ASTVผู้จัดการรายวัน-เชียงใหม่อ่วม แม่น้ำปิงทะลักท่วมพื้นที่เศรษฐกิจเชียงใหม่"ไนท์บาซาร์" บรรดาร้านค้าปิดเงียบเร่งเรียงกระสอบทราย-ผ้าใบกันน้ำ ขณะที่ช้างคลานน้ำยังเพิ่มต่อเนื่อง-บางจุดสูงระดับอก ตลาดวโรรสชาวบ้านเริ่มก่อกำแพงอิฐบล็อกเตรียมกั้นน้ำหลังคาดโดนท่วมแน่ "พิจิตร"วิกฤตหนักเหลือเพียงจุดเดียวเท่านั้นที่ยังไม่ท่วม คาดหากฝนตกลงมาอีกทั้งจังหวัดจมบาดาลแน่นอน ขณะที่หลายจังหวัดเหนือ-กลาง-อีสานอ่วมไม่แพ้กัน ด้าน"ชาวนาบางระกำ"โร่แจ้งความตำรวจ สภ.ชุมแสงคราม หลังถูกผู้มีอิทธิพลข่มขู่เอาชีวิตเหตุเปิดโปงขบวนการงาบหัวคิว ส่วย”บางระกำโมเดล”
สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ซึ่งเกิดเหตุขึ้นหลายจุดเมื่อวานนี้ (28 ก.ย.) ปรากฏว่า ในพื้นที่ อ.สันทราย และ อ.แม่แตง สถานการณ์น้ำเริ่มคลี่คลายลง แต่ในพื้นที่เขตเทศบาลนครเชียงใหม่ แม่น้ำปิงเริ่มไหลทะลักข้าท่วมในพื้นที่โดยในช่วงบ่ายวานนี้ แม่น้ำปิงได้ไหลเข้าท่วมในพื้นที่เขตเทศบาลนครเชียงใหม่ โดยเฉพาะที่บริเวณจุดวัดน้ำ P.1 สะพานนวรัตน์ และบริเวณถนนช้างคลานบางส่วนมีน้ำไหลเข้าท่วมอย่างรวดเร็ว หลังจากช่วงเช้ามีรายงานว่าระดับน้ำในแม่น้ำปิงได้เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง เนื่องจากระดับน้ำในแม่น้ำปิงที่จุดวัดน้ำ P.67 แม่แตง เหนือตัวเมืองเชียงใหม่เพิ่มสูงกว่าระดับวิกฤตประกอบกับน้ำจากลำน้ำสาขาอื่น ๆ ได้ไหลสมทบลงสู่แม่น้ำปิงทำให้เทศบาลนครเชียงใหม่ต้องออกประกาศเตือนประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงเตรียมการรับเหตุน้ำท่วม ส่วนโรงเรียนหลายแห่งที่ตั้งอยู่ในบริเวณจุดเสี่ยงได้หยุดทำการเรียนการสอน และให้นักเรียนเดินทางกลับบ้าน
นายชาตรี เชื้อมโนชาญ รองนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ ได้สั่งเสริมกระสอบทรายตลอดแนวแม่น้ำปิง เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำไหลทะลักเข้าสู่พื้นที่สำคัญ 3 จุด ซึ่งเป็นพื้นที่เศรษฐกิจ ได้แก่บริเวณถนนสันป่าข่อย ตลาดวโรรส และไนท์บาซาร์ โดยแนวผนังกระสอบทรายสามารถป้องกันน้ำได้สูงสุด 4.70 เมตร แต่ปริมาณน้ำเพิ่มสูงเกินระดับ 4.70 เมตรขึ้นไปก็จะทำให้น้ำไหลเข้าท่วมพื้นที่สำคัญดังกล่าวแน่นอน
ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้เดินทางเข้าตรวจสอบสถานการณ์ที่บริเวณจุดวัดน้ำ P.1 สะพานนวรัตน์ พร้อมกำชับให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องพยายามรักษาพื้นที่สำคัญภายในตัวเมืองเชียงใหม่ไว้ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
**น้ำท่วมไนท์บาซาร์-ช้างคลาน
อย่างไรก็ตาม เวลาประมาณ 17.00 น.น้ำจากแม่น้ำปิงที่มีปริมาณสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องได้เริ่มไหลทะลักเข้าท่วมบริเวณ ถ.เจริญประเทศ ต่อเนื่องไปจนถึงไนท์บาซาร์ ส่งผลให้มีน้ำท่วมขังบนถนนช้างคลาน ตั้งแต่บริเวณแยกวัดอุปคุตไปตลอดสาย โดยปริมาณน้ำได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจนอยู่ในระดับเดียวกับทางเท้า
บรรยากาศที่ ถ.ช้างคลาน บริเวณไนท์บาซาร์นั้น แม้จะยังมีรถเข็นขายของออกมาจอดเรียงรายอยู่ตามทางเท้า แต่ส่วนใหญ่ยังไม่มีการจัดร้านแต่อย่างใด เนื่องจากไม่แน่ใจในสถานการณ์ว่าปริมาณน้ำจะเพิ่มมากขึ้นอีกหรือไม่ เช่นเดียวกับร้านค้าหลายแห่งในบริเวณดังกล่าวที่ไม่มีการเปิดร้าน แต่หันมาจัดเตรียมกระสอบทรายหรือผ้ายางเพื่อปิดกั้นน้ำไม่ให้ไหลเข้าไปในร้านแทน
นอกจากนี้ ยังมีรายงานข่าวว่า น้ำที่ท่วมขังในบริเวณ ถ.ช้างคลาน ตั้งแต่บริเวณสี่แยกแสงตะวันได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยที่บริเวณโรงแรมเดอะปาร์คน้ำสูงถึงระดับหน้าอก ส่วนที่หมู่บ้านเชียงใหม่แลนด์ก็มีน้ำท่วมขังภายในหมู่บ้านทั้งหมดเช่นกัน
ขณะที่บริเวณตลาดดอกไม้ซึ่งตั้งอยู่ติดกับแม่น้ำปิง ร้านค้าบางส่วนเก็บข้าวของออกจากพื้นที่เนื่องจากระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีประชาชนให้ความสนใจมามุงดูสภาพน้ำในแม่น้ำปิงที่บริเวณดังกล่าว รวมทั้งที่สะพานจันทร์สมอนุสรณ์เป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม มีร้านค้าอีกหลายร้านยังเปิดร้านตามปกติและยังไม่ได้เคลื่อนย้ายแต่อย่างใด
**"กาดหลวง"ก่อกำแพงเตรียมรับน้ำ
ที่ตลาดวโรรส และตลาดต้นลำไย ร้านค้าหลายร้านได้เริ่มก่อกำแพงอิฐบล็อกเพื่อป้องกันน้ำท่วม หลังจากคาดการณ์ว่ามีโอกาสสูงที่น้ำจากแม่น้ำปิงจะไหลเข้าท่วมพื้นที่ตลาดในคืนวันที่ 28 ก.ย.
นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบสถานการณ์บริเวณไนท์บาซาร์ รวมทั้งได้เดินทางไปแจกจ่ายสิ่งของบรรเทาทุกข์ให้กับประชาชนที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านเชียงใหม่แลนด์ และชุมชนป่าพร้าวนอก
มีรายงานข่าวว่า การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดเชียงใหม่อาจจะทำการตัดกระแสไฟฟ้าบริเวณไนท์บาซาร์ในวันนี้(29 ก.ย.) หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้ตัดกระแสไฟฟ้าที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ไปแล้ว เนื่องจากเกรงว่าระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นในพื้นที่ดังกล่าวจะท่วมตู้ควบคุมกระแสไฟฟ้าและก่อให้เกิดอันตรายแก่ประชาชนในพื้นที่ โดยทางการไฟฟ้าได้ติดตามสถานการณ์ในพื้นที่อย่างใกล้ชิด และจะทำการตัดไฟฟ้าทันทีหากน้ำท่วมถึงตู้ควบคุมกระแสไฟฟ้า
นายวินัย พงษ์จินดา ผู้อำนวยการสำนักชลประทานที่ 1 กล่าวว่า คาดว่าระดับแม่น้ำปิงที่จุด P1 สะพานนวรัฐ อ.เมืองเชียงใหม่ จะถึงจุดสูงสุดที่ 4.90 เมตรในเวลาเที่ยงคืนวันที่ 28 ก.ย. ซึ่งจะส่งผลให้น้ำทะลักเข้าท่วมในพื้นที่ตัวเมืองเชียงใหม่เพิ่มขึ้นหลายจุด รวมทั้งที่ตลาดต้นลำไยย่านเศรษฐกิจที่สำคัญอีกแห่งของ จ.เชียงใหม่ จากนั้นน้ำปิงจะเริ่มทรงตัวและในเวลาใกล้รุ่งเช้าวันที่ 29 ก.ย.จะเริ่มลดระดับลง
**พบ 5 ศพเหยื่อน้ำป่าถล่มแม่ก๋าย
จากเหตุน้ำป่าไหลหลากและดินถล่มที่บ้านก๋ายน้อย ต.เมืองก๋าย อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่เมื่อคืนวันที่ 27 ก.ย.ที่ผ่านมา ทำให้บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย รวมทั้งมีผู้สูญหายจากเหตุการณ์ดังกล่าวรวม 5 รายนั้น เจ้าหน้าที่ได้พบศพผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวทั้งหมดแล้ว
นายอนุพงษ์ วาวงศ์มูล นายอำเภอแม่แตง ระบุว่าผู้เสียชีวิต 4 รายที่เจ้าหน้าที่ค้นพบประกอบด้วยนายจำรัส อินทรัตน์, นางแสงทอง อินทรัตน์, นางพัฒน์ อินทรัตน์ และ ด.ญ.มัลลิกา อินทรัตน์ เหลือเพียงนายสุนทร อินทรัตน์ สามีของนางพัฒน์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ยังคงทำการค้นหาต่อไป แต่ล่าสุดนายคมสัน สุวรรณอัมภา หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ได้ค้นพบศพผู้เสียชีวิตรายที่ 5 แล้ว แต่ยังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบว่าเป็นนายสุนทร หรือไม่
**พิจิตร จมบาดาลทั้งจังหวัด
ด้านสถานการณ์น้ำท่วมในเขต จ.พิจิตร น้ำยังคงท่วมสูงทั้งในเขตลุ่มน้ำน่านและลุ่มน้ำยม ถนนที่ใช้สัญจรไปมาเข้าสู่เขตเทศบาลเมืองพิจิตรและในตัวเมืองเกือบทุกเส้นทางถูกน้ำท่วมตัดขาด ยังคงเหลือเพียงทางหลวงหมายเลข 117 พิษณุโลก-พิจิตร-นครสวรรค์ แยกเข้าทางหลวง 115 สี่แยกปลวกสูง-สามง่าม -พิจิตร เส้นทางเดียวเท่านั้นที่จะเข้าสู่เมืองพิจิตรได้ นอกนั้นถูกน้ำท่วมหมดแล้ว รวมถึงรางรถไฟก็ถูกน้ำท่วมทำให้รถไฟสายเหนือที่ผ่านจ.พิจิตร ต้องหยุดวิ่งด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ น้ำจากแม่น้ำน่านที่ไหลเข้าท่วม ต.ปากทาง ต.ป่ามะคาบ ต.ท่าหลวง ซึ่งล้วนอยู่รอบเทศบาลเมืองพิจิตรน้ำก็ไหลบ่าเข้ามายังพื้นที่ผืนสุดท้าย คือ ในเขตเทศบาลเมืองพิจิตรแล้ว โดยน้ำได้เข้าท่วมตลาดราชรถ ซึ่งอยู่ทางด้านทิศเหนือของเทศบาลเมืองพิจิตรและน้ำอาจเข้าท่วมวิทยาลัยเทคนิคพิจิตร โรงเรียนพิจิตรพิทยาคม สนามกีฬาจังหวัดพิจิตร ที่เพิ่งทำการสร้างเสร็จมูลค่าเกือบ 200 ล้านบาท
เทศบาลเมืองพิจิตร และนายชาติชาย เจียมศรีพงษ์ นายก อบจ.พิจิตร ได้ระดมคนงานเร่งนำกระสอบทรายก่อกั้นเป็นแนวกั้นน้ำเพื่อรักษาพื้นที่เศรษฐกิจและสถานที่ราชการดังกล่าว แต่ถ้ามีฝนตกซ้ำลงมา ก็คงยากที่จะรอดพ้นจากการถูกน้ำท่วมใหญ่ในเขตชุมชนเมืองอย่างแน่นอน
**อิทธิพลบางระกำเหิมขู่เอาชีวิตชาวนา
ที่ สภ.ชุมแสงสงคราม อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก นายเชาว์ พันเปี่ยม พร้อมกลุ่มชาวนาอีก 5 คนใน ต.ชุมแสงสงคราม อ.บางระกำ ที่ได้รับความเดือดร้อน จากผู้นำท้องถิ่นเรียกเก็บหัวคิวจากเงินชดเชยน้ำท่วมนา เข้าแจ้งความ พ.ต.ท.เกตุชัย นาสอน (สบ.2) สภ.ชุมแสงสงคราม เนื่องจากหลังได้เข้าร้องเรียนผู้ใหญ่บ้านและผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านเรียกเก็บเงินชดเชยค่าน้ำท่วมนาจำนวนคนละ 2 ไร่ เป็นเงิน 4,400 บาท มีชาวบ้านจำนวนมาก หลังจากได้รับเงินจาก ธ.ก.ส.เรียบร้อย ต้องนำไปจ่ายให้กับผู้ใหญ่บ้านและผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน กระทั่งมีการเข้าร้องเรียนที่ศูนย์บางระกำโมเดล และศูนย์ดำรงธรรม ที่ศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 27 ก.ย.ที่ผ่านมา ปรากฏว่า ทางชาวบ้านได้รับข้อความข่มขู่ว่าใครมาเปิดเผยเรื่องนี้ “แค่ปืนจ่อหัวก็พอ” เกรงว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัย จึงได้พากันเข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันเพี่อเป็นหลักฐาน
นายมนัส ครุฑวิเศษ อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 190 หมู่ 10 ต.ชุมแสงสงคราม อ.บางระกำ กล่าวว่า ที่ตนมาแจ้งความ เพราะได้จ่ายเงินไปแล้ว โดยฝากเงินกับเพื่อนบ้านให้ไปจ่ายกับผู้ใหญ่บ้าน 4,400 บาท ก่อนหน้าตนได้ปลูกข้าวถูกน้ำท่วมทั้งหมด 36 ไร่ แต่ผู้ใหญ่บ้านมาหักออกไป 2 ไร่และต้องนำเงินสดไปจ่ายให้กับผู้ใหญ่ เพราะถ้าไม่จ่ายในปีหน้าตนอาจจะไม่ได้รับลงทะเบียนช่วยเหลือเงินชดเชย
นายจันทร์แรม อินเหมือน อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 123/2 หมู่ 10 ต.ชุมแสงสงคราม อ.บางระกำ ยืนยันว่า ได้จ่ายเงินไปแล้ว 8,000 บาท เพราะได้ทำนา 25 ไร่และถูกตัดหัวไร่ปลายนาไป 2 ไร่ พร้อมกับแม่ตนที่ทำนาอีก 15 ไร่ถูกหัก 2 ไร่ เป็นเงิน 4,000 บาทเช่นกัน ตนต้องนำเงินไปจ่ายเงินให้ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน เพราะได้โทรศัพท์มาทวงตลอดเวลา
พ.ต.ท.เกตุชัย นาสอบ (สบ.2) สารวัตร สภ.ชุมแสงสงคราม กล่าวว่า ตนรับแจ้งความพร้อมลงบันทึกประจำไว้เป็นหลักฐาน เพราะผู้เสียหายทั้งหมด 6 คนได้เปิดโปงผู้มีอิทธิพล รับกินหัวคิวเงินค่าชดเชยน้ำท่วม ทำให้ผู้เสียหาย หวั่นเกรงว่า จะเกิดเหตุร้ายกับกลุ่มตนเอง จึงได้สอบสอบสวนเบื้องต้น และลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน
**"ไห่ถาง"ถล่มอีสานหลายจังหวัดอ่วม
ในพื้นที่ จ.มุกดาหาร เกิดเหตุดินภูเขาทางทิศเหนือของบ้านมะนาว ต.กกตูม อ.ดงหลวง สไลด์ลงมาเนื่องจากฝนตกต่อเนื่องหลายวัน แต่ไม่มีผู้ได้รับอันตราย เนื่องจากบริเวณที่เกิดเหตุห่างจากหมู่บ้าน เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในพื้นที่เสี่ยงภัย เฝ้าติดตามสถานการณ์ปริมาณน้ำฝนและระดับน้ำในลำห้วย อย่างใกล้ชิด พร้อมประกาศเตือนประชาชนริมฝั่งลำน้ำสาขา ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำล้นตลิ่ง รวมถึงดินโคลนถล่ม
ที่ จ.นครพนม องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมถึงเทศบาลเมือง ระดมติดตั้งเครื่องสูบน้ำ แม้ระดับน้ำโขงจะทรงตัวที่ 11 เมตร แต่หลายพื้นที่ยังมีฝนตกต่อเนื่อง ทำให้ปริมาณน้ำโขงเพิ่มขึ้นและเอ่อท่วม
ส่วนที่ จ.อุบลราชธานี ถนนสรรพสิทธิ์ และถนนเลี่ยงเมือง มีน้ำท่วมสูง เจ้าหน้าที่เร่งกั้นกระสอบทรายและสูบน้ำออก เพื่อใช้งานได้ปกติ แก้ปัญหาการจราจรคับคั่งในตัวเมือง
ขณะที่ จ.กาฬสินธุ์ ต้องระบายน้ำออกจากเขื่อนลำปาว อย่างต่อเนื่อง ทำให้ลำน้ำปาวเพิ่มสูงขึ้นรวดเร็ว เอ่อท่วมถนนหน้าโรงสีข้าวพระราชทาน บ้านโนนศิลาเลิง หมู่ 1 ต.โนนศิลา อ.ฆ้องชัย สูงกว่า 1 เมตร ชาวบ้านไม่สามารถสัญจรผ่านไปมาได้ โรงสีจึงงดรับซื้อข้าวเปลือกชั่วคราวจนกว่าระดับน้ำจะลดลง
**ถนนสายบ้านแพรก-ลพบุรี จมน้ำ
ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ถนนสายบ้านแพรก-ลพบุรี ระยะทางประมาณ 30 กิโลเมตรถูกน้ำจากแม่น้ำลพบุรีไหลเข้าท่วมได้รับความเสียหาย โดยพบว่าน้ำจากแม่น้ำลพบุรีเพิ่มสูงขึ้นจากวันที่ 27 ก.ย.อีก 2 ซม.ส่งผลให้ผิวการจราจรตั้งแต่ ต.โรงช้าง อ.มหาราช ไปจนถึง ต.โพธิ์เก้าต้น อ.เมือง จ.ลพบุรี ระยะทางประมาณ 25 กิโลเมตรถูกน้ำท่วมตลอดสาย ทั้งนี้ พบว่าระดับน้ำที่ท่วมบางจุด โดยเฉพาะตั้งแต่ ต.สำพะเนียง อ.บ้านแพรก ไปจนถึงเขตติดต่อกับ จ.ลพบุรี มีน้ำท่วมสูงมากกว่า 40 ซม. โดยสำนักงานบำรุงทางอ่างทอง-อยุธยา ซึ่งรับผิดชอบต้องนำป้ายมาติดตั้งแจ้งเตือนประชาชนเป็นระยะและห้ามรถเล็กสัญจรผ่าน เนื่องจากน้ำท่วมสูงและกระแสน้ำไหลแรงอาจจะเป็นอันตรายสำหรับผู้สัญจรผ่านไป-มา
นอกจากนี้ สิ่งที่ชาวบ้านริมถนนกำลังประสบปัญหามาก คือความเร็วของรถยนต์ที่สัญจรผ่านเส้นทางดังกล่าวจะใช้ความเร็วค่อนข้างมาก ทำให้น้ำที่ท่วมผิวการจราจรกระเซ็นเข้าใส่ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ข้างทางและรถยนต์ที่สัญจรผ่านไป-มาจนมีผู้ที่ขับรถยนต์หลายรายทะเลาะกันมาแล้ว
**ผู้ว่าฯ ลพบุรีแจ้งน้ำท่วมหนักทั่วเมือง
นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี ได้ประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ร่วมกับนายกรัฐมนตรี โดยแจ้งว่า ขณะนี้น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยายังคงไหลเข้าสู่ลพบุรีมากขึ้นไม่ต่ำกว่าวันละ 70 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่วนความเสียหายขณะนี้มีกว่า 30 ตำบลใน 3 อำเภอ คือที่ อ.เมือง บ้านหมี่ และท่าวุ้ง การให้ความช่วยเหลือขณะนี้ทางจังหวัดได้ทำการแจ้งเตือนภัยให้แก่ประชาชนตลอดเวลา พร้อมกับสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนด้วยการจัดสถานที่รองรับไว้กับประชาชนที่ถูกน้ำท่วมหลายร้อยแห่ง
ส่วนช่วงที่น้ำท่วมมีโรงเรียน 75 โรงเรียน นักเรียนกว่า 8,000 คนต้องหยุดเรียน ทางจังหวัดมีแผนชดเชยการสอนด้วยการจัดตั้งโรงเรียนชั่วคราว ด้วยการตั้งเต็นท์และให้ครูมาสอน รวมทั้งโครงการรถโรงเรียนเคลื่อนที่ไปตามสถานที่ต่างๆ โดยสามารถเริ่มโครงการนี้ได้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมนี้
**13 เขต กทม.เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน
สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน):สทอภ.หรือ GISTDA หน่วยงานในสังกัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้เผยภาพจากดาวเทียม แสดงพื้นที่เสี่ยงภัยที่จะเกิดน้ำท่วมฉับพลันในช่วง 3-5 วันที่จะถึงนี้ ใน 13 เขตของกรุงเทพฯ ได้แก่ หนองค้างพลู ทุ่งสองห้อง สายไหม คลองถนน อนุสาวรีย์ จระเข้บัว ลาดพร้าว คลองกุ่ม คลองจั่น หัวหมาก สะพานสูง คลองสอง ลาดสนุ่น ลาดกระบัง และบริเวณปริมณฑล ได้แก่ จ.นนทบุรี จ.นครปฐม จ.สมุทรปราการ และจ.ฉะเชิงเทรา จึงเตือนประชาชนเตรียมรับสถานการณ์น้ำท่วม และหลีกเลี่ยงเส้นทางจราจรที่มีน้ำท่วมขัง รวมทั้งติดตามข่าวสถานการณ์น้ำท่วม และระดับน้ำอย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมอุปกรณ์ป้องกัน ตลอดจนเตรียมย้ายที่อยู่ชั่วคราว
**ทบ.ตั้งศูนย์บรรเทาสาธารณภัยทุกพื้นที่
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวถึงการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยว่า ทางกองทัพบกได้จัดตั้งศูนย์บรรเทาสาธารณภัยทั่วทุกพื้นที่ที่ประสบอุทกภัย และได้ร่วมมือกับส่วนราชการ ทหาร ตำรวจ และประชาชน เข้ามามีส่วนร่วมในการช่วยเหลือประชาชนมาโดยตลอด
พร้อมทั้งได้มีการสั่งการคณะแพทย์ทหารลงพื้นที่ดูแลช่วยเหลือประชาชนอย่างใกล้ชิด ซึ่งกองทัพบกเป็นหน่วยงานที่มีความพร้อมเข้าไปดูแลช่วยเหลือผู้ประภัยอย่างเต็มที่ตามนโยบายของกองบัญชาการกองทัพไทย กระทรวงกลาโหม ทั้งนี้ขอให้ผู้ประสบอุทกภัยเข้มแข็ง อดทน อดกลั้น เชื่อว่าปัญหาทุกอย่างต้องผ่านไปได้
สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ซึ่งเกิดเหตุขึ้นหลายจุดเมื่อวานนี้ (28 ก.ย.) ปรากฏว่า ในพื้นที่ อ.สันทราย และ อ.แม่แตง สถานการณ์น้ำเริ่มคลี่คลายลง แต่ในพื้นที่เขตเทศบาลนครเชียงใหม่ แม่น้ำปิงเริ่มไหลทะลักข้าท่วมในพื้นที่โดยในช่วงบ่ายวานนี้ แม่น้ำปิงได้ไหลเข้าท่วมในพื้นที่เขตเทศบาลนครเชียงใหม่ โดยเฉพาะที่บริเวณจุดวัดน้ำ P.1 สะพานนวรัตน์ และบริเวณถนนช้างคลานบางส่วนมีน้ำไหลเข้าท่วมอย่างรวดเร็ว หลังจากช่วงเช้ามีรายงานว่าระดับน้ำในแม่น้ำปิงได้เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง เนื่องจากระดับน้ำในแม่น้ำปิงที่จุดวัดน้ำ P.67 แม่แตง เหนือตัวเมืองเชียงใหม่เพิ่มสูงกว่าระดับวิกฤตประกอบกับน้ำจากลำน้ำสาขาอื่น ๆ ได้ไหลสมทบลงสู่แม่น้ำปิงทำให้เทศบาลนครเชียงใหม่ต้องออกประกาศเตือนประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงเตรียมการรับเหตุน้ำท่วม ส่วนโรงเรียนหลายแห่งที่ตั้งอยู่ในบริเวณจุดเสี่ยงได้หยุดทำการเรียนการสอน และให้นักเรียนเดินทางกลับบ้าน
นายชาตรี เชื้อมโนชาญ รองนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ ได้สั่งเสริมกระสอบทรายตลอดแนวแม่น้ำปิง เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำไหลทะลักเข้าสู่พื้นที่สำคัญ 3 จุด ซึ่งเป็นพื้นที่เศรษฐกิจ ได้แก่บริเวณถนนสันป่าข่อย ตลาดวโรรส และไนท์บาซาร์ โดยแนวผนังกระสอบทรายสามารถป้องกันน้ำได้สูงสุด 4.70 เมตร แต่ปริมาณน้ำเพิ่มสูงเกินระดับ 4.70 เมตรขึ้นไปก็จะทำให้น้ำไหลเข้าท่วมพื้นที่สำคัญดังกล่าวแน่นอน
ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้เดินทางเข้าตรวจสอบสถานการณ์ที่บริเวณจุดวัดน้ำ P.1 สะพานนวรัตน์ พร้อมกำชับให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องพยายามรักษาพื้นที่สำคัญภายในตัวเมืองเชียงใหม่ไว้ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
**น้ำท่วมไนท์บาซาร์-ช้างคลาน
อย่างไรก็ตาม เวลาประมาณ 17.00 น.น้ำจากแม่น้ำปิงที่มีปริมาณสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องได้เริ่มไหลทะลักเข้าท่วมบริเวณ ถ.เจริญประเทศ ต่อเนื่องไปจนถึงไนท์บาซาร์ ส่งผลให้มีน้ำท่วมขังบนถนนช้างคลาน ตั้งแต่บริเวณแยกวัดอุปคุตไปตลอดสาย โดยปริมาณน้ำได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจนอยู่ในระดับเดียวกับทางเท้า
บรรยากาศที่ ถ.ช้างคลาน บริเวณไนท์บาซาร์นั้น แม้จะยังมีรถเข็นขายของออกมาจอดเรียงรายอยู่ตามทางเท้า แต่ส่วนใหญ่ยังไม่มีการจัดร้านแต่อย่างใด เนื่องจากไม่แน่ใจในสถานการณ์ว่าปริมาณน้ำจะเพิ่มมากขึ้นอีกหรือไม่ เช่นเดียวกับร้านค้าหลายแห่งในบริเวณดังกล่าวที่ไม่มีการเปิดร้าน แต่หันมาจัดเตรียมกระสอบทรายหรือผ้ายางเพื่อปิดกั้นน้ำไม่ให้ไหลเข้าไปในร้านแทน
นอกจากนี้ ยังมีรายงานข่าวว่า น้ำที่ท่วมขังในบริเวณ ถ.ช้างคลาน ตั้งแต่บริเวณสี่แยกแสงตะวันได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยที่บริเวณโรงแรมเดอะปาร์คน้ำสูงถึงระดับหน้าอก ส่วนที่หมู่บ้านเชียงใหม่แลนด์ก็มีน้ำท่วมขังภายในหมู่บ้านทั้งหมดเช่นกัน
ขณะที่บริเวณตลาดดอกไม้ซึ่งตั้งอยู่ติดกับแม่น้ำปิง ร้านค้าบางส่วนเก็บข้าวของออกจากพื้นที่เนื่องจากระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีประชาชนให้ความสนใจมามุงดูสภาพน้ำในแม่น้ำปิงที่บริเวณดังกล่าว รวมทั้งที่สะพานจันทร์สมอนุสรณ์เป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม มีร้านค้าอีกหลายร้านยังเปิดร้านตามปกติและยังไม่ได้เคลื่อนย้ายแต่อย่างใด
**"กาดหลวง"ก่อกำแพงเตรียมรับน้ำ
ที่ตลาดวโรรส และตลาดต้นลำไย ร้านค้าหลายร้านได้เริ่มก่อกำแพงอิฐบล็อกเพื่อป้องกันน้ำท่วม หลังจากคาดการณ์ว่ามีโอกาสสูงที่น้ำจากแม่น้ำปิงจะไหลเข้าท่วมพื้นที่ตลาดในคืนวันที่ 28 ก.ย.
นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบสถานการณ์บริเวณไนท์บาซาร์ รวมทั้งได้เดินทางไปแจกจ่ายสิ่งของบรรเทาทุกข์ให้กับประชาชนที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านเชียงใหม่แลนด์ และชุมชนป่าพร้าวนอก
มีรายงานข่าวว่า การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดเชียงใหม่อาจจะทำการตัดกระแสไฟฟ้าบริเวณไนท์บาซาร์ในวันนี้(29 ก.ย.) หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้ตัดกระแสไฟฟ้าที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ไปแล้ว เนื่องจากเกรงว่าระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นในพื้นที่ดังกล่าวจะท่วมตู้ควบคุมกระแสไฟฟ้าและก่อให้เกิดอันตรายแก่ประชาชนในพื้นที่ โดยทางการไฟฟ้าได้ติดตามสถานการณ์ในพื้นที่อย่างใกล้ชิด และจะทำการตัดไฟฟ้าทันทีหากน้ำท่วมถึงตู้ควบคุมกระแสไฟฟ้า
นายวินัย พงษ์จินดา ผู้อำนวยการสำนักชลประทานที่ 1 กล่าวว่า คาดว่าระดับแม่น้ำปิงที่จุด P1 สะพานนวรัฐ อ.เมืองเชียงใหม่ จะถึงจุดสูงสุดที่ 4.90 เมตรในเวลาเที่ยงคืนวันที่ 28 ก.ย. ซึ่งจะส่งผลให้น้ำทะลักเข้าท่วมในพื้นที่ตัวเมืองเชียงใหม่เพิ่มขึ้นหลายจุด รวมทั้งที่ตลาดต้นลำไยย่านเศรษฐกิจที่สำคัญอีกแห่งของ จ.เชียงใหม่ จากนั้นน้ำปิงจะเริ่มทรงตัวและในเวลาใกล้รุ่งเช้าวันที่ 29 ก.ย.จะเริ่มลดระดับลง
**พบ 5 ศพเหยื่อน้ำป่าถล่มแม่ก๋าย
จากเหตุน้ำป่าไหลหลากและดินถล่มที่บ้านก๋ายน้อย ต.เมืองก๋าย อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่เมื่อคืนวันที่ 27 ก.ย.ที่ผ่านมา ทำให้บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย รวมทั้งมีผู้สูญหายจากเหตุการณ์ดังกล่าวรวม 5 รายนั้น เจ้าหน้าที่ได้พบศพผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวทั้งหมดแล้ว
นายอนุพงษ์ วาวงศ์มูล นายอำเภอแม่แตง ระบุว่าผู้เสียชีวิต 4 รายที่เจ้าหน้าที่ค้นพบประกอบด้วยนายจำรัส อินทรัตน์, นางแสงทอง อินทรัตน์, นางพัฒน์ อินทรัตน์ และ ด.ญ.มัลลิกา อินทรัตน์ เหลือเพียงนายสุนทร อินทรัตน์ สามีของนางพัฒน์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ยังคงทำการค้นหาต่อไป แต่ล่าสุดนายคมสัน สุวรรณอัมภา หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ได้ค้นพบศพผู้เสียชีวิตรายที่ 5 แล้ว แต่ยังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบว่าเป็นนายสุนทร หรือไม่
**พิจิตร จมบาดาลทั้งจังหวัด
ด้านสถานการณ์น้ำท่วมในเขต จ.พิจิตร น้ำยังคงท่วมสูงทั้งในเขตลุ่มน้ำน่านและลุ่มน้ำยม ถนนที่ใช้สัญจรไปมาเข้าสู่เขตเทศบาลเมืองพิจิตรและในตัวเมืองเกือบทุกเส้นทางถูกน้ำท่วมตัดขาด ยังคงเหลือเพียงทางหลวงหมายเลข 117 พิษณุโลก-พิจิตร-นครสวรรค์ แยกเข้าทางหลวง 115 สี่แยกปลวกสูง-สามง่าม -พิจิตร เส้นทางเดียวเท่านั้นที่จะเข้าสู่เมืองพิจิตรได้ นอกนั้นถูกน้ำท่วมหมดแล้ว รวมถึงรางรถไฟก็ถูกน้ำท่วมทำให้รถไฟสายเหนือที่ผ่านจ.พิจิตร ต้องหยุดวิ่งด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ น้ำจากแม่น้ำน่านที่ไหลเข้าท่วม ต.ปากทาง ต.ป่ามะคาบ ต.ท่าหลวง ซึ่งล้วนอยู่รอบเทศบาลเมืองพิจิตรน้ำก็ไหลบ่าเข้ามายังพื้นที่ผืนสุดท้าย คือ ในเขตเทศบาลเมืองพิจิตรแล้ว โดยน้ำได้เข้าท่วมตลาดราชรถ ซึ่งอยู่ทางด้านทิศเหนือของเทศบาลเมืองพิจิตรและน้ำอาจเข้าท่วมวิทยาลัยเทคนิคพิจิตร โรงเรียนพิจิตรพิทยาคม สนามกีฬาจังหวัดพิจิตร ที่เพิ่งทำการสร้างเสร็จมูลค่าเกือบ 200 ล้านบาท
เทศบาลเมืองพิจิตร และนายชาติชาย เจียมศรีพงษ์ นายก อบจ.พิจิตร ได้ระดมคนงานเร่งนำกระสอบทรายก่อกั้นเป็นแนวกั้นน้ำเพื่อรักษาพื้นที่เศรษฐกิจและสถานที่ราชการดังกล่าว แต่ถ้ามีฝนตกซ้ำลงมา ก็คงยากที่จะรอดพ้นจากการถูกน้ำท่วมใหญ่ในเขตชุมชนเมืองอย่างแน่นอน
**อิทธิพลบางระกำเหิมขู่เอาชีวิตชาวนา
ที่ สภ.ชุมแสงสงคราม อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก นายเชาว์ พันเปี่ยม พร้อมกลุ่มชาวนาอีก 5 คนใน ต.ชุมแสงสงคราม อ.บางระกำ ที่ได้รับความเดือดร้อน จากผู้นำท้องถิ่นเรียกเก็บหัวคิวจากเงินชดเชยน้ำท่วมนา เข้าแจ้งความ พ.ต.ท.เกตุชัย นาสอน (สบ.2) สภ.ชุมแสงสงคราม เนื่องจากหลังได้เข้าร้องเรียนผู้ใหญ่บ้านและผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านเรียกเก็บเงินชดเชยค่าน้ำท่วมนาจำนวนคนละ 2 ไร่ เป็นเงิน 4,400 บาท มีชาวบ้านจำนวนมาก หลังจากได้รับเงินจาก ธ.ก.ส.เรียบร้อย ต้องนำไปจ่ายให้กับผู้ใหญ่บ้านและผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน กระทั่งมีการเข้าร้องเรียนที่ศูนย์บางระกำโมเดล และศูนย์ดำรงธรรม ที่ศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 27 ก.ย.ที่ผ่านมา ปรากฏว่า ทางชาวบ้านได้รับข้อความข่มขู่ว่าใครมาเปิดเผยเรื่องนี้ “แค่ปืนจ่อหัวก็พอ” เกรงว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัย จึงได้พากันเข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันเพี่อเป็นหลักฐาน
นายมนัส ครุฑวิเศษ อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 190 หมู่ 10 ต.ชุมแสงสงคราม อ.บางระกำ กล่าวว่า ที่ตนมาแจ้งความ เพราะได้จ่ายเงินไปแล้ว โดยฝากเงินกับเพื่อนบ้านให้ไปจ่ายกับผู้ใหญ่บ้าน 4,400 บาท ก่อนหน้าตนได้ปลูกข้าวถูกน้ำท่วมทั้งหมด 36 ไร่ แต่ผู้ใหญ่บ้านมาหักออกไป 2 ไร่และต้องนำเงินสดไปจ่ายให้กับผู้ใหญ่ เพราะถ้าไม่จ่ายในปีหน้าตนอาจจะไม่ได้รับลงทะเบียนช่วยเหลือเงินชดเชย
นายจันทร์แรม อินเหมือน อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 123/2 หมู่ 10 ต.ชุมแสงสงคราม อ.บางระกำ ยืนยันว่า ได้จ่ายเงินไปแล้ว 8,000 บาท เพราะได้ทำนา 25 ไร่และถูกตัดหัวไร่ปลายนาไป 2 ไร่ พร้อมกับแม่ตนที่ทำนาอีก 15 ไร่ถูกหัก 2 ไร่ เป็นเงิน 4,000 บาทเช่นกัน ตนต้องนำเงินไปจ่ายเงินให้ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน เพราะได้โทรศัพท์มาทวงตลอดเวลา
พ.ต.ท.เกตุชัย นาสอบ (สบ.2) สารวัตร สภ.ชุมแสงสงคราม กล่าวว่า ตนรับแจ้งความพร้อมลงบันทึกประจำไว้เป็นหลักฐาน เพราะผู้เสียหายทั้งหมด 6 คนได้เปิดโปงผู้มีอิทธิพล รับกินหัวคิวเงินค่าชดเชยน้ำท่วม ทำให้ผู้เสียหาย หวั่นเกรงว่า จะเกิดเหตุร้ายกับกลุ่มตนเอง จึงได้สอบสอบสวนเบื้องต้น และลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน
**"ไห่ถาง"ถล่มอีสานหลายจังหวัดอ่วม
ในพื้นที่ จ.มุกดาหาร เกิดเหตุดินภูเขาทางทิศเหนือของบ้านมะนาว ต.กกตูม อ.ดงหลวง สไลด์ลงมาเนื่องจากฝนตกต่อเนื่องหลายวัน แต่ไม่มีผู้ได้รับอันตราย เนื่องจากบริเวณที่เกิดเหตุห่างจากหมู่บ้าน เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในพื้นที่เสี่ยงภัย เฝ้าติดตามสถานการณ์ปริมาณน้ำฝนและระดับน้ำในลำห้วย อย่างใกล้ชิด พร้อมประกาศเตือนประชาชนริมฝั่งลำน้ำสาขา ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำล้นตลิ่ง รวมถึงดินโคลนถล่ม
ที่ จ.นครพนม องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมถึงเทศบาลเมือง ระดมติดตั้งเครื่องสูบน้ำ แม้ระดับน้ำโขงจะทรงตัวที่ 11 เมตร แต่หลายพื้นที่ยังมีฝนตกต่อเนื่อง ทำให้ปริมาณน้ำโขงเพิ่มขึ้นและเอ่อท่วม
ส่วนที่ จ.อุบลราชธานี ถนนสรรพสิทธิ์ และถนนเลี่ยงเมือง มีน้ำท่วมสูง เจ้าหน้าที่เร่งกั้นกระสอบทรายและสูบน้ำออก เพื่อใช้งานได้ปกติ แก้ปัญหาการจราจรคับคั่งในตัวเมือง
ขณะที่ จ.กาฬสินธุ์ ต้องระบายน้ำออกจากเขื่อนลำปาว อย่างต่อเนื่อง ทำให้ลำน้ำปาวเพิ่มสูงขึ้นรวดเร็ว เอ่อท่วมถนนหน้าโรงสีข้าวพระราชทาน บ้านโนนศิลาเลิง หมู่ 1 ต.โนนศิลา อ.ฆ้องชัย สูงกว่า 1 เมตร ชาวบ้านไม่สามารถสัญจรผ่านไปมาได้ โรงสีจึงงดรับซื้อข้าวเปลือกชั่วคราวจนกว่าระดับน้ำจะลดลง
**ถนนสายบ้านแพรก-ลพบุรี จมน้ำ
ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ถนนสายบ้านแพรก-ลพบุรี ระยะทางประมาณ 30 กิโลเมตรถูกน้ำจากแม่น้ำลพบุรีไหลเข้าท่วมได้รับความเสียหาย โดยพบว่าน้ำจากแม่น้ำลพบุรีเพิ่มสูงขึ้นจากวันที่ 27 ก.ย.อีก 2 ซม.ส่งผลให้ผิวการจราจรตั้งแต่ ต.โรงช้าง อ.มหาราช ไปจนถึง ต.โพธิ์เก้าต้น อ.เมือง จ.ลพบุรี ระยะทางประมาณ 25 กิโลเมตรถูกน้ำท่วมตลอดสาย ทั้งนี้ พบว่าระดับน้ำที่ท่วมบางจุด โดยเฉพาะตั้งแต่ ต.สำพะเนียง อ.บ้านแพรก ไปจนถึงเขตติดต่อกับ จ.ลพบุรี มีน้ำท่วมสูงมากกว่า 40 ซม. โดยสำนักงานบำรุงทางอ่างทอง-อยุธยา ซึ่งรับผิดชอบต้องนำป้ายมาติดตั้งแจ้งเตือนประชาชนเป็นระยะและห้ามรถเล็กสัญจรผ่าน เนื่องจากน้ำท่วมสูงและกระแสน้ำไหลแรงอาจจะเป็นอันตรายสำหรับผู้สัญจรผ่านไป-มา
นอกจากนี้ สิ่งที่ชาวบ้านริมถนนกำลังประสบปัญหามาก คือความเร็วของรถยนต์ที่สัญจรผ่านเส้นทางดังกล่าวจะใช้ความเร็วค่อนข้างมาก ทำให้น้ำที่ท่วมผิวการจราจรกระเซ็นเข้าใส่ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ข้างทางและรถยนต์ที่สัญจรผ่านไป-มาจนมีผู้ที่ขับรถยนต์หลายรายทะเลาะกันมาแล้ว
**ผู้ว่าฯ ลพบุรีแจ้งน้ำท่วมหนักทั่วเมือง
นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี ได้ประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ร่วมกับนายกรัฐมนตรี โดยแจ้งว่า ขณะนี้น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยายังคงไหลเข้าสู่ลพบุรีมากขึ้นไม่ต่ำกว่าวันละ 70 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่วนความเสียหายขณะนี้มีกว่า 30 ตำบลใน 3 อำเภอ คือที่ อ.เมือง บ้านหมี่ และท่าวุ้ง การให้ความช่วยเหลือขณะนี้ทางจังหวัดได้ทำการแจ้งเตือนภัยให้แก่ประชาชนตลอดเวลา พร้อมกับสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนด้วยการจัดสถานที่รองรับไว้กับประชาชนที่ถูกน้ำท่วมหลายร้อยแห่ง
ส่วนช่วงที่น้ำท่วมมีโรงเรียน 75 โรงเรียน นักเรียนกว่า 8,000 คนต้องหยุดเรียน ทางจังหวัดมีแผนชดเชยการสอนด้วยการจัดตั้งโรงเรียนชั่วคราว ด้วยการตั้งเต็นท์และให้ครูมาสอน รวมทั้งโครงการรถโรงเรียนเคลื่อนที่ไปตามสถานที่ต่างๆ โดยสามารถเริ่มโครงการนี้ได้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมนี้
**13 เขต กทม.เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน
สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน):สทอภ.หรือ GISTDA หน่วยงานในสังกัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้เผยภาพจากดาวเทียม แสดงพื้นที่เสี่ยงภัยที่จะเกิดน้ำท่วมฉับพลันในช่วง 3-5 วันที่จะถึงนี้ ใน 13 เขตของกรุงเทพฯ ได้แก่ หนองค้างพลู ทุ่งสองห้อง สายไหม คลองถนน อนุสาวรีย์ จระเข้บัว ลาดพร้าว คลองกุ่ม คลองจั่น หัวหมาก สะพานสูง คลองสอง ลาดสนุ่น ลาดกระบัง และบริเวณปริมณฑล ได้แก่ จ.นนทบุรี จ.นครปฐม จ.สมุทรปราการ และจ.ฉะเชิงเทรา จึงเตือนประชาชนเตรียมรับสถานการณ์น้ำท่วม และหลีกเลี่ยงเส้นทางจราจรที่มีน้ำท่วมขัง รวมทั้งติดตามข่าวสถานการณ์น้ำท่วม และระดับน้ำอย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมอุปกรณ์ป้องกัน ตลอดจนเตรียมย้ายที่อยู่ชั่วคราว
**ทบ.ตั้งศูนย์บรรเทาสาธารณภัยทุกพื้นที่
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวถึงการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยว่า ทางกองทัพบกได้จัดตั้งศูนย์บรรเทาสาธารณภัยทั่วทุกพื้นที่ที่ประสบอุทกภัย และได้ร่วมมือกับส่วนราชการ ทหาร ตำรวจ และประชาชน เข้ามามีส่วนร่วมในการช่วยเหลือประชาชนมาโดยตลอด
พร้อมทั้งได้มีการสั่งการคณะแพทย์ทหารลงพื้นที่ดูแลช่วยเหลือประชาชนอย่างใกล้ชิด ซึ่งกองทัพบกเป็นหน่วยงานที่มีความพร้อมเข้าไปดูแลช่วยเหลือผู้ประภัยอย่างเต็มที่ตามนโยบายของกองบัญชาการกองทัพไทย กระทรวงกลาโหม ทั้งนี้ขอให้ผู้ประสบอุทกภัยเข้มแข็ง อดทน อดกลั้น เชื่อว่าปัญหาทุกอย่างต้องผ่านไปได้