ASTVผู้จัดการรายวัน - เตือนอีสานระวังฝนตกหนักมาก 26-28 ก.ย.นี้ ยอดสังเวยน้ำท่วมล่าสุด 140 ศพ สูญหายอีก 2 ราย นายกฯ คอนเฟอเร้นซ์ตามภาวะน้ำท่วม "ชัยนาท-สิงห์บุรี-ลพบุรี-สุโขทัย" สั่งเร่งแก้ปัญหา เตรียมลงพื้นที่ลพบุรีอาทิตย์นี้
ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 08.45น.วานนี้ (23 ก.ย.)น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ประชุมผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ติดตามสถานการณ์อุทกภัยไปยังศูนย์สนับสนุนการอำนวยการและการบริหารสถานการณ์อุทกภัย วาตภัยและดินโคลนถล่ม (ศอส.)ในพื้นที่ จ.ชัยนาท สิงห์บุรี และ จ.ลพบุรี พร้อมด้วยนายบัณฑูรย์ สุภัควาณิชย์ เลขานุการนายกรัฐมนตรี และนางฐิติมา ฉายแสง โฆษกประจำสำนักนายกฯ โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำว่า จะทำการติดตามสถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดต่างๆ ผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ทุกวันวันละ 30 นาที จนกว่าระดับน้ำจะลดลงเพื่อติดตามการทำงานของรัฐมนตรีในการลงพื้นที่ รวมทั้งจะมีการประสานงานกับทางจังหวัดเพื่อแก้ปัญหาได้ตรงจุด
จากนั้นเวลา 09.15 น.นายกฯได้ประชุมผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ติดตามสถานการณ์อุทกภัยไปยัง จ.สุโขทัย โดยมี พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.คมนาคม และนายจักรินทร์ เปลี่ยนวงษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย เป็นผู้รายงานสถานการณ์ในพื้นที่
ส่วนที่กระทรวงมหาดไทย ก็มีการประชุม ศอส.เช่นกันโดยผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี ลพบุรี ชัยนาท และสุโขทัย ได้รายงานสถานการณ์น้ำท่วมผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอร์เรนท์ไปยังนายกฯ ที่ทำเนียบรัฐบาล
โดยนายฉัตรชัย พรหมเลิศ ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี กล่าวว่า น้ำที่ท่วมอยู่ขณะนี้มาจากฝนตกหนัก น้ำจากประตูน้ำบางโฉมศรี และน้ำจากเขื่อนชัยนาท ที่มีปริมาณเพิ่มขึ้นทุกวัน เบื้องต้นได้อพยพประชาชนไปที่ปลอดภัยแล้ว ส่วนกรณีเรือสื่อมวลชนล่มนั้นมาจากคลื่นที่ลมพัดมาแรง ส่วนข้อเรียกร้องไปยังนายกฯ ตนขอให้ยกเลิกระเบียบกระทรวงการคลังที่การใช้งบช่วยเหลือฉุกเฉิน ต้องประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติเพื่อให้สามารถนำเงินออกมาช่วยเหลือได้ทันที เพราะตอนที่น้ำไหลมาจาก จ.สิงห์บุรีป้องกันไม่ทัน
ทั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ขอให้กรมอุตุนิยมวิทยาไปตรวจสอบสภาพอากาศ ว่าจังหวัดไหนที่อาจจะเกิดฝนตกหนักทำให้เสี่ยงเกิดน้ำท่วมฉับพลันจะได้ให้จังหวัดนั้นนำเงินฉุกเฉินออกมาใช้ก่อนโดยไม่ต้องประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติ นอกจากนี้ เงินกองทุนบริจาคที่รัฐบาลได้รับมานั้นให้อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.)ไปหารือกับนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย เพื่อหาวิธีการนำเงินนี้ไปช่วยเหลือเร่งด่วน และให้ ปภ.ประสานเรื่องของการเร่งระบายน้ำ นอกจากนี้ ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสั่งการนายอำเภอ กำนันผู้ใหญ่บ้าน ให้ดูแลพื้นที่อย่างทั่วถึง โดยเฉพาะต้องช่วยระงับข้อพิพาทของประชาชน และฝากให้ดูแลถนนเส้นที่ขาดเพราะน้ำท่วม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันเสาร์ที่ 24 ก.ย.นี้นายยงยุทธ จะเป็นผู้แทนพระองค์ในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์ราชกัญญา ศิริวัฒนาพัณณวดี ในการมอบถุงยังชีพแก่ผู้ประสบภัยใน จ.อ่างทอง สิงห์บุรี และพระนครศรีอยุธยา
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอร์เร้นซ์ว่า ความจริงอยากให้คณะกรรมการ ศอส.ทำงานทุกวันในการติดตาม และส่วนตัวจะพยายามเข้ามาทุกวันหรืออาจจะมอบหมายให้ท่านอื่นมาทำหน้าที่เป็นประธานในการติดตามสถานการณ์ทุกจังหวัดแทนเพื่อเป็นการเร่งรัดการแก้ปัญหาโดยเร็ว เพราะหลังจากน้ำลดแล้วเราก็ต้องเร่งฟื้นฟูพื้นที่ด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่คงต้องทำงานกันอีกเป็นเดือน
ส่วนการเตรียมรับมือพายุลูกใหม่ที่กรมอุตุนิยมวิทยาบอกว่า กำลังจะเข้าประเทศไทยอีกลูกนั้น นายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้มีการเตรียมรับมือไว้แล้วในทุกจังหวัด ส่วนงบประมาณที่มีอยู่จะเพียงพอต่อการเยียวยาหรือไม่นั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวยอมรับว่า เบื้องต้นได้ใช้งบประมาณในส่วนที่เป็นงบกลางที่มีอยู่หมดแล้ว ขณะนี้ต้องเร่งหางบฯในส่วนอื่นๆ มาช่วยโดยเฉพาะในหน่วยงานต่างๆ ที่จะนำไปใช้ในเรื่องที่ไม่จำเป็นก็จะขอความร่วมมือให้นำมาช่วยในส่วนนี้ก่อน ซึ่งวันนี้ก็หาได้อีกก้อนหนึ่ง
นางฐิติมา ฉายแสง โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า ในวันอาทิตย์ที่ 25 ก.ย.นี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะเดินทางไปลงพื้นที่ดูสถานการณ์น้ำท่วมที่ อ.บ้านหมี่และอ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี ที่มีน้ำท่วมขังทั้ง 11 อำเภอ จนทำให้นายกฯตกใจเมื่อทราบข้อมูล ขณะที่ความเสียหายของคณะสื่อมวลชนที่เรือล่มระหว่างลงพื้นที่ตรวจสถานการณ์น้ำท่วมกับนายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จนทำให้กล้องวีดีโอและโทรศัพท์มือถือเสียหาย รวมมูลค่ากว่า 2 แสนบาท นายกฯยังบอกว่ายินดีจะให้ความช่วยเหลือ
ด้านนายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดี ปภ.ในฐานะรองผู้อำนวยการ ศอส.กล่าวว่า ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยใน 23 จังหวัดได้แก่ จ.สุโขทัย พิจิตร พิษณุโลก นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม ปทุมธานี นนทบุรี อุบลราชธานี ชัยภูมิ ยโสธร ขอนแก่น อำนาจเจริญ ฉะเชิงเทรา นครนายก และปราจีนบุรี รวม 140 อำเภอ 1,052 ตำบล 80,312 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 573,160 ครัวเรือน 1,903,708 คน มีผู้เสียชีวิต 140 ราย ผู้สูญหาย 2 ราย ทั้งนี้ ในช่วงวันที่ 26-28 ก.ย.ต้องเฝ้าระวังพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นพิเศษ เนื่องจากอิทธิพลของหย่อมความกดอากาศต่ำ ทำให้มีฝนตกหนักถึงหนักมากในบางพื้นที่ จึงขอให้ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัย ทั้งที่ลาดเชิงเขาและใกล้ทางน้ำไหลผ่านเฝ้าระวังน้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม โดยเฉพาะพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี และศรีสะเกษ
นายวิบูลย์ กล่าวต่อว่า สำหรับสถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำต่างๆ ที่ยังต้องเฝ้าระวัง เนื่องจากมีปริมาณน้ำมากและมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นได้แก่ ลุ่มน้ำน่าน ที่ อ.เมือง อ.บางมูลนาก จ.พิจิตร อ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์ ลุ่มน้ำปราจีนบุรี ที่ อ.กบินทร์บุรี อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ลุ่มน้ำมูล ที่ อ.พิมาย จ.นครราชสีมา อ.ตระการพืชผล อ.เมือง จ.อุบลราชธานี อ.ลำปลายมาศ อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด อ.เมือง อ.ราษีไศล จ.ศรีสะเกษ อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ ลุ่มน้ำชี ที่ อ.จังหาร อ.ทุ่งเขาหลวง จ.ร้อยเอ็ด อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น อ.ศรีธาตุ จ.อุดรธานี ลุ่มน้ำโขง ที่อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม ลุ่มน้ำสะแกกรังที่ อ.เมือง จ.อุทัยธานี ลุ่มน้ำท่าจีน ที่ อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี ขณะที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา มีน้ำล้นตลิ่งในพื้นที่ลุ่มต่ำ 8 จังหวัด ได้แก่ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี และนนทบุรี
"ขอเตือนประชาชนว่าในช่วงวันที่ 23-25 ก.ย.ให้รับมือฝนตกหนัก อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากและดินถล่ม ในบริเวณอาศัยใกล้พื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณที่ลาดเชิงเขา ใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ราบลุ่มใน 47 จังหวัด ได้แก่ แม่ฮ่องสอน ลำพูน ลำปาง เชียงราย พะเยา แพร่ น่าน พิษณุโลก สุโขทัย เพชรบูรณ์ อุตรดิตถ์ กำแพงเพชร พิจิตร นครสวรรค์ อุทัยธานี หนองบัวลำภู เลย หนองคาย อุดรธานี บึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร ขอนแก่นมหาสารคาม ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี อำนาจเจริญ ยโสธร ชัยภูมิ นครราชสีมา สุรินทร์ บุรีรัมย์ ปราจีนบุรีสระแก้ว นครนายก ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ และตรัง".
ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 08.45น.วานนี้ (23 ก.ย.)น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ประชุมผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ติดตามสถานการณ์อุทกภัยไปยังศูนย์สนับสนุนการอำนวยการและการบริหารสถานการณ์อุทกภัย วาตภัยและดินโคลนถล่ม (ศอส.)ในพื้นที่ จ.ชัยนาท สิงห์บุรี และ จ.ลพบุรี พร้อมด้วยนายบัณฑูรย์ สุภัควาณิชย์ เลขานุการนายกรัฐมนตรี และนางฐิติมา ฉายแสง โฆษกประจำสำนักนายกฯ โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำว่า จะทำการติดตามสถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดต่างๆ ผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ทุกวันวันละ 30 นาที จนกว่าระดับน้ำจะลดลงเพื่อติดตามการทำงานของรัฐมนตรีในการลงพื้นที่ รวมทั้งจะมีการประสานงานกับทางจังหวัดเพื่อแก้ปัญหาได้ตรงจุด
จากนั้นเวลา 09.15 น.นายกฯได้ประชุมผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ติดตามสถานการณ์อุทกภัยไปยัง จ.สุโขทัย โดยมี พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.คมนาคม และนายจักรินทร์ เปลี่ยนวงษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย เป็นผู้รายงานสถานการณ์ในพื้นที่
ส่วนที่กระทรวงมหาดไทย ก็มีการประชุม ศอส.เช่นกันโดยผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี ลพบุรี ชัยนาท และสุโขทัย ได้รายงานสถานการณ์น้ำท่วมผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอร์เรนท์ไปยังนายกฯ ที่ทำเนียบรัฐบาล
โดยนายฉัตรชัย พรหมเลิศ ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี กล่าวว่า น้ำที่ท่วมอยู่ขณะนี้มาจากฝนตกหนัก น้ำจากประตูน้ำบางโฉมศรี และน้ำจากเขื่อนชัยนาท ที่มีปริมาณเพิ่มขึ้นทุกวัน เบื้องต้นได้อพยพประชาชนไปที่ปลอดภัยแล้ว ส่วนกรณีเรือสื่อมวลชนล่มนั้นมาจากคลื่นที่ลมพัดมาแรง ส่วนข้อเรียกร้องไปยังนายกฯ ตนขอให้ยกเลิกระเบียบกระทรวงการคลังที่การใช้งบช่วยเหลือฉุกเฉิน ต้องประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติเพื่อให้สามารถนำเงินออกมาช่วยเหลือได้ทันที เพราะตอนที่น้ำไหลมาจาก จ.สิงห์บุรีป้องกันไม่ทัน
ทั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ขอให้กรมอุตุนิยมวิทยาไปตรวจสอบสภาพอากาศ ว่าจังหวัดไหนที่อาจจะเกิดฝนตกหนักทำให้เสี่ยงเกิดน้ำท่วมฉับพลันจะได้ให้จังหวัดนั้นนำเงินฉุกเฉินออกมาใช้ก่อนโดยไม่ต้องประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติ นอกจากนี้ เงินกองทุนบริจาคที่รัฐบาลได้รับมานั้นให้อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.)ไปหารือกับนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย เพื่อหาวิธีการนำเงินนี้ไปช่วยเหลือเร่งด่วน และให้ ปภ.ประสานเรื่องของการเร่งระบายน้ำ นอกจากนี้ ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสั่งการนายอำเภอ กำนันผู้ใหญ่บ้าน ให้ดูแลพื้นที่อย่างทั่วถึง โดยเฉพาะต้องช่วยระงับข้อพิพาทของประชาชน และฝากให้ดูแลถนนเส้นที่ขาดเพราะน้ำท่วม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันเสาร์ที่ 24 ก.ย.นี้นายยงยุทธ จะเป็นผู้แทนพระองค์ในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์ราชกัญญา ศิริวัฒนาพัณณวดี ในการมอบถุงยังชีพแก่ผู้ประสบภัยใน จ.อ่างทอง สิงห์บุรี และพระนครศรีอยุธยา
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอร์เร้นซ์ว่า ความจริงอยากให้คณะกรรมการ ศอส.ทำงานทุกวันในการติดตาม และส่วนตัวจะพยายามเข้ามาทุกวันหรืออาจจะมอบหมายให้ท่านอื่นมาทำหน้าที่เป็นประธานในการติดตามสถานการณ์ทุกจังหวัดแทนเพื่อเป็นการเร่งรัดการแก้ปัญหาโดยเร็ว เพราะหลังจากน้ำลดแล้วเราก็ต้องเร่งฟื้นฟูพื้นที่ด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่คงต้องทำงานกันอีกเป็นเดือน
ส่วนการเตรียมรับมือพายุลูกใหม่ที่กรมอุตุนิยมวิทยาบอกว่า กำลังจะเข้าประเทศไทยอีกลูกนั้น นายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้มีการเตรียมรับมือไว้แล้วในทุกจังหวัด ส่วนงบประมาณที่มีอยู่จะเพียงพอต่อการเยียวยาหรือไม่นั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวยอมรับว่า เบื้องต้นได้ใช้งบประมาณในส่วนที่เป็นงบกลางที่มีอยู่หมดแล้ว ขณะนี้ต้องเร่งหางบฯในส่วนอื่นๆ มาช่วยโดยเฉพาะในหน่วยงานต่างๆ ที่จะนำไปใช้ในเรื่องที่ไม่จำเป็นก็จะขอความร่วมมือให้นำมาช่วยในส่วนนี้ก่อน ซึ่งวันนี้ก็หาได้อีกก้อนหนึ่ง
นางฐิติมา ฉายแสง โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า ในวันอาทิตย์ที่ 25 ก.ย.นี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะเดินทางไปลงพื้นที่ดูสถานการณ์น้ำท่วมที่ อ.บ้านหมี่และอ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี ที่มีน้ำท่วมขังทั้ง 11 อำเภอ จนทำให้นายกฯตกใจเมื่อทราบข้อมูล ขณะที่ความเสียหายของคณะสื่อมวลชนที่เรือล่มระหว่างลงพื้นที่ตรวจสถานการณ์น้ำท่วมกับนายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จนทำให้กล้องวีดีโอและโทรศัพท์มือถือเสียหาย รวมมูลค่ากว่า 2 แสนบาท นายกฯยังบอกว่ายินดีจะให้ความช่วยเหลือ
ด้านนายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดี ปภ.ในฐานะรองผู้อำนวยการ ศอส.กล่าวว่า ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยใน 23 จังหวัดได้แก่ จ.สุโขทัย พิจิตร พิษณุโลก นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม ปทุมธานี นนทบุรี อุบลราชธานี ชัยภูมิ ยโสธร ขอนแก่น อำนาจเจริญ ฉะเชิงเทรา นครนายก และปราจีนบุรี รวม 140 อำเภอ 1,052 ตำบล 80,312 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 573,160 ครัวเรือน 1,903,708 คน มีผู้เสียชีวิต 140 ราย ผู้สูญหาย 2 ราย ทั้งนี้ ในช่วงวันที่ 26-28 ก.ย.ต้องเฝ้าระวังพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นพิเศษ เนื่องจากอิทธิพลของหย่อมความกดอากาศต่ำ ทำให้มีฝนตกหนักถึงหนักมากในบางพื้นที่ จึงขอให้ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัย ทั้งที่ลาดเชิงเขาและใกล้ทางน้ำไหลผ่านเฝ้าระวังน้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม โดยเฉพาะพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี และศรีสะเกษ
นายวิบูลย์ กล่าวต่อว่า สำหรับสถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำต่างๆ ที่ยังต้องเฝ้าระวัง เนื่องจากมีปริมาณน้ำมากและมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นได้แก่ ลุ่มน้ำน่าน ที่ อ.เมือง อ.บางมูลนาก จ.พิจิตร อ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์ ลุ่มน้ำปราจีนบุรี ที่ อ.กบินทร์บุรี อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ลุ่มน้ำมูล ที่ อ.พิมาย จ.นครราชสีมา อ.ตระการพืชผล อ.เมือง จ.อุบลราชธานี อ.ลำปลายมาศ อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด อ.เมือง อ.ราษีไศล จ.ศรีสะเกษ อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ ลุ่มน้ำชี ที่ อ.จังหาร อ.ทุ่งเขาหลวง จ.ร้อยเอ็ด อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น อ.ศรีธาตุ จ.อุดรธานี ลุ่มน้ำโขง ที่อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม ลุ่มน้ำสะแกกรังที่ อ.เมือง จ.อุทัยธานี ลุ่มน้ำท่าจีน ที่ อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี ขณะที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา มีน้ำล้นตลิ่งในพื้นที่ลุ่มต่ำ 8 จังหวัด ได้แก่ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี และนนทบุรี
"ขอเตือนประชาชนว่าในช่วงวันที่ 23-25 ก.ย.ให้รับมือฝนตกหนัก อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากและดินถล่ม ในบริเวณอาศัยใกล้พื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณที่ลาดเชิงเขา ใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ราบลุ่มใน 47 จังหวัด ได้แก่ แม่ฮ่องสอน ลำพูน ลำปาง เชียงราย พะเยา แพร่ น่าน พิษณุโลก สุโขทัย เพชรบูรณ์ อุตรดิตถ์ กำแพงเพชร พิจิตร นครสวรรค์ อุทัยธานี หนองบัวลำภู เลย หนองคาย อุดรธานี บึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร ขอนแก่นมหาสารคาม ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี อำนาจเจริญ ยโสธร ชัยภูมิ นครราชสีมา สุรินทร์ บุรีรัมย์ ปราจีนบุรีสระแก้ว นครนายก ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ และตรัง".
