ASTVผู้จัดการรายวัน-ปลัดแรงงานไม่สนเสียงผู้ประกอบการ สวนกระแสพิษน้ำท่วม เดินหน้าปรับขึ้นค่าจ้าง 300 บ. อัดฉีดเงินในระบบ เชื่อน้ำท่วมกระทบนายจ้างไม่มาก เหตุไม่ใช่เขตเศรษฐกิจ พร้อมจัดโครงการจ้างงานเร่งด่วน ช่วยแรงงานมีรายได้ ด้าน “ต่อพงษ์” สั่งรพ.บ้านแพ้วเป็นต้นแบบบริหารค่าแรง 300บาท 15,000บาท ของรัฐบาล
นายสมเกียรติ ฉายะศรีวงศ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน(รง.) กล่าวถึงกรณีที่นายจ้างเรียกร้องให้ชะลอการปรับขึ้นค่าจ้าง 300 บาท เนื่องจากประสบปัญหาวิกฤตน้ำท่วม ว่า ขณะนี้ปัญหาน้ำท่วมเป็นปัญหาชั่วคราว คาดการณ์ว่าประมาณต้นเดือนตุลาคม ปัญหาน่าจะบรรเทาลง แต่ว่าความเสียหายนั้นจะเกิดขึ้นแน่ ซึ่งส่วนใหญ่เกิดกับกลุ่มเกษตรกรเป็นหลัก ในส่วนของผู้ประกอบการที่ได้รับข้อมูล ณ เวลานี้มีไม่มาก เพราะน้ำไม่ได้เข้าเขตเศรษฐกิจ ทางด้านแรงงานส่วนใหญ่ก็จะอยู่ในสถานประกอบการที่อยู่เขตเศรษฐกิจ ดังนั้นผลกระทบตอนนี้จึงมีไม่มาก แต่ผลกระทบจะมีในเรื่องของกำลังซื้อ การขาดกำลังใจ ซึ่งถ้ารัฐบาลแก้ปัญหาตรงนี้ได้เร็ว คิดว่าปัญหาตรงนี้จะหมดไปก่อนที่จะมีการประกาศขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาท
“จริงๆ ตอนนี้ถ้ามีการขึ้นค่าจ้างได้กลับดี คนจะได้มีกำลังซื้อ ยิ่งประชาชนมีเงิน เศรษฐกิจก็หมุนเวียน เหมือนกับการแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่ต้องมีการอัดฉีดเม็ดเงินลงในระบบ เพื่อเพิ่มกำลังซื้อ เพิ่มกำลังบริโภคในประเทศ วิธีการคือถ้าพื้นที่ไหนเดือนร้อนก็ต้องอัดฉีดเม็ดเงินลงไปในการจ้างงาน ให้มีรายได้ ซึ่งกระทรวงแรงงานก็มีโครงการจ้างงานเร่งด่วนเข้าช่วยให้เขามีงาน ได้รับค่าตอบแทนจากการทำงานในบางส่วน” ปลัดแรงงานกล่าว
วันเดียวกัน นายต่อพงษ์ ไชย์สาส์น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลบ้านแพ้ว (องค์กรมหาชน) ที่จ.สมุทรสาคร ซึ่งเป็นหน่วยงานในการกำกับดูแล เพื่อรับฟังผลสรุปการดำเนินงานและมอบนโยบายการพัฒนาระบบบริการ
นายต่อพงษ์กล่าวว่า โรงพยาบาลบ้านแพ้ว เป็นโรงพยาบาลต้นแบบของโครงการ 30 บาท ได้รับการชื่นชมจากนานาประเทศ ที่ไทยเป็นตัวอย่างในการดูแลสุขภาพ และสร้างหลักประกันสุขภาพให้ประชาชนไทยทุกคน เริ่มจากงบค่าใช้จ่ายรายหัวจาก 1,200 บาท เป็น 2,500 กว่าบาทในปัจจุบัน โดยที่ประชุมขององค์การสหประชาชาติ สหรัฐอเมริกา ก็ชื่นชมโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าเช่นกัน ซึ่งเป็นโครงการที่ลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนได้อย่างดี วันนี้กำลังท้าทายภาคสังคมให้กลับมาร่วมจ่ายค่าธรรมเนียมบริการ 30 บาทอีกเช่นเดิม สาเหตุที่ต้องทำ เนื่องจากต้องการให้ประชาชนมีศักดิ์ศรี มีเกียรติ ได้รับบริการมีคุณภาพ เสมอภาค ซึ่งรัฐบาลได้ทุ่มเทงบประมาณมหาศาล ลงทุนด้านสุขภาพประมาณร้อยละ 12 ของงบประมาณทั้งประเทศ นอกจากนี้ ได้มอบนโยบายโรงพยาบาลบ้านแพ้ว ในการขยายบริการของโรงพยาบาล ที่จะเพิ่มจาก 300 เตียง เป็น 400 เตียง ด้วย
นายต่อพงษ์กล่าวต่อว่า สำหรับบุคลากรในโรงพยาบาลที่เป็นลูกจ้าง ต้องเตรียมแผนรองรับนโยบายของรัฐบาลขึ้นค่าแรง 300 บาทต่อวัน และเพิ่มอัตราเงินเดือนผู้จบปริญญาตรี 15,000 บาท ที่จะเริ่มต้นปี 2555 ขอให้โรงพยาบาลบ้านแพ้วเตรียมความพร้อมในเรื่องนี้ เพื่อเป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ มั่นใจว่าโรงพยาบาลแห่งนี้ จะเป็นต้นแบบของการดำเนินการตามนโยบายได้
นายสมเกียรติ ฉายะศรีวงศ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน(รง.) กล่าวถึงกรณีที่นายจ้างเรียกร้องให้ชะลอการปรับขึ้นค่าจ้าง 300 บาท เนื่องจากประสบปัญหาวิกฤตน้ำท่วม ว่า ขณะนี้ปัญหาน้ำท่วมเป็นปัญหาชั่วคราว คาดการณ์ว่าประมาณต้นเดือนตุลาคม ปัญหาน่าจะบรรเทาลง แต่ว่าความเสียหายนั้นจะเกิดขึ้นแน่ ซึ่งส่วนใหญ่เกิดกับกลุ่มเกษตรกรเป็นหลัก ในส่วนของผู้ประกอบการที่ได้รับข้อมูล ณ เวลานี้มีไม่มาก เพราะน้ำไม่ได้เข้าเขตเศรษฐกิจ ทางด้านแรงงานส่วนใหญ่ก็จะอยู่ในสถานประกอบการที่อยู่เขตเศรษฐกิจ ดังนั้นผลกระทบตอนนี้จึงมีไม่มาก แต่ผลกระทบจะมีในเรื่องของกำลังซื้อ การขาดกำลังใจ ซึ่งถ้ารัฐบาลแก้ปัญหาตรงนี้ได้เร็ว คิดว่าปัญหาตรงนี้จะหมดไปก่อนที่จะมีการประกาศขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาท
“จริงๆ ตอนนี้ถ้ามีการขึ้นค่าจ้างได้กลับดี คนจะได้มีกำลังซื้อ ยิ่งประชาชนมีเงิน เศรษฐกิจก็หมุนเวียน เหมือนกับการแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่ต้องมีการอัดฉีดเม็ดเงินลงในระบบ เพื่อเพิ่มกำลังซื้อ เพิ่มกำลังบริโภคในประเทศ วิธีการคือถ้าพื้นที่ไหนเดือนร้อนก็ต้องอัดฉีดเม็ดเงินลงไปในการจ้างงาน ให้มีรายได้ ซึ่งกระทรวงแรงงานก็มีโครงการจ้างงานเร่งด่วนเข้าช่วยให้เขามีงาน ได้รับค่าตอบแทนจากการทำงานในบางส่วน” ปลัดแรงงานกล่าว
วันเดียวกัน นายต่อพงษ์ ไชย์สาส์น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลบ้านแพ้ว (องค์กรมหาชน) ที่จ.สมุทรสาคร ซึ่งเป็นหน่วยงานในการกำกับดูแล เพื่อรับฟังผลสรุปการดำเนินงานและมอบนโยบายการพัฒนาระบบบริการ
นายต่อพงษ์กล่าวว่า โรงพยาบาลบ้านแพ้ว เป็นโรงพยาบาลต้นแบบของโครงการ 30 บาท ได้รับการชื่นชมจากนานาประเทศ ที่ไทยเป็นตัวอย่างในการดูแลสุขภาพ และสร้างหลักประกันสุขภาพให้ประชาชนไทยทุกคน เริ่มจากงบค่าใช้จ่ายรายหัวจาก 1,200 บาท เป็น 2,500 กว่าบาทในปัจจุบัน โดยที่ประชุมขององค์การสหประชาชาติ สหรัฐอเมริกา ก็ชื่นชมโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าเช่นกัน ซึ่งเป็นโครงการที่ลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนได้อย่างดี วันนี้กำลังท้าทายภาคสังคมให้กลับมาร่วมจ่ายค่าธรรมเนียมบริการ 30 บาทอีกเช่นเดิม สาเหตุที่ต้องทำ เนื่องจากต้องการให้ประชาชนมีศักดิ์ศรี มีเกียรติ ได้รับบริการมีคุณภาพ เสมอภาค ซึ่งรัฐบาลได้ทุ่มเทงบประมาณมหาศาล ลงทุนด้านสุขภาพประมาณร้อยละ 12 ของงบประมาณทั้งประเทศ นอกจากนี้ ได้มอบนโยบายโรงพยาบาลบ้านแพ้ว ในการขยายบริการของโรงพยาบาล ที่จะเพิ่มจาก 300 เตียง เป็น 400 เตียง ด้วย
นายต่อพงษ์กล่าวต่อว่า สำหรับบุคลากรในโรงพยาบาลที่เป็นลูกจ้าง ต้องเตรียมแผนรองรับนโยบายของรัฐบาลขึ้นค่าแรง 300 บาทต่อวัน และเพิ่มอัตราเงินเดือนผู้จบปริญญาตรี 15,000 บาท ที่จะเริ่มต้นปี 2555 ขอให้โรงพยาบาลบ้านแพ้วเตรียมความพร้อมในเรื่องนี้ เพื่อเป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ มั่นใจว่าโรงพยาบาลแห่งนี้ จะเป็นต้นแบบของการดำเนินการตามนโยบายได้
