ASTVผู้จัดการรายวัน - “เพื่อไทย” บี้ชง กมธ.กฎหมายรื้อ พ.ร.บ.กลาโหม “ประชา” แย้มเพิ่ม “การเมือง” สัดส่วนใกล้เคียงทหาร ด้าน ปชป.รู้ทัน อัดเสื้อแดงหวังล้วงลูกโผทหาร ชี้ รบ.ตี ขรก.แตกเหลือแต่กองทัพกับศาล ที่ยังไม่ได้ดั่งใจ "เมียปลัด กห."ปัด "วิ่งเพื่อไทย" ดันสามีนั่งเก้าอี้
วานนี้ (7 ต.ค.) นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทยมีแนวคิดแก้ไข พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ.2551 ว่า ในฐานะเป็นรองประธาน กมธ. จะยื่นเรื่องเสนอ พล.ต.อ.วิรุฬ ฟื้นเสน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ประธาน กมธ. ในวันที่ 12 ต.ค. นี้ เพื่อให้พิจารณาศึกษาข้อดีข้อเสียของ พ.ร.บ. ฉบับดังกล่าว โดยจะเชิญตัวแทน 3 เหล่าทัพ ตลอดจนนักวิชาการ มาให้ความเห็นถึงข้อดีข้อเสีย เบื้องต้นเห็นว่าควรแก้ไขให้มีตัวแทนของฝ่ายการเมืองและภาคประชาชน เป็นกรรมการในสภากลาโหมมากกว่า 2 คน จากที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน โดยจะต้องมีฝ่ายการเมืองในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกับฝ่ายทหาร
นายพีรพันธุ์ พาลุสุข ส.ส.ยโสธร พรรคเพื่อไทย ในฐานะคณะทำงานฝ่ายกฎหมาย กล่าวถึงความเคลื่อนไหวในการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2550 ว่า ขณะนี้ก็เตรียมการอยู่และจะดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญตามที่รัฐบาลแถลงนโยบายต่อรัฐสภาแน่ แต่ที่ระหว่างนี้เงียบไปเนื่องจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ใช่วาระเร่งด่วน คาดว่าเมื่อเปิดประชุมสภาสมัยหน้าในช่วงต้นปี 2555 ซึ่งเป็นสมัยสามัญนิติบัญญัติจะมีการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 เพื่อเปิดให้มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ระหว่างนี้ก็คุยเป็นการภายในกับหลายฝ่ายถึงรูปแบบ ที่มา และจำนวน ส.ส.ร.3
**“ยุทธศักดิ์” อุบไต๋รอฟังนักกฎหมาย
พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดงและส.ส.พรรคเพื่อไทย ผลักดันให้มีการแก้ไขพ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหมว่า ใจเย็น ๆ ให้ พวกเขาพูดกันหมดก่อน แล้วเราเป็นคนสุดท้าย เพราะมันอยู่ที่เรา เมื่อถามว่า ได้มีการสั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายไปศึกษาดูความเป็นไปได้เป็นการภาย ในเเล้วหรือไม่ พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ยัง ต้องฟังเสียงข้อคิดเห็นจากฝ่ายต่างๆ ก่อน โดยต้องดูถึงข้อดีเเละข้อด้อย รวมทั้งจุดที่เป็นสมดุลที่สุดเสียก่อน แล้วค่อยพิจารณา โดยต้องสอบถามเจ้ากรมพระธรรมนูญ และเจ้ากรมเสมียนตรา แล้วจะวันเวลาที่เหมาะสม เพื่อจะนำเรื่องเข้าไปหารือกับสภากลาโหมต่อไป
เมื่อถามว่า โดยหลักการเเล้ว พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหมที่ออกมาใหม่ ทำให้รมว.กลาโหมสูญเสียอำนาจ พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ไม่สูญเสียหรอก ถ้าพูดกันตรง ๆ กองทัพสามารถพูดกันได้ ก็อยู่ที่ตัวบุคคลมากกว่า ถ้าผบ.เหล่าทัพเป็นคนที่มีจริยธรรม คุณธรรม และเราเป็นคนที่ได้รับการยอมรับจากน้องๆ การพิจารณาก็ไม่ค่อยยาก เมื่อถามว่า ขณะนี้เกิดปัญหาอะไรขึ้ นเพราะที่ผ่านมาระบบรุ่นพี่รุ่นน้องของทหารเคยมีอย่างเข้มแข็งมาก แต่ทำไมผบ.เหล่าทัพจึงไม่ให้การยอมรับนับถือ รมว.กลาโหม กล่าวว่า "ทุกอย่างยังเป็นระบบซีเนียริตี้"
เมื่อถามว่า ขนาดอำนาจของรมว.กลาโหมยังมีในการแต่งตั้งปลัดกระทรวงกลาโหมด้วย แต่คล้ายว่าผบ.เหล่าทัพยังไม่ยอมรับกันเลย พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า "เขายอม แต่เราก็ดูเสียงส่วนมาก ถ้าเราจะใช้ความเป็นพี่หรือใช้พลังเขาก็ยอม อย่าไปว่าผบ.เลย"
ผู้สื่อข่าวถามว่า มี การเสนอว่าควรจะมีผู้ทรงคุณวุฒิเข้าไปร่วมอยู่ในคณะกรรมการพิจารณาจัดทำ บัญชีการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารประจำปีด้วยในลักษณะเดียวกับคณะกรรมการ นโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) รมว.กลาโหม กล่าวว่า "ไม่มี ๆ" เมื่อถามว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ที่จะแก้ไขให้มีรูปแบบโครงสร้างแบบเดียวกับก.ต.ช. เพื่อให้มีการถ่วงดุลที่สมบูรณ์ขึ้น รมว.กลาโหม เดี๋ยว ต้องเอามาพิจารณาก่อน เพื่อดูจุดสมดุล ทั้งนี้พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม มีการแก้ไขมาหลายครั้งแล้ว ไม่ใช่เพิ่งมาแก้คราวนี้ ก่อนที่จะมาถึงสมัย คมช.มีการแก้มา 2- 3 ครั้งแล้ว โดยในสมัยรัฐบาลนายชวน หลีกภัย อดีตนายกฯก็แก้ทั้ง 2 ครั้ง ตนอยู่ด้วยกับนายชวนทั้ง 2 ครั้ง ดังนั้นจะแก้หรือไม่ ต้องขอดูจุดด้อยจุดเสียและความสมดุล รวมทั้งความคิดเห็นของนักกฎหมายก่อน
มื่อถามว่า ตอนนี้ฝ่ายการเมืองมีการวิจารณ์ท่านกันมากว่าเป็นตรายาง ปล่อยให้ใครทำอะไรก็ได้ พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ไม่ใช่ มันอยู่ที่ตัวเรา ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะแสดงอะไร รอให้ถึงเวลาก่อน บอกแล้วว่าตนจะพูดเป็นคนสุดท้าย ส่วนที่กลุ่มคนเสื้อแดงไม่พอใจและต้องการให้แก้ไขพ.ร.บ.ฉบับนี้ก็ไม่เป็นไร ตนจะพูดเป็นตนสุดท้าย
ขณะที่ พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม ปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นต่อข้อเสนอดังกล่าว โดยให้เหตุผลว่า เป็นเรื่องการเมือง ตนไม่ขอให้ความเห็นในเรื่องนี้ ตนขอรับทราบและติดตามข่าวเท่านั้น
**ทบ.โยนการเมืองตัดสิน
พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า เมื่อกฎหมายได้บัญญัติไว้เช่นไรก็ต้องปฏิบัติตามนั้น เจ้าหน้าที่ในส่วนของกองทัพ และส่วนที่เกี่ยวข้องก็ปฏิบัติตามกฎหมาย ส่วนฝ่ายการเมืองจะเป็นอย่างไรก็เป็นเรื่องของเขา กฎหมายเป็นอย่างไรก็ปฏิบัติตาม ทั้งนี้ ทุกวันนี้ประเทศเราประสบภัยน้ำท่วม กองทัพไม่อยากมองอะไรที่ทำให้เกิดรอยร้าวที่เกิดขึ้นในความรู้สึกของคนไทย ในปัจจุบันเราน่าจะมาเยียวยา เรื่องความเดือดร้อนของประชาชน ซึ่งผบ.ทบ.ได้กำชับให้หน่วยงานต่างๆ ของกองทัพบก ไปสนับสนุนภารกิจของรัฐบาล รวมถึงการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าและระยะยาว
**แฉเสื้อแดงหวัง ล้วงลูกโผทหาร
นายสกลธี ภัททิยกุล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พฤติกรรมของกลุ่มคนเหล่านี้ทำเป็นกระบวนการสอดทั้งฝ่ายกฎหมาย ทีมโฆษกพรรคเพื่อไทยและแกนนำคนเสื้อแดงที่มีกิจกรรมเพื่อเป็นข่าวกดดันรายวัน โดยอ้างถึงความไม่ชอบธรรมของที่มาว่ามาจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และอ้างว่าฝ่ายการเมืองไม่มีสิทธิเข้าไปวางคนของตนเองในตำแหน่งที่ต้องการ ทั้งหมดแสดงให้เห็นถึงความต้องการเข้าไปแทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการทหาร เพราะหลังจากที่รัฐบาลนี้เข้าบริหารรการเพียง 2 เดือนเศษ รัฐบาลนี้ตีแตกกลุ่มข้าราชการประจำเช่นเดียวกับสมัยรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เคยทำ โดยมีการแทรกแซงแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการประจำจำนวนมาก เหลืออีกไม่กี่หน่วยงานที่ไม่สามารถเข้าไปปู้ยี่ปู้ยำได้ดั่งใจ คือ องค์กรทหาร และศาลยุติธรรม
โดยในส่วนของทหารในอดีตฝ่ายการเมืองก็เคยเข้าไปยุ่งวุ่นวายวางเครือข่ายเครือญาติและเพื่อนพ้องจนกองทัพเกือบพังพินาศมาแล้วครั้งหนึ่ง วันนี้ทหารมืออาชีพได้ฟื้นทำกองทัพให้เป็นปึกแผ่นทำงานสนองนโยบายรัฐบาลในการช่วยเหลือชาวบ้านที่ประสบภัยน้ำท่วมเกือบทุกจังหวัด จึงไม่เห็นความจำเป็นในการเข้าไปวุ่นวายแทรกแซงในกองทัพ ดังนั้น จึงชัดเจนว่า ความพยายามที่จะแก้ไขกฏหมายนี้ก็เพียงเพื่อเข้าไปวางคนของตัวเองเพื่อเป็นฐานอำนาจทางการเมืองเท่านั้น และพรรคขอให้กำลังใจทหารทุกนายที่กำลังทำหน้าที่ทั้งป้องกันความมั่นคงและช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมอยู่ในขณะนี้ว่าอย่าได้หวั่นไหวกับกระแสสร้างปมขัดแย้งในสังคมไทยเพิ่มของกลุ่มคนเสื้อแดงและพลพรรคเพื่อไทย
**"จรัล" โร่มอบตัวเสื้อแดงให้กำลังใจ
วันเดียวกันวลา 10.00 น. ที่สน.ลุมพินี นายจรัล ดิษฐาอภิชัย แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) พร้อมนายคารม พลพรกลาง ทนายความ นปช. เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี ท่สมกลางคนเสื้อแดงจำนวนมาก เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียกร่วมกันฝ่าฝืนประกาศของผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย ฉบับที่ 5 ลงวันที่ 3 เมษายน 2553
ด้านนายจรัล เปิดเผยว่า เข้ารับทราบข้อกล่าวหาดังกล่าวตามหมายเรียก เพื่อต่อสู้คดี และขอให้การปฏิเสธ เนื่องจากวันที่ 3 เม.ย. 53 ที่มีการออกประกาศมานั้น กลุ่ม นปช. ยังชุมนุมที่สะพานผ่านฟ้าและราชประสงค์ด้วยความสงบ อหิงสา ปราศจากอาวุธ และหลังจากเกิดเหตุสลายการชุมนุม ตนได้หลบหนีไปอยู่ประเทศต่างๆ เป็นเวลานาน ซึ่งตอนนี้คิดถึงประเทศ ครอบครัว และกลุ่มคนเสื้อแดงที่ร่วมต่อสู้มา อีกทั้งรัฐบาลชุดนี้มีเจตนาดีที่จะดำเนินคดีด้วยความยุติธรรม โดยไม่มี 2 มาตรฐานเหมือนเมื่อก่อน ซึ่งตนรู้สึกเชื่อมั่นและมั่นใจ จึงเดินทางกลับมารับทราบข้อกล่าวหา.
วานนี้ (7 ต.ค.) นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทยมีแนวคิดแก้ไข พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ.2551 ว่า ในฐานะเป็นรองประธาน กมธ. จะยื่นเรื่องเสนอ พล.ต.อ.วิรุฬ ฟื้นเสน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ประธาน กมธ. ในวันที่ 12 ต.ค. นี้ เพื่อให้พิจารณาศึกษาข้อดีข้อเสียของ พ.ร.บ. ฉบับดังกล่าว โดยจะเชิญตัวแทน 3 เหล่าทัพ ตลอดจนนักวิชาการ มาให้ความเห็นถึงข้อดีข้อเสีย เบื้องต้นเห็นว่าควรแก้ไขให้มีตัวแทนของฝ่ายการเมืองและภาคประชาชน เป็นกรรมการในสภากลาโหมมากกว่า 2 คน จากที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน โดยจะต้องมีฝ่ายการเมืองในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกับฝ่ายทหาร
นายพีรพันธุ์ พาลุสุข ส.ส.ยโสธร พรรคเพื่อไทย ในฐานะคณะทำงานฝ่ายกฎหมาย กล่าวถึงความเคลื่อนไหวในการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2550 ว่า ขณะนี้ก็เตรียมการอยู่และจะดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญตามที่รัฐบาลแถลงนโยบายต่อรัฐสภาแน่ แต่ที่ระหว่างนี้เงียบไปเนื่องจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ใช่วาระเร่งด่วน คาดว่าเมื่อเปิดประชุมสภาสมัยหน้าในช่วงต้นปี 2555 ซึ่งเป็นสมัยสามัญนิติบัญญัติจะมีการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 เพื่อเปิดให้มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ระหว่างนี้ก็คุยเป็นการภายในกับหลายฝ่ายถึงรูปแบบ ที่มา และจำนวน ส.ส.ร.3
**“ยุทธศักดิ์” อุบไต๋รอฟังนักกฎหมาย
พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดงและส.ส.พรรคเพื่อไทย ผลักดันให้มีการแก้ไขพ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหมว่า ใจเย็น ๆ ให้ พวกเขาพูดกันหมดก่อน แล้วเราเป็นคนสุดท้าย เพราะมันอยู่ที่เรา เมื่อถามว่า ได้มีการสั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายไปศึกษาดูความเป็นไปได้เป็นการภาย ในเเล้วหรือไม่ พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ยัง ต้องฟังเสียงข้อคิดเห็นจากฝ่ายต่างๆ ก่อน โดยต้องดูถึงข้อดีเเละข้อด้อย รวมทั้งจุดที่เป็นสมดุลที่สุดเสียก่อน แล้วค่อยพิจารณา โดยต้องสอบถามเจ้ากรมพระธรรมนูญ และเจ้ากรมเสมียนตรา แล้วจะวันเวลาที่เหมาะสม เพื่อจะนำเรื่องเข้าไปหารือกับสภากลาโหมต่อไป
เมื่อถามว่า โดยหลักการเเล้ว พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหมที่ออกมาใหม่ ทำให้รมว.กลาโหมสูญเสียอำนาจ พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ไม่สูญเสียหรอก ถ้าพูดกันตรง ๆ กองทัพสามารถพูดกันได้ ก็อยู่ที่ตัวบุคคลมากกว่า ถ้าผบ.เหล่าทัพเป็นคนที่มีจริยธรรม คุณธรรม และเราเป็นคนที่ได้รับการยอมรับจากน้องๆ การพิจารณาก็ไม่ค่อยยาก เมื่อถามว่า ขณะนี้เกิดปัญหาอะไรขึ้ นเพราะที่ผ่านมาระบบรุ่นพี่รุ่นน้องของทหารเคยมีอย่างเข้มแข็งมาก แต่ทำไมผบ.เหล่าทัพจึงไม่ให้การยอมรับนับถือ รมว.กลาโหม กล่าวว่า "ทุกอย่างยังเป็นระบบซีเนียริตี้"
เมื่อถามว่า ขนาดอำนาจของรมว.กลาโหมยังมีในการแต่งตั้งปลัดกระทรวงกลาโหมด้วย แต่คล้ายว่าผบ.เหล่าทัพยังไม่ยอมรับกันเลย พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า "เขายอม แต่เราก็ดูเสียงส่วนมาก ถ้าเราจะใช้ความเป็นพี่หรือใช้พลังเขาก็ยอม อย่าไปว่าผบ.เลย"
ผู้สื่อข่าวถามว่า มี การเสนอว่าควรจะมีผู้ทรงคุณวุฒิเข้าไปร่วมอยู่ในคณะกรรมการพิจารณาจัดทำ บัญชีการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารประจำปีด้วยในลักษณะเดียวกับคณะกรรมการ นโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) รมว.กลาโหม กล่าวว่า "ไม่มี ๆ" เมื่อถามว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ที่จะแก้ไขให้มีรูปแบบโครงสร้างแบบเดียวกับก.ต.ช. เพื่อให้มีการถ่วงดุลที่สมบูรณ์ขึ้น รมว.กลาโหม เดี๋ยว ต้องเอามาพิจารณาก่อน เพื่อดูจุดสมดุล ทั้งนี้พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม มีการแก้ไขมาหลายครั้งแล้ว ไม่ใช่เพิ่งมาแก้คราวนี้ ก่อนที่จะมาถึงสมัย คมช.มีการแก้มา 2- 3 ครั้งแล้ว โดยในสมัยรัฐบาลนายชวน หลีกภัย อดีตนายกฯก็แก้ทั้ง 2 ครั้ง ตนอยู่ด้วยกับนายชวนทั้ง 2 ครั้ง ดังนั้นจะแก้หรือไม่ ต้องขอดูจุดด้อยจุดเสียและความสมดุล รวมทั้งความคิดเห็นของนักกฎหมายก่อน
มื่อถามว่า ตอนนี้ฝ่ายการเมืองมีการวิจารณ์ท่านกันมากว่าเป็นตรายาง ปล่อยให้ใครทำอะไรก็ได้ พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ไม่ใช่ มันอยู่ที่ตัวเรา ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะแสดงอะไร รอให้ถึงเวลาก่อน บอกแล้วว่าตนจะพูดเป็นคนสุดท้าย ส่วนที่กลุ่มคนเสื้อแดงไม่พอใจและต้องการให้แก้ไขพ.ร.บ.ฉบับนี้ก็ไม่เป็นไร ตนจะพูดเป็นตนสุดท้าย
ขณะที่ พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม ปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นต่อข้อเสนอดังกล่าว โดยให้เหตุผลว่า เป็นเรื่องการเมือง ตนไม่ขอให้ความเห็นในเรื่องนี้ ตนขอรับทราบและติดตามข่าวเท่านั้น
**ทบ.โยนการเมืองตัดสิน
พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า เมื่อกฎหมายได้บัญญัติไว้เช่นไรก็ต้องปฏิบัติตามนั้น เจ้าหน้าที่ในส่วนของกองทัพ และส่วนที่เกี่ยวข้องก็ปฏิบัติตามกฎหมาย ส่วนฝ่ายการเมืองจะเป็นอย่างไรก็เป็นเรื่องของเขา กฎหมายเป็นอย่างไรก็ปฏิบัติตาม ทั้งนี้ ทุกวันนี้ประเทศเราประสบภัยน้ำท่วม กองทัพไม่อยากมองอะไรที่ทำให้เกิดรอยร้าวที่เกิดขึ้นในความรู้สึกของคนไทย ในปัจจุบันเราน่าจะมาเยียวยา เรื่องความเดือดร้อนของประชาชน ซึ่งผบ.ทบ.ได้กำชับให้หน่วยงานต่างๆ ของกองทัพบก ไปสนับสนุนภารกิจของรัฐบาล รวมถึงการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าและระยะยาว
**แฉเสื้อแดงหวัง ล้วงลูกโผทหาร
นายสกลธี ภัททิยกุล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พฤติกรรมของกลุ่มคนเหล่านี้ทำเป็นกระบวนการสอดทั้งฝ่ายกฎหมาย ทีมโฆษกพรรคเพื่อไทยและแกนนำคนเสื้อแดงที่มีกิจกรรมเพื่อเป็นข่าวกดดันรายวัน โดยอ้างถึงความไม่ชอบธรรมของที่มาว่ามาจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และอ้างว่าฝ่ายการเมืองไม่มีสิทธิเข้าไปวางคนของตนเองในตำแหน่งที่ต้องการ ทั้งหมดแสดงให้เห็นถึงความต้องการเข้าไปแทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการทหาร เพราะหลังจากที่รัฐบาลนี้เข้าบริหารรการเพียง 2 เดือนเศษ รัฐบาลนี้ตีแตกกลุ่มข้าราชการประจำเช่นเดียวกับสมัยรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เคยทำ โดยมีการแทรกแซงแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการประจำจำนวนมาก เหลืออีกไม่กี่หน่วยงานที่ไม่สามารถเข้าไปปู้ยี่ปู้ยำได้ดั่งใจ คือ องค์กรทหาร และศาลยุติธรรม
โดยในส่วนของทหารในอดีตฝ่ายการเมืองก็เคยเข้าไปยุ่งวุ่นวายวางเครือข่ายเครือญาติและเพื่อนพ้องจนกองทัพเกือบพังพินาศมาแล้วครั้งหนึ่ง วันนี้ทหารมืออาชีพได้ฟื้นทำกองทัพให้เป็นปึกแผ่นทำงานสนองนโยบายรัฐบาลในการช่วยเหลือชาวบ้านที่ประสบภัยน้ำท่วมเกือบทุกจังหวัด จึงไม่เห็นความจำเป็นในการเข้าไปวุ่นวายแทรกแซงในกองทัพ ดังนั้น จึงชัดเจนว่า ความพยายามที่จะแก้ไขกฏหมายนี้ก็เพียงเพื่อเข้าไปวางคนของตัวเองเพื่อเป็นฐานอำนาจทางการเมืองเท่านั้น และพรรคขอให้กำลังใจทหารทุกนายที่กำลังทำหน้าที่ทั้งป้องกันความมั่นคงและช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมอยู่ในขณะนี้ว่าอย่าได้หวั่นไหวกับกระแสสร้างปมขัดแย้งในสังคมไทยเพิ่มของกลุ่มคนเสื้อแดงและพลพรรคเพื่อไทย
**"จรัล" โร่มอบตัวเสื้อแดงให้กำลังใจ
วันเดียวกันวลา 10.00 น. ที่สน.ลุมพินี นายจรัล ดิษฐาอภิชัย แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) พร้อมนายคารม พลพรกลาง ทนายความ นปช. เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี ท่สมกลางคนเสื้อแดงจำนวนมาก เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียกร่วมกันฝ่าฝืนประกาศของผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย ฉบับที่ 5 ลงวันที่ 3 เมษายน 2553
ด้านนายจรัล เปิดเผยว่า เข้ารับทราบข้อกล่าวหาดังกล่าวตามหมายเรียก เพื่อต่อสู้คดี และขอให้การปฏิเสธ เนื่องจากวันที่ 3 เม.ย. 53 ที่มีการออกประกาศมานั้น กลุ่ม นปช. ยังชุมนุมที่สะพานผ่านฟ้าและราชประสงค์ด้วยความสงบ อหิงสา ปราศจากอาวุธ และหลังจากเกิดเหตุสลายการชุมนุม ตนได้หลบหนีไปอยู่ประเทศต่างๆ เป็นเวลานาน ซึ่งตอนนี้คิดถึงประเทศ ครอบครัว และกลุ่มคนเสื้อแดงที่ร่วมต่อสู้มา อีกทั้งรัฐบาลชุดนี้มีเจตนาดีที่จะดำเนินคดีด้วยความยุติธรรม โดยไม่มี 2 มาตรฐานเหมือนเมื่อก่อน ซึ่งตนรู้สึกเชื่อมั่นและมั่นใจ จึงเดินทางกลับมารับทราบข้อกล่าวหา.