หากมองในแง่ดี “กลุ่มนิติราษฎร์” อาจจะมีเจตนาดี ในการคิดเพื่อต่อต้านรัฐประหาร และต้องการให้มีระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง แต่เพราะความหลงผิดและเข้าใจผิดของกลุ่มนิติราษฎร์ ที่เห็นรัฐบาลทักษิณภายใต้ระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญฉบับปี 40 ว่าเป็นระบอบประชาธิปไตย และกล่าวโจมดีว่ารัฐประหารคือต้นธารแห่งความชั่วร้าย และได้ต่อต้านเผด็จการรัฐธรรมนูญฉบับปี 50 แล้วยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่
คณะนิติราษฎร์ จะต้องรู้ตามความจริงว่าเมื่อเหตุเลว ผลเลวย่อมเกิดขึ้น เมื่อเหตุดี ผลดีย่อมเกิดขึ้น เหตุเลวคือระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญฉบับปี 40 ได้รัฐบาลเป็นผู้ปกครองเลวคือรัฐบาลทักษิณ เพราะรัฐบาลทักษิณเลว คอร์รัปชันอย่างมโหฬาร ปล่อยละเมิดสถาบันหลักของชาติ ทักษิณเข้าใจผิดว่าตนใหญ่คับฟ้าแล้ว ประชาชนและทหารจำนวนหนึ่งทนไม่ได้จึงได้ทำรัฐประหาร โค่นรัฐบาลทักษิณ แล้วก็ได้สร้างระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญแบบเดิมๆ ขึ้นมาผิดซ้ำซากอีกเหมือนเดิมในชื่อรัฐธรรมนูญฉบับปี 50
ดูง่ายๆ ใกล้ๆ เช่น อินเดีย มาเลเซีย ทำไมไม่เคยมีรัฐประหารก็เพราะเขาสร้างระบอบประชาธิปไตยขึ้นมาก่อน (ตกเป็นเมืองขึ้นแกนนำประชาชนนำต่อสู้เรียกร้องอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชน เสรีภาพ ความเสมอภาคทางโอกาส เอกภาพ) เป็นต้น แล้วร่างรัฐธรรมนูญในภายหลัง ระบอบการเมืองของเขารับใช้ประชาชน แม้จะมีปัญหาบุคคลจะแหกคอกอยู่บ้าง ก็ดุจดังปลาเลวในน้ำดี (ไทยเราปลาเลวในน้ำเน่า)
ไทยเราประชาชนไม่ได้ต่อสู้เรื่องอำนาจอธิปไตยของปวงชน ไม่เคยต่อสู้เรื่องเสรีภาพทางความคิดและทางการเมือง ไม่เคยต่อสู้เรื่องความเสมอภาคทางโอกาส เป็นต้น แต่การเมืองไทยกลับปูพื้นฐานผิดๆ จากคนเพียงไม่กี่คนและเป็นความลับสุดยอดเพราะนี่คือการเมืองเพื่อเตรียมทำการรัฐประหาร กลุ่มคณะนิติราษฎร์จะค้านไหม แล้วดูเอาเถิดรัฐประหารทุกครั้งเป็นความลับสุดยอด หรือว่าไม่จริง พอได้อำนาจก็มาร่างรัฐธรรมนูญกันใหม่ ส่วนการปฏิวัตินั้นเขาจะให้ความรู้การเมืองโดยธรรมอย่างเปิดเผย
จุดหมายของคณะนิติราษฎร์ลงท้ายด้วยการเสนอร่างรัฐธรรมนูญใหม่ มันก็ไม่ต่างจากลัทธิเผด็จการรัฐธรรมนูญรุ่นทวด รุ่นปู่ ในอดีต 2475ใช่หรือไม่
วันก่อนคณะรัฐประหารโค่นรัฐบาลทักษิณได้อำนาจมาร่างรัฐธรรมนูญแบบเผด็จการใหม่ฉบับปี 50
มาวันนี้พรรคเพื่อไทยได้อำนาจมาร่วมมือกับนักวิชาการอย่างกลุ่มนิติราษฎร์ แล้วมาสุมหัวคิดจะร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ถามว่ามันต่างกันตรงไหน มันก็แค่เป็นพวกลัทธิเผด็จการรัฐธรรมนูญฝ่ายซ้ายกับขวาขัดแย้งกันเท่านั้น
การเริ่มต้นด้วยการแก้ไขหรือยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ โดยพวกกลุ่มคนหลงทั้งหลายทำไปเถอะ สักร้อยครั้ง พันฉบับก็ไม่สามารถได้ระบอบประชาธิปไตย ผิดซ้ำซากมาแล้วอย่างน้อย 18 ครั้ง พรรคเพื่อไทย แกนนำเสื้อแดง กลุ่มนิติราษฎร์ก็ยังจะดันทุรังต่อไป ทั้งนี้ก็เพื่อให้เห็นว่ารัฐธรรมนูญเป็นของพวกกูเท่านั้น แต่ความเป็นจริงคือทำลายชาติหลอกประชาชน ด้วยความอ่อนปัญญาของพวกเขานี่เอง จึงยอมไม่ได้
แนวทางแก้ไข ลองดูรูปพระธรรมจักรหน้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ดูเถิด คืออะไร บอกนัยอะไรบ้าง ท่านอาจารย์ ดร.ปรีดี พนมยงค์ ต้องการสื่ออะไรให้แก่ สานุศิษย์ทั้งหลายไปขบคิดกัน ขอให้พวกเราทั้งหลายได้รู้ว่าเอกภาพกับความแตกต่างหลากหลายหรือความแตกต่างหลากหลายต่างมุ่งสู่จุดมุ่งหมายเดียวกันคือธรรม หมายถึงถือธรรมเป็นใหญ่ ธรรมเป็นเอกภาพของปวงชนหรือมนุษยชาติ
อีกนัยหนึ่ง ธรรมคือองค์เอกภาพแผ่กระจายให้โอกาสแก่สานุศิษย์ ขณะเดียวกันสานุศิษย์อันแตกต่างหลากหลายมีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือถือธรรมเป็นใหญ่นั่นเอง
หากยังไม่เข้าใจก็ดูง่ายๆมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นองค์เอกภาพ (แผ่กระจาย) เปิดโอกาสให้ก่อนแก่คนทุกคนเข้ามาทำงาน สอน เรียน ตามเงื่อนไงของมหาลัย จากนั้นบุคคลที่เข้ามาทำงาน สอน เรียน ต่างก็มารวมศูนย์หรือขึ้นต่อมหาวิทยาลัย เราจะเห็นภาพลักษณะแผ่กระจายกับรวมศูนย์เกิดดุลยภาพ (มั่นคง) ตามกฎแห่งธรรมมายาวนาน นับแต่ 27 มิถุนายน 2477 ก็ร่วม ก็ร่วม 77 ปีแล้ว
พระพุทธองค์ทรงแผ่ธรรมานุภาพให้แก่มนุษยชาติ เกิดพุทธสาวก ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา อันแตกต่างหลากหลายต่างก็มีจุดหมายที่พระรัตนตรัย เป็นภาพลักษณะเอกภาพแผ่กระจายกับลักษณะแตกต่างหลากหลายรวมศูนย์องค์เอกภาพ ก่อให้เกิดดุลยภาพตามกฎแห่งธรรมมายาวนาน 2,554 ปี
มิติธรรมเหล่านี้มีอยู่ในบุคคล ในพ่อแม่ ครู-อาจารย์ องค์กรทุกองค์กร เกินกว่าที่จะสาธยายเพราะจำกัดด้วยหน้ากระดาษ
หากพี่น้องชาวธรรมศาสตร์แท้ๆ จะทำการเมืองให้ถูกต้องตามแนวคิดของครู-อาจารย์ หรือบรมครูอย่างพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราทั้งหลายก็จะต้องเริ่มต้นด้วยการเสนอองค์เอกภาพทางการเมืองหรือหลักการปกครองโดยธรรมหรือระบอบโดยธรรมขึ้นมาก่อน เฉกเช่น มหาลัยธรรมศาสตร์มาก่อนระเบียบวินัยและบุคลากรที่จะเข้ามาทำงาน สอน เรียน ฯลฯ ฉันใด
การสร้างระบอบการเมืองประชาธิปไตยที่ถูกต้องก็เริ่มจากเสนอให้มีการสถาปนาหลักการปกครอง (ระบอบ) ก่อนยกร่างหรือแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉันนั้น
นี่คือแนวคิดถูกต้องยิ่งใหญ่ และจะเป็นการแก้ไขรัฐประหารที่แท้จริง พี่น้องชาวธรรมศาสตร์จะมองเห็นหรือไม่ ซึ่งต่างจากแนวคิดของ “กลุ่มนิติราษฎร์” ที่มองไม่เห็นธรรม ธรรมต้องมาก่อนกฎหมายเสมอ นะลูก
คณะนิติราษฎร์ จะต้องรู้ตามความจริงว่าเมื่อเหตุเลว ผลเลวย่อมเกิดขึ้น เมื่อเหตุดี ผลดีย่อมเกิดขึ้น เหตุเลวคือระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญฉบับปี 40 ได้รัฐบาลเป็นผู้ปกครองเลวคือรัฐบาลทักษิณ เพราะรัฐบาลทักษิณเลว คอร์รัปชันอย่างมโหฬาร ปล่อยละเมิดสถาบันหลักของชาติ ทักษิณเข้าใจผิดว่าตนใหญ่คับฟ้าแล้ว ประชาชนและทหารจำนวนหนึ่งทนไม่ได้จึงได้ทำรัฐประหาร โค่นรัฐบาลทักษิณ แล้วก็ได้สร้างระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญแบบเดิมๆ ขึ้นมาผิดซ้ำซากอีกเหมือนเดิมในชื่อรัฐธรรมนูญฉบับปี 50
ดูง่ายๆ ใกล้ๆ เช่น อินเดีย มาเลเซีย ทำไมไม่เคยมีรัฐประหารก็เพราะเขาสร้างระบอบประชาธิปไตยขึ้นมาก่อน (ตกเป็นเมืองขึ้นแกนนำประชาชนนำต่อสู้เรียกร้องอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชน เสรีภาพ ความเสมอภาคทางโอกาส เอกภาพ) เป็นต้น แล้วร่างรัฐธรรมนูญในภายหลัง ระบอบการเมืองของเขารับใช้ประชาชน แม้จะมีปัญหาบุคคลจะแหกคอกอยู่บ้าง ก็ดุจดังปลาเลวในน้ำดี (ไทยเราปลาเลวในน้ำเน่า)
ไทยเราประชาชนไม่ได้ต่อสู้เรื่องอำนาจอธิปไตยของปวงชน ไม่เคยต่อสู้เรื่องเสรีภาพทางความคิดและทางการเมือง ไม่เคยต่อสู้เรื่องความเสมอภาคทางโอกาส เป็นต้น แต่การเมืองไทยกลับปูพื้นฐานผิดๆ จากคนเพียงไม่กี่คนและเป็นความลับสุดยอดเพราะนี่คือการเมืองเพื่อเตรียมทำการรัฐประหาร กลุ่มคณะนิติราษฎร์จะค้านไหม แล้วดูเอาเถิดรัฐประหารทุกครั้งเป็นความลับสุดยอด หรือว่าไม่จริง พอได้อำนาจก็มาร่างรัฐธรรมนูญกันใหม่ ส่วนการปฏิวัตินั้นเขาจะให้ความรู้การเมืองโดยธรรมอย่างเปิดเผย
จุดหมายของคณะนิติราษฎร์ลงท้ายด้วยการเสนอร่างรัฐธรรมนูญใหม่ มันก็ไม่ต่างจากลัทธิเผด็จการรัฐธรรมนูญรุ่นทวด รุ่นปู่ ในอดีต 2475ใช่หรือไม่
วันก่อนคณะรัฐประหารโค่นรัฐบาลทักษิณได้อำนาจมาร่างรัฐธรรมนูญแบบเผด็จการใหม่ฉบับปี 50
มาวันนี้พรรคเพื่อไทยได้อำนาจมาร่วมมือกับนักวิชาการอย่างกลุ่มนิติราษฎร์ แล้วมาสุมหัวคิดจะร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ถามว่ามันต่างกันตรงไหน มันก็แค่เป็นพวกลัทธิเผด็จการรัฐธรรมนูญฝ่ายซ้ายกับขวาขัดแย้งกันเท่านั้น
การเริ่มต้นด้วยการแก้ไขหรือยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ โดยพวกกลุ่มคนหลงทั้งหลายทำไปเถอะ สักร้อยครั้ง พันฉบับก็ไม่สามารถได้ระบอบประชาธิปไตย ผิดซ้ำซากมาแล้วอย่างน้อย 18 ครั้ง พรรคเพื่อไทย แกนนำเสื้อแดง กลุ่มนิติราษฎร์ก็ยังจะดันทุรังต่อไป ทั้งนี้ก็เพื่อให้เห็นว่ารัฐธรรมนูญเป็นของพวกกูเท่านั้น แต่ความเป็นจริงคือทำลายชาติหลอกประชาชน ด้วยความอ่อนปัญญาของพวกเขานี่เอง จึงยอมไม่ได้
แนวทางแก้ไข ลองดูรูปพระธรรมจักรหน้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ดูเถิด คืออะไร บอกนัยอะไรบ้าง ท่านอาจารย์ ดร.ปรีดี พนมยงค์ ต้องการสื่ออะไรให้แก่ สานุศิษย์ทั้งหลายไปขบคิดกัน ขอให้พวกเราทั้งหลายได้รู้ว่าเอกภาพกับความแตกต่างหลากหลายหรือความแตกต่างหลากหลายต่างมุ่งสู่จุดมุ่งหมายเดียวกันคือธรรม หมายถึงถือธรรมเป็นใหญ่ ธรรมเป็นเอกภาพของปวงชนหรือมนุษยชาติ
อีกนัยหนึ่ง ธรรมคือองค์เอกภาพแผ่กระจายให้โอกาสแก่สานุศิษย์ ขณะเดียวกันสานุศิษย์อันแตกต่างหลากหลายมีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือถือธรรมเป็นใหญ่นั่นเอง
หากยังไม่เข้าใจก็ดูง่ายๆมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นองค์เอกภาพ (แผ่กระจาย) เปิดโอกาสให้ก่อนแก่คนทุกคนเข้ามาทำงาน สอน เรียน ตามเงื่อนไงของมหาลัย จากนั้นบุคคลที่เข้ามาทำงาน สอน เรียน ต่างก็มารวมศูนย์หรือขึ้นต่อมหาวิทยาลัย เราจะเห็นภาพลักษณะแผ่กระจายกับรวมศูนย์เกิดดุลยภาพ (มั่นคง) ตามกฎแห่งธรรมมายาวนาน นับแต่ 27 มิถุนายน 2477 ก็ร่วม ก็ร่วม 77 ปีแล้ว
พระพุทธองค์ทรงแผ่ธรรมานุภาพให้แก่มนุษยชาติ เกิดพุทธสาวก ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา อันแตกต่างหลากหลายต่างก็มีจุดหมายที่พระรัตนตรัย เป็นภาพลักษณะเอกภาพแผ่กระจายกับลักษณะแตกต่างหลากหลายรวมศูนย์องค์เอกภาพ ก่อให้เกิดดุลยภาพตามกฎแห่งธรรมมายาวนาน 2,554 ปี
มิติธรรมเหล่านี้มีอยู่ในบุคคล ในพ่อแม่ ครู-อาจารย์ องค์กรทุกองค์กร เกินกว่าที่จะสาธยายเพราะจำกัดด้วยหน้ากระดาษ
หากพี่น้องชาวธรรมศาสตร์แท้ๆ จะทำการเมืองให้ถูกต้องตามแนวคิดของครู-อาจารย์ หรือบรมครูอย่างพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราทั้งหลายก็จะต้องเริ่มต้นด้วยการเสนอองค์เอกภาพทางการเมืองหรือหลักการปกครองโดยธรรมหรือระบอบโดยธรรมขึ้นมาก่อน เฉกเช่น มหาลัยธรรมศาสตร์มาก่อนระเบียบวินัยและบุคลากรที่จะเข้ามาทำงาน สอน เรียน ฯลฯ ฉันใด
การสร้างระบอบการเมืองประชาธิปไตยที่ถูกต้องก็เริ่มจากเสนอให้มีการสถาปนาหลักการปกครอง (ระบอบ) ก่อนยกร่างหรือแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉันนั้น
นี่คือแนวคิดถูกต้องยิ่งใหญ่ และจะเป็นการแก้ไขรัฐประหารที่แท้จริง พี่น้องชาวธรรมศาสตร์จะมองเห็นหรือไม่ ซึ่งต่างจากแนวคิดของ “กลุ่มนิติราษฎร์” ที่มองไม่เห็นธรรม ธรรมต้องมาก่อนกฎหมายเสมอ นะลูก