ASTV ผู้จัดการรายวัน - ดัชนีหุ้นไทยดิ่งเหวอีกวัน ลดลงแตะ 50 จุด ก่อนขึ้นมาปิดที่ติดลบ 32 จุด "กิตติรัตน์" เชื่อนักลงทุนแห่ขายหุ้นช่วงสั้น “ยิ่งลักษณ์” วิเคราะห์เกิดจากภาวะนักลงทุนตกใจข่าวสารเศรษฐกิจโลกผันผวน ชี้กลุ่มประเทศเอเซีย ต้องสร้างความเข้มแข็งร่วมกัน ยันไม่ทบทวนนโยบายประชานิยม
บรรยากาศการลงทุนตลาดหุ้นไทยวานนี้ (23 ก.ย.) ดัชนีปรับตัวในแดนลบตามตลาดต่างประเทศ จากความกังวลปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐ และปัญหาหนี้ยุโรป กดดันเศรษฐกิจโลกชะลอตัว โดยระหว่างชั่วโมงการซื้อขายดัชนีปรับตัวต่ำสุดที่ 940.42 จุด หรือลดลงแตะ 50 จุด ก่อนปิดตลาดที่ 958.16 จุด ติดลบ 32.43 จุด หรือ 3.27%
นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวถึงกรณีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลง ว่าเกิดจากปัจจัยต่างประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องที่ควบคุมไม่ได้ แต่จะเฝ้าระวังเรื่องการใช้สินเชื่อเพื่อซื้อหุ้น (มาร์จิ้นโลน) ซึ่งในปัจจุบันในระบบมีอยู่ประมาณ 3 หมื่นล้านบาท
ส่วนการบังคับขายหุ้น (ฟอร์ซเซล) ในขณะนี้ ยืนยันว่ายังไม่น่าเป็นห่วง เพราะนักลงทุนที่ลงทุนตลาดหุ้นผ่านระบบมาร์จิน มีสัดส่วนไม่มาก อย่างไรก็ตาม ตลท. เตรียมมาตรการปกติที่วางหลักเกณฑ์ไว้คือเซอร์กิต เบรกเกอร์ หากดัชนีลงไปลึกถึง 10% เพื่อพักการซื้อขายหลักทรัพย์ช่วงหนึ่ง ก่อนเปิดให้มีการซื้อขายตามปกติ
"ยังไม่มีความจำเป็นต้องมีมาตรการพิเศษเพื่อดูแลตลาดหุ้นไทยในขณะนี้ แม้ว่าในช่วงเช้าที่ผ่านมาจะร่วงลงไปลึกกว่า 5% ในระหว่างเทรด”
**'กิตติรัตน์ 'เชื่อคนแห่ขายหุ้นช่วงสั้น
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ อดีตกรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยร่วงลงหนักวานนี้ เป็นในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นทั่วโลกที่เกิดความตกใจว่าภาวะเศรษฐกิจโลกอาจเกิดการลดถอย และความผิดหวังของนักลงทุนที่รัฐบาลรัฐบาลไม่ได้ใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณทางการเงิน (QE3) ออกมากระตุ้นเศรษฐกิจอีกรอบ โดยเชื่อว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะกระทบกับตลาดหุ้นไทยในระยะสั้น เพราะเป็นเรื่องเก่าที่ตลาดรับรู้มาแล้ว และพอจะคาดการณ์ได้บ้าง
ดังนั้น ในสัปดาห์หน้าเชื่อว่าตลาดหุ้นไทยคงไม่ตกลงอย่างหนักอีกแล้ว และโชคดีที่วันนี้เป็นวันทำการสุดท้ายของสัปดาห์นี้ จึงเชื่อว่าไม่น่าจะมีการแห่เทขายหุ้นออกมาแล้ว และจะมีการนำเงินกลับเข้ามาลงทุนในเอเชีย
**ฟอร์ด-โตโยต้าขอขยายCCรถคันแรก
นายกิตติรัตน์ กล่าวภายหลังประธานบริษัท ฟอร์ด เซอร์วิส (ประเทศไทย) จำกัด ,ประธานบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด และประธานองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (เจโทร) เข้าพบว่า ฟอร์ดได้ขอให้รัฐบาลไทยพิจารณาเพิ่มเงื่อนไขของนโยบายรถยนต์คันแรกให้ครอบคลุมรถยนต์ขนาด 1600 ซีซีด้วย ซึ่งเรื่องนี้ ได้แจ้งว่า รัฐบาลอยู่ระหว่างการพิจารณาและฟอร์ดยังมองว่าไทยมีความพร้อมเป็นฐานผลิตรถยนต์ ซึ่งฟอร์ดประเทศไทยผลิตรถยนต์ได้มากกว่า 500,000 คัน โดยเน้นส่งออกมากกว่าขายในประเทศ แต่ในอนาคตจะเพิ่มสัดส่วนการขายในไทยให้มากขึ้น และเห็นว่า นโยบายการเพิ่มรายได้ของรัฐบาลจะทำให้ยอดขายรถยนต์เพิ่มขึ้นได้
ส่วนโตโยต้าแจ้งว่า ไทยเป็นตลาดสำคัญสำหรับรถยนต์ของโตโยต้า และการแข่งขันสำหรับตลาดรถยนต์ในไทยไม่มีปัญหา แต่โตโยต้าต้องแข่งขันกับโตโยต้าในประเทศอื่นๆ ด้วย จึงต้องการให้รัฐบาลมีนโยบายเอื้อต่อการลงทุน
***ปตท.ออกโรงโม้จังหวะช็อปของถูก
นายโชติชัย สุวรรณาภรณ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่นโยบายและเศรษฐกิจพลังงาน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ความกังวลวิกฤตเศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะสหรัฐและยุโรปเกี่ยวกับปัญหาหนี้สาธารณะที่สูงขึ้น ทำให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย แต่เชื่อว่าเศรษฐกิจให้เอเชียยังดีอยู่ มีกำลังซื้อและการเงินแข็งแกร่งซึ่งภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้เป็นโอกาสดีสำหรับบริษัทใหญ่ที่มีความเข้มแข็งอย่างปตท.ในการเข้าซื้อกิจการพลังงานที่มีปัญหาการเงินได้ง่ายขึ้น เนื่องจากวิกฤติเศรษฐกิจทำให้บริษัทพลังงานบางแห่งจำเป็นต้องมีการขายทรัพย์สินที่ดี ออกมาในราคาถูก โดยปตท.สนใจที่จะซื้อธุรกิจขุดเจาะสำรวจปิโตรเลียม ปิโตรเคมี ไบโอพลาสติกและบริษัทวิจัยเทคโนโลยี ซึ่งที่ผ่านมาปตท.ก็มองหาโอกาสในการซื้อกิจการ (M&A)มาโดยตลอดอยู่แล้ว
***"ปู" โชว์ บอกพื้นฐาน ศก.แกร่ง
วานนี้ (23 ก.ย.) นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ตลาดหุ้นตกและติดลบวานนี้ว่า เป็นเรื่องผลกระทบเศรษฐกิจตลาดโลกที่ปรับลดเกรดในเรื่องของตัวบริษัท ซึ่งคิดว่าน่าจะเป็นช่วงระยะเวลาที่สั้น ในส่วนของไทยต้องสร้างความแข็งแรงภายในประเทศให้ดี เพื่อให้การผันผวนการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจตรงนี้กระทบกับไทยไม่มาก ทั้งนี้ ในเบื้องต้นคงจะจะเป็นเพราะการตกใจในเรื่องของข่าวสาร แต่โดยภาพรวมของไทยไม่กระทบมาก เพราะเรื่องเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ยุโรปก็อิมเพคไปเกือบหมดแล้ว เชื่อว่าเป็นเพียงข่าวเท่านั้น ซึ่งจะเร่งฟื้นฟูเรื่องความมั่นใจ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ความผันผวนตรงนี้กับปัญหาของประเทศเรื่องภัยธรรมชาติจะยิ่งฉุดความเชื่อมั่นลงไปหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ความเชื่อมั่นพวกเราต้องช่วยกันสร้าง ทั้งนี้เชื่อว่าพื้นฐานทางด้านเศรษฐกิจในด้านการเจริญเติบโต พื้นฐานยังดีอยู่ โดยเฉพาะตลาดเอเซีย วันนี้ถึงบอกว่าเราต้องกลับมาทำงานในส่วนของอาเซียนเพิ่มความแข็งแรง เพราะวันนี้เศรษฐกิจโลกต่างๆมีความผันผวน
เมื่อถามว่า ปัจจัยภายนอกเราควบคุมไม่ได้จำเป็นจะต้องทบทวนนโยบายประชานิยมหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ เพราะประชานิยมตรงนี้เป็นสิ่งที่จะทำให้เกิดความแข็งแรงในการสร้างเศรษฐกิจในประเทศ ซึ่งนโยบายของรัฐบาลมีสองส่วนคือนโยบายการสร้างพื้นฐานเศรษฐกิจในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการลดหนี้ การเพิ่มรายได้ในครัวเรือน ขณะเดียวกันในระยาวจะดูเรื่องโครงสร้างพื้นฐานไม่ว่าจะเป็นเรื่องของรถไฟหรือโครงการเมกกะโปรเจกต์ต่างๆ สำหรับนโยบายต่างประเทศคือการเร่งฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ สร้างความเชื่อมั่นในแต่ละประเทศ.
บรรยากาศการลงทุนตลาดหุ้นไทยวานนี้ (23 ก.ย.) ดัชนีปรับตัวในแดนลบตามตลาดต่างประเทศ จากความกังวลปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐ และปัญหาหนี้ยุโรป กดดันเศรษฐกิจโลกชะลอตัว โดยระหว่างชั่วโมงการซื้อขายดัชนีปรับตัวต่ำสุดที่ 940.42 จุด หรือลดลงแตะ 50 จุด ก่อนปิดตลาดที่ 958.16 จุด ติดลบ 32.43 จุด หรือ 3.27%
นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวถึงกรณีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลง ว่าเกิดจากปัจจัยต่างประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องที่ควบคุมไม่ได้ แต่จะเฝ้าระวังเรื่องการใช้สินเชื่อเพื่อซื้อหุ้น (มาร์จิ้นโลน) ซึ่งในปัจจุบันในระบบมีอยู่ประมาณ 3 หมื่นล้านบาท
ส่วนการบังคับขายหุ้น (ฟอร์ซเซล) ในขณะนี้ ยืนยันว่ายังไม่น่าเป็นห่วง เพราะนักลงทุนที่ลงทุนตลาดหุ้นผ่านระบบมาร์จิน มีสัดส่วนไม่มาก อย่างไรก็ตาม ตลท. เตรียมมาตรการปกติที่วางหลักเกณฑ์ไว้คือเซอร์กิต เบรกเกอร์ หากดัชนีลงไปลึกถึง 10% เพื่อพักการซื้อขายหลักทรัพย์ช่วงหนึ่ง ก่อนเปิดให้มีการซื้อขายตามปกติ
"ยังไม่มีความจำเป็นต้องมีมาตรการพิเศษเพื่อดูแลตลาดหุ้นไทยในขณะนี้ แม้ว่าในช่วงเช้าที่ผ่านมาจะร่วงลงไปลึกกว่า 5% ในระหว่างเทรด”
**'กิตติรัตน์ 'เชื่อคนแห่ขายหุ้นช่วงสั้น
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ อดีตกรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยร่วงลงหนักวานนี้ เป็นในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นทั่วโลกที่เกิดความตกใจว่าภาวะเศรษฐกิจโลกอาจเกิดการลดถอย และความผิดหวังของนักลงทุนที่รัฐบาลรัฐบาลไม่ได้ใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณทางการเงิน (QE3) ออกมากระตุ้นเศรษฐกิจอีกรอบ โดยเชื่อว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะกระทบกับตลาดหุ้นไทยในระยะสั้น เพราะเป็นเรื่องเก่าที่ตลาดรับรู้มาแล้ว และพอจะคาดการณ์ได้บ้าง
ดังนั้น ในสัปดาห์หน้าเชื่อว่าตลาดหุ้นไทยคงไม่ตกลงอย่างหนักอีกแล้ว และโชคดีที่วันนี้เป็นวันทำการสุดท้ายของสัปดาห์นี้ จึงเชื่อว่าไม่น่าจะมีการแห่เทขายหุ้นออกมาแล้ว และจะมีการนำเงินกลับเข้ามาลงทุนในเอเชีย
**ฟอร์ด-โตโยต้าขอขยายCCรถคันแรก
นายกิตติรัตน์ กล่าวภายหลังประธานบริษัท ฟอร์ด เซอร์วิส (ประเทศไทย) จำกัด ,ประธานบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด และประธานองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (เจโทร) เข้าพบว่า ฟอร์ดได้ขอให้รัฐบาลไทยพิจารณาเพิ่มเงื่อนไขของนโยบายรถยนต์คันแรกให้ครอบคลุมรถยนต์ขนาด 1600 ซีซีด้วย ซึ่งเรื่องนี้ ได้แจ้งว่า รัฐบาลอยู่ระหว่างการพิจารณาและฟอร์ดยังมองว่าไทยมีความพร้อมเป็นฐานผลิตรถยนต์ ซึ่งฟอร์ดประเทศไทยผลิตรถยนต์ได้มากกว่า 500,000 คัน โดยเน้นส่งออกมากกว่าขายในประเทศ แต่ในอนาคตจะเพิ่มสัดส่วนการขายในไทยให้มากขึ้น และเห็นว่า นโยบายการเพิ่มรายได้ของรัฐบาลจะทำให้ยอดขายรถยนต์เพิ่มขึ้นได้
ส่วนโตโยต้าแจ้งว่า ไทยเป็นตลาดสำคัญสำหรับรถยนต์ของโตโยต้า และการแข่งขันสำหรับตลาดรถยนต์ในไทยไม่มีปัญหา แต่โตโยต้าต้องแข่งขันกับโตโยต้าในประเทศอื่นๆ ด้วย จึงต้องการให้รัฐบาลมีนโยบายเอื้อต่อการลงทุน
***ปตท.ออกโรงโม้จังหวะช็อปของถูก
นายโชติชัย สุวรรณาภรณ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่นโยบายและเศรษฐกิจพลังงาน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ความกังวลวิกฤตเศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะสหรัฐและยุโรปเกี่ยวกับปัญหาหนี้สาธารณะที่สูงขึ้น ทำให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย แต่เชื่อว่าเศรษฐกิจให้เอเชียยังดีอยู่ มีกำลังซื้อและการเงินแข็งแกร่งซึ่งภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้เป็นโอกาสดีสำหรับบริษัทใหญ่ที่มีความเข้มแข็งอย่างปตท.ในการเข้าซื้อกิจการพลังงานที่มีปัญหาการเงินได้ง่ายขึ้น เนื่องจากวิกฤติเศรษฐกิจทำให้บริษัทพลังงานบางแห่งจำเป็นต้องมีการขายทรัพย์สินที่ดี ออกมาในราคาถูก โดยปตท.สนใจที่จะซื้อธุรกิจขุดเจาะสำรวจปิโตรเลียม ปิโตรเคมี ไบโอพลาสติกและบริษัทวิจัยเทคโนโลยี ซึ่งที่ผ่านมาปตท.ก็มองหาโอกาสในการซื้อกิจการ (M&A)มาโดยตลอดอยู่แล้ว
***"ปู" โชว์ บอกพื้นฐาน ศก.แกร่ง
วานนี้ (23 ก.ย.) นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ตลาดหุ้นตกและติดลบวานนี้ว่า เป็นเรื่องผลกระทบเศรษฐกิจตลาดโลกที่ปรับลดเกรดในเรื่องของตัวบริษัท ซึ่งคิดว่าน่าจะเป็นช่วงระยะเวลาที่สั้น ในส่วนของไทยต้องสร้างความแข็งแรงภายในประเทศให้ดี เพื่อให้การผันผวนการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจตรงนี้กระทบกับไทยไม่มาก ทั้งนี้ ในเบื้องต้นคงจะจะเป็นเพราะการตกใจในเรื่องของข่าวสาร แต่โดยภาพรวมของไทยไม่กระทบมาก เพราะเรื่องเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ยุโรปก็อิมเพคไปเกือบหมดแล้ว เชื่อว่าเป็นเพียงข่าวเท่านั้น ซึ่งจะเร่งฟื้นฟูเรื่องความมั่นใจ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ความผันผวนตรงนี้กับปัญหาของประเทศเรื่องภัยธรรมชาติจะยิ่งฉุดความเชื่อมั่นลงไปหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ความเชื่อมั่นพวกเราต้องช่วยกันสร้าง ทั้งนี้เชื่อว่าพื้นฐานทางด้านเศรษฐกิจในด้านการเจริญเติบโต พื้นฐานยังดีอยู่ โดยเฉพาะตลาดเอเซีย วันนี้ถึงบอกว่าเราต้องกลับมาทำงานในส่วนของอาเซียนเพิ่มความแข็งแรง เพราะวันนี้เศรษฐกิจโลกต่างๆมีความผันผวน
เมื่อถามว่า ปัจจัยภายนอกเราควบคุมไม่ได้จำเป็นจะต้องทบทวนนโยบายประชานิยมหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ เพราะประชานิยมตรงนี้เป็นสิ่งที่จะทำให้เกิดความแข็งแรงในการสร้างเศรษฐกิจในประเทศ ซึ่งนโยบายของรัฐบาลมีสองส่วนคือนโยบายการสร้างพื้นฐานเศรษฐกิจในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการลดหนี้ การเพิ่มรายได้ในครัวเรือน ขณะเดียวกันในระยาวจะดูเรื่องโครงสร้างพื้นฐานไม่ว่าจะเป็นเรื่องของรถไฟหรือโครงการเมกกะโปรเจกต์ต่างๆ สำหรับนโยบายต่างประเทศคือการเร่งฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ สร้างความเชื่อมั่นในแต่ละประเทศ.