เอเจนซีส์ – ประธานเฟดชี้เศรษฐกิจอเมริกากำลังง่อนแง่น หวั่นวิกฤตการเงินยุโรปแพร่เชื้อ พร้อมกระตุ้นคองเกรสอย่ามองแค่การลดการขาดดุลงบประมาณระยะสั้นเท่านั้น
ในการแถลงต่อคณะกรรมาธิการร่วมทางเศรษฐกิจของรัฐสภาเมื่อวันอังคาร (4) เบน เบอร์นันกี ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ระบุว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯใกล้สะดุด และดัชนีมากมายบ่งชี้แนวโน้มการเติบโตของการจ้างงานจะชะลอตัวในอนาคตอันใกล้
การคาดการณ์แง่ลบนี้ได้รับการตอกย้ำจากนักเศรษฐศาสตร์ของโกลด์แมน แซคส์ ที่ระบุว่าสหรัฐฯ อยู่บนขอบเหวของภาวะถดถอย พร้อมลดการคาดการณ์เศรษฐกิจไตรมาสแรกปีหน้าอยู่ที่ 0.5% โดยชี้ปัจจัยด้านลบว่ามาจากวิกฤตหนี้ยืดเยื้อของยุโรป ขณะที่อิโคโนมิก ไซเคิล รีเสิร์ช อินสติติวท์ บริษัทคาดการณ์วงจรธุรกิจ สำทับว่าเศรษฐกิจอเมริกากำลังมุ่งหน้าสู่ภาวะถดถอยระลอกใหม่ และมาถึงจุดที่ผู้วางนโยบายไม่สามารถช่วยเหลือได้อีกต่อไป
ทั้งนี้ เศรฐกิจสหรัฐฯในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ขยายตัวเฉลี่ยต่ำกว่า 1% ขณะที่อัตราว่างงานปักหลักอยู่เหนือ 9% มานานหลายเดือน
จากภาพแนวโน้มซึมเซาของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และเศรษฐกิจโลก เบอร์นันกีเรียกร้องให้สมาชิกรัฐสภาทำในสิ่งที่ทำได้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจท่ามกลางวิกฤตที่ยังไม่เห็นจุดจบของยุโรป
นายใหญ่เฟดสำทับว่า แม้แผนการลดยอดขาดดุลงบประมาณระยะสั้นเป็นมาตรการเร่งด่วน แต่คองเกรสควรหลีกเลี่ยงนโยบายทางการคลังที่อาจบ่อนทำลายการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอกว่าที่เคยคาดไว้
เบอร์นันกียังชี้ว่า วิกฤตการเมืองในรัฐสภาในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมาซึ่งทำให้สหรัฐฯ หวุดหวิดผิดนัดชำระหนี้ เป็นหลักฐานชัดเจนว่ารัฐสภาควรปรับปรุงกระบวนการตัดสินใจเกี่ยวกับงบประมาณระยะยาว เพื่อให้สามารถคาดการณ์ได้มากขึ้นและชัดเจนขึ้น และหลีกเลี่ยงการทำให้ตลาดการเงินและเศรษฐกิจสะดุด
เบอร์นันกี ซึ่งปรากฏตัวท่ามกลางเสียงวิจารณ์จากพรรครีพับลิกันว่าความพยายามในการกระตุ้นการเติบโตของเฟด มีความเสี่ยงที่จะกระตุ้นภาวะเงินเฟ้อนั้น ยังคงยืนยันว่าเฟดพร้อมลงมือดำเนินการ หากเศรษฐกิจอ่อนแอลงอีก แต่เขาก็ยอมรับว่าเฟดคงทำอะไรไม่ได้มากนัก อีกทั้งบอกว่า การกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งล่าสุดด้วยการมุ่งลดดอกเบี้ยระยะยาว แม้เป็นมาตรการที่มีนัย แต่ไม่ใช่การสนับสนุนอันสำคัญและยังไม่สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงใหญ่หลวงต่อเศรษฐกิจได้
การแถลงของประธานเฟดมีขึ้นท่ามกลางความกังวลว่าวิกฤตหนี้ยุโรปจะลุกลามออกนอกภูมิภาค เกี่ยวกับเรื่องนี้ เบอร์นันกีบอกว่า แม้ยากที่จะฟันธงว่าปัญหาดังกล่าวส่งผลต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ มากน้อยเพียงใด แต่ที่มั่นใจได้คือกระทบต่อความเชื่อมั่นในภาคครัวเรือนและในภาคธุรกิจ และเป็นภัยคุกคามต่อการเติบโตของสหรัฐฯ
และแม้แบงก์ในอเมริกาเกี่ยวข้องกับกรีซน้อยมาก แต่หากมีการผิดนัดชำระหนี้อย่างไม่เป็นระบบ หรือมีประเทศอื่นนอกจากกรีซพักชำระหนี้ หรือมีความกดดันต่อแบงก์ยุโรป ก็ย่อมจะก่อให้เกิดความปั่นป่วนทางการเงินขนานใหญ่ทั่วโลก เบอร์นันกีทิ้งท้าย
ในการแถลงต่อคณะกรรมาธิการร่วมทางเศรษฐกิจของรัฐสภาเมื่อวันอังคาร (4) เบน เบอร์นันกี ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ระบุว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯใกล้สะดุด และดัชนีมากมายบ่งชี้แนวโน้มการเติบโตของการจ้างงานจะชะลอตัวในอนาคตอันใกล้
การคาดการณ์แง่ลบนี้ได้รับการตอกย้ำจากนักเศรษฐศาสตร์ของโกลด์แมน แซคส์ ที่ระบุว่าสหรัฐฯ อยู่บนขอบเหวของภาวะถดถอย พร้อมลดการคาดการณ์เศรษฐกิจไตรมาสแรกปีหน้าอยู่ที่ 0.5% โดยชี้ปัจจัยด้านลบว่ามาจากวิกฤตหนี้ยืดเยื้อของยุโรป ขณะที่อิโคโนมิก ไซเคิล รีเสิร์ช อินสติติวท์ บริษัทคาดการณ์วงจรธุรกิจ สำทับว่าเศรษฐกิจอเมริกากำลังมุ่งหน้าสู่ภาวะถดถอยระลอกใหม่ และมาถึงจุดที่ผู้วางนโยบายไม่สามารถช่วยเหลือได้อีกต่อไป
ทั้งนี้ เศรฐกิจสหรัฐฯในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ขยายตัวเฉลี่ยต่ำกว่า 1% ขณะที่อัตราว่างงานปักหลักอยู่เหนือ 9% มานานหลายเดือน
จากภาพแนวโน้มซึมเซาของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และเศรษฐกิจโลก เบอร์นันกีเรียกร้องให้สมาชิกรัฐสภาทำในสิ่งที่ทำได้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจท่ามกลางวิกฤตที่ยังไม่เห็นจุดจบของยุโรป
นายใหญ่เฟดสำทับว่า แม้แผนการลดยอดขาดดุลงบประมาณระยะสั้นเป็นมาตรการเร่งด่วน แต่คองเกรสควรหลีกเลี่ยงนโยบายทางการคลังที่อาจบ่อนทำลายการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอกว่าที่เคยคาดไว้
เบอร์นันกียังชี้ว่า วิกฤตการเมืองในรัฐสภาในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมาซึ่งทำให้สหรัฐฯ หวุดหวิดผิดนัดชำระหนี้ เป็นหลักฐานชัดเจนว่ารัฐสภาควรปรับปรุงกระบวนการตัดสินใจเกี่ยวกับงบประมาณระยะยาว เพื่อให้สามารถคาดการณ์ได้มากขึ้นและชัดเจนขึ้น และหลีกเลี่ยงการทำให้ตลาดการเงินและเศรษฐกิจสะดุด
เบอร์นันกี ซึ่งปรากฏตัวท่ามกลางเสียงวิจารณ์จากพรรครีพับลิกันว่าความพยายามในการกระตุ้นการเติบโตของเฟด มีความเสี่ยงที่จะกระตุ้นภาวะเงินเฟ้อนั้น ยังคงยืนยันว่าเฟดพร้อมลงมือดำเนินการ หากเศรษฐกิจอ่อนแอลงอีก แต่เขาก็ยอมรับว่าเฟดคงทำอะไรไม่ได้มากนัก อีกทั้งบอกว่า การกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งล่าสุดด้วยการมุ่งลดดอกเบี้ยระยะยาว แม้เป็นมาตรการที่มีนัย แต่ไม่ใช่การสนับสนุนอันสำคัญและยังไม่สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงใหญ่หลวงต่อเศรษฐกิจได้
การแถลงของประธานเฟดมีขึ้นท่ามกลางความกังวลว่าวิกฤตหนี้ยุโรปจะลุกลามออกนอกภูมิภาค เกี่ยวกับเรื่องนี้ เบอร์นันกีบอกว่า แม้ยากที่จะฟันธงว่าปัญหาดังกล่าวส่งผลต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ มากน้อยเพียงใด แต่ที่มั่นใจได้คือกระทบต่อความเชื่อมั่นในภาคครัวเรือนและในภาคธุรกิจ และเป็นภัยคุกคามต่อการเติบโตของสหรัฐฯ
และแม้แบงก์ในอเมริกาเกี่ยวข้องกับกรีซน้อยมาก แต่หากมีการผิดนัดชำระหนี้อย่างไม่เป็นระบบ หรือมีประเทศอื่นนอกจากกรีซพักชำระหนี้ หรือมีความกดดันต่อแบงก์ยุโรป ก็ย่อมจะก่อให้เกิดความปั่นป่วนทางการเงินขนานใหญ่ทั่วโลก เบอร์นันกีทิ้งท้าย