**เผยเลวร้ายสุด"ไฟฟ้ายังดับทั้งหมด"

เวลา 18.00 น.เจ้าของร้านค้ารายหนึ่งบนถนนโกสีย์ จ.นครสวรรค์ เผยว่า "เหตุการณ์ครั้งนี้ เหมือนกับน้ำท่วมใหญ่ปี 38 ทั้งเมืองถูกน้ำท่วม แต่รอบนี้พนังแตกทำให้น้ำมาไว ช่วงพนังแตกใหม่ๆ ความสูงของน้ำที่ร้านค้าตนสูง 50 ซม.แต่ช่วงเย็นน้ำกลับขยับเพิ่มขึ้นอีก 20 ซม.สิ่งที่เลวร้ายกว่านั้น คือ ค่ำวันนี้(10)ไฟฟ้ายังดับทั้งหมด"

รายงานข่าวแจ้งเพิ่มเติมว่า ห้างสรรพสินค้าแม็คโคร ได้ปิดสโตร์นครสวรรค์แล้วเช่นกันหลังจากน้ำทะลักเข้าท่วมอย่างต่อเนื่อง โดยก่อนหน้านี้แม็คโครได้พยายามป้องกันสโตร์แห่งนี้อย่างเต็มที่ และใช้รถเพื่อการเกษตรรับ-ส่งลูกค้าเข้ามาซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคใจสโตร์ได้อยู่ แต่ขณะนี้ไม่สามารถทำได้แล้วเนื่องจากน้ำท่วมสูงทำให้ต้องปิดสโตร์แห่งนี้ชั่วคราว

**โฆษก ศปภ.ชี้เรือพุ่งชนซ้ำพนังพัง

นายวิม รุ่งวัฒนจินดา เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะโฆษก ศปภ.กล่าวว่า สถานการณ์น้ำท่วมที่ จ.นครสวรรค์ ถึงขั้นที่ต้องอพยพประชาชน เนื่องจากเกิดอุบัติเหตุเรือพุ่งชนซ้ำพนังกั้นน้ำครั้งที่ 2 ในเวลา 11.00 น.ส่งผลให้พนังกั้นน้ำแตก คาดว่าน้ำจะไหลเข้าตัวเมืองเทศบาล เนื่องจากบริเวณพนังกั้นน้ำอยู่ใกล้ตัวเมืองเพียง 3 กม.ดังนั้น ภาครัฐ จึงประกาศอพยพประชาชนไปยัง 5 จุดที่เตรียมไว้คือ 1.สนามกีฬากลางจังหวัด 2.วิทยาลัยเทคโนโลยีนครสวรรค์ 3.วิทยาอาชีวะนครสวรรค์ 4.โรงเรียนนครสวรรค์ 2 และ 5.วัดคีรีวง ทั้ง 5 แห่งสามารถรองรับประชาชนได้ 1 หมื่นคน

"สาเหตุที่ต้องอพยพเนื่องจากพนังกั้นน้ำแตก และ จ.นครสวรรค์ เป็นแหล่งรับน้ำ 4 สายจากแม่น้ำปิง วัง ยม น่าน เช่นเดียวกับ จ.พระนครศรีอยุธยาที่เกิดวิกฤตเพราะเป็นแหล่งรับน้ำ 3 สายจากทั้งเจ้าพระยา ป่าสัก และลพบุรี ที่สำคัญเกิดจากอุบัติเหตุซึ่งเป็นปัญหาที่เกินความคาดหมาย อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าเขื่อนเจ้าพระยาจะสามารถรองรับน้ำที่ จ.นครสวรรค์ได้ จากการประเมิน หากน้ำไหลจากนครสวรรค์จะไหลผ่านเข้าเขื่อนเจ้าพระยา ผ่าน จ.ชัยนาท จากนั้นจึงจะเข้า จ.อุทัยธานี อ่างทอง ลพบุรี ปทุมธานี และกรุงเทพฯ ดังนั้น จะต้องมีการประเมินสถานการณ์อยู่ตลอดว่าเขื่อนเจ้าพระยาจะสามารถรับน้ำได้มากน้อยแค่ไหน แต่เชื่อว่ายังสามารถรับน้ำได้"

**จนท.กรมศิลป์-ชาวอยุธยา
ติดเกาะกรุงเก่ากว่า100ชีวิต**

ด้านสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ยังวิกฤตหนัก เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ หน่วยกู้ภ้ย ต่างเร่งระดมกำลังขนย้ายคนออกนอกพื้นที่น้ำท่วมในเกาะเมืองพระนครศรีอยุธยากันอย่างโกลาหล นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังพบหญิงชราวัย 80 ปีคนหนึ่งถูกทอดทิ้งป่วยเดินไม่ได้อยู่ใต้สะพานปรีดี ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ช่วยนำส่งศูนย์พยาบาลชัวคราวโรงแรมวรบุรีแล้ว ขณะที่น้ำท่วมวัดกษัตราธราชวรวิหาร ถึงพื้นที่ชั้นในแล้ว โบราณสถานหลายแห่งถูกน้ำท่วมเช่นกัน

นางโสมสุดา ลียะวณิช อธิบดีกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม เผยว่า ขณะนี้สถานการณ์น้ำท่วมโบราณสถานใน จ.พระนครศรีอยุธยาเข้าขั้นวิกฤต ไม่สามารถป้องกันน้ำได้แล้วจึงต้องปล่อยให้โบราณสถานถูกน้ำท่วมขัง ล่าสุดได้รับรายงานมีเจ้าหน้าที่สำนักศิลปากรที่ 3 พระนครศรีอยุธยาที่ทำงานเฝ้าโบราณวัตถุสำคัญของชาติที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเจ้าสามพระยา พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติจันทร์เกษม อุทยานประวัติศาตร์พระนครศรีอยุธยา สำนักศิลปากรที่ 3 พระนครศรีอยุธยา และชาวบ้านกว่า 100 ชีวิตติดอยู่ในอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ซึ่งตนได้สั่งการให้เดินทางออกจากพื้นที่ แต่เจ้าหน้าที่ไม่ยอมออกมาเพราะเป็นห่วงโบราณวัตถุของชาติจะสูญหาย

"ดังนั้น ต้องเร่งหาวิธีเข้าไปช่วยเหลือด่วนเพราะขณะนี้ประสบปัญหาขาดน้ำ ขาดอาหาร จึงได้แจ้งไปยังผู้ว่าฯให้เข้าไปช่วยเหลือเป็นการเร่งด่วนแล้ว ส่วนกรมศิลปากรได้เร่งจัดหาเครื่องอุปโภคบริโภคเข้าไปช่วยเหลือเช่นกัน ส่วนกรมศิลปากรได้จัดหาเครื่องอุปโภคบริโภคเข้าไปช่วยเหลือ แต่ยังเป็นห่วงในเรื่องของการขนส่งที่ไม่สามารถเข้าไปถึงสำนักงานอุทยานประวัติศาสตร์ได้ ขณะนี้ได้รับความช่วยเหลือจากทางนางสุกุมล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม ได้เตรียมทีมเจ็ตสกีจาก จ.ชลบุรีมาคอยอำนวยความสะดวกในเรื่องของการขนส่งสิ่งของช่วยเหลือเข้าไปในอุทยานประวัติศาสตร์แล้ว"

**คันกั้นน้ำหลังรพ.บางบัวทองแตก

ส่วนที่ จ.นนทบุรี มีรายงานว่าบริเวณย่านบางบัวทอง มีกระแสน้ำไหลทะลักผ่านตามคลองต่าง ๆ เข้าท่วมพื้นที่ดังกล่าวแล้วหลายจุด อาทิ ไทรน้อย รพ.บางบัวทอง และชุมชนพัฒนาเทศบาล 6 หลังแนวกั้นหลังโรงพยาบาลบางบัวทองพังลง โดยชาวบ้านต่างเร่งนำกระสอบทรายมากั้นพื้นที่ ป้องกันน้ำท่วมเข้าภายในบ้าน พร้อมเร่งขนย้ายสิ่งของ บางคนต้องขนรถจักรยานยนต์ลงเรือไปอยู่ที่ปลอดภัย บางจุดระดับน้ำสูงกว่า 1 เมตร นอกจากนี้ น้ำยังไหลหลากท่วมสถานที่ราชการ

เบื้องต้นทางจังหวัดประสานขอความช่วยเหลือจากทหาร สร้างแนวป้องกันขึ้นใหม่ คาดว่าจะใช้เวลา 3 วันและนำกระสอบทรายไปทำพนังป้องกันน้ำไหลทะลักท่วมพื้นที่เศรษฐกิจ นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่า มีชาวบ้านบางส่วนได้นำทรายมาวางขายกันข้างถนน หลังจากที่ทรายตามร้านค้าขาดตลาด

ทั้งนี้ สำหรับ จ.นนทบุรี น้ำได้ไหลเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนจนได้รับผลกระทบแล้วทั้งหมด 6 อำเภอ ประกอบด้วย อ.ปากเกร็ด อ.บางบัวทอง อ.เมือง อ.บางกรวย อ.บางใหญ่ และ อ.ไทรน้อย

**น้ำชี-น้ำพองท่วมหมู่บ้านริมน้ำ
ปภ.เขต 6 สั่งอพยพชาวบ้าน**

นางสุพรรัตน์ แสงมาลี หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า จากการติดตามสถานการณ์ปริมาณน้ำรอบตัวเมืองขอนแก่น พบว่าในพื้นที่ 2 ตำบลคือ ต.บึงเนียม และ ต.พระลับ อ.เมืองขอนแก่น ขณะนี้น้ำไหลเข้าท่วมชุมชนระดับน้ำสูงประมาณ 50- 100 เซนติเมตรแล้ว และมีทีท่าว่าจะสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงต้องเร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเก็บข้าวของไว้ในที่สูง และเตรียมอพยพออกจากหมู่บ้าน ล่าสุดได้อพยพชาวบ้านในตำบลพระลับจำนวนกว่า 200 ครัวเรือน ไปอาศัยอยู่ที่โรงเรียนกีฬาขอนแก่นแล้ว

“ต.บึงเนียม มีชาวบ้าน 310 ครัวเรือน และ ต.พระลับอีกกว่า 200 ครัวเรือนได้รับผลกระทบหนักจากน้ำท่วมพื้นที่ขอนแก่น ส่วนสถานการณ์น้ำยังไม่นิ่งต้องติดตามอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง เนื่องจากน้ำจาก จ.หนองบัวลำภู และชัยภูมิ ยังคงไหลเข้าสมทบเขื่อนอุบลรัตน์เป็นจำนวนมาก ทำให้เขื่อนต้องปล่อยน้ำอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้ทางโรงไฟฟ้าพลังน้ำขออนุญาตปล่อยน้ำ 50 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน เพื่อไม่ให้น้ำเกินระดับกักเก็บ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อตัวเขื่อนด้วย สิ่งที่เป็นกังวลขณะนี้คือทางเจ้าหน้าที่ขาดแคลนเรือท้องแบนที่จะใช้ช่วยเหลือชาวบ้าน เรือที่ใช้ยังเป็นเรือพายทำให้การช่วยเหลือเป็นไปอย่างล่าช้าและไม่ทั่วถึง”

ด้านนายศุภเดช เหล็กชูชาติ รักษาการ ผอ.ปภ.เขต 6 ขอนแก่น กล่าวว่า ในพื้นที่รับผิดชอบ 4 จังหวัด คือร้อยเอ็ด ขอนแก่น มหาสารคามและกาฬสินธุ์ ที่ประสพภัยน้ำท่วมส่วนใหญ่อยู่ริมลำน้ำชี และลำน้ำพอง โดยจังหวัดขอนแก่นต้องดูแลอย่างใกล้ชิด เนื่องจากเป็นพื้นที่รับน้ำจาก 2 จังหวัด คือหนองบัวลำภูและชัยภูมิ นอกจากนี้ยังเป็นพื้นที่บรรจบของแม่น้ำสองสาย คือลำน้ำพองและลำน้ำชี ทำให้น้ำมีปริมาณมากแล้วไหลเข้าท่วมหลายชุมชน รวมถึงพื้นที่ทางการเกษตรด้วย

“ในพื้นที่รับผิดชอบ 4 จังหวัด ขอนแก่นประสบปัญหาน้ำท่วมหนักมากที่สุด ต้องอพยพชาวบ้านไปอยู่ในที่ปลอดภัย แต่ก็ยังมีชาวบ้านบางส่วนที่เป็นห่วงทรัพย์สินไม่ยอมย้ายออกมา จึงได้ประสานให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้านดูแลอย่างใกล้ชิด ส่วนจังหวัดอื่นๆ ได้ติดตามสถานการณ์กับหัวหน้า ปภ.แต่ละจังหวัดแล้วบอกว่าสามารถรับมือสถานการณ์น้ำท่วมในครั้งนี้ได้ พร้อมเตรียมรับมือปริมาณน้ำฝนในช่วงวันที่ 13-14 และ 17-18 ต.ค.นี้อาจจะมีฝนตกในพื้นที่ภาคอีสานอีก นอกจากนี้ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ ปภ.เขต 6 จำนวน 25 คน เดินทางไปช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยใน จ.ลพบุรี และพระนครศรีอยุธยา ซึ่งถือเป็นพื้นที่วิกฤตอยู่ในขณะนี้ด้วย”

**น้ำใน 3 เขื่อนโคราชเกินความจุแล้ว

หม่อมหลวงอนุมาศ ทองแถม ผู้อำนวยการสำนักชลประทานที่ 8 นครราชสีมา เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำภายในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ของ จ.นครราชสีมาว่า จากรายงานพบว่าล่าสุดปริมาณน้ำภายในอ่างเก็บน้ำทั้ง 4 แห่งที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ประกอบด้วย อ่างเก็บน้ำลำตะคอง ที่ อ.สีคิ้ว,อ่างเก็บน้ำลำมูลบน และอ่างเก็บน้ำลำแชะ ที่ อ.ครบุรี และอ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง อ.ปักธงชัย ขณะนี้มีปริมาณน้ำเต็มความจุของอ่างแล้ว 3 แห่งจากทั้งหมด 4 แห่ง ประกอบด้วยอ่างเก็บน้ำลำตะคอง อ.สีคิ้ว ล่าสุดมีปริมาณน้ำอยู่ที่ 315.26 ล้าน ลบ.ม.จากความจุทั้งหมด 314.49 ล้าน ลบ.ม.คิดเป็น 100.24% ของความจุทั้งหมด
"สถานการณ์ที่เป็นอยู่ในขณะนี้ทางสำนักชลประทานที่ 8 นครราชสีมา ต้องแจ้งเตือนไปยังประชาชนที่อาศัยอยู่ติดกับลำน้ำต่างๆ ด้านท้ายอ่างเก็บน้ำทั้งหมดเตรียมตัวรับมือกับภาวะน้ำเอ่อล้นตลิ่งและติดตามสถานการณ์น้ำจากหน่วยงานราชการอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะริมตลิ่งลำน้ำลำมูลบนตั้งแต่ อ.โชคชัย,อ.เฉลิมพระเกียรติ,อ.พิมาย,อ.ชุมพวง และ อ.เมืองยาง ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากขณะนี้จะยังคงมีฝนตกลงมาในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาอีก 2-3 วันและอาจจะทำให้ปริมาณน้ำภายในลำน้ำต่างๆ เพิ่มสูงขึ้นอย่างฉับพลัน"

**"เขื่อนภูมิพล"ยังปล่อยน้ำต่อเนื่อง

ด้านเจ้าหน้าที่เขื่อนภูมิพล อ.สามเงา จ.ตาก เปิดเผยว่า เขื่อนภูมิพลยังจำเป็นต้องระบายน้ำ 100 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวินาทีและสถานการณ์น้ำในขณะนี้มีปริมาณน้ำ เพิ่มขึ้นอีก 5 ซม.เพราะมีฝนตกลงมา แต่เขื่อนยังคงระบายน้ำเท่าเดิม อย่างไรก็ดี ขณะนี้ทางเขื่อนภูมิพล ได้ติดตามสถานการณ์น้ำ และประสานกับกรมอุตุนิยมวิทยามาโดยตลอด ชนิดชั่วโมงต่อชั่วโมง และคาดว่าจะมีพายุพาดมาททางภาคเหนือตอนบนอีก จะทำให้เขื่อนรับน้ำเพิ่มขึ้นอีก แต่หากไม่มีพายุ หรือน้ำเข้าอ่างน้อยลง ทางเขื่อนก็จะลดการระบายน้ำลงทันที

**กทม.ตั้งวอร์รูมรับวิกฤตน้ำท่วม ตอ.

ที่ศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัยและดินโคลนถล่ม กรุงเทพมหานคร(กทม.) ศาลาว่าการ กทม.เสาชิงช้า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.แถลงถึงสถานการณ์น้ำในกรุงเทพฯว่า กทม.เตรียมจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมย่อยโดยใช้พื้นที่ศาลาประชาคมในเขตมีนบุรีตั้งเป็นศูนย์ให้ความช่วยเหลือประชาชนใน 4 เขตพื้นที่ตะวันออก ได้แก่เขตลาดกระบัง มีนบุรี หนองจอก คลองสามวา ในวันที่ 11 ต.ค.นี้เวลา 10.30 น.โดยมอบหมายให้นายทวีศักดิ์ เดชเดโช รองปลัด กทม.เป็นผู้ดูแล ส่วนประชาชน 27 ชุมชนนอกแนวคันกั้นน้ำได้เตรียมโรงเรียนฝึกอาชีพของกรุงเทพมหานคร 10 แห่งไว้รองรับ พร้อมจัดกำลังเจ้าหน้าที่รวมถึงนักสังคมสงเคราะห์คอยดูแล

สถานการณ์น้ำจากนี้ กทม.อาจได้รับผลกระทบเพราะจะมีฝนตกเพิ่มขึ้นระดับน้ำทะเลที่จะหนุนสูงและน้ำเหนือที่จะไหลผ่านลงมา ซึ่งจะจับตาเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมงในระหว่างวันที่ 16-18 ต.ค.เป็นต้นไป ส่วนในเรื่องของกระสอบทรายก็ยอมรับว่าเป็นปัญหาแต่มีประชาชนได้บริจาคทรายมาล่าสุดปริมาณ 1,200 คิว ซึ่งจะนำทรายจำนวนนี้นำไปช่วยเหลือประชาชน 4 เขตด้านฝั่งตะวันออก ยืนยันว่า วันนี้ยังสามารถบริหารจัดการน้ำได้ แต่ กทม.ไม่ได้นิ่งนอนใจและประเมินสถานการณ์แบบวันต่อวัน

"ขณะนี้มีคนใช้เฟซบุ๊ค ทวิตเตอร์กันมาก เป็นคำถามที่ผมตอบไม่ได้ว่าจะท่วมที่ไหนบ้าง แต่ขณะนี้ขอยืนยัน กทม.ยังยันอยู่หากช่วงวันที่ 16-18 ต.ค.หากมีน้ำเหนือไหลลงมาเพิ่ม บวกกับน้ำทะเลหนุน หรือฝนตกลงมา กทม.จะต้องสู้เป็นพิเศษ นอกจากนี้ กทม.ได้ประสานงานกับชลประทานกับรัฐบาลอย่างใกล้ชิด โดยส่งเจ้าหน้าที่ประจำที่ ศปภ.ดอนเมือง เพื่อประสานข้อมูลอยู่ตลอดเวลา"
กำลังโหลดความคิดเห็น