นายบุญชัย จรัสแสงสมบูรณ์ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาค สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า สศค.ได้ปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2554 ใหม่จากเดิมขยายตัว 4.5%เป็นคาดขยายตัวลดลงเหลือ 4% มีช่วงการขยายตัว 3.8-4.3% จากเดิมเดือนมิถุนายนมองไว้ที่ระดับ 4-4.5% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมที่ขยายวงกว้าง 26 จังหวัด ที่ส่งผลกระทบกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศทั้งการผลิตและการลงทุน โดยขณะนี้มีมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจแล้ว 2-4 หมื่นล้านบาท และยังมีความเสี่ยงจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ส่วนเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาพบว่าเศรษฐกิจไทยยังขยายตัวดีจากการใช้จ่ายในประเทศและการส่งออกที่สูงเป็นประวัติการณ์
สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 2555 สศค.คดาการณ์ว่าจะขยายตัวในระดับ 4.5% หรือมีช่วงขยายตัวที่ 4-4.5% โดยมีแรงขับเคลื่อนมาจากอุปสงค์ในประเทศที่เร่งตัวขึ้นจากผลของมาตรการรัฐบาล เช่น การปรับเพิ่มรายได้แรงงานรายวันละเงินเดือนข้าราชการ รวมถึงมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อผ่านโครงการถยนต์คันแรกบ้านหลังแรก ขณะแรงสนับสนุนจากเศรษฐกิจโลกยังมีแนวโน้มเริ่มฟื้นตัว โดยเฉพาะสหรัฐ ญี่ปุ่น ส่งผลให้การส่งออกยังขยายตัวได้แม้จะชะลอตัวลงจากปีนี้
“เศรษฐกิจประเทศคู่ค้า 14 ประเทศน่าจะฟื้นตัวดีขึ้นในปีหน้ายกเว้นยุโรป จึงน่าจะทำให้การส่งออกยังขยายตัวได้แม้ว่าจะชะลอตัวลง เศรษฐกิจโลกจึงเป็นอีกปัจจัยต้องจับตามองอย่างใกล้ชิดในปีหน้า ส่วนมาตรการภาครัฐต้องดูขอบเขตการดำเนินงานและดูว่าจะมีผลในการกระตุ้นเศรษฐกิจมากน้อยแค่ไหน รวมทั้งต้องติดตามการเคลื่อนย้ายเงินทุนต่อเนื่อง เพราะจะมีผลต่อค่าเงินบาทและเงินเฟ้อ โดยช่วงนี้มีเงินไหลออกต่อเนื่องทำให้เงินบาทอ่อนค่าลง หากยังอ่อนค่าต่อเนื่องอาจทำให้เงินเฟ้อเร่งตัวขึ้นอีก” นายบุญชัย กล่าว
อย่างไรก็ตาม สศค.คาดทั้งปีเงินบาทเฉลี่ยที่ 30.50 บาทต่อดอลลาร์แข็งค่าขึ้น 4%ส่วนปีหน้ามองที่เฉลี่ย 30 บาทต่อดอลลาร์แข็งค่าขึ้น 1.15% ส่วนเงินเฟ้อปีนี้มองไว้ที่ระดับ 3.8% จากราคาน้ำมันที่ผันผวนและราคาสูงช่วงต้นปีรวมถึงราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่สูงจากน้ำท่วม ส่วนผีหน้ามองชะลอตัวลงเหลือ 3.3% ตามราคาน้ำมันโลกที่ชะลอตัวลง ขณะที่ดอกเบี้ยในประเทศปีนี้น่าจะอยู่ที่ระดับ 3.5% เท่าปัจจุบันแม้จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินอีก 2 ครั้งในปีนี้ ส่วนปีหน้ามองว่าอาจขยับไปที่ 3.75% จากความเสี่ยงของเศรษฐกิจโลกที่ทำให้คณะกรรมการนโยบายการเงินหรือกนง.อาจต้องทบทวนนโยบายดอกเบี้ย
สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 2555 สศค.คดาการณ์ว่าจะขยายตัวในระดับ 4.5% หรือมีช่วงขยายตัวที่ 4-4.5% โดยมีแรงขับเคลื่อนมาจากอุปสงค์ในประเทศที่เร่งตัวขึ้นจากผลของมาตรการรัฐบาล เช่น การปรับเพิ่มรายได้แรงงานรายวันละเงินเดือนข้าราชการ รวมถึงมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อผ่านโครงการถยนต์คันแรกบ้านหลังแรก ขณะแรงสนับสนุนจากเศรษฐกิจโลกยังมีแนวโน้มเริ่มฟื้นตัว โดยเฉพาะสหรัฐ ญี่ปุ่น ส่งผลให้การส่งออกยังขยายตัวได้แม้จะชะลอตัวลงจากปีนี้
“เศรษฐกิจประเทศคู่ค้า 14 ประเทศน่าจะฟื้นตัวดีขึ้นในปีหน้ายกเว้นยุโรป จึงน่าจะทำให้การส่งออกยังขยายตัวได้แม้ว่าจะชะลอตัวลง เศรษฐกิจโลกจึงเป็นอีกปัจจัยต้องจับตามองอย่างใกล้ชิดในปีหน้า ส่วนมาตรการภาครัฐต้องดูขอบเขตการดำเนินงานและดูว่าจะมีผลในการกระตุ้นเศรษฐกิจมากน้อยแค่ไหน รวมทั้งต้องติดตามการเคลื่อนย้ายเงินทุนต่อเนื่อง เพราะจะมีผลต่อค่าเงินบาทและเงินเฟ้อ โดยช่วงนี้มีเงินไหลออกต่อเนื่องทำให้เงินบาทอ่อนค่าลง หากยังอ่อนค่าต่อเนื่องอาจทำให้เงินเฟ้อเร่งตัวขึ้นอีก” นายบุญชัย กล่าว
อย่างไรก็ตาม สศค.คาดทั้งปีเงินบาทเฉลี่ยที่ 30.50 บาทต่อดอลลาร์แข็งค่าขึ้น 4%ส่วนปีหน้ามองที่เฉลี่ย 30 บาทต่อดอลลาร์แข็งค่าขึ้น 1.15% ส่วนเงินเฟ้อปีนี้มองไว้ที่ระดับ 3.8% จากราคาน้ำมันที่ผันผวนและราคาสูงช่วงต้นปีรวมถึงราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่สูงจากน้ำท่วม ส่วนผีหน้ามองชะลอตัวลงเหลือ 3.3% ตามราคาน้ำมันโลกที่ชะลอตัวลง ขณะที่ดอกเบี้ยในประเทศปีนี้น่าจะอยู่ที่ระดับ 3.5% เท่าปัจจุบันแม้จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินอีก 2 ครั้งในปีนี้ ส่วนปีหน้ามองว่าอาจขยับไปที่ 3.75% จากความเสี่ยงของเศรษฐกิจโลกที่ทำให้คณะกรรมการนโยบายการเงินหรือกนง.อาจต้องทบทวนนโยบายดอกเบี้ย