xs
xsm
sm
md
lg

“กษิต”ถวายรายงาน ศาลเยอรมนีเลื่อนตัดสิน ทนายแม้วเอี่ยวยึดโบอิ้ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - "กษิต" ถวายรายงานความคืบหน้า ศาลเยอรมนีสั่งยึดทรัพย์สินรัฐบาลไทย ด้านทนายแม้วทวิตเตอร์ยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้นกับการยึดเครื่องบินโบอิ้ง 737 เรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องหลอกลวง ซัดคนปล่อยข่าวพวกพอใจกับการเมืองแบบคร่ำครึที่ครอบงำประเทศไทยมาได้ตั้งแต่ปี 2549 ขณะที่ศาลเยอรมนีเลื่อนตัดคดีอายัดเครื่องบินออกไปเป็นวันพุธ 20ก.ค.นี้ เปิดโอกาสสองฝ่ายชี้แจงข้อมูล

กระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยผ่านเว็ปไซต์ ระบุว่าเมื่อเช้าวันที่ 17 กรกฎาคม 2554 ที่ท่าอากาศยานแฟรงเฟิร์ต เยอรมนี นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้เข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เพื่อถวายรายงานเกี่ยวกับการดำเนินการทั้งทางด้านการทูตและทางด้านกฎหมายกรณีศาลเยอรมนีมีคำสั่งให้ยึดทรัพย์สินรัฐบาลไทย ซึ่งนำไปสู่การอายัดเครื่องบินพระที่นั่ง ซึ่งจอดอยู่ที่ท่าอากาศยานนครมิวนิค ตั้งแต่วันที่ 12 กรกฎาคม 2554 สาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้

1. เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2554 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้พบหารือกับรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเยอรมนี (นาง Cornelia Pieper) และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศเยอรมนี (นาย Werner Hoyer) ที่กรุงเบอร์ลิน ซึ่งรัฐมนตรีฯ ได้แสดงความกังวลอย่างยิ่งและย้ำถึงความละเอียดอ่อนของการดำเนินการของฝ่ายเยอรมนีในเรื่องนี้ ซึ่งถือว่าเป็นความผิดพลาดอย่างร้ายแรงที่มีการอายัดเครื่องบินลำดังกล่าวซึ่งเป็นเครื่องบินส่วนพระองค์ มิใช่ทรัพย์สินของรัฐบาลไทย จึงจำเป็นที่ทั้งสองฝ่ายต้องร่วมกันหาทางแก้ไขโดยทันที โดยพิจารณาถึงประเด็นความสำคัญทางการเมืองและกฎหมายควบคู่กัน ซึ่งทางฝ่ายเยอรมนีรับทราบข้อห่วงกังวลของไทยและเห็นพ้องว่าไม่ควรให้เรื่องดังกล่าวส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ที่ดีของสองประเทศ พร้อมทั้งแสดงความเสียใจที่เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเหตุให้ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท

2. สำหรับการดำเนินงานด้านกฎหมายนั้น คณะทำงานด้านกฎหมายของไทยนำโดยอัยการสูงสุดพร้อมด้วยอธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมายและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้เตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่ โดยจะนำเสนอข้อมูลหลักฐานเพิ่มเติมตามที่ศาลร้องขอ ทั้งที่เป็นลายลักษณ์อักษรและรูปถ่าย พร้อมทั้งชี้ให้เห็นถึงความไม่ถูกต้องของหลักฐานของทนายความของบริษัท Walter Bau และจะมีการเบิกความต่อศาลโดยอธิบดีกรมการบินพลเรือน ในวันจันทร์ที่ 18 กรกฎาคม 2554 นี้

***“ทนายแม้ว” ยันไม่เกี่ยวอายัดโบอิ้ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 17 ก.ค.เวลาประมาณ 19.30 น. หลังมีข้อความเผยแพร่ผ่านทางทวิตเตอร์จาก @vihok (มีผู้ follow 9,788 ราย) ระบุว่า “ผงะ!!! ทนายที่ยึดเครื่อง 737 ของพระบรมฯ คือ อัมสเตอร์ดัม (นายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม) ทนายของทักษิณ... จริงอ่ะ โอ๊ะ!!”

ต่อมาจากทวิตเตอร์ @robertamsterdam ระบุชื่อว่า Robert Amsterdam ได้ชี้แจงกรณีข่าวที่พาดพิงถึงนายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ทนายความของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่เกี่ยวข้องกับการที่เยอรมันอายัดเครื่องบินโบอิ้ง 737 โดยมีเนื้อความตอบโต้ว่า “ผมขอพูดชัดเจนเลยว่าผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้นกับการยึดเครื่องบินโบอิ้ง 737 ของสมเด็จพระบรมฯ เรื่องทั้งหมดถูกแต่งขึ้นและเป็นเรื่องหลอกลวง” พร้อมกับขยายความอธิบายผ่านเว็บไซต์ http://robertamsterdam.com/thai/?p=833 ดังนี้

อัมสเตอร์ดัม : ผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการยึดเครื่องบินโบอิ้ง 737 ในอาทิตย์นี้ตั้งแต่เครื่องบินโบอิ้ง 737 ของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ถูกเจ้าหน้าที่ทางการเยอรมันยึด ได้มีข่าวลือหลายเรื่องที่พยายามเอาผมเข้าไปเกี่ยวข้องโดยตรงกับเรื่องนี้ โดยมีการอ้างว่าผมมีบทบาทเกี่ยวกับการที่เครื่องบินลำดังกล่าวถูกยึด

ผมขอกล่าวอย่างชัดเจนเลยว่า ข้อกล่าวหาจอมปลอมดังกล่าวเป็นเรื่องไร้สาระ และไม่มีมูลความจริงใดๆ ทั้งสิ้น กลุ่มคนที่ปล่อยข่าวลือดังกล่าว คือเพียงผลผลิตของคนที่มีจินตนาการเกินจริงและดูเหมือนว่าจะไม่สามารถตัดขาด จาก “การเมืองแบบคร่ำครึ” ที่ครอบงำประเทศไทยมาได้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2549 ได้ บุคคลเหล่านี้คือกลุ่มที่รู้สึกอบอุ่นใจกับการปกครองแบบสั่งการจากบนลงล่าง ซึ่งขัดกับเจตจำนงทางประชาธิปไตยของปวงชน และเป็นกลุ่มเดียวกับคนที่เคยชินกับความมืดมิดสกปรกโสมมของการเมืองไทย และเลือกที่จะเชื่อเรื่องโกหกหลอกลวงและไม่มีมูลเพื่อใช้ป้ายสีและให้ร้าย ฝ่ายตรงข้ามมากกว่าที่จะเชื่อความจริงที่มีหลักฐานยืนยัน”

และเป็นภาษาอังกฤษผ่านเว็บไซต์ http://www.go6tv.com/2011/07/robert-amsterdam-statement-in-response.html

***ศาลเลื่อนตัดสินคดีเป็นวันพุธนี้

นายคริสตอฟ เฟลล์เนอร์ รองประธานศาลแขวงแลนด์ชัต เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี เปิดเผยว่าจะยังไม่ตัดสินคดีอายัดเครื่องบินโบอิ้ง 737 ส่วนพระองค์ หลังจากจากบริษัทวอลเตอร์ บาว ได้ร้องขอให้อายัดเครื่องบินลำดังกล่าว เพราะเข้าใจว่าเป็นเครื่องบินของรัฐบาลไทย

โดยจะตัดสินภายในวันพุธที่ 20 ก.ค.นี้เวลาประมาณ 05.00น.ตามเวลาประเทศไทย ทั้งนี้เพื่อให้คู่กรณีทั้งสองฝ่ายมีโอกาสชี้แจงคือฝ่ายของบริษัทวอลเตอร์บาวและฝ่ายรัฐบาลไทย

***"กษิต" เตรียมบิน มิวนิกถอนอายัด

นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีศาลเยอรมนีสั่งอายัดเครื่องบินโบอิง 737 ของไทย ว่า ล่าสุดเช้าวันที่18 ก.ค. คณะฝ่ายไทยได้ยื่นเอกสารเพิ่มเติมตามที่ศาลเยอรมนีต้องการให้แล้ว ส่วนศาลจะมีคำวินิฉัย หรือนัดวันพิจารณาใหม่นั้น ขณะนี้รอความชัดเจนอยู่ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสร็จภารกิจจากกรุงเฮก ประเทศเนเธอแลนด์แล้ว ตนจะเดินทางไปนครมิวนิก ในวันที่ 19 ก.ค.นี้ เพื่อติดตามเรื่องทันที

นอกจากนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้มีหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีของเยอรมนีแล้ว หลังจากที่ตนได้ติดต่อในหลายระดับในช่วงที่ผ่านมา

** ”ดอนเมืองโทลล์เวย์” ยืนยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง

นาย ธานนิทร์ พานิชชีวะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) กล่าวชี้แจง กรณีข่าวเมื่อวันที่ 18ก.ค. ที่บริษัทถูกกล่าวหาว่าอยู่เบื้องหลังและร่วมฉ้อฉล หลวงลวงรัฐบาลว่า เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง บริษัทได้ดำเนินการตามสัญญาในข้อ 6 ตั้งแต่ 3 ปีเศษที่ผ่านมาเรียบร้อยแล้ว โดยได้ถอนและยกเลิกการฟ้องร้องคดีข้อพิพาทต่อกรมทางหลวงทั้งหมดแล้วตั้งแต่ปี 2550

นอกจากนี้ ในส่วนเอกสารลับที่มีการกล่าวถึง บริษัทเข้าใจว่าภาครัฐมีเอกสารในเรื่องนี้ทั้งหมดแล้ว และก็ไม่มีเงื่อนไขที่ระบว่า หากWalter Bau ชนะคดีต่ออนุญาโตตุลาการที่เป็นตัวแทนรัฐบาลไทยแล้ว ผลประโยชน์ที่ได้จากคดีจะแบ่งกันคนละครึ่งกับบริษัท และยืนยันว่าไม่มีการจ่ายเงินค่าทนายเดือนละ 1.5 หมื่นยูโร เพื่อให้ดำเนินคดีกับรัฐบาลไทยแต่อย่างใด

“ข้อมูลที่บริษัทถูกกล่าวหานั้นไม่ถูกต้อง ที่ผ่านมาบริษัทยินด้ให้ทุกฝ่ายตรวจสอบ และให้ความร่วมมือกับภาครัฐมาโดยตลอด ซึ่งคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (ป.ป.ช.) ได้ตรวจสอบข้อมูลด้านเดียว และยังไม่เคยให้โอกาสบริษัทเข้าไปชี้แจงข้อเท็จจริง แต่อย่างใด”

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลที่มไถุกต้องครั้งนี้ ทำให้บริษัทเสื่อมเสียชื่อเสียงต่อสาธารณชนทั้งประเทศ จึงใคร่ขอให้ผู้รับผิดชอบทั้งหมดตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ได้ปรากฏต่อสาธารณชนโดยเร็ว เพื่อให้เกิดความเป็ฯธรรมต่อบริษัท

พร้อมยืนยันว่า การดำเนินการของWalter Bau ซึ่งเป็นนิติบุคคลสัญชาติเยอรมนี ได้ใช้สิทธิ์ส่วนตัวในฐานะชาวเยอรมนี โดยอ้างสิทิตามสนธิสัญญาคุ้มครองนักลงทุน ในการฟ้องร้องรัฐบาลไทย ไม่ได้เกี่ยวข้องกับบริษัทแต่อย่างใด และบริษัทก็ไม่เห็นด้วยกับการดำเนินการเช่นนี้ เพราะพระราชพาหนะเป็นสิ่งอันสูงส่งและเป็นที่เคารพของปวงชนชาวไทยทั้งประเทศ ซึ่งการดำเนินการของ Walter Bau ได้ส่งผลกระทบต่อจิตใจของคนไทยเป็นอย่างยิ่ง และอาจทำให้ความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างทางธุรกิจระหว่างประเทศไทยและเยอรมนี ได้รับผลกระทบในระยะยาว
กำลังโหลดความคิดเห็น