xs
xsm
sm
md
lg

จี้ปธ.JBCไทย ค้านรุกล้ำเขมร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน- "ส.ว.คำนูณ" จี้ปธ.เจบีซีไทยคนใหม่ เร่งคัดค้านถ้อยคำฝ่ายเขมรที่กล่าวหาไทยรุกดินแดน ขณะที่ปชป.จวก"นพดล"ไส้ศึกรับใช้เขมร ทำไทยเสี่ยงแพ้คดีศาลโลก เตรียมต่อยอดความอัปยศ ยกพื้นที่ 4.6 ตร.กม.ถวายพาน "ฮุนเซน" อัด"ปึ้ง"ไร้กึ๋น พูดพล่อยจะทำบ้านเมืองเสียหาย จ้อ"บันคีมูน" ยอมทำตามคำสั่งศาลโลก แต่ทหารยืนยันยังไม่ถอนกำลัง งามหน้าจริงๆ!ส.ส.เสื้อแดงเพื่อไทย กราบแทบเท้า “ฮุน เซน” นายกฯ กัมพูชา ระหว่างเข้าพบเพื่อรายงานจัดเตรียมแข่งขันฟุตบอลกระชับมิตร ขณะที่"ประชา"ยังงง หาช่องทางช่วย "วีระ-ราตรี" ไม่เจอ

ในการประชุมวุฒิสภา เมื่อวานนี้ (26 ก.ย.) พล.อ.ธีรเดช มีเพียร ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่เป็นประธานในการประชุม ได้มีการเปิดโอกาสให้สมาชิกหารือถึงสถานการณ์ทั่วไป ซึ่งนายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา ได้หารือกรณีที่รัฐบาล โดยกระทรวงการต่างประเทศ เปลี่ยนตัวประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (เจบีซี) ไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย จากนายอัษฎา ชัยนาม เป็น นายบัณฑิต โสตถิพลาฤทธิ์ ว่า เดิมทีตำแหน่งนี้เคยมีการเปลี่ยนแปลงมาในยุครัฐบาลที่แล้วครั้งหนึ่ง

แต่ปัญหาอยู่ที่ว่า เมื่อรัฐบาลนี้เปลี่ยนอีกครั้ง แล้วจะดำเนินการต่อไปอย่างไร โดยเฉพาะในการประชุมเจบีซีครั้งต่อไป ซึ่งประธานเจบีซีคนใหม่ ต้องบันทึกไว้ในวาระแรกของการประชุมครั้งต่อไป เพื่อขอคัดค้านคำปราศรัยของนายวาร์ คิม ฮง ประธาน เจบีซี ฝ่ายกัมพูชา ในการประชุมเจบีซี ไทย-กัมพูชา อย่างน้อย 3 ครั้ง ที่กล่าวหาฝ่ายไทยว่า ได้ส่งกำลังรุกล้ำดินแดนกัมพูชา โดยไม่ปรากฏว่า นายวศิน ธีรเวชญาณ ประธานฝ่ายไทยในขณะนั้น ได้แสดงท่าทีคัดค้านไว้ ได้แต่ปรบมือสนับสนุน

" ก่อนหน้านี้นายอัษฎาได้เคยรับปากว่า จะคัดค้านทันทีในการประชุมครั้งต่อไป แต่ก็ยังไม่ได้มีการจัดประชุมขึ้น จึงขอให้ประธานวุฒิสภา ส่งข้อหารือนี้ไปยังรัฐบาลเพื่อกำชับให้นายบัณฑิต ได้แสดงการคัดค้านถ้อยคำดังกล่าวในการประชุมครั้งต่อไปทันที" นายคำนูณกล่าว

**"บัณฑิต"แจงไม่สนิท"ปู-ปึ้ง"

ด้านนายบัณฑิต โสตถิพลาฤทธิ์ ประธาน เจบีซี เปิดเผยถึง การเข้ามารับหน้าที่ประธานเจบีซี คนใหม่ว่า มีผู้ใหญ่จากกระทรวงการต่างประเทศ ประสานเรื่องให้มานั่งประธานเจบีซี ก่อนเข้าที่ประชุมครม. เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน ซึ่งครั้งแรกที่ได้รับการทาบทาม ตนก็ปฏิเสธไป แต่ก็ได้รับการประสานอีกครั้ง บอกถึงความจำเป็น ทั้งนี้ยอมรับว่ามีความกังวลต่อการทำหน้าที่นี้ เพราะเป็นการรับผิดชอบผลประโยชน์ของชาติ อย่างไรก็ตาม ไม่ทราบเหตุผลการเปลี่ยนตัวประธานเจบีซี จากนายอัษฎา ว่าเป็นเพราะอะไร

นายบัณฑิต ปฏิเสธที่จะตอบคำถามถึงยุทธศาสตร์การเจรจาเขตแดนของรัฐบาลปัจจุบัน และยืนยันว่าไม่ได้มีความสนิทสนมกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หรือ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ เป็นพิเศษ อย่างไรก็ตามหวังว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์ปะทะแนวชายแดนอีก

ทั้งนี้ ตนจะเชิญผู้ที่เคยทำงานกับคณะทำงานเจบีซี แต่เกษียณอายุราชการไปแล้ว มาร่วมกับคณะทำงานเจบีซีด้วย

** จวก"นพดล"ไส้ศึกรับใช้เขมร

นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงตอบโต้นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ออกมาตอบคำถามสื่อมวลชน เกี่ยวกับนโยบายด้านการต่างประเทศทั้งๆ ที่ไม่มีตำแหน่งในรัฐบาลว่า ต้องถามนายนพดล ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องอะไรในการกำหนดนโยบายของรัฐบาล ซึ่งนายนพดล ควรจะตระหนักว่าตัวเองเคยทำบาปกับประเทศด้วยการออกแถลงการณ์ร่วมสนับสนุนให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกแต่เพียงฝ่ายเดียว จนทำให้ไทยเสียเปรียบ และยังเป็นการกระทำที่ขัดรัฐธรรมนูญด้วย หรือว่าสิ่งที่ทำในขณะเป็น รมว.ต่างประเทศ ยังไม่ถึงเส้นชัย จึงต้องการให้รัฐบาลนี้ต่อยอด เพื่อให้พื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร เป็นของกัมพูชา ตามที่นายนพดล เคยมีเจตนามาก่อนหน้านี้ที่จะให้กัมพูชาได้บริหารจัดการพื้นที่ดังกล่าว

" การที่นายนพดลบอกว่า ไทยจะไม่ถอนตัวจากการเป็นภาคีมรดกโลก แปลว่าเราจะรับแผนบริหารพื้นที่รอบปราสาทพระวิหารของกัมพูชา ที่เสนอค้างอยู่ในที่ประชุมคณะกรรมการมรดกโลก ใช่หรือไม่ ต้องพูดให้ชัดเจนในรายละเอียด เพราะหากท่าทีของรัฐบาลเป็นเช่นนี้ ก็จะทำให้การประชุมคณะกรรมการมรดกโลก มีการพิจารณาแผนบริหารพื้นที่ของกัมพูชาทันที ทำให้การต่อสู้ตลอดสามปีของรัฐบาลประชาธิปัตย์ เพื่อขัดขวางเรื่องนี้สูญเปล่า และยังส่งผลกระทบต่อการพิจารณาคดีของศาลโลกด้วย แม้ว่านายวีรชัย พลาศัย จะยังเป็นหัวหน้าทีมต่อสู้คดีอยู่ แต่เมื่อถูกเปลี่ยนตัวออกจากการเป็นที่ปรึกษาเจบีซี ก็ย่อมส่งผลกระทบในทางคดี เพราะหากการเจรจาในเจบีซีมีลักษณะที่ไม่สอดคล้องกับแนวทางการต่อสู้ในศาลโลกโอกาสในการที่ไทยจะแพ้คดีก็มีสูง ในอดีตปี 2505 แม้ไทยจะแพ้คดี แต่การต่อสู้ก็มีเอกภาพเป็นหนึ่งเดียวกัน แต่ในครั้งนี้หากจะแพ้คดีก็เป็นเพราะท่าทีของรัฐบาลที่อ่อนลง และมีไส้ศึก ทั้งนี้เห็นว่าการที่รัฐบาลไม่ปรับนายวีรชัย ออกจากการเป็นหัวหน้าทีมต่อสู้คดีในศาลโลกก็เป็นเพราะคงยากที่จะหาใครมาทำหน้าที่นี้ได้" นายชวนนท์ กล่าว

** "ปึ้ง"แค่รมต.หุ่นเชิด

โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ยังตำหนิการปฏิบัติหน้าที่ของนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ในฐานะรมว.ต่างประเทศ ว่า เป็นแค่รัฐมนตรีในนาม แต่ไม่มีความรู้ด้านการต่างประเทศ และการดำเนินนโยบายต้องรอการสไกป์ ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในการประชุมครม.พรรคทุกวันจันทร์ ทำให้การพูดหลายอย่างมีผลผูกพันกับประเทศในทางลบ เช่น กรณีไปกล่าวกับเลขายูเอ็นว่า ไทยได้ปฏิบัติตามคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวของศาลโลกแล้ว ทั้งที่ข้อเท็จจริงทหารยืนยันว่า พื้นที่ 4.6 ตารางกิโลกเมตร เป็นของไทย ยังไม่มีการถอนทหารออกจากพื้นที่แต่อย่างใด การพูดโดยขาดความเข้าใจของนายสุรพงษ์ จะทำให้ต่างชาติเกิดความเข้าใจผิด และจะมีผลต่อคำพิพากษาของศาลโลก ที่ทำให้ไทยพ่ายแพ้ ในอนาคตจึงอยากให้ไปศึกษาข้อมูลก่อนพูด

"ผมคิดว่า นายสุรพงษ์ไม่ใช่ รมว.ต่างประเทศตัวจริง เหมือนกับที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็ไม่ใช่นายกรัฐมนตรีตัวจริง แต่ทั้งสองคนต้องทำงานภายใต้คำสั่งของพ.ต.ท.ทักษิณ ที่เป็นผู้กำกับการทำงานของรัฐบาลชุดนี้ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์และภาคประชาชน จะร่วมกันตรวจสอบอย่างเต็มที่" นายชวนนท์ กล่าว

** "สุรพงษ์"โต้ปชป. ยันทำเพื่อชาติ

ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ กรณีนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่าการเปลี่ยนตัวผู้ดำรงตำแหน่งในเจบีซี และคณะกรรมการร่วมด้านเทคนิคไทย-กัมพูชา เป็นการรับลูกจากทางกัมพูชาว่า การปรับเปลี่ยนตัวบุคคลดังกล่าว กระทรวงการต่างประเทศได้เสนอเรื่องเปลี่ยนแปลงรายชื่อองค์ประกอบในคณะทำงานทั้ง 2 ชุด ให้กับสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ 9 ก.ย. ที่ผ่านมา หลังได้รับแจ้งว่าต้องมีการยืนยันรายชื่อองค์ประกอบคณะกรรมการต่าง ๆ ที่มีอยู่ 50 กว่าคณะ ภายในวันที่ 13 ก.ย. เนื่องจากจะต้องนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมครม.

ดังนั้นจึงเห็นได้ว่า กระบวนการทั้งหมดเกิดก่อนที่นายกรัฐมนตรี และตนจะเดินทางไปเยือนกัมพูชาอย่างเป็นทางการในวันที่15 ก.ย. ดังนั้นอย่ามากล่าวหาใส่ร้ายกันอย่างนี้

" การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นตั้งแต่ก่อนจะมีการไปเยือนกัมพูชา ตอนนี้ผมกำลังพิจารณาให้ฝ่ายกฎหมายดูว่า จะดำเนินการฟ้องร้องหมิ่นประมาท เพราะเราทำทุกอย่างโดยยึดผลประโยชน์ประเทศชาติและประชาชนเป็นหลัก ทราบดีว่าเรื่องนี้อ่อนไหวต่อความรู้สึกของประชาชน จึงทำอย่างระมัดระวังและโปร่งใสที่สุด ถ้าผมมาทำเรื่องนี้โดยเอาผลประโยชน์ประเทศชาติไปแลกเปลี่ยน ผมก็ไม่ควรมาทำหน้าที่นี้แล้ว" นายสุรพงษ์ กล่าว

**"วีระ-ราตรี"ไม่เข้าเกณฑ์โอนนักโทษ

พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม พร้อมด้วย นายถิรชัย วุฒิธรรม เลขานุการรัฐมนตรี นายชาติชาย สุทธิกลม อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ร่วมกันแถลงข่าว กรณี พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมว.กลาโหม เตรียมขอแลกเปลี่ยนนักโทษระหว่างประเทศไทยกับกัมพูชา เพื่อช่วยเหลือนายวีระ สมความคิด และ น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ ซึ่งต้องโทษจำคุกอยู่ในเรือนจำเปรซอว์ ประเทศกัมพูชา

โดยพล.ต.อ.ประชา กล่าวว่า ประเทศไทยและกัมพูชาไม่มีข้อตกลงเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนนักโทษ มีแต่สนธิสัญญาโอนนักโทษคดีอาญา ซึ่งต้องโทษจำคุกตามคำพิพากษาถึงที่สุด หรือคดีเด็ดขาดแล้ว ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 24 ส.ค.52 โดยสนธิสัญญามีข้อตกลงว่า นักโทษกัมพูชาที่ต้องโทษอยู่ในประเทศไทยสามารถร้องขอให้โอนตัวไปรับโทษต่อที่ประเทศกัมพูชา ในขณะที่นักโทษไทย ที่ต้องโทษอยู่ในประเทศกัมพูชา สามารถร้องขอให้โอนตัวไปรับโทษที่ประเทศไทยได้เช่นกัน

ทั้งนี้ สนธิสัญญากำหนดให้การดำเนินการต้องประกอบด้วยความเห็นชอบจาก 3 ฝ่าย คือ 1. ผู้ต้องโทษคดีถึงที่สุดซึ่งต้องเป็นผู้แจ้งความประสงค์ผ่านทางกระทรวงต่างประเทศ 2.ประเทศของผู้ที่รับขอโอนตัว และ 3. ประเทศผู้ให้ตัวผู้ต้องโทษ
พร้อมกันนี้ตามระเบียบยังกำหนดให้ไทยและกัมพูชา ต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาการโอนนักโทษ ซึ่งคณะกรรมการในส่วนของประเทศไทย จะมีปลัดกระทรวงยุติธรรมเป็นประธาน

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาไทยยังไม่เคยขอใช้สิทธิโอนตัวนักโทษชาวไทย แต่กัมพูชาเคยขอโอนตัวนักโทษกลับไปรับโทษที่กัมพูชาแล้ว 4 ราย โดยผ่านการพิจารณาเพียง 2 ราย โดยทั้ง 4 ราย เป็นนักโทษคดียาเสพติด

ขณะนี้กัมพูชาได้ขอโอนนักโทษอีก 5 คน จากการพิจารณาคุณสมบัติเบื้องต้น ถือว่าเข้าเงื่อนไขการโอนตัว โดยเป็นนักโทษคดีอาญาทั่วไปไม่ใช่สายลับชาวกัมพูชาที่ถูกดำเนินคดีข้อหาจารกรรมข้อมูลทหาร และคาดว่าภายในเดือน ต.ค.นี้ น่าจะนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการพิจารณาได้

สำหรับประเทศไทยมีนักโทษกัมพูชา ถูกคุมขังอยู่กว่า 2,200 คน และเป็นนักโทษที่เข้าเงื่อนไขโอนตัว 590 คน แต่ทางกัมพูชาขอโอนเพียง 5 ราย ส่วนในกัมพูชามีนักโทษไทยถูกคุมขังอยู่ทั้งสิ้น 39 คน

ส่วนกรณีนายวีระ และน.ส.ราตรีนั้น จากการพิจารณาเบื้องต้นยังไม่เข้าเงื่อนไขสนธิสัญญาการโอนตัว เพราะในสนธิสัญญาระบุเงื่อนไขการโอนว่า นักโทษต้องจำคุกแล้ว 1 ใน 3 ของจำนวนโทษทั้งหมด และจะต้องเป็นนักโทษที่ไม่กระทำความผิดต่อความมั่นคง ทั้งภายในและภายนอกแห่งรัฐ

อย่างไรก็ตาม ตามขั้นตอนนักโทษต้องเป็นผู้แจ้งความประสงค์ และยื่นเรื่องต่อสถานทูต เพื่อให้สถานทูตส่งเรื่องมาที่กระทรวงต่างประเทศ และส่งต่อมาให้กระทรวงยุติธรรม ทั้งนี้ ในส่วนของนายวีระและน.ส.ราตรี ต้องสอบถามข้อหาที่ชัดเจนไปยังกระทรวงต่างประเทศ ในส่วนกระทรวงยุติธรรม ยังไม่พบว่ามีการยื่นคำร้อง ซึ่งกระทรวงยุติธรรม มีหน้าที่แค่พิจารณาตามสนธิสัญญาเท่านั้น นอกเหนือจากนี้กระทรวงยุติธรรมไม่อาจเข้าไปก้าวล่วง แต่ยอมรับว่าเคยมีช่องทางพิเศษ ซึ่งถือเป็นพระราชอำนาจในการพระราชทานอภัยโทษ เช่น เมื่อปี 2552 กัมพูชา เคยพระราชทานอภัยโทษให้นักโทษไทย 2 ราย

**"ตู่"เผยกัมพูชารับปากช่วย"วีระ-ราตรี"

นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.เพื่อไทย และแกนนำนปช. กล่าวว่า การไปร่วมแข่งขันฟุตบอลกระชับมิตรระหว่างไทย-กัมพูชา ได้มีการพูดคุยในวงเจรจาภายในว่า ขอให้ช่วยเรื่องการขอพระราชทานอภัยโทษให้ นายวีระ และน.ส.ราตรี โดยทางกัมพูชารับปากว่าจะพิจารณาให้ตามขั้นตอน และหลักการทางกฎหมายของกัมพูชา แต่จะเป็นช่วงวันเวลาใดนั้น ยังไม่สามารถบอกได้ แต่คาดว่าทั้ง 2 คน น่าจะได้รับการปล่อยตัวในเร็วๆนี้

ส่วนนางดารุณี กฤตบุญญาลัย แนวร่วม นปช. จำเลยในคดีก่อการร้าย คาดว่าจะเข้ามอบตัวในต้นเดือนต.ค.นี้

***งามหน้า!ส.ส.ไทยกราบแทบเท้า “ฮุน เซน”

เว็บไซต์ฟิฟทีนมูฟได้เผยแพร่วิดีโอคลิป ส.ส.พรรคเพื่อไทย นำโดย นายจตุพร พรหมพันธุ์ ได้เข้าพบแสดงความเคารพต่อสมเด็จฯ ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เพื่อพูดคุยและรายงานการจัดเตรียมการแข่งขันฟุตบอลมิตรภาพ ระหว่างทีม ส.ส.เสื้อแดง กับทีมรัฐบาลกัมพูชา ที่ตึกวิมานสันติภาพ สำนักนายกรัฐมนตรีกัมพูชา เมื่อวันที่ 17 ก.ย.ที่ผ่านมา

โดยระหว่างที่ สมเด็จฯ ฮุน เซน ให้การต้อนรับ มีบุคคลผู้หนึ่งในคณะ ส.ส.พรรคเพื่อไทย คุกเข่าก้มลงไหว้ ด้วยกิริยาอาการที่เรียกได้ว่าเกือบจะเป็นการกราบแทบเท้าผู้นำกัมพูชา ก่อนลุกขึ้นและโอบกอด ทั้งนี้ ประเด็นดังกล่าวเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์หลังผู้ใช้นามแฝง “Sigree” ซึ่งเป็นบล็อกเกอร์ในเว็บไซต์โอเคเนชั่น นำคลิปจากสถานีโทรทัศน์แห่งชาติกัมพูชา (ทีวีกอ) ขึ้นโพสต์บนบล็อก ซึ่งจากการตรวจสอบของทีมงาน ไม่สามารถระบุตัวของ ส.ส.เสื้อแดง คนดังกล่าวได้ จึงนำเวอร์ชันที่ชัดกว่านี้ขึ้นเผยแพร่เพื่อร่วมกันตรวจสอบ

ส่วนความเหมาะสมในการกระทำนั้น ฟิฟทีนมูฟ เห็นว่า หากจะถูกต่อว่าหรือประณามในฐานะที่เป็นผู้ทรงเกียรติของสถาบันรัฐสภาไทย ก็เรื่องหนึ่ง แต่ทว่า นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ก็ได้ประกาศกลางผู้คนเรือนหมื่น ที่สนามกีฬาแห่งชาติโอลิมปิก กรุงพนมเปญ และถ่ายทอดสดสู่สายตายประชาชนสองประเทศ แล้วว่า เสื้อแดงเป็นพี่น้องร่วมชาติของกัมพูชา เช่นนั้นการคุกเข่าไหว้ด้วยอาการเคารพอย่างสูงสุดนี้ ก็เหมาะสมด้วยประการทั้งปวง

** อัยการโบ้ยไม่มีหน้าที่ล่าตัว"แม้ว"

นายธนพิชญ์ มูลพฤกษ์ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ และโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึงการติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดีอาญา โดยอัยการได้เชิญแกนนำ นปช. และส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่ไปพบพ.ต.ท.ทักษิณ นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง และนายจักรภพ เพ็ญแข ที่ประเทศกัมพูชา ในการร่วมเตะฟุตบอลกระชับมิตร เพื่อมาสอบถามข้อมูลในการติดตามตัวบ้างหรือไม่ ว่า ปกติการขอตัวส่งเป็นผู้ร้ายข้ามแดน ต้องมีต้นเรื่อง ส่งมาที่สำนักงานอัยการสูงสุด จากหน่วยงานที่มีอำนาจจับกุม ออกหมาย ว่าผู้ที่จะติดตามมีที่อยู่ที่ไหน อย่างไร โดยอัยการสูงสุด จะทำหน้าที่ในฐานะผู้ประสานงานกลาง ดำเนินการต่อไป อัยการไม่ใช่ต้นเรื่อง

" มีหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงในการติดตามหาที่อยู่ และหมายจับอยู่แล้ว ไม่ใช่หน้าที่ของอัยการสูงสุด อัยการสูงสุดเป็นแค่ผู้ประสานงานกลาง อัยการไม่ได้เพิกเฉยในเรื่องนี้" โฆษกอัยการ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น