xs
xsm
sm
md
lg

ปชป.แฉอสส. เด็กเหลิม ระบอบทักษิณคืนชีพ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - ปชป.ปัดขู่ อสส. ยันตรวจสอบ ตามหน้าที่ฝ่ายค้าน ตอกกลับเพื่อไทยอ้างถอดถอนเข้าข่ายขัดขวางทำหน้าที่ ส.ส. แนะจับตากระบวนการยุติธรรมเด้งรับ “ระบอบทักษิณ” หลังคดีกฤษดานคร-ซีทีเอ็กซ์9000 ถูกทำหมัน แฉ “จุลสิงห์” อดีตเด็กหน้าห้องเหลิม “อานันท์” ชี้สังคมไทยงมงายการเมืองเก่า เสนอยุบกฤษฎีกา

วานนี้ (2 ต.ค) นายสกลธี ภัททิยกุล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวปฏิเสธถึงการกดดันอัยการสูงสุดตามที่พรรคเพื่อไทยกล่าวหา โดยระบุว่า พรรคประชาธิปัตย์ทราบดีถึงเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญมาตรา255 ที่ให้อิสระอัยการในการพิจารณาสั่งคดีแปละปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเที่ยงธรรม แต่ก็ต้องพิจารณาควบคู่กันไปด้วยว่าในการทำงานของอัยการนั้นเป็นไปตามหลักนิติธรรมหรือไม่ อีกทั้งในกรณีดังกล่าวยังได้สร้างความกังขาแก่สังคมเพราะเป็นคดีที่การพิจารณาได้เกิดความเห็นที่แตกต่างกันระหว่างศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ดังนั้นศาลฎีกาก็ควรจะมีการพิจารณาชี้ขาดเพื่อให้เกิดเป็นบรรทัดฐาน ทั้งนี้ยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้กดดันแต่อย่างใด แต่เป็นการทำหน้าที่ของฝ่ายค้านที่จะตรวจสอบการทำงานขององค์กรตามรัฐธรรมนูญว่ามีการทำหน้าที่เพื่อช่วยเหลือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือไม่

ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทยระบุว่าจะถอดถอน ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่ลงชื่อถอดถอนอัยการสูงสุด โดยมีการอ้างรัฐธรรมนูญมาตรา270-271นั้น นายสกลธี กล่าวว่า เป็นสิทธิ์ที่พรรคเพื่อไทยจะทำได้ แต่ก็ต้องตั้งคำถามกลับไปว่าพฤติกรรมดังกล่าวเข้าข่ายข่มขู่ และขัดขวางการทำหน้าที่ของส.ส.ที่เป็นตัวแทนของประชาชนหรือไม่ ทั้งนี้ต้องไม่ลืมว่ากรณีดังกล่าวเป็นคดีที่มีการหลบเลี่ยงภาษีในจำนวนเงิน 273ล้านบาท ซึ่งเมื่อรวมค่าธรรมเนียมจะสูงถึงประมาณ500ล้านบาท ซึ่งถ้าไม่มีการสร้างบรรทัดฐานในเรื่องนี้แล้วอาจจะทำให้สังคมเสียหายได้ในอนาคต อย่างไรก็ตามทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กำลังรอคำชี้แจงของอัยการ โดยในวันที่5ต.ค.นี้ทราบว่านายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ อัยการสูงสุด จะไปชี้แจงต่อกรรมาธิการฯ วุฒิสภา ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์จะร่วมรับฟังและขอเอกสารก่อนนำไปสู่การถอดถอนอัยการตามรัฐธรรมนูญมาตรา270-271ต่อไป

นายสกลธี กล่าวว่า นอกจากนี้ยังทราบข่าวจากสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่าในกรณีการตรวจสอบการทุจริตการจัดซื้อเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดซีทีเอ็กซ์ 9000 และกรณีที่ธนาคารกรุงไทยมีการปล่อยเงินกู้ให้กับบริษัท กฤษดามหานคร ซึ่งมีการพิจารณาคดีในเวลาที่ไล่เลี่ยกับคดีการเลี่ยงภาษีหุ้นชินคอร์ปฯนั้น สำนักงานอัยการสูงสุดก็ไม่ได้มีคำสั่งฟ้องร้องเช่นเดียวกัน ดังนั้นจึงต้องจับตาการทำงานของอัยการสูงสุด เพราะขณะนี้ประชาชนเริ่มไม่แน่ใจว่าจะมีกระบวนการทำงานที่เป็นอิสระหรือไม่

นายราเมศ รัตนะเชวง ทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การตรวจสอบของพรรคยึดถือกระบวนการกฎหมายตามที่รัฐธรรมนูญระบุไว้ทุกประการ และในกรณีคำสั่งของอัยการสูงสุดไม่ว่าจะเป็นคดีปกติ เล็กๆน้อยๆหรือระดับชาติอำนาจดุลพินิจอัยการ อำนาจดุลพินิจของพนักงานอัยการถือว่าเป็นอำนาจที่สามารถที่จะตรวจสอบถ่วงดุลได้ ซึ่งก็มีกรณีตัวอย่างที่เกิดขึ้นแล้ว ตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่3905/2549 ที่ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นโจทก์ยื่นฟ้องอัยการผู้เชี่ยวชาญสำนักงานคดีอาญาเป็นจำเลย ซึ่งศาลฎีกาก็ได้ตัดสิน และเป็นหลักฐานยืนยันว่าอำนาจของอัยการสามารถตรวจสอบได้ ถ่วงดุลกัน ยิ่งเป็นคดีหลีกเลี่ยงภาษีซึ่งเป็นเรื่องของผลประโยชน์สาธารณะย่อมทำได้เช่นเดียวกัน

ความอิสระของพนักงานอัยการที่จะวินิจฉัยคดีนั้นไร้ขอบเขต แต่ทั้งนี้ก็ต้องยึดตามกฎหมาย ความสมเหตุสมผล เพื่อให้สังคมยอมรับได้ ไม่ใช่การใช้ดุลยพินิจตามอำเภอใจ”นายราเมศกล่าว

**แฉ“จุลสิงห์”อดีตเด็กหน้าห้องเหลิม

นายวัชระ เพชรทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ กล่าวถึงกรณีที่นายจุลสิงห์ วสันต์สิงห์ อัยการสูงสุด ไม่ฎีกาคดีโกงภาษีของภริยาอดีตผู้นำประเทศว่า เป็นการใช้ดุลพินิจอย่างไม่ชอบธรรมละไม่เป็นธรรมต่อแผ่นดิน ซึ่งปกติคดีที่ประเทศชาติเสียหายเพราะเป็นการโกงภาษี อัยการจะฎีกาทุกคดี การที่ไม่ฎีกาถือว่าเป็นเรื่องที่น่าสงสัยมาก ทราบมาว่านายจุลสิงห์เคยเป็นเด็กชงกาแฟหน้าห้องร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง สมัยเป็นรมต.ประจำสำนักนายกฯในรัฐบาลพล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ และเคยเป็นผู้ที่สั่งไม่ฟ้องในคดีปลอมใบ สด.43 ของบุตรชาย ร.ต.อ.เฉลิม

***“อานันท์” เสนอยุบกฤษฎีกา

ด้านนายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวปัจฉิมกถาตอนหนึ่งในงานหาทุนสร้าง “อนุสาวรีย์วีรชนพฤษภา 2535” ที่มูลนิธิพฤษภาประชาธรรมจัดขึ้นว่า ปัจจุบันสังคมไทยยังคงงมงายกับปัญหาเก่า เช่น การแก้ไขรัฐธรรมนูญ การรัฐประหารจะเกิดหรือไม่ การเลือกตั้ง พรรคการเมือง นักการเมือง ซึ่งเป็นเพียงกลไกการเมืองไม่ใช่สาระสำคัญที่จะไปสู่ความก้าวหน้าของอนาคต ส่วนปัญหาใหญ่ในสังคมไทยตามมุมมองของตนคือ การรวบอำนาจศาล, บริหาร และนิติบัญญัติ แบบเบ็ดเสร็จไว้ที่บุคคลเพียงคนเดียวและกลุ่มคนเล็กๆ กลุ่มเดียว นอกจากนั้นแล้วคนในสังคมไทยไม่มีจิตใจเป็นสาธารณะ คิดแต่รวมกลุ่มเพื่อต่อต้านมากกว่าการเรียกร้องในลักษณะเชิงบวก

“กระบวนการที่ต่อสู้เพื่อความเป็นประชาธิปไตย ไม่ใช่ต่อสู้เรื่องเลือกตั้ง การโกงกิน หรือการใช้อำนาจที่ไม่ถูกต้องในการเลือกตั้ง แต่ต้องหาวิธีต่อสู้เพื่อไม่ให้มีการรวบอำนาจ โดยไม่อาศัยกองกำลัง หรือกองทัพ” นายอานันท์ กล่าว

สำหรับกระบวนการยุติธรรมที่ผ่านมา ตนมองว่ายังด้อยพัฒนา โดยเฉพาะตัวกฎหมาย การบังคับใช้กฎหมาย และบุคลากรในกระบวนการยุติธรรม รวมถึงสถาบันการศึกษาที่สอนเรื่องกระบวนการยุติธรรมยังด้อยพัฒนา ความเห็นส่วนตัวมองว่าต้องยุบสำนักงานกฤษฎีกาเพราะในการบริหารราชการแผ่นดินไม่ใช่การบริหารด้วยกฎหมาย อีกทั้งบุคคลที่นั่งเป็นกรรมการกฤษฎีกาเป็นผู้ที่มีอายุ 70-80 ปี ซึ่งแก่ไปแล้ว นอกจากนั้น มองว่าตราบใดที่คิดว่าจะให้กระบวนการยุติรรมเกิด ต้องเข้าถึงธรรมและความชอบธรรม ไม่ใช่ยุติด้วยการทำ ที่ผ่านมาไม่มีทางออกที่ไหน การรัฐประหารก็ใช้ไม่ได้อีกต่อไป รัฐประหารมากี่ครั้งไม่ได้พิสูจน์อะไรเลย นอกจากทหารที่บริหารงานไม่เป็น สิ่งเหล่านี้จำเป็นต้องศึกษาในรายละเอียด.
กำลังโหลดความคิดเห็น