ASTVผู้จัดการรายวัน-"ยิ่งลักษณ์"ไม่ตอบเรื่อง"แม้ว"จะกลับมามอบตัว ปชป.ยินดีกลับมาเข้ากระบวนการยุติธรรม ด้าน"ขวัญชัย" เตรียมเปิดตัวกลุ่ม"แดงรักเจ้า" 8 ต.ค.นี้ พร้อมทำเสื้อแดงติดตราสัญลักษณ์ 84 พรรษา 2 แสนตัวแจก ฝ่ายค้านจับตารัฐบาลตั้งทนายแม้ว เป็นกรรมการ ปคอป. ห่วงแปลงสาร บิดเบือนเจตนารมย์ คอป. ผบ.ทบ.จวก"เสื้อแดง" แส่ต้าน"โผทหาร" ทั้งที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ลั่นอย่ากดดัน เตือนยิ่งทำวุ่น รัฐบาลยิ่งแย่ ย้ำไม่คิดแก้ปัญหาด้วยการปฏิวัติ
เมื่อเวลา 13.30 น. วานนี้ (5 ต.ค.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ออกเดินทางโดยเครื่องบินของกองทัพอากาศ เที่ยวบินพิเศษ ไปยังเมืองเนปิดอว์ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ อย่างเป็นทางการ
ก่อนการเดินทางผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงทะยอยเข้ามอบตัวนั้นถือเป็นนิมิตรหมายที่ดีหรือไม่ ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวเพียงสั้นๆ พร้อมพยักหน้าว่า "ดีค่ะ" เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า จะมีการประสานให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลับมามอบตัวหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ได้ตอบคำถามนี้
**ปชป.ยินดีหาก"แม้ว"กลับมามอบตัว
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ติดต่อสถานทูต เพื่อขอเดินทางกลับไทยเข้ามอบตัว ในช่วงปลายปีนี้ว่า ยังไม่ทราบข่าวดังกล่าว แต่หากพ.ต.ท.ทักษิณจะกลับมาจริง ก็สามารถกลับมาได้เลย เพราะรัฐบาลก็เป็นรัฐบาลพรรคเพื่อไทย และน้องสาวก็เป็นนายกฯ สามารถเดินทางไปยังสถานทูตประเทศนั้นๆ แล้วแจ้งความประสงค์ขอเดินทางกลับประเทศไทย เมื่อมาถึงก็สามารถรายงานตัวกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้เลย ซึ่งพ.ต.ท.ทักษิณ ต้องการทำทุกอย่างเพื่อล้างความผิดให้แก่ตัวเอง และหาก พ.ต.ท.ทักษิณ จะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ก็จะดีมาก โดยรัฐบาลต้องไม่เข้าไปแทรกแซง
**'ขวัญชัย'เปิดตัว'แดงรักเจ้า'
นายขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร เปิดเผยว่า ภายหลังจากพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้สัมภาษณ์หลายครั้งว่า อยากให้คนเสื้อแดงร่วมกันถวายพระพร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสที่ทรงเจริญพระชนมพรรษา 84 พรรษา ในวันที่ 5 ธ.ค.ปีนี้ ตนจึงจับเอาคำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ มาดำเนินการให้เกิดเป็นรูปธรรม
"ในวันที่ 7 ต.ค.นี้ จะมีการประชุมร่วมกันของกลุ่มคนเสื้อแดงภาคอีสาน 20 จังหวัด เพื่อหารือถึงเรื่องการรวมตัวกันเป็น “กลุ่มแดงรักเจ้า” ซึ่งจะเป็นการประกาศความชัดเจนให้กับกลุ่มต่างๆ ที่ต้องการจะสนับสนุนกลุ่มคนเสื้อแดง ได้เห็นว่า คำครหาที่ว่ากลุ่มคนเสื้อแดง เป็นพวกแดงล้มเจ้านั้น ไม่เป็นความจริง หากในวันที่ 7 ต.ค. ได้หารือกันในรายละเอียดต่างๆ ครบถ้วนแล้ว ในวันที่ 8 ต.ค. ก็จะประกาศตัวอย่างเป็นทางการทันที"
ทั้งนี้ จะทำให้การดำเนินการของกลุ่มคนเสื้อแดง ภาคอีสาน 20 จังหวัดจากนี้ไป จะมีคำว่า กลุ่มแดงรักเจ้า อยู่ในวงเล็บต่อท้ายด้วย เช่น ชมรมคนรักอุดร (แดงรักเจ้า) หรือ ชมรมคนรักโคราช ( แดงรักเจ้า ) เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม การตั้ง"กลุ่มแดงรักเจ้า" ไม่ใช่การแตกแยกออกจากกลุ่มนปช. แต่เป็นการแสดงให้เห็นถึงความเป็นปึกแผ่นของคนเสื้อแดงในภาคอีสานทั้ง 20 จังหวัด
สำหรับกิจกรรมของกลุ่มแดงรักเจ้านั้น ในวันที่ 5 ธ.ค.นี้ จะรณรงค์ร่วมกันปลูกต้นไม้มงคล คนละ 1 ต้น ที่หน้าบ้านของกลุ่มแดงรักเจ้าในภาคอีสานทั้ง 20 จังหวัด ซึ่งอาจจะเป็นต้นราชพฤกษ์ หรือต้นพะยูงก็ได้
นอกจากนี้ ยังได้ทำหนังสือ เพื่อขออนุญาตไปยังสำนักพระราชวัง โดยจะขอจัดทำเสื้อแดงที่ติดตราสัญลักษณ์ 84 พรรษา จำนวน 2 แสนกว่าตัว เพื่อแจกจ่ายให้กับกลุ่มแดงรักเจ้าในภาคอีสานทั้ง 20 จังหวัด จังหวัดละ 1 หมื่นตัว
** หวั่น ปคอป. เบี่ยงเบนเจตนารมย์คอป.
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านฯ กล่าวถึงการตั้งคณะกรรมการประสานและติดตามผลการดำเนินงาน ตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการอิสระ ตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อความปรองดองแห่งชาติ( ปคอป.) ว่า ถ้าเป็นการประสานงานปกติ ไม่มีปัญหา ในครม.เงาพูดกันว่า ต้องจับตาดูว่าคณะกรรมการชุดนี้จะมีการแปรเจตนารมย์ของ คอป. เพราะมีอำนาจพอสมควรในการชี้นำหน่วยงานด้านการปฏิบัติ
ทั้งนี้ ฝ่ายค้านจะตรวจสอบการทำงาน แต่ก็ให้ความเป็นธรรมว่า การมีคณะกรรมการประสานคณะกรรมการที่มีความเป็นอิสระ ไม่แปลก อำนาจหน้าที่อยู่ในเกณฑ์ไม่ก้าวก่าย แต่ไม่แน่ใจว่า จะมีการตีความเจตนารมย์ในข้อเสนอของ คอป. ตรงตามที่ คอป. เสนอหรือไม่ พร้อมตั้งข้อสังเกตการตั้งนายวีระวงศ์ จิตต์มิตรภาพ ประธาน และกรรมการผู้จัดการสำนักงานกฎหมายวีระวงศ์, ชินวัฒน์ และ เพียงพะนอ ซึ่งเคยเป็นทนายความของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ว่าเป็นเรื่องที่ฝ่ายค้านจะต้องติดตามบทบาทการทำงาน ว่าจะเป็นอย่างไร อยากให้คณะกรรมการชุดนี้ยึดเจตนารมย์ของ คอป. อย่างเคร่งครัด ไม่แปลงสาร หรือบิดเบือนเจตนารมย์ ซึ่งยังมั่นใจใน คอป. ว่าจะมีความหนักแน่นในการทำหน้าที่ แต่สังคมก็ต้องจับตาดูด้วย
**"ยงยุทธ"เมินเสียงด่าเบี้ยประชุมครั้งละหมื่น
นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะประธาน ปคอป. กล่าว ถึงการทำงานของกรรมการชุดนี้ว่า จะรอมติของคอป.มาทำให้เกิดผล ซึ่งคอป.เขามีแต่มติ ให้กระทรวง หน่วยงานต่างๆ ทำ ปคอป. ก็จะติดตามให้การทำงานนั้นเกิดผล อาจต้องมีการตั้งอนุกรรมการหรืออะไรต่างๆ ขึ้นมาด้วย
ส่วนกรณีเบี้ยประชุมที่รัฐบาลจัดให้กรรมการ ปคอป.จำนวนมาก เช่น ประธาน ได้เบี้ยประชุมครั้งละ 10,000 บาท รองประธานได้ 9,000 บาท กรรมการได้ 8,000 บาทนั้น นายยงยุทธ กล่าวว่า ยังไม่ทราบเรื่องนี้ ก็คิดว่าแล้วแต่ ก็ทำงานให้ส่วนรวม เรื่องนี้ไม่สำคัญ ที่ถูกมองว่า เบี้ยประชุมมากเกินไป เพราะมันเป็นระเบียบราชการมาแล้ว
** จวก"เสื้อแดง" แส่ต้านโผทหาร
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.กล่าวถึงกรณีกลุ่มคนเสื้อแดง และญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์เดือน พ.ค.53 มาประท้วงหน้ากองทัพบก เพื่อต่อต้านการแต่งตั้งนายทหารที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์สลายการชุมนุมว่า อยากถามว่ากลุ่มนี้เกี่ยวข้อง หรือเป็นคณะกรรมการปรับย้ายฯหรือไม่ ถ้าไม่ใช่ก็ไม่เกี่ยว ตนไม่ได้ฟังว่าเขาพูดอะไร แต่อย่าละเมิดคนอื่น ทำอะไรก็อย่าให้เดือดร้อน
ทั้งนี้ ไม่กังวลว่า การเมืองจะนำประเด็นนี้ไปสู่การแก้ไข พ.ร.บ.จัดระเบียบกระทรวงกลาโหม พ.ศ. 2551 และขอให้ไปดูความเป็นมาว่าทำไมต้องมีพ.ร.บ.ฉบับนี้ ขอให้เห็นใจ เพราะทหารมีภารกิจคนละอย่าง ถ้าเกิดสงครามขึ้นมาก็จำเป็นต้องสั่งกำลังพลไปรบ เหมือนสั่งเขาไปตาย จะตายหรือไม่ก็ไม่รู้ จะชนะหรือแพ้ก็ไม่รู้เช่นกัน ถ้าตั้งคนไม่ได้ หรือสั่งกันไม่ได้ จะทำอย่างไร และการจะมีพ.ร.บ.ฉบับนี้ออกมา ต้องมีเหตุผลและหลักการ ที่ผ่านมายังไม่เห็นอะไรเสียหาย
"การปรับย้ายครั้งนี้ยังไม่ได้ใช้ พ.ร.บ. มาทำอะไรเลย เพราะพูดจากันเองรู้เรื่อง สื่อเอาไปลงว่า ผมจะเอา พ.ร.บ.ไปสู้ ซึ่งผมไม่เคยสู้กับใคร เป็นเรื่องของแต่ละหน่วย แต่ละเหล่าทัพ ปรับขึ้นมา ส่งเข้าที่ประชุมไม่มีความขัดแย้งกัน พ.ร.บ.นี้ไม่ได้มีเอาไว้สู้กัน แต่มีไว้เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม ปกติเรามีอำนาจการบังคับบัญชา และให้เกียรติกันอยู่แล้ว เรามีผู้บังคับบัญชาสองระดับ คือผู้บังคับบัญชาโดยตรง และตามลำดับชั้น การจะปรับหรือแต่งตั้งอะไร ก็ตามต้องมีคุณธรรม และหลักธรรมาภิบาล อย่ามาใช้คำว่าแต่งตั้งทายาท ผมไม่มีทายาทกองทัพ ทายาทของผมมีสองคน คือลูกสาว เพราะกองทัพไม่ใช่ของผม และที่ตั้งใครมา ก็ตั้งด้วยความเหมาะสม และดูการทำงานตลอดระยะเวลาที่รับราชการ"
"ที่ไปวิจารณ์ว่าผมตั้งแต่เพื่อนเตรียมทหารรุ่น 12 เข้ามาจำนวนมากนั้น อยากเรียนว่าเขารับราชการมากว่า 30 ปีแล้ว จะไม่ให้เป็นใหญ่เป็นโตเลยหรือ และอีก 2 ปีก็จะเกษียณอายุราชการกันหมดแล้ว ซึ่งเขาก็เติบโตกันมาตามลำดับในแท่งของเขา ซึ่งมีทั้งหมด 16 -17 เหล่า ไม่ใช่มีเหล่าเดียวที่ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นคนตั้ง เขามีสายงานของเขา คำสั่งนี้ก็มีทุกรุ่น ไม่เฉพาะรุ่น 12 เพื่อนผมอย่างเดียว รุ่น 13, 14 ซึ่งเกษียณพร้อมกันหรือใกล้ๆ กัน" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว และว่า หากรัฐบาลเห็นว่ามีอะไรที่ไม่เหมาะสมขอให้บอก เพราะรับฟังอยู่แล้ว อย่าให้มาเป็นประเด็นโต้แย้งกัน เพราะไม่ใช่ประเด็นขัดแย้ง และ เราก็ไม่ได้ขัดแย้งกับรัฐบาล
**ยันไม่แก้ปัญหาด้วยการปฏิวัติ
เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ ถ้าไม่มี พ.ร.บ.ฉบับนี้ อาจเป็นช่องทางให้เด้งท่านออกจากตำแหน่งผบ.ทบ. พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า
"ถ้าผมไม่ทำประโยชน์ ก็ย้ายผมได้ แล้วผมทำประโยชน์หรือเปล่า ผมทำดีหรือไม่ ผมนำพากองทัพดีหรือไม่ กองทัพอ่อนแอหรือเปล่า ถ้าหากทำให้กองทัพอ่อนแอ ก็คงต้องโดนลงโทษ แต่ผมคิดว่ากองทัพก็ยังเข้มแข็งอยู่ในการทำงาน ทำหน้าที่ แต่ประเด็นก็คือ ปัญหาของประเทศมีมากจนแก้ไขยาก และก็จะยิ่งยากขึ้นไปเรื่อย ๆ ถ้าทุกคนช่วยกันสงบ และจะทำอย่างไรรวมน้ำใจกันเป็นหนึ่งเดียว รวมถึงแก้ไขปัญหาทีละปัญหาให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาภาคใต้ ชายแดน น้ำท่วม และใช้กลไกปกติในการแก้ไขปัญหาก็แก้ไขได้ แต่ถ้าทะเลาะเบาะแว้งกันไป ว่ากล่าวกัน ขัดแย้งกันไป ประท้วงกันไป ผลเสียก็ตกอยู่กับรัฐบาลทั้งสิ้น"
เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ว่าทหารจะถูกโจมตี จนทำให้เป็นแรงกดดัน และออกมาทำการปฏิวัติ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า แล้วใครจะทำปฏิวัติ อยากถามว่า ผบ.ทบ. มีกี่คน มีคนเดียวใช่ไหม กองทัพก็มีกองทัพเดียว แต่ถ้าคุมกำลังก็คือกองทัพบก เขาก็ทำงานกันไป ไม่เห็นจะมีใครมาตั้งหน้าตั้งตาปฏิวัติ นึกว่ามันง่ายนักหรือไง ปัญหาของประเทศมีอยู่มากก็ต้องช่วยกันแก้ไข ถ้ามัวแต่ขัดแย้งกัน แต่งตั้งกันไปแต่งตั้งกันมา ก็ไม่ต้องแก้อะไรหรอก ทะเลาะกันเสียก่อน ไม่เห็นเกิดประโยชน์เลย บ้านเมืองต้องไปข้างหน้า และเราก็พยายามอย่างดีที่สุด ผบ.ทบ.ก็ทำดีที่สุดแล้ว
เมื่อเวลา 13.30 น. วานนี้ (5 ต.ค.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ออกเดินทางโดยเครื่องบินของกองทัพอากาศ เที่ยวบินพิเศษ ไปยังเมืองเนปิดอว์ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ อย่างเป็นทางการ
ก่อนการเดินทางผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงทะยอยเข้ามอบตัวนั้นถือเป็นนิมิตรหมายที่ดีหรือไม่ ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวเพียงสั้นๆ พร้อมพยักหน้าว่า "ดีค่ะ" เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า จะมีการประสานให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลับมามอบตัวหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ได้ตอบคำถามนี้
**ปชป.ยินดีหาก"แม้ว"กลับมามอบตัว
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ติดต่อสถานทูต เพื่อขอเดินทางกลับไทยเข้ามอบตัว ในช่วงปลายปีนี้ว่า ยังไม่ทราบข่าวดังกล่าว แต่หากพ.ต.ท.ทักษิณจะกลับมาจริง ก็สามารถกลับมาได้เลย เพราะรัฐบาลก็เป็นรัฐบาลพรรคเพื่อไทย และน้องสาวก็เป็นนายกฯ สามารถเดินทางไปยังสถานทูตประเทศนั้นๆ แล้วแจ้งความประสงค์ขอเดินทางกลับประเทศไทย เมื่อมาถึงก็สามารถรายงานตัวกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้เลย ซึ่งพ.ต.ท.ทักษิณ ต้องการทำทุกอย่างเพื่อล้างความผิดให้แก่ตัวเอง และหาก พ.ต.ท.ทักษิณ จะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ก็จะดีมาก โดยรัฐบาลต้องไม่เข้าไปแทรกแซง
**'ขวัญชัย'เปิดตัว'แดงรักเจ้า'
นายขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร เปิดเผยว่า ภายหลังจากพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้สัมภาษณ์หลายครั้งว่า อยากให้คนเสื้อแดงร่วมกันถวายพระพร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสที่ทรงเจริญพระชนมพรรษา 84 พรรษา ในวันที่ 5 ธ.ค.ปีนี้ ตนจึงจับเอาคำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ มาดำเนินการให้เกิดเป็นรูปธรรม
"ในวันที่ 7 ต.ค.นี้ จะมีการประชุมร่วมกันของกลุ่มคนเสื้อแดงภาคอีสาน 20 จังหวัด เพื่อหารือถึงเรื่องการรวมตัวกันเป็น “กลุ่มแดงรักเจ้า” ซึ่งจะเป็นการประกาศความชัดเจนให้กับกลุ่มต่างๆ ที่ต้องการจะสนับสนุนกลุ่มคนเสื้อแดง ได้เห็นว่า คำครหาที่ว่ากลุ่มคนเสื้อแดง เป็นพวกแดงล้มเจ้านั้น ไม่เป็นความจริง หากในวันที่ 7 ต.ค. ได้หารือกันในรายละเอียดต่างๆ ครบถ้วนแล้ว ในวันที่ 8 ต.ค. ก็จะประกาศตัวอย่างเป็นทางการทันที"
ทั้งนี้ จะทำให้การดำเนินการของกลุ่มคนเสื้อแดง ภาคอีสาน 20 จังหวัดจากนี้ไป จะมีคำว่า กลุ่มแดงรักเจ้า อยู่ในวงเล็บต่อท้ายด้วย เช่น ชมรมคนรักอุดร (แดงรักเจ้า) หรือ ชมรมคนรักโคราช ( แดงรักเจ้า ) เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม การตั้ง"กลุ่มแดงรักเจ้า" ไม่ใช่การแตกแยกออกจากกลุ่มนปช. แต่เป็นการแสดงให้เห็นถึงความเป็นปึกแผ่นของคนเสื้อแดงในภาคอีสานทั้ง 20 จังหวัด
สำหรับกิจกรรมของกลุ่มแดงรักเจ้านั้น ในวันที่ 5 ธ.ค.นี้ จะรณรงค์ร่วมกันปลูกต้นไม้มงคล คนละ 1 ต้น ที่หน้าบ้านของกลุ่มแดงรักเจ้าในภาคอีสานทั้ง 20 จังหวัด ซึ่งอาจจะเป็นต้นราชพฤกษ์ หรือต้นพะยูงก็ได้
นอกจากนี้ ยังได้ทำหนังสือ เพื่อขออนุญาตไปยังสำนักพระราชวัง โดยจะขอจัดทำเสื้อแดงที่ติดตราสัญลักษณ์ 84 พรรษา จำนวน 2 แสนกว่าตัว เพื่อแจกจ่ายให้กับกลุ่มแดงรักเจ้าในภาคอีสานทั้ง 20 จังหวัด จังหวัดละ 1 หมื่นตัว
** หวั่น ปคอป. เบี่ยงเบนเจตนารมย์คอป.
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านฯ กล่าวถึงการตั้งคณะกรรมการประสานและติดตามผลการดำเนินงาน ตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการอิสระ ตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อความปรองดองแห่งชาติ( ปคอป.) ว่า ถ้าเป็นการประสานงานปกติ ไม่มีปัญหา ในครม.เงาพูดกันว่า ต้องจับตาดูว่าคณะกรรมการชุดนี้จะมีการแปรเจตนารมย์ของ คอป. เพราะมีอำนาจพอสมควรในการชี้นำหน่วยงานด้านการปฏิบัติ
ทั้งนี้ ฝ่ายค้านจะตรวจสอบการทำงาน แต่ก็ให้ความเป็นธรรมว่า การมีคณะกรรมการประสานคณะกรรมการที่มีความเป็นอิสระ ไม่แปลก อำนาจหน้าที่อยู่ในเกณฑ์ไม่ก้าวก่าย แต่ไม่แน่ใจว่า จะมีการตีความเจตนารมย์ในข้อเสนอของ คอป. ตรงตามที่ คอป. เสนอหรือไม่ พร้อมตั้งข้อสังเกตการตั้งนายวีระวงศ์ จิตต์มิตรภาพ ประธาน และกรรมการผู้จัดการสำนักงานกฎหมายวีระวงศ์, ชินวัฒน์ และ เพียงพะนอ ซึ่งเคยเป็นทนายความของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ว่าเป็นเรื่องที่ฝ่ายค้านจะต้องติดตามบทบาทการทำงาน ว่าจะเป็นอย่างไร อยากให้คณะกรรมการชุดนี้ยึดเจตนารมย์ของ คอป. อย่างเคร่งครัด ไม่แปลงสาร หรือบิดเบือนเจตนารมย์ ซึ่งยังมั่นใจใน คอป. ว่าจะมีความหนักแน่นในการทำหน้าที่ แต่สังคมก็ต้องจับตาดูด้วย
**"ยงยุทธ"เมินเสียงด่าเบี้ยประชุมครั้งละหมื่น
นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะประธาน ปคอป. กล่าว ถึงการทำงานของกรรมการชุดนี้ว่า จะรอมติของคอป.มาทำให้เกิดผล ซึ่งคอป.เขามีแต่มติ ให้กระทรวง หน่วยงานต่างๆ ทำ ปคอป. ก็จะติดตามให้การทำงานนั้นเกิดผล อาจต้องมีการตั้งอนุกรรมการหรืออะไรต่างๆ ขึ้นมาด้วย
ส่วนกรณีเบี้ยประชุมที่รัฐบาลจัดให้กรรมการ ปคอป.จำนวนมาก เช่น ประธาน ได้เบี้ยประชุมครั้งละ 10,000 บาท รองประธานได้ 9,000 บาท กรรมการได้ 8,000 บาทนั้น นายยงยุทธ กล่าวว่า ยังไม่ทราบเรื่องนี้ ก็คิดว่าแล้วแต่ ก็ทำงานให้ส่วนรวม เรื่องนี้ไม่สำคัญ ที่ถูกมองว่า เบี้ยประชุมมากเกินไป เพราะมันเป็นระเบียบราชการมาแล้ว
** จวก"เสื้อแดง" แส่ต้านโผทหาร
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.กล่าวถึงกรณีกลุ่มคนเสื้อแดง และญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์เดือน พ.ค.53 มาประท้วงหน้ากองทัพบก เพื่อต่อต้านการแต่งตั้งนายทหารที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์สลายการชุมนุมว่า อยากถามว่ากลุ่มนี้เกี่ยวข้อง หรือเป็นคณะกรรมการปรับย้ายฯหรือไม่ ถ้าไม่ใช่ก็ไม่เกี่ยว ตนไม่ได้ฟังว่าเขาพูดอะไร แต่อย่าละเมิดคนอื่น ทำอะไรก็อย่าให้เดือดร้อน
ทั้งนี้ ไม่กังวลว่า การเมืองจะนำประเด็นนี้ไปสู่การแก้ไข พ.ร.บ.จัดระเบียบกระทรวงกลาโหม พ.ศ. 2551 และขอให้ไปดูความเป็นมาว่าทำไมต้องมีพ.ร.บ.ฉบับนี้ ขอให้เห็นใจ เพราะทหารมีภารกิจคนละอย่าง ถ้าเกิดสงครามขึ้นมาก็จำเป็นต้องสั่งกำลังพลไปรบ เหมือนสั่งเขาไปตาย จะตายหรือไม่ก็ไม่รู้ จะชนะหรือแพ้ก็ไม่รู้เช่นกัน ถ้าตั้งคนไม่ได้ หรือสั่งกันไม่ได้ จะทำอย่างไร และการจะมีพ.ร.บ.ฉบับนี้ออกมา ต้องมีเหตุผลและหลักการ ที่ผ่านมายังไม่เห็นอะไรเสียหาย
"การปรับย้ายครั้งนี้ยังไม่ได้ใช้ พ.ร.บ. มาทำอะไรเลย เพราะพูดจากันเองรู้เรื่อง สื่อเอาไปลงว่า ผมจะเอา พ.ร.บ.ไปสู้ ซึ่งผมไม่เคยสู้กับใคร เป็นเรื่องของแต่ละหน่วย แต่ละเหล่าทัพ ปรับขึ้นมา ส่งเข้าที่ประชุมไม่มีความขัดแย้งกัน พ.ร.บ.นี้ไม่ได้มีเอาไว้สู้กัน แต่มีไว้เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม ปกติเรามีอำนาจการบังคับบัญชา และให้เกียรติกันอยู่แล้ว เรามีผู้บังคับบัญชาสองระดับ คือผู้บังคับบัญชาโดยตรง และตามลำดับชั้น การจะปรับหรือแต่งตั้งอะไร ก็ตามต้องมีคุณธรรม และหลักธรรมาภิบาล อย่ามาใช้คำว่าแต่งตั้งทายาท ผมไม่มีทายาทกองทัพ ทายาทของผมมีสองคน คือลูกสาว เพราะกองทัพไม่ใช่ของผม และที่ตั้งใครมา ก็ตั้งด้วยความเหมาะสม และดูการทำงานตลอดระยะเวลาที่รับราชการ"
"ที่ไปวิจารณ์ว่าผมตั้งแต่เพื่อนเตรียมทหารรุ่น 12 เข้ามาจำนวนมากนั้น อยากเรียนว่าเขารับราชการมากว่า 30 ปีแล้ว จะไม่ให้เป็นใหญ่เป็นโตเลยหรือ และอีก 2 ปีก็จะเกษียณอายุราชการกันหมดแล้ว ซึ่งเขาก็เติบโตกันมาตามลำดับในแท่งของเขา ซึ่งมีทั้งหมด 16 -17 เหล่า ไม่ใช่มีเหล่าเดียวที่ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นคนตั้ง เขามีสายงานของเขา คำสั่งนี้ก็มีทุกรุ่น ไม่เฉพาะรุ่น 12 เพื่อนผมอย่างเดียว รุ่น 13, 14 ซึ่งเกษียณพร้อมกันหรือใกล้ๆ กัน" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว และว่า หากรัฐบาลเห็นว่ามีอะไรที่ไม่เหมาะสมขอให้บอก เพราะรับฟังอยู่แล้ว อย่าให้มาเป็นประเด็นโต้แย้งกัน เพราะไม่ใช่ประเด็นขัดแย้ง และ เราก็ไม่ได้ขัดแย้งกับรัฐบาล
**ยันไม่แก้ปัญหาด้วยการปฏิวัติ
เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ ถ้าไม่มี พ.ร.บ.ฉบับนี้ อาจเป็นช่องทางให้เด้งท่านออกจากตำแหน่งผบ.ทบ. พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า
"ถ้าผมไม่ทำประโยชน์ ก็ย้ายผมได้ แล้วผมทำประโยชน์หรือเปล่า ผมทำดีหรือไม่ ผมนำพากองทัพดีหรือไม่ กองทัพอ่อนแอหรือเปล่า ถ้าหากทำให้กองทัพอ่อนแอ ก็คงต้องโดนลงโทษ แต่ผมคิดว่ากองทัพก็ยังเข้มแข็งอยู่ในการทำงาน ทำหน้าที่ แต่ประเด็นก็คือ ปัญหาของประเทศมีมากจนแก้ไขยาก และก็จะยิ่งยากขึ้นไปเรื่อย ๆ ถ้าทุกคนช่วยกันสงบ และจะทำอย่างไรรวมน้ำใจกันเป็นหนึ่งเดียว รวมถึงแก้ไขปัญหาทีละปัญหาให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาภาคใต้ ชายแดน น้ำท่วม และใช้กลไกปกติในการแก้ไขปัญหาก็แก้ไขได้ แต่ถ้าทะเลาะเบาะแว้งกันไป ว่ากล่าวกัน ขัดแย้งกันไป ประท้วงกันไป ผลเสียก็ตกอยู่กับรัฐบาลทั้งสิ้น"
เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ว่าทหารจะถูกโจมตี จนทำให้เป็นแรงกดดัน และออกมาทำการปฏิวัติ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า แล้วใครจะทำปฏิวัติ อยากถามว่า ผบ.ทบ. มีกี่คน มีคนเดียวใช่ไหม กองทัพก็มีกองทัพเดียว แต่ถ้าคุมกำลังก็คือกองทัพบก เขาก็ทำงานกันไป ไม่เห็นจะมีใครมาตั้งหน้าตั้งตาปฏิวัติ นึกว่ามันง่ายนักหรือไง ปัญหาของประเทศมีอยู่มากก็ต้องช่วยกันแก้ไข ถ้ามัวแต่ขัดแย้งกัน แต่งตั้งกันไปแต่งตั้งกันมา ก็ไม่ต้องแก้อะไรหรอก ทะเลาะกันเสียก่อน ไม่เห็นเกิดประโยชน์เลย บ้านเมืองต้องไปข้างหน้า และเราก็พยายามอย่างดีที่สุด ผบ.ทบ.ก็ทำดีที่สุดแล้ว