ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) วานนี้(27 ก.ย. 2554) คณะกรรมการป.ป.ช.มอบหมายให้ นายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการป.ป.ช. ในฐานะโฆษกป.ป.ช. แถลงข่าวกรณีอัยการสูงสุด (อสส.)สั่งไม่ฟ้อง นายนพดล ปัทมะ อดีตรมว.การต่างประเทศ กรณีออกมติครม.สนับสนุนการลงนามในแถลงการณ์ร่วม สนับสนุนการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกของกัมพูชา ซึ่งที่ผ่านมาคณะทำงานร่วมระหว่างสำนักงานอัยการสูงสุด และป.ป.ช.มีความเห็นไม่ตรงกัน
โดยอัยการเห็นว่าหลักฐานพอฟ้องนายนพดล ในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ แต่ป.ป.ช.มีความเห็นว่าพยานหลักฐานสมบูรณ์พอเพียงที่จะสั่งฟ้อง จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ที่จะยื่นฟ้องนายนพดล ตามที่ได้ชี้มูลไว้ก่อนหน้านี้ โดยให้ประสานสภาทนายความเพื่อเป็นโจทก์ยื่นฟ้องคดีเอง
**ปึ้งรับลูก“ฮุนเซน”ลดโทษวีระ-ราตรี
ที่นครนิวยอร์ก นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ ซึ่งอยู่ระหว่างร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติ(ยูเอ็นจีเอ) ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา กล่าวถึงกรณีที่กระทรวงยุติธรรมระบุว่ากรณีนายวีระ สมความคิด และน.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ ไม่เข้าข่ายโอนตัวนักโทษ ว่า ตามที่ตนเข้าใจระหว่างการหารือของนายกรัฐมนตรีทั้งสองท่าน กรณีนี้จะใช้วิธีที่สมเด็จฯฮุนเซนพูดว่าจะลดโทษลงก่อนจนเหลือน้อยเท่าที่จะน้อยได้ เพื่อให้มีสัดส่วนการรับโทษตามที่กฎหมายกำหนด จากนั้นก็จะยื่นเรื่องเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษต่อไป
นายสุรพงษ์ กล่าวต่อว่า ระหว่างการเดินทางมายูเอ็นจีเอ รัฐมนตรีต่างประเทศแทบทุกคนที่ตนได้เจอมักจะมีคำถามแรกๆ คือ เรื่องความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาเป็นอย่างไรบ้าง จนตนต้องอธิบายรอบแล้วรอบเล่า ทุกคนยินดีสองประเทศฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างกันให้กลับมาจะได้เดินหน้าเรื่องการรวมตัวเพื่อเป็นประชาคมอาเซียนในอีก 4 ปีข้างหน้า
**ช่วยวีระ-ราตรีดูเงื่อนไข 2 ประเทศ
วันเดียวกัน นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ พร้อมด้วย นพ.เหวง โตจิราการ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย พร้อมแกนนำ นปช.เดินทางมายังศาลอาญารัชดา เพื่อรายงานตัวหลังจากเดินทางกลับจากการแข่งขันฟุตบอลกระชับมิตรที่ประเทศกัมพูชา โดยนพ.เหวง กล่าวถึงการให้ความช่วยเหลือนายวีระ และ น.ส.ราตรีว่า ในช่วงที่เดินทางไปกัมพูชาได้มีโอกาสพูดคุยกับมารดาของนายวีระ ทราบว่า ขณะนี้นายวีระ ดีขึ้น ได้รับอาหารมังสวิรัติและยารักษาโรคครบถ้วน สุขภาพกายและใจดีขึ้น
ส่วนการให้ความช่วยเหลือทางคดีนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้พูดคุยกับสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เกี่ยวกับวิธีการทางกฎหมาย และล่าสุด พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมว.กลาโหม ได้ไปพูดคุยกับทางการกัมพูชาในขั้นตอนการโอนย้ายนักโทษระหว่างประเทศ ว่ามีเงื่อนไขอย่างไรบ้าง
รายงานข่าวถึงความคืบหน้า ว่าจะสามารถทำได้หรือไม่นั้น ขณะนี้ขึ้นอยู่กับนโยบายรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่จะสั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศ ดำเนินการยื่นเรื่องร้องขอตัวไปยังกัมพูชา ในลักษณะต่างตอบแทน ที่เรียกกันว่า ช่องทางพิเศษ
ทั้งนี้ การพิจารณาโอนตัวนักโทษ ในลักษณะต่างตอบแทนนี้ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของประเทศผู้ถูกร้องขอจะเป็นผู้อนุญาตให้มีการโอนตัวนักโทษได้หรือไม่ ซึ่งการโอนตัวไม่จำเป็นต้องระบุจำนวนนักโทษที่ถูกโอนตัวของสองประเทศต้องเท่ากัน หรือระยะที่ถูกจำคุกมาก่อนเข้ากระบวนการโอนตัวนักโทษ รวมไปถึงข้อหา เนื่องจากการโอนตัวนักโทษ ในช่องทางพิเศษนี้ ไม่มีกฎใดตายตัว แต่ขึ้นอยู่กับผลประโยชน์ต่างตอบแทนที่ประเทศผู้ร้องขอจะเรียกตอบแทนเช่นกัน อย่างไรก็ตาม การดำเนินการโอนตัวนักโทษใช้เวลาพอสมควร แต่ดูจากเจตนาของทางฝ่ายกัมพูชาแล้ว เปิดช่องให้ขอตัวนายวีระ และ น.ส.ราตรี ผ่านสนธิสัญญาโอนตัวนักโทษ อีกทั้งมีการพิจารณาลดโทษให้ด้วย จะเห็นว่า ฝ่ายการเมืองได้เปิดทางไว้แล้ว จากนี้ไปจึงขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐบาลว่าจะเอาอย่างไร
โดยอัยการเห็นว่าหลักฐานพอฟ้องนายนพดล ในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ แต่ป.ป.ช.มีความเห็นว่าพยานหลักฐานสมบูรณ์พอเพียงที่จะสั่งฟ้อง จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ที่จะยื่นฟ้องนายนพดล ตามที่ได้ชี้มูลไว้ก่อนหน้านี้ โดยให้ประสานสภาทนายความเพื่อเป็นโจทก์ยื่นฟ้องคดีเอง
**ปึ้งรับลูก“ฮุนเซน”ลดโทษวีระ-ราตรี
ที่นครนิวยอร์ก นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ ซึ่งอยู่ระหว่างร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติ(ยูเอ็นจีเอ) ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา กล่าวถึงกรณีที่กระทรวงยุติธรรมระบุว่ากรณีนายวีระ สมความคิด และน.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ ไม่เข้าข่ายโอนตัวนักโทษ ว่า ตามที่ตนเข้าใจระหว่างการหารือของนายกรัฐมนตรีทั้งสองท่าน กรณีนี้จะใช้วิธีที่สมเด็จฯฮุนเซนพูดว่าจะลดโทษลงก่อนจนเหลือน้อยเท่าที่จะน้อยได้ เพื่อให้มีสัดส่วนการรับโทษตามที่กฎหมายกำหนด จากนั้นก็จะยื่นเรื่องเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษต่อไป
นายสุรพงษ์ กล่าวต่อว่า ระหว่างการเดินทางมายูเอ็นจีเอ รัฐมนตรีต่างประเทศแทบทุกคนที่ตนได้เจอมักจะมีคำถามแรกๆ คือ เรื่องความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาเป็นอย่างไรบ้าง จนตนต้องอธิบายรอบแล้วรอบเล่า ทุกคนยินดีสองประเทศฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างกันให้กลับมาจะได้เดินหน้าเรื่องการรวมตัวเพื่อเป็นประชาคมอาเซียนในอีก 4 ปีข้างหน้า
**ช่วยวีระ-ราตรีดูเงื่อนไข 2 ประเทศ
วันเดียวกัน นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ พร้อมด้วย นพ.เหวง โตจิราการ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย พร้อมแกนนำ นปช.เดินทางมายังศาลอาญารัชดา เพื่อรายงานตัวหลังจากเดินทางกลับจากการแข่งขันฟุตบอลกระชับมิตรที่ประเทศกัมพูชา โดยนพ.เหวง กล่าวถึงการให้ความช่วยเหลือนายวีระ และ น.ส.ราตรีว่า ในช่วงที่เดินทางไปกัมพูชาได้มีโอกาสพูดคุยกับมารดาของนายวีระ ทราบว่า ขณะนี้นายวีระ ดีขึ้น ได้รับอาหารมังสวิรัติและยารักษาโรคครบถ้วน สุขภาพกายและใจดีขึ้น
ส่วนการให้ความช่วยเหลือทางคดีนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้พูดคุยกับสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เกี่ยวกับวิธีการทางกฎหมาย และล่าสุด พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมว.กลาโหม ได้ไปพูดคุยกับทางการกัมพูชาในขั้นตอนการโอนย้ายนักโทษระหว่างประเทศ ว่ามีเงื่อนไขอย่างไรบ้าง
รายงานข่าวถึงความคืบหน้า ว่าจะสามารถทำได้หรือไม่นั้น ขณะนี้ขึ้นอยู่กับนโยบายรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่จะสั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศ ดำเนินการยื่นเรื่องร้องขอตัวไปยังกัมพูชา ในลักษณะต่างตอบแทน ที่เรียกกันว่า ช่องทางพิเศษ
ทั้งนี้ การพิจารณาโอนตัวนักโทษ ในลักษณะต่างตอบแทนนี้ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของประเทศผู้ถูกร้องขอจะเป็นผู้อนุญาตให้มีการโอนตัวนักโทษได้หรือไม่ ซึ่งการโอนตัวไม่จำเป็นต้องระบุจำนวนนักโทษที่ถูกโอนตัวของสองประเทศต้องเท่ากัน หรือระยะที่ถูกจำคุกมาก่อนเข้ากระบวนการโอนตัวนักโทษ รวมไปถึงข้อหา เนื่องจากการโอนตัวนักโทษ ในช่องทางพิเศษนี้ ไม่มีกฎใดตายตัว แต่ขึ้นอยู่กับผลประโยชน์ต่างตอบแทนที่ประเทศผู้ร้องขอจะเรียกตอบแทนเช่นกัน อย่างไรก็ตาม การดำเนินการโอนตัวนักโทษใช้เวลาพอสมควร แต่ดูจากเจตนาของทางฝ่ายกัมพูชาแล้ว เปิดช่องให้ขอตัวนายวีระ และ น.ส.ราตรี ผ่านสนธิสัญญาโอนตัวนักโทษ อีกทั้งมีการพิจารณาลดโทษให้ด้วย จะเห็นว่า ฝ่ายการเมืองได้เปิดทางไว้แล้ว จากนี้ไปจึงขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐบาลว่าจะเอาอย่างไร
