xs
xsm
sm
md
lg

พิษน้ำท่วม ฉุดจีดีพีวูบ 1.3แสนล.หาย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-น้ำท่วมทำจีดีพีหด 1.3 แสนล้านบาท หรือหายไป 1-1.3% คาดทั้งปีโตเหลือเพียง 3.6-4% จากเป้าเดิม 4-4.5% ส่วนปีหน้ายังน่าห่วง หากเศรษฐกิจโลกวูบ แนะรัฐอัดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในเพิ่มขึ้น ด้านส.อ.ท.ประเมินน้ำท่วม ทำอุตสาหกรรมเสียหายยับ ห่วงกระทบการผลิตรถยนต์และส่งออก แนะรัฐตั้งศูนย์ช่วย SMEs พักหนี้และสินเชื่อเยียวยา“โต้ง”จี้แบงก์ชาติลดดอกเบี้ยทันที

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ปัญหาน้ำท่วมได้ส่งผลเสียหายต่อเศรษฐกิจรวมอยู่ที่ 130,120.6 ล้านบาท ทำให้จีดีพีลดลง 1.0-1.3% แบ่งเป็นผลกระทบต่อภาคการเกษตร โดยเฉพาะพื้นที่นาข้าวที่มีความเสียหาย 4-5 ล้านไร่ คิดเป็นมูลค่าความเสียหาย 5 หมื่นล้านบาท ความเสียหายต่อภาคอุตสาหกรรม หากน้ำท่วมภายใน 1เดือนจะทำให้มูลค่าความเสียหายอยู่ที่ 2 หมื่นล้านบาท แต่หากมีความเสียหายนานกว่า 1 เดือน มูลค่าความเสียหายจะสูงถึง 2.5-3 หมื่นล้านบาท และความเสียหายต่อภาคการท่องเที่ยว มีมูลค่าความเสียหาย 5-7 หมื่นล้านบาท

“คาดว่าจีดีพีปีนี้ น่าจะขยายตัวได้เพียง 3.6-4% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ 4-4.5% เพราะปัญหาน้ำท่วมและเศรษฐกิจโลกที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ”

ทั้งนี้ การขยายตัวทางเศรษฐกิจ คาดว่า ภาคเกษตรจะอยู่ที่ 3.3% อุตสาหกรรม 3.8% การบริโภคเอกชน 3.6% การลงทุน 6.4% จำนวนนักท่องเที่ยว 18.8% ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลมูลค่า 13,496 ล้านเหรียญสหรัฐ ดุลการค้าเกินดุล 11,,496 ล้านเหรียญสหรัฐ การส่งออกขยายตัว 22.6% มูลค่า 1.37 แสนล้านเหรียญสหรัฐ อัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยที่ 30.3 บาทต่อเหรียญสหรัฐ เงินเฟ้อขยายตัว 3.8%

นายธนวรรธน์กล่าวว่า ส่วนคาดการณ์เศรษฐกิจปี 2555 คาดว่าจะขยายตัว 4.3% ในกรณีที่เศรษฐกิจโลกขยายตัว ตามคาดการณ์ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ที่คาดว่าจะขยายตัว 3-4% โดยเศรษฐกิจ สหรัฐฯ ขยายตัว 1.8% ยุโรป 1.1% ญี่ปุ่น 2.3% แต่ยังต้องจับตาสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ยังมีความเปราะบาง หากเศรษฐกิจโลกขยายตัวเพียง 2-3% เศรษฐกิจไทยก็จะมีโอกาสขยายตัวเพียง 2.5-3% เท่านั้น
และหากเศรษฐกิจโลกไม่ขยายตัว หรือโต 0% เศรษฐกิจไทยมีโอกาสขยายตัวเพียง 1.5-2%

ดังนั้น รัฐบาลต้องจัดลำดับความสำคัญมาตรการของรัฐบาลในการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในเพื่อทดแทนเศรษฐกิจปีหน้าที่จะได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวเศรษฐกิจโลก

สำหรับตัวเลขทางเศรษฐกิจอื่นๆ สำหรับปี 2555 คาดว่า การส่งออกจะขยายตัว 10.7% นำเข้าขยายตัว 13.7% เกินดุลการค้า 6,113 ล้านเหรียญสหรัฐ และเกินดุลบัญชีเดินสะพัด 9,113 ล้านเหรียญสหรัฐ จากจำนวนนักท่องเที่ยว 18.4 ล้านคน รายได้จากนักท่องเที่ยว 679,000 ล้านบาท อัตราแลกเปลี่ยน 29.5-30.5 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ส่วนอัตราเงินเฟ้อจะอยู่ที่ 3.5-4% ภายใต้เงื่อนไขการลอยตัวก๊าซแอลพีจี
ยกเลิกมาตรการลดค่าครองชีพ การยกเลิกงดจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน

นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ปัญหาน้ำท่วมใหญ่ที่เกิดขึ้น ส่งผลให้โรงงานหลายแห่งต้องหยุดกิจการ เพราะเครื่องจักรได้รับความเสียหาย และขาดรายได้ในการผลิตสินค้าจำนวนมาก โดยประเมินว่าจะมีความเสียหายสูงถึง 5-6 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นในเขตภาคเหนือ 1 หมื่นล้าน และในภาคกลางอีก 4-5 หมื่นล้านบาท
ซึ่งกังวลว่าหากเกิดน้ำท่วมขังนาน โดยเฉพาะตามนิคมอุตสาหกรรมสำคัญจ.พระนครศรีอยุธยา และปทุมธานี จะกระทบต่อสายการผลิตรถยนต์ และการส่งออกสินค้าอื่นๆ เพราะพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นโรงงานผลิตชิ้นส่วน อะไหล่ ยางรถยนต์ เพื่อป้อนโรงงานประกอบรถยนต์

“ในวันที่ 6 ต.ค.ที่ผ่านมา ได้นำผลกระทบเหตุการณ์น้ำท่วม รวมถึงแนวทางแก้ปัญหาเสนอให้นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ รับทราบ พร้อมกับเสนอให้จัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs สำหรับน้ำท่วม เพื่อใช้เป็นศูนย์กลางประสานงานและให้ความช่วยเหลือแก่ธุรกิจรายย่อย รวมถึงให้ภาครัฐมีมาตรการเสริม โดยผ่อนผันการชำระหนี้
และหาแหล่งเงินทุนสำหรับฟื้นฟูธุรกิจให้ ส่วนกรณีโรงงานพักกิจการในช่วงน้ำท่วม จนทำให้ภาคแรงงานขาดรายได้ เชื่อว่าแต่ละบริษัทจะแก้ปัญหาเองได้ เพราะปีที่ผ่านมาก็เคยเกิดปัญหาแบบนี้ขึ้นมาแล้ว ไม่จำเป็นต้องเดือดร้อนภาครัฐ”นายพยุงศักดิ์กล่าว

ด้านนายกิตติรัตน์กล่าวว่า ได้รับข้อเสนอของส.อ.ท. และพร้อมที่จะร่วมมือกับภาคเอกชนในการเยียวยา แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ส่วนข้อเสนอของเอกชนที่ต้องการให้ภาครัฐดูแลเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำให้กับผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ ตนเห็นว่า สิ่งที่จะต้องทำเป็นอย่างแรก ก็คือ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ควรจะปรับอัตราลดดอกเบี้ยทั้งระบบลงมามากกว่า โดยขอฝากบอกไปตรงนี้เลย ว่า รองนายกฯ ด้านเศรษฐกิจฝากถึงแบงก์ชาติ
กำลังโหลดความคิดเห็น