ASTVผู้จัดการรายวัน - ปชป. ยื่นผู้ตรวจการฯ สอบจริยธรรม “ยิ่งลักษณ์” ซัดนโยบายบ้านหลังแรกเอื้อประโยชน์บมจ.เอสซี แอสเสทฯ ด้าน “ปู”แจงไม่ได้เอื้อผู้ประกอบการ แต่เอื้อประโยชน์ผู้บริโภค อ้างไม่ขอพูดเรื่องนี้อีกแล้ว “เฉลิม”ยันบ้านหลังแรกไม่กระทบรัฐบาลแน่ ขณะที่ ส.ส.กทม.เพื่อไทยจี้ ลดราคาบ้านเหลือ 5 แสนบาท พร้อมหนุน“บ้านเอื้ออาทร”เข้าร่วมนโยบาย ผู้บริหาร SCแจงต่ำกว่า 5 ล้านมีเพียง10%
วานนี้ ( 29 ก.ย.) นายวิรัตน์ กัลยาศิริ และนายบุญยอด สุขถิ่นไทย คณะทำงานด้านกฎหมายของพรรคประชาธิปัตย์ ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ผ่านนายเฉลิมศักดิ์ จันทรทิม เลขาธิการสำนักงานขอให้ตรวจสอบจริยธรรมผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กรณีนโยบายโครงการบ้านหลังแรกของรัฐบาลมีผลประโยชน์ทับซ้อนกับบริษัทเอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทของครอบครัวตระกูลชินวัตร
นายวิรัตน์ กล่าวว่า คณะทำงานด้านกฎหมายของพรรคประชาธิปัตย์เห็นว่าการที่รัฐบาลมีนโยบายลดการจัดเก็บภาษีให้กับประชาชนที่ซื้อบ้านหลังแรกโดยกำหนดเพดานราคาบ้านที่มีสิทธิเข้าร่วมโครงการที่ราคาไม่เกิน 5 ล้านบาทนั้นเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทเอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งถือกรณีมีผลประโยชน์ทับซ้อนที่มีสภาพร้ายแรงขัดต่อรัฐธรรมนูญ และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยจริยธรรมข้าราชการการเมือง พ.ศ. 2551 สมควรที่ผู้ตรวจการแผ่นดินต้องดำเนินการตรวจสอบ และส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) พิจารณาดำเนินการเพื่อนำไปสู่การถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ออกจากตำแหน่งตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 279
“เดิมรัฐบาลกำหนดเพดานราคาบ้านที่จะได้รับการลดหย่อนการเก็บภาษีว่ามีราคาหลังละไม่เกิน 3ล้านบาท แต่ต่อมาได้ปรับเป็น 5ล้านบาท ซึ่งผู้ที่จะซื้อบ้านราคาหลังละ 5ล้านบาทได้นั้นต้องมีรายได้ต่อเดือนไม่ต่ำกว่า 1 แสนบาท โดยกรณีดังกล่าวนี้ บริษัทเอสซี แอสเสทฯ ได้มีการโฆษณาเชิญชวนให้ประชาชนไปซื้อบ้านของบริษัทฯ เพื่อรับโปรโมชั่นลดหย่อนภาษีบ้านหลังแรกตามนโยบายของรัฐบาล แต่น.ส.ยิ่งลักษณ์กลับบอกว่าไม่รู้ว่าบริษัทฯ มีนโยบายดังกล่าวและไม่รู้ว่าราคาบ้านของบริษัทฯนั้นเข้าข่ายได้รับการลดหย่อนภาษี ทั้งที่ตามข้อเท็จจริงน.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นประธานกรรมการบริษัทฯมาก่อนปีพ.ศ.2550 ดังนั้นโดยพยานหลักฐานจึงเชื่อได้ว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์รู้เห็นกับนโยบายที่จะเอื้อประโยชน์ต่อบริษัทและถือว่าเป็นกรณีผลประโยชน์ทับซ้อนร้ายแรงขัดต่อประมวลจริยธรรมผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอย่างชัดเจน ถ้าเราปล่อยเรื่องนี้ผ่านไป อนาคตก็จะมีการซุกนั้นซุกนี้โดยไม่หวั่นเกรงกฎหมาย จึงหวังว่าผู้ตรวจการฯจะดำเนินการเรื่องดังกล่าวให้สมกับเจตนารมณ์ที่กฎหมายบัญญัติไว้โดยเร็ว” นายวิรัตน์ กล่าว
เมื่อถามว่า ในการประชุมครม.เมื่อวันที่ 27 ก.ย. ที่ผ่านมาได้มีการปรับรายละเอียดของโครงการบ้านหลังแรก โดยให้ประชาชนที่ซื้อบ้านในราคาไม่เกิน 1ล้านบาทได้รับการลดหย่อนภาษี จะทำให้ประเด็นการเอื้อประโยชน์ต่องบริษัทเอสซี แอสเสทฯตกไปหรือไม่ นายวิรัตน์ กล่าวว่าตนเชื่อว่าเป็นการกระทำภายใต้ความกังวลกับกรณีผลประโยชน์ทับซ้อน หากป.ป.ช.ดำเนินการไต่สวนแล้วพบว่ามีมูลก็ต้องถูกถอนถอนออกจากตำแหน่ง จึงพยายามที่จะกลบเกลื่อนเรื่องดังกล่าวให้ดูดี
ด้านนายบุญยอด กล่าวว่า การที่รัฐบาลลดทอนเพดานราคาบ้านลงมาคนที่ได้ประโยชน์จากการลดหย่อนภาษีต้องเป็นบุคคลที่มีรายได้ต่อเดือนประมาณ 3หมื่นบาท เพราะประชาชนที่มีรายได้น้อยก็ไม่ได้เป็นผู้ทีมีหน้าที่เสียภาษีอยู่แล้ว เมื่อไม่ได้เสียภาษีก็ไม่ได้รับการลดหย่อน ดังนั้นวิธีการของรัฐบาลในตอนหลังจึงไม่ได้อธิบายในเรื่องของผลประโยชน์ทับซ้อน โครงการดังกล่าวของรัฐจึงไม่ได้เป็นการตอบโจทย์ให้กับผู้มีรายได้น้อย แต่เป็นการตอบโจทย์ให้กับผู้ประกอบการมากกว่า
ขณะที่นายเฉลิมศักดิ์ กล่าวว่า ในส่วนของสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินจะดำเนินการเร่งสรุปเรื่องร้องเรียนดังกล่าว เพื่อเสนอต่อผู้ตรวจการแผ่นดินให้พิจารณาภายใน 1-2วันนี้ แต่ทั้งนี้ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยจริยธรรมข้าราชการการเมือง พ.ศ. 2551 มีขั้นตอนในการดำเนินการ ซึ่งต้องใช้ระยะเวลา อีกทั้งกรณีดังกล่าวไม่เคยมีตัวอย่างการดำเนินการมาก่อน อย่างไรก็ตามทางสำนักงานฯจะพยายามเร่งรัด เนื่องจากเป็นเรื่องที่ประชาชนสนใจ
**ปูแจงบ้านหลังแรกไม่ได้เอื้อเอสซี
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องเรียนต่อพี่น้องประชาชนอยู่แล้ว นโยบายนี้เป็นนโยบายที่เราตั้งใจที่จะคืนภาษีให้กับพี่น้องประชาชน ถ้าไปดูจากนโยบายเองก็จะเห็นว่าสุดท้ายประโยชน์ที่ได้รับอยู่ที่ตัวผู้ซื้อ
“ และเรายังไม่มีนโยบายอะไรที่เอื้อกับผู้ประกอบการ และในส่วนของเอสซีแอสเสทเองก็ถ้าถามว่า จากจำนวนประโยชน์ที่ได้รับก็จะเห็นว่ามีน้อยมาก และไม่ได้ตรงกับกลุ่มของเอสซีแอสเสทเลยทีเดียว”นายกฯ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าแต่ฝ่ายพยายามที่จะนำมาเชื่อมโยงว่าเอื้อประโยชน์ให้กัน น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า "ก็เข้าใจคงไม่ขอจะวิจารณ์แล้ว เพราะว่าในรายละเอียดก็เชื่อว่าถ้าคนที่ดูในข้อเท็จจริงก็น่าจะเห็น"
**เหลิมชี้บ้านหลังแรกไม่กระทบรบ.
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของนายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รมว.คลัง ที่จะเป็นผู้ชี้แจง แต่ยืนยันว่าอะไรที่ผิดกฎหมายรัฐบาลจะไม่ทำ ส่วนที่ฝ่ายค้านจะไปยื่นฟ้องน.ส.ยิ่งลักษณ์ ในความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบนั้นก็เป็นสิทธิที่ฝ่ายค้านจะทำได้ เพียงแต่คิดว่า การยื่นฟ้องในความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบนั้นเป็นเรื่องที่ไกลไป เพราะผู้ที่จะมีความในประเด็นนี้จะต้องเป็นพนักงาน และมีความเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ในเรื่องนั้น หากฝ่ายค้านไปยื่นฟ้องแล้วก็ต้องขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาลที่จะทำหน้าที่ในการพิจารณา และมั่นใจว่าเรื่องดังกล่าวจะไม่กระทบต่อเสถียรภาพรัฐบาล
**ปูชิ่งขอตอบกระทู้สดสัปดาห์หน้า
อีกด้าน การประชุมสภาผู้แทนราษฎร วานนี้เวลา 10.00 น. มี นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม โดยมีวาระการพิจารณาวาระกระทู้ถามสดถามสดนายกรัฐมนตรี เรื่องการบริหารราชการแผ่นดินโดยขาดจริยธรรมและมีลักษณะเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ ซึ่ง นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ เป็นผู้ตั้งคำถาม
ทั้งนี้ ก่อนการพิจารณาประธาน ได้แจ้งว่า นายกรัฐมนตรีติดภารกิจประชุมแก้ปัญหาน้ำท่วมไม่สามารถมาตอบกระทู้ได้ จึงมอบหมายให้ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เป็นผู้ตอบกระทู้ถามสดแทน และ นายบุญทรง มีหนังสือแจ้งว่าติดภารกิจน้ำท่วมเช่นกันจึงขอเลื่อนไปสัปดาห์หน้า
ด้าน นายนิพิฎฐ์ ระบุว่า ไม่ติดใจหากจะเลื่อนไปพิจารณาสัปดาห์หน้า แต่เห็นว่ากระทู้ถามดังกล่าวนั้นไม่สามารถให้ผู้อื่นตอบแทนได้ เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งนายกรัฐมนตรีจะต้องเป็นผู้ตอบกระทู้ถามเอง
**พท.จี้ดันเอิ้ออาทรร่วมบ้านหลังแรก
ที่รัฐสภา นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย ได้หยิกยกเรื่องค่าโอนกรรมสิทธิ์ของบ้านเอื้ออาทร ของบ้านราคาไม่เกิน 500,000 บาทว่ามีราคาสูงเกินไป ที่ประชุมเห็นว่าควรปรับลดค่าธรรมเนียมการโอนสิทธิการเช่าอาคารชุดจากเดิม 15,000 บาท ควรปรับลดลงไม่เกิน 5,000 บาทต่อการเปลี่ยนสิทธิ์การเช่า เพราะสร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้ช่าพักอาศัยอยู่ในอาคารชุดของการเคหะ 140 แห่งทั่วประเทศ ทั้งนี้ ส.ส.กทม.จะมีการส่งหนังสือในเรื่องดังล่าวไปยังนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มหาดไทย การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และการเคหะแห่งชาติ เพื่อให้ช่วยลดหย่อนค่าธรรมเนียมจดทะเบียนกรรมสิทธิ์ให้แก่ประชาชน
นายวิชาญ กล่าวต่อว่า ยังมีชาวบ้านที่อาศัยอยู่บ้านเอื้ออาทร ร้องขอให้รัฐบาลขยายฐานการลดภาษีสำหรับบ้านหลังแรกให้ลดลงไปจนถึงระดับไม่เกิน 500,000 บาท เพื่อที่คนจนจะได้รับประโยชน์จากการละเว้นภาษี 0 เปอร์เซ็นต์ เป็นระยะเวลา 5 ปีเช่นกัน
**มาร์คเตือนรัฐระวังเดินหน้าประชานิยม
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ ออกมายืนยันว่าถ้าดำเนินการในเรื่องของประชานิยม จะเป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจว่า การใช้จ่ายเงินอย่างไรก็มีส่วนในการกระตุ้นเศรษฐกิจแต่คำถามคือว่าการใช้จ่ายที่กระตุ้นเศรษฐกิจ และเศรษฐกิจยั่งยืนสมดุลจะทำอย่างไร เพราะนั่นไม่ได้หมายความว่าจะทำนโยบายอะไรก็ได้
ส่วนหากให้จัดลำดับความสำคัญและหากมีอำนาจตัดสินใจคิดว่านโยบายอะไรของรัฐบาลที่มองว่าเป็นว่าเป็นส่วนเกินที่ควรตัดออก นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนได้ย้ำไปว่านโยบายการเอาเงิน 3 หมื่นกว่าล้าน มาสนับสนุนให้คนจำนวนหนึ่งเท่านั้นเองซื้อรถคันแรก เทียบกับการเอาเงินตรงนี้ไปลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน หรือแม้แต่โครงการรถไฟฟ้าที่รัฐบาลจะไปกู้เงินประมาณ 3 หมื่นล้าน สามารถสร้างเส้นทางได้ทั้งเส้นทาง การลงทุนอย่างนี้จะยั่งยืนมากกว่าและเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ
**ชินวัตร ต่อยอดธุรกิจอสังหาฯ
แหล่งข่าวในวงการอสังหาริมทรัพย์กล่าวว่า ขณะนี้ เริ่มมีความเคลื่อนไหวของกลุ่มตระกูลชินวัตร ในการเข้ามามีบทบาทในตลาดอสังหาฯมากขึ้น ภายหลังจากก่อนหน้านี้ ธุรกรรมต่างๆ ของบริษัทในเครือ ได้ถูกอายัดทรัพย์สิน มีการตรวจสอบบัญชีในบริษัทต่างๆ อย่างหนัก เนื่องจากอาจมีส่วนเกี่ยวโยงในการสนับสนุนการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง จนนำไปสู่เหตุการณ์เผาบ้านเผาเมืองในเดือน พ.ค.ปีที่ผ่านมา
แต่ขณะนี้ บริษัทอสังหาฯ ของตระกูลชินวัตร คือ บริษัท เวิร์ธซัพพลายส์ จำกัด ทะเบียนบริษัทเลขที่ 0105530000273 ซึ่งประกอบธุรกิจอสังหาฯให้เช่าและดำเนินการทางธุรกิจมีผู้ถือหุ้นเป็นคนในครอบครัวชินวัตรเริ่มที่จะขยับการลงทุนอีกครั้ง ล่าสุดบริษัท เวิร์ธซัพพลายส์ฯได้ฤกษ์ลงทุนและเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมแห่งแรก ภายใต้ชื่อโครงการ "เรนด์คอนโดฯ" สุขุมวิท 23 พื้นที่โครงการ 0-2-50 ไร่ ตรงกันข้ามกับอาคารชินวัตรไหมไทย ในรูปแบบคอนโดฯโลว์ไรส์ จำนวน 50 ยูนิต รูปแบบ 1 ห้องนอน 35.04-45.17 ตารางเมตร (ตร.ม.) และแบบ 2 ห้องนอน 74.33-79.46 ตร.ม.ราคาเริ่มต้น 3.8 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 1.2 แสนบาทต่อตร.ม. และเปิดพรีเซลเมื่อวันเสาร์-อาทิตย์ที่ 30-31 ก.ค.ที่ผ่านมาปรากฏว่า สามารถปิดการจองได้ทั้งหมดทั้งนี้ทางโครงการได้วางเงื่อนไขการจอง 30,000 บาท วันทำสัญญา (หลังจากเปิดขายโครงการไปอีก 10 วัน) อีก 1 แสนบาท และผ่อน 14 งวด รวมเป็น 10% ของราคาซื้อขาย ซึ่งที่ดินไม่มีภาระผูกพันกับสถาบันการเงิน ใบอนุญาตก่อสร้างอยู่ระหว่างการขออนุญาตจะเริ่มก่อสร้างทันทีเมื่อได้รับใบอนุญาตก่อสร้างจากหน่วยงานราชการ และตามแผนงานจะเริ่มทำการก่อสร้างต้นปี 2555 คาดว่าจะแล้วเสร็จต้นปี 56 และดำเนินการโอนภายใน 30 วัน "โครงการเรนด์ คอนโดฯ เป็นโครงการแรกของที่อยู่อาศัย ส่วนโครงการใหม่ที่จะเกิดขึ้น ยังไม่มี" พนักงานรายหนึ่งตอบ
ทั้งนี้ บริษัท เวิร์ธซัพพลายส์ จำกัด ก่อตั้งวันที่ 2 มกราคม 2530 โดยมีทุนจดทะเบียน 4,600 ล้านบาท มีทุนชำระแล้วสูงถึง 3,600 ล้านบาท (บริษัท เอสซีแอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) มีทุนจดทะเบียน 3,500 ล้านบาท ทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 3,275.06 ล้านบาท) ผู้ถือหุ้นบริษัทฯ ณ เดือน เม.ย.53 นางสาวพินทองทา 51.2% นายพานทองแท้ชินวัตร 43.4% นางสาวแพทองธารชินวัตร 3% คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ 2.1% มีสินทรัพย์กว่า 3,600 ล้านบาท
บริษัท เวิร์ธซัพพลายส์ฯ มีนายชานนท์ สุวสิน (คนสนิทของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร) และนางกาญจนาภา หงษ์เหิน (เลขานุการส่วนตัวคุณหญิงพจมาน) กรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนบริษัท นอกจากนี้ บริษัทดังกล่าวยังมีการบริหารในธุรกิจอสังหาฯอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวกับโครงการที่อยู่อาศัย ได้แก่โครงการสนามกอล์ฟอัลไพน์ โรงแรมเอสซี พาร์ค (SC Park Hotel) (ที่ครั้งหนึ่ง นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรองผู้ต้องหาในคดีก่อการร้าย ได้โรยตัวหนีการจับกุม) และเอสซี สาธร (ออฟฟิศ) แหล่งข่าวรายเดิม ตั้งข้อสังเกตว่าถือว่าเป็นบริษัทฯที่มีฐานะค่อนข้างแกร่งพิจารณาจากทุนชำระแล้วที่สูงมาก และสูงกว่าบริษัทอสังหาฯบางรายในตลาดหลักทรัพย์อีกด้วย อีกทั้งเชื่อได้ว่า ที่ดินแปลงงามหลายทำเลของตระกูลชินวัตรจะมีบริษัทในกลุ่มชินวัตรครอบครองเพื่อรองรับการรุกคืบในตลาดอสังหาฯนอกเหนือจากที่มีบริษัทเอสซีแอสเสทฯที่อยู่ในตลาดหุ้น ทำตลาดอย่างเต็มที่โดยโครงการที่อยู่อาศัยของกลุ่มตระกูลชินวัตรที่จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการที่พรรคเพื่อไทย (พท.) ชนะการเลือกตั้ง และเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลที่ดินแปลงงามน่าจะถูกนำมาพัฒนาเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม นอกจากนี้แล้ว นโยบายโครงข่ายรถไฟฟ้า 10 สาย โครงการดอกเบี้ย 0% 10 ปี ที่รัฐบาลต้องผลักดันตามคำมั่นที่หาเสียงไว้ น่าจะช่วยกระตุ้นให้ตลาดอสังหาฯกลับมาคึกคักอีกครั้ง
**SCแจงต่ำกว่า5ล้านมีเพียง10%
นายอรรถพล สฤษฎิพันธาวาทย์ ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการเงิน บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC ขอชี้แจงเกี่ยวกับประเด็นมาตรการบ้านหลังแรก ที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่ามีการเอื้อประโยชน์จากการเพิ่มวงเงิน 3 ล้านบาทเป็น 5 ล้านบาท ว่า บริษัทฯดำเนินธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์โดยแบ่งเป็นอาคารสำนักงานให้เช่าและพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อขาย โดยการพัฒนาจะเน้นโครงการแนวราบและทำโครงการบ้านเดี่ยวเป็นหลักมากกว่าโครงการแนวสูงหรือคอนโดมิเนียม และเน้นการขายในลูกค้ากลุ่มราคาระดับกลางขึ้นไป
ขณะที่ในภาคธุรกิจอสังหาฯเป็นธุรกิจการแข่งขันเสรีที่มีผู้ประกอบการมากราย ซึ่งผู้ประกอบการส่วนใหญ่จะพัฒนาโครงการในทุกระดับราคา โดยขึ้นกับนโยบายของแต่ละบริษัท แต่ในส่วนของบริษัทฯจะเน้นทำตลาดราคาระดับกลางขึ้นไปมากกว่า โดยมีสัดส่วนประมาณ 90% ของโครงการทั้งหมดที่มีราคาขายสูงกว่า 5 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะพัฒนาเป็นโครงการคอนโดมิเนียมและทาวน์โฮม ทั้งนี้ โครงการคอนโดมิเนียมจะมีราคาขายตั้งแต่ 80,000 บาทต่อตารางเมตรขึ้นไปซึ่งลูกค้าที่ซื้อจะไม่ใช่กลุ่มลูกค้าบ้านหลังแรก
หากพิจารณาโครงการของบริษัทฯที่อยู่ในเกณฑ์ อาทิ โครงการวิสต้า วันเอทโอ รัชวิภา ปัจจุบันเหลือบ้านขายเพียง 30 หลังมูลค่ารวมประมาณ 150 ล้านบาท โครงการเซ็นทริคซีน รัชวิภา (696 ยูนิต) ปัจจุบันมีการโอนห้องชุดไปแล้วเกือบ 100% จึงจะมีโครงการเซ็นทริค รัชดา-สุทธิสาร(270 ยูนิต) ที่มียอดขายแล้วกว่า 70% และ โครงการเดอะเครสท์ พหลโยธิน11 (163 ยูนิต) ที่จะทยอยโอนในปลายปี 2555 ซึ่งห้องชุดมีราคาขาย 80,000 บาทต่อตารางเมตรขึ้นไป ลูกค้าส่วนใหญ่ในระดับราคานี้จึงไม่ใช่กลุ่มลูกค้าที่ซื้อบ้านหลังแรก
วานนี้ ( 29 ก.ย.) นายวิรัตน์ กัลยาศิริ และนายบุญยอด สุขถิ่นไทย คณะทำงานด้านกฎหมายของพรรคประชาธิปัตย์ ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ผ่านนายเฉลิมศักดิ์ จันทรทิม เลขาธิการสำนักงานขอให้ตรวจสอบจริยธรรมผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กรณีนโยบายโครงการบ้านหลังแรกของรัฐบาลมีผลประโยชน์ทับซ้อนกับบริษัทเอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทของครอบครัวตระกูลชินวัตร
นายวิรัตน์ กล่าวว่า คณะทำงานด้านกฎหมายของพรรคประชาธิปัตย์เห็นว่าการที่รัฐบาลมีนโยบายลดการจัดเก็บภาษีให้กับประชาชนที่ซื้อบ้านหลังแรกโดยกำหนดเพดานราคาบ้านที่มีสิทธิเข้าร่วมโครงการที่ราคาไม่เกิน 5 ล้านบาทนั้นเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทเอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งถือกรณีมีผลประโยชน์ทับซ้อนที่มีสภาพร้ายแรงขัดต่อรัฐธรรมนูญ และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยจริยธรรมข้าราชการการเมือง พ.ศ. 2551 สมควรที่ผู้ตรวจการแผ่นดินต้องดำเนินการตรวจสอบ และส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) พิจารณาดำเนินการเพื่อนำไปสู่การถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ออกจากตำแหน่งตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 279
“เดิมรัฐบาลกำหนดเพดานราคาบ้านที่จะได้รับการลดหย่อนการเก็บภาษีว่ามีราคาหลังละไม่เกิน 3ล้านบาท แต่ต่อมาได้ปรับเป็น 5ล้านบาท ซึ่งผู้ที่จะซื้อบ้านราคาหลังละ 5ล้านบาทได้นั้นต้องมีรายได้ต่อเดือนไม่ต่ำกว่า 1 แสนบาท โดยกรณีดังกล่าวนี้ บริษัทเอสซี แอสเสทฯ ได้มีการโฆษณาเชิญชวนให้ประชาชนไปซื้อบ้านของบริษัทฯ เพื่อรับโปรโมชั่นลดหย่อนภาษีบ้านหลังแรกตามนโยบายของรัฐบาล แต่น.ส.ยิ่งลักษณ์กลับบอกว่าไม่รู้ว่าบริษัทฯ มีนโยบายดังกล่าวและไม่รู้ว่าราคาบ้านของบริษัทฯนั้นเข้าข่ายได้รับการลดหย่อนภาษี ทั้งที่ตามข้อเท็จจริงน.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นประธานกรรมการบริษัทฯมาก่อนปีพ.ศ.2550 ดังนั้นโดยพยานหลักฐานจึงเชื่อได้ว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์รู้เห็นกับนโยบายที่จะเอื้อประโยชน์ต่อบริษัทและถือว่าเป็นกรณีผลประโยชน์ทับซ้อนร้ายแรงขัดต่อประมวลจริยธรรมผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอย่างชัดเจน ถ้าเราปล่อยเรื่องนี้ผ่านไป อนาคตก็จะมีการซุกนั้นซุกนี้โดยไม่หวั่นเกรงกฎหมาย จึงหวังว่าผู้ตรวจการฯจะดำเนินการเรื่องดังกล่าวให้สมกับเจตนารมณ์ที่กฎหมายบัญญัติไว้โดยเร็ว” นายวิรัตน์ กล่าว
เมื่อถามว่า ในการประชุมครม.เมื่อวันที่ 27 ก.ย. ที่ผ่านมาได้มีการปรับรายละเอียดของโครงการบ้านหลังแรก โดยให้ประชาชนที่ซื้อบ้านในราคาไม่เกิน 1ล้านบาทได้รับการลดหย่อนภาษี จะทำให้ประเด็นการเอื้อประโยชน์ต่องบริษัทเอสซี แอสเสทฯตกไปหรือไม่ นายวิรัตน์ กล่าวว่าตนเชื่อว่าเป็นการกระทำภายใต้ความกังวลกับกรณีผลประโยชน์ทับซ้อน หากป.ป.ช.ดำเนินการไต่สวนแล้วพบว่ามีมูลก็ต้องถูกถอนถอนออกจากตำแหน่ง จึงพยายามที่จะกลบเกลื่อนเรื่องดังกล่าวให้ดูดี
ด้านนายบุญยอด กล่าวว่า การที่รัฐบาลลดทอนเพดานราคาบ้านลงมาคนที่ได้ประโยชน์จากการลดหย่อนภาษีต้องเป็นบุคคลที่มีรายได้ต่อเดือนประมาณ 3หมื่นบาท เพราะประชาชนที่มีรายได้น้อยก็ไม่ได้เป็นผู้ทีมีหน้าที่เสียภาษีอยู่แล้ว เมื่อไม่ได้เสียภาษีก็ไม่ได้รับการลดหย่อน ดังนั้นวิธีการของรัฐบาลในตอนหลังจึงไม่ได้อธิบายในเรื่องของผลประโยชน์ทับซ้อน โครงการดังกล่าวของรัฐจึงไม่ได้เป็นการตอบโจทย์ให้กับผู้มีรายได้น้อย แต่เป็นการตอบโจทย์ให้กับผู้ประกอบการมากกว่า
ขณะที่นายเฉลิมศักดิ์ กล่าวว่า ในส่วนของสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินจะดำเนินการเร่งสรุปเรื่องร้องเรียนดังกล่าว เพื่อเสนอต่อผู้ตรวจการแผ่นดินให้พิจารณาภายใน 1-2วันนี้ แต่ทั้งนี้ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยจริยธรรมข้าราชการการเมือง พ.ศ. 2551 มีขั้นตอนในการดำเนินการ ซึ่งต้องใช้ระยะเวลา อีกทั้งกรณีดังกล่าวไม่เคยมีตัวอย่างการดำเนินการมาก่อน อย่างไรก็ตามทางสำนักงานฯจะพยายามเร่งรัด เนื่องจากเป็นเรื่องที่ประชาชนสนใจ
**ปูแจงบ้านหลังแรกไม่ได้เอื้อเอสซี
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องเรียนต่อพี่น้องประชาชนอยู่แล้ว นโยบายนี้เป็นนโยบายที่เราตั้งใจที่จะคืนภาษีให้กับพี่น้องประชาชน ถ้าไปดูจากนโยบายเองก็จะเห็นว่าสุดท้ายประโยชน์ที่ได้รับอยู่ที่ตัวผู้ซื้อ
“ และเรายังไม่มีนโยบายอะไรที่เอื้อกับผู้ประกอบการ และในส่วนของเอสซีแอสเสทเองก็ถ้าถามว่า จากจำนวนประโยชน์ที่ได้รับก็จะเห็นว่ามีน้อยมาก และไม่ได้ตรงกับกลุ่มของเอสซีแอสเสทเลยทีเดียว”นายกฯ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าแต่ฝ่ายพยายามที่จะนำมาเชื่อมโยงว่าเอื้อประโยชน์ให้กัน น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า "ก็เข้าใจคงไม่ขอจะวิจารณ์แล้ว เพราะว่าในรายละเอียดก็เชื่อว่าถ้าคนที่ดูในข้อเท็จจริงก็น่าจะเห็น"
**เหลิมชี้บ้านหลังแรกไม่กระทบรบ.
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของนายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รมว.คลัง ที่จะเป็นผู้ชี้แจง แต่ยืนยันว่าอะไรที่ผิดกฎหมายรัฐบาลจะไม่ทำ ส่วนที่ฝ่ายค้านจะไปยื่นฟ้องน.ส.ยิ่งลักษณ์ ในความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบนั้นก็เป็นสิทธิที่ฝ่ายค้านจะทำได้ เพียงแต่คิดว่า การยื่นฟ้องในความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบนั้นเป็นเรื่องที่ไกลไป เพราะผู้ที่จะมีความในประเด็นนี้จะต้องเป็นพนักงาน และมีความเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ในเรื่องนั้น หากฝ่ายค้านไปยื่นฟ้องแล้วก็ต้องขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาลที่จะทำหน้าที่ในการพิจารณา และมั่นใจว่าเรื่องดังกล่าวจะไม่กระทบต่อเสถียรภาพรัฐบาล
**ปูชิ่งขอตอบกระทู้สดสัปดาห์หน้า
อีกด้าน การประชุมสภาผู้แทนราษฎร วานนี้เวลา 10.00 น. มี นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม โดยมีวาระการพิจารณาวาระกระทู้ถามสดถามสดนายกรัฐมนตรี เรื่องการบริหารราชการแผ่นดินโดยขาดจริยธรรมและมีลักษณะเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ ซึ่ง นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ เป็นผู้ตั้งคำถาม
ทั้งนี้ ก่อนการพิจารณาประธาน ได้แจ้งว่า นายกรัฐมนตรีติดภารกิจประชุมแก้ปัญหาน้ำท่วมไม่สามารถมาตอบกระทู้ได้ จึงมอบหมายให้ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เป็นผู้ตอบกระทู้ถามสดแทน และ นายบุญทรง มีหนังสือแจ้งว่าติดภารกิจน้ำท่วมเช่นกันจึงขอเลื่อนไปสัปดาห์หน้า
ด้าน นายนิพิฎฐ์ ระบุว่า ไม่ติดใจหากจะเลื่อนไปพิจารณาสัปดาห์หน้า แต่เห็นว่ากระทู้ถามดังกล่าวนั้นไม่สามารถให้ผู้อื่นตอบแทนได้ เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งนายกรัฐมนตรีจะต้องเป็นผู้ตอบกระทู้ถามเอง
**พท.จี้ดันเอิ้ออาทรร่วมบ้านหลังแรก
ที่รัฐสภา นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย ได้หยิกยกเรื่องค่าโอนกรรมสิทธิ์ของบ้านเอื้ออาทร ของบ้านราคาไม่เกิน 500,000 บาทว่ามีราคาสูงเกินไป ที่ประชุมเห็นว่าควรปรับลดค่าธรรมเนียมการโอนสิทธิการเช่าอาคารชุดจากเดิม 15,000 บาท ควรปรับลดลงไม่เกิน 5,000 บาทต่อการเปลี่ยนสิทธิ์การเช่า เพราะสร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้ช่าพักอาศัยอยู่ในอาคารชุดของการเคหะ 140 แห่งทั่วประเทศ ทั้งนี้ ส.ส.กทม.จะมีการส่งหนังสือในเรื่องดังล่าวไปยังนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มหาดไทย การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และการเคหะแห่งชาติ เพื่อให้ช่วยลดหย่อนค่าธรรมเนียมจดทะเบียนกรรมสิทธิ์ให้แก่ประชาชน
นายวิชาญ กล่าวต่อว่า ยังมีชาวบ้านที่อาศัยอยู่บ้านเอื้ออาทร ร้องขอให้รัฐบาลขยายฐานการลดภาษีสำหรับบ้านหลังแรกให้ลดลงไปจนถึงระดับไม่เกิน 500,000 บาท เพื่อที่คนจนจะได้รับประโยชน์จากการละเว้นภาษี 0 เปอร์เซ็นต์ เป็นระยะเวลา 5 ปีเช่นกัน
**มาร์คเตือนรัฐระวังเดินหน้าประชานิยม
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ ออกมายืนยันว่าถ้าดำเนินการในเรื่องของประชานิยม จะเป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจว่า การใช้จ่ายเงินอย่างไรก็มีส่วนในการกระตุ้นเศรษฐกิจแต่คำถามคือว่าการใช้จ่ายที่กระตุ้นเศรษฐกิจ และเศรษฐกิจยั่งยืนสมดุลจะทำอย่างไร เพราะนั่นไม่ได้หมายความว่าจะทำนโยบายอะไรก็ได้
ส่วนหากให้จัดลำดับความสำคัญและหากมีอำนาจตัดสินใจคิดว่านโยบายอะไรของรัฐบาลที่มองว่าเป็นว่าเป็นส่วนเกินที่ควรตัดออก นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนได้ย้ำไปว่านโยบายการเอาเงิน 3 หมื่นกว่าล้าน มาสนับสนุนให้คนจำนวนหนึ่งเท่านั้นเองซื้อรถคันแรก เทียบกับการเอาเงินตรงนี้ไปลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน หรือแม้แต่โครงการรถไฟฟ้าที่รัฐบาลจะไปกู้เงินประมาณ 3 หมื่นล้าน สามารถสร้างเส้นทางได้ทั้งเส้นทาง การลงทุนอย่างนี้จะยั่งยืนมากกว่าและเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ
**ชินวัตร ต่อยอดธุรกิจอสังหาฯ
แหล่งข่าวในวงการอสังหาริมทรัพย์กล่าวว่า ขณะนี้ เริ่มมีความเคลื่อนไหวของกลุ่มตระกูลชินวัตร ในการเข้ามามีบทบาทในตลาดอสังหาฯมากขึ้น ภายหลังจากก่อนหน้านี้ ธุรกรรมต่างๆ ของบริษัทในเครือ ได้ถูกอายัดทรัพย์สิน มีการตรวจสอบบัญชีในบริษัทต่างๆ อย่างหนัก เนื่องจากอาจมีส่วนเกี่ยวโยงในการสนับสนุนการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง จนนำไปสู่เหตุการณ์เผาบ้านเผาเมืองในเดือน พ.ค.ปีที่ผ่านมา
แต่ขณะนี้ บริษัทอสังหาฯ ของตระกูลชินวัตร คือ บริษัท เวิร์ธซัพพลายส์ จำกัด ทะเบียนบริษัทเลขที่ 0105530000273 ซึ่งประกอบธุรกิจอสังหาฯให้เช่าและดำเนินการทางธุรกิจมีผู้ถือหุ้นเป็นคนในครอบครัวชินวัตรเริ่มที่จะขยับการลงทุนอีกครั้ง ล่าสุดบริษัท เวิร์ธซัพพลายส์ฯได้ฤกษ์ลงทุนและเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมแห่งแรก ภายใต้ชื่อโครงการ "เรนด์คอนโดฯ" สุขุมวิท 23 พื้นที่โครงการ 0-2-50 ไร่ ตรงกันข้ามกับอาคารชินวัตรไหมไทย ในรูปแบบคอนโดฯโลว์ไรส์ จำนวน 50 ยูนิต รูปแบบ 1 ห้องนอน 35.04-45.17 ตารางเมตร (ตร.ม.) และแบบ 2 ห้องนอน 74.33-79.46 ตร.ม.ราคาเริ่มต้น 3.8 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 1.2 แสนบาทต่อตร.ม. และเปิดพรีเซลเมื่อวันเสาร์-อาทิตย์ที่ 30-31 ก.ค.ที่ผ่านมาปรากฏว่า สามารถปิดการจองได้ทั้งหมดทั้งนี้ทางโครงการได้วางเงื่อนไขการจอง 30,000 บาท วันทำสัญญา (หลังจากเปิดขายโครงการไปอีก 10 วัน) อีก 1 แสนบาท และผ่อน 14 งวด รวมเป็น 10% ของราคาซื้อขาย ซึ่งที่ดินไม่มีภาระผูกพันกับสถาบันการเงิน ใบอนุญาตก่อสร้างอยู่ระหว่างการขออนุญาตจะเริ่มก่อสร้างทันทีเมื่อได้รับใบอนุญาตก่อสร้างจากหน่วยงานราชการ และตามแผนงานจะเริ่มทำการก่อสร้างต้นปี 2555 คาดว่าจะแล้วเสร็จต้นปี 56 และดำเนินการโอนภายใน 30 วัน "โครงการเรนด์ คอนโดฯ เป็นโครงการแรกของที่อยู่อาศัย ส่วนโครงการใหม่ที่จะเกิดขึ้น ยังไม่มี" พนักงานรายหนึ่งตอบ
ทั้งนี้ บริษัท เวิร์ธซัพพลายส์ จำกัด ก่อตั้งวันที่ 2 มกราคม 2530 โดยมีทุนจดทะเบียน 4,600 ล้านบาท มีทุนชำระแล้วสูงถึง 3,600 ล้านบาท (บริษัท เอสซีแอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) มีทุนจดทะเบียน 3,500 ล้านบาท ทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 3,275.06 ล้านบาท) ผู้ถือหุ้นบริษัทฯ ณ เดือน เม.ย.53 นางสาวพินทองทา 51.2% นายพานทองแท้ชินวัตร 43.4% นางสาวแพทองธารชินวัตร 3% คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ 2.1% มีสินทรัพย์กว่า 3,600 ล้านบาท
บริษัท เวิร์ธซัพพลายส์ฯ มีนายชานนท์ สุวสิน (คนสนิทของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร) และนางกาญจนาภา หงษ์เหิน (เลขานุการส่วนตัวคุณหญิงพจมาน) กรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนบริษัท นอกจากนี้ บริษัทดังกล่าวยังมีการบริหารในธุรกิจอสังหาฯอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวกับโครงการที่อยู่อาศัย ได้แก่โครงการสนามกอล์ฟอัลไพน์ โรงแรมเอสซี พาร์ค (SC Park Hotel) (ที่ครั้งหนึ่ง นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรองผู้ต้องหาในคดีก่อการร้าย ได้โรยตัวหนีการจับกุม) และเอสซี สาธร (ออฟฟิศ) แหล่งข่าวรายเดิม ตั้งข้อสังเกตว่าถือว่าเป็นบริษัทฯที่มีฐานะค่อนข้างแกร่งพิจารณาจากทุนชำระแล้วที่สูงมาก และสูงกว่าบริษัทอสังหาฯบางรายในตลาดหลักทรัพย์อีกด้วย อีกทั้งเชื่อได้ว่า ที่ดินแปลงงามหลายทำเลของตระกูลชินวัตรจะมีบริษัทในกลุ่มชินวัตรครอบครองเพื่อรองรับการรุกคืบในตลาดอสังหาฯนอกเหนือจากที่มีบริษัทเอสซีแอสเสทฯที่อยู่ในตลาดหุ้น ทำตลาดอย่างเต็มที่โดยโครงการที่อยู่อาศัยของกลุ่มตระกูลชินวัตรที่จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการที่พรรคเพื่อไทย (พท.) ชนะการเลือกตั้ง และเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลที่ดินแปลงงามน่าจะถูกนำมาพัฒนาเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม นอกจากนี้แล้ว นโยบายโครงข่ายรถไฟฟ้า 10 สาย โครงการดอกเบี้ย 0% 10 ปี ที่รัฐบาลต้องผลักดันตามคำมั่นที่หาเสียงไว้ น่าจะช่วยกระตุ้นให้ตลาดอสังหาฯกลับมาคึกคักอีกครั้ง
**SCแจงต่ำกว่า5ล้านมีเพียง10%
นายอรรถพล สฤษฎิพันธาวาทย์ ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการเงิน บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC ขอชี้แจงเกี่ยวกับประเด็นมาตรการบ้านหลังแรก ที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่ามีการเอื้อประโยชน์จากการเพิ่มวงเงิน 3 ล้านบาทเป็น 5 ล้านบาท ว่า บริษัทฯดำเนินธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์โดยแบ่งเป็นอาคารสำนักงานให้เช่าและพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อขาย โดยการพัฒนาจะเน้นโครงการแนวราบและทำโครงการบ้านเดี่ยวเป็นหลักมากกว่าโครงการแนวสูงหรือคอนโดมิเนียม และเน้นการขายในลูกค้ากลุ่มราคาระดับกลางขึ้นไป
ขณะที่ในภาคธุรกิจอสังหาฯเป็นธุรกิจการแข่งขันเสรีที่มีผู้ประกอบการมากราย ซึ่งผู้ประกอบการส่วนใหญ่จะพัฒนาโครงการในทุกระดับราคา โดยขึ้นกับนโยบายของแต่ละบริษัท แต่ในส่วนของบริษัทฯจะเน้นทำตลาดราคาระดับกลางขึ้นไปมากกว่า โดยมีสัดส่วนประมาณ 90% ของโครงการทั้งหมดที่มีราคาขายสูงกว่า 5 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะพัฒนาเป็นโครงการคอนโดมิเนียมและทาวน์โฮม ทั้งนี้ โครงการคอนโดมิเนียมจะมีราคาขายตั้งแต่ 80,000 บาทต่อตารางเมตรขึ้นไปซึ่งลูกค้าที่ซื้อจะไม่ใช่กลุ่มลูกค้าบ้านหลังแรก
หากพิจารณาโครงการของบริษัทฯที่อยู่ในเกณฑ์ อาทิ โครงการวิสต้า วันเอทโอ รัชวิภา ปัจจุบันเหลือบ้านขายเพียง 30 หลังมูลค่ารวมประมาณ 150 ล้านบาท โครงการเซ็นทริคซีน รัชวิภา (696 ยูนิต) ปัจจุบันมีการโอนห้องชุดไปแล้วเกือบ 100% จึงจะมีโครงการเซ็นทริค รัชดา-สุทธิสาร(270 ยูนิต) ที่มียอดขายแล้วกว่า 70% และ โครงการเดอะเครสท์ พหลโยธิน11 (163 ยูนิต) ที่จะทยอยโอนในปลายปี 2555 ซึ่งห้องชุดมีราคาขาย 80,000 บาทต่อตารางเมตรขึ้นไป ลูกค้าส่วนใหญ่ในระดับราคานี้จึงไม่ใช่กลุ่มลูกค้าที่ซื้อบ้านหลังแรก