ASTVผู้จัดการรายวัน - คณะทำงานกลั่นกรองฎีกาแดงขออภัยโทษ “นช.แม้ว” โยนกรมราชทัณฑ์ค้นข้อมูลฎีกาย้อนหลัง หลังส่ง “สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย” คุมกรมคุก หวังหาช่องกฎหมายอภัยโทษ “พ.ต.ท.ทักษิณ” ด้านโฆษกอัยการสูงสุด ชี้ไม่ง่ายออกกฎหมายนิรโทษกรรมยกคดี “นปช.-พธม.” ส่วน “คณิต”เล็งเสนอแก้กม.ก่อการร้าย เหลือแค่ “อั้งยี่” ด้านมาร์คท้า “นิติราษฎร์” รื้อผลพวง ยุคหมัก-ชาย” ส่วนอ.เสื้อแดง ท้ารบ ปชป. รุมซัด “แม้ว”สไกป์”หวังผล “ปู”รับแค่ให้กำลังใจ
วานนี้ (22 ก.ย) นายธงทอง จันทรางศุ เลขาธิการสภาการศึกษา ในฐานะคณะทำงานกลั่นกรองและตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีที่มีบุคคลทูลเกล้าฯถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะทำงานครั้งที่ 2 ว่า ที่ประชุมได้นำข้อมูลที่ได้รับจากกรมราชทัณฑ์ตามที่การประชุมครั้งแรกได้กำหนดกรอบการทำงานไว้ 3 ประเด็นคือ การตรวจสอบสิทธิของผู้ยื่นทูลเกล้าฯถวายฎีกา , กระบวนการยื่นรายชื่อทูลเกล้าฯถวายฎีกาถูกต้องหรือไม่ และผู้ขอพระราชทานอภัยโทษต้องได้รับการบังคับโทษอยู่หรือไม่
“การประชุมครั้งนี้ยังไม่ได้มีการหารือเพิ่มเติม โดยที่ประชุมต้องการให้กรมราชทัณฑ์กลับหาข้อมูลที่เป็นกรณีศึกษา ว่า ในอดีตเคยมีบุคคลที่ไม่ใช่ญาติยื่นขอพระราชทานอภัยโทษหรือไม่ รวมถึงกระบวนการยื่นขอพระราชทานอภัยโทษมีแนวทางปฏิบัติอย่างไร โดยเฉพาะกรณีที่ไม่ได้ยื่นโดยตรงต่อกรมราชทัณฑ์”
นายธงทอง กล่าวถึง สาเหตุที่ทำให้การทำงานล่าช้า ว่า เนื่องจากคณะทำงานได้วางขั้นตอนการตรวจสอบอย่างละเอียด การทำความเห็นเสนอต่อรมว.ยุติธรรมจะต้องมีเหตุผลประกอบอย่างสมบูรณ์ และมีผล กรณีศึกษา เช่นเดียวกับงานวิชาการ ไม่ใช่การทำงานในเชิงบริหาร ทั้งนี้หากคณะทำงานมีความเห็นต่างจะต้องหารือถึงขั้นตอนการลงมติและนำความเห็นเสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมทั้งหมด ซึ่งจะมีการประชุมอีกครั้งในวันที่ 5 ต.ค.นี้
ส่วนประเด็นที่ต้องเร่งพิจารณาให้ทันก่อนที่จะการมีพระราชกฤษฎีกาอภัยโทษในวโรกาส 5 ธันวาคม 54 หรือไม่นั้น นายธงทอง กล่าวว่า ไม่จำเป็นเพราะกรณีดังกล่าวเป็นการพระราชทานอภัยโทษทั่วไป ขณะที่ฎีกาของคนเสื้อแดงเป็นการขอพระราชทานอภัยโทษเฉพาะบุคคล
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีการโยกย้ายคนในระบอบทักษิณ คือ พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย จากผู้ตรวจราชการ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) มานั่งอธิบดีกรมราชทัณฑ์ แทนนายชายชาติ สุทธิกลม ที่ไปนั่งรองปลัดกระทรวงยุติธรรม
ประเด็นดังกล่าว ได้มีการตั้งข้อสังเกตถึงการสั่งให้กรมราชทัณฑ์ไปสืบค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเป็นเรื่องที่แปลก เนื่องจากก่อนหน้านี้ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้พูดชัดว่า การโยกย้าย พ.ต.อ.พ.ต.อ.สุชาติ ไม่เกี่ยวกับเรื่องฎีกาอภัยโทษให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะเรื่องได้ผ่านมาถึงกระทรวงแล้ว ขณะที่นายชายชาติ สุทธิกลม ก็ยืนยันว่าเรื่องการถวายฎีกาในส่วนความรับผิดชอบของกรมราชทัณฑ์ได้เสร็จสิ้นไปนานแล้ว ดังนั้น การสั่งให้กรมราชทัณฑ์ที่มี พ.ต.อ.สุชาติ เป็นอธิบดีคนใหม่ จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าย้าย พ.ต.อ.สุชาติ มาเพื่อสานต่อภารกิจฎีกาอภัยโทษให้ นช.ทักษิณ ชินวัตร ตามที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ก่อนหน้านี้
**คลอดกม.นิรโทษนปช.-พธม.ไม่ง่าย
นายธนพิชญ์ มูลพฤกษ์ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ และโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึง กระแสข่าวให้ยกเลิกคดีก่อการร้ายและออกเป็นกฎหมายนิรโทษกรรมให้ทั้งกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ว่า กฎหมายนิรโทษกรรมให้กับทุกฝ่ายสามารถทำได้ แต่กระบวนการออกกฎหมายคงไม่ง่าย เพราะต้องผ่านขั้นตอนหลายส่วน หากฝ่ายบริหาร หรือกระทรวงยุติธรรม เสนอออกกฎหมายนิรโทษกรรม ก็ยังต้องส่งคณะกรรมการกฤษฎีกา พิจารณาแล้วส่งให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ขณะที่ ครม. พิจารณาแล้วก็ต้องส่งให้สภาล่าง และสภาสูง กลั่นกรองการออกกฎหมาย เป็นต้น
“ผมเห็นว่า รอให้มีการเสนอ ออกกฎหมายก่อนจะดีกว่าแล้วมาดูรายละเอียดที่จะร่างเป็นกฎหมายว่าเป็นอย่างไร เวลานี้ยังเร็วไปที่จะพูดถึงขั้นตอนทางคดีหลังออกฎหมายนิรโทษกรรม”
** "คณิต"เล็งเสนอแก้กม.ก่อการร้าย
ด้านนายคณิต ณ นคร ประธานคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) กล่าวในงานสัมมนาเรื่อง "การขับเคลื่อนสังคมไทยด้วยหลักนิติธรรม" ถึงกฎหมายว่าด้วยการก่อการร้าย ฝ่ายบริหารออกเป็นพระราชกำหนด จนกลายเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาจนถึงปัจจุบัน ว่า ตนมีแนวคิดที่จะเสนอรัฐบาลให้แก้ไขกฎหมายก่อการร้าย โดยเทียบเคียงกับอั้งยี่ตามที่สากลกำหนด เนื่องจากการก่อการร้ายเป็นเรื่องระดับสากล แต่อั้งยี่จะเบาลงมา ซึ่งกฎหมายมีบทลงโทษเพื่อไม่ให้ไปทำผิดอีก โดยที่ต่างประเทศจำคุกไม่เกิน 10 ปี แต่ของไทยอั้งยี่ คือ โทษประหารชีวิต ซึ่งรุนแรงมากเพราะกฎหมายไทยใช้ผิดหลักเกณฑ์ไปหมด
**มาร์คท้า อ.แดงรื้อผลพวงยุคหมัก
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่คณะนิติราษฎร์ เสนอยกเลิกผลพวงทางการเมือง ตั้งแต่ปี 2549 ที่ผ่านมา และยกเลิกผลจากรัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ.2550 ว่า รัฐบาลที่ผ่านมา ทั้งรัฐบาลของนายสมัคร สุนทรเวช นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ต้องยกเลิกด้วยหรือไม่ อย่าพยายามสร้างวาทะกรรมทางการเมือง โดยไม่พิจารณาข้อเท็จจริง
**“นิติราษฎร์ท้าปชป.รับข้อมูล
เว็บไซต์นิติราษฎร์ แจ้งกำหนดการแถลงข่าวอีกครั้ง โดยอ้างว่า สื่อมวลชนจำนวนมาก นำเสนอข่าวผิดพลาดคลาดเคลื่อนไปจากข้อเสนอของคณะนิติราษฏร์ จนสร้างความเข้าใจผิดแก่สาธารณะชน ดังนั้น คณะนิติราษฎร์ นิติศาสตร์เพื่อราษฎร จึงขอเรียนเชิญสื่อมวลชนทุกแขนง และบรรดาผู้วิพากษ์ข้อเสนอของคณะนิติราษฎร์ ทั้งหลาย รวมถึงนายถาวร เสนเนียม และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มาแสดงความเห็นวิพากษ์วิจารณ์อย่างเป็นทางการ ในวันอาทิตย์ที่ 25 ก.ย. 2554 เวลา 13.00 น. เป็นต้นไป ณ ห้อง 123 คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์
**ปูอ้างสไกป์คุยครม.แค่ให้กำลังใจ
กรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี สไกป์จากต่างประเทศเข้าร่วม การหารือของคณะรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทยเมื่อวันที่ 21 ก.ย.ที่ผ่านมา
ที่รัฐสภา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า จริงๆถือว่าไม่เป็นการประชุมครม. ตนทำงานครบ 1 เดือนก็จะคุยกับรัฐมนตรี เพื่อแลกเปลี่ยนกัน และ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ติดต่อมาเพื่อให้กำลังใจอย่างเดียว
ส่วนที่มีข่าวออกมาว่าพ.ต.ท.ทักษิณได้แนะนำการทำงานในเรื่องนโยบายต่างๆ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า “ไม่ใช่ค่ะๆ ท่านเพียงให้กำลังใจคณะรัฐมนตรีในการทำงานเพื่อพี่น้องประชาชนค่ะ” ในส่วนตัวเนื้องานจริงๆเราไม่ได้มีวาระอะไร ปกติก็เป็นการแลกเปลี่ยน เพราะหลังจากที่รับตำแหน่งรัฐบาลมา1เดือน ก็ถือโอกาสมาคุยกันเฉพาะในส่วนของรัฐมนตรีเพื่อไทย ไม่ใช่เป็นการประชุมครม.ใดๆทั้งสิ้น เป็นการคุยกันนอกรอบ เราประชุมของเราเองจริงๆแล้วพ.ต.ท.ทักษิณ ให้กำลังใจช่วงท้ายเท่านั้น
ส่วนกังวลหรือไม่ที่จะถูกมองว่ารัฐบาลละเลยเกี่ยวกับการดำเนินการเกี่ยวกับพ.ต.ท.ทักษิณ เรื่องคดีที่จะถูกกล่าวหาได้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า “ท่านติดต่อมา ก็เป็นการทักทายกันช่วงท้ายเท่านั้นเอง ส่วนของเราก็ทำงานกันอยู่แล้ว ในแง่ของท่านทักษิณก็ดำเนินการตาทกฏหมาย ไปตามกระบวนการ”
เมื่อถามต่อว่ามีคำครหาว่ามีนายกฯตัวจริงกับไม่จริงมองอย่างไร น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ไม่หรอก ตนก็ทำหน้าที่ของตนทุกวัน ทำงานประชุม ทุกอย่าง กลไกการตัดสินใจอยู่ที่ครม. ซึ่งทุกคนก็ทราบกลไกการทำงานของรัฐบาลอยู่แล้วว่าไม่ว่าจะทำอะไรต่างๆเราจะใช้ครม.ในการตัดสินใจ ทุอย่างเป็นไปตามกลไก ตนก็ทำงานของตน และเป็นตัวเอง
**เฉลิม"อ้างโทรทักทาย ปัดสั่งการครม.
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “ไม่หรอก พ.ต.ท.ทักษิณทักทายเท่านั้น ยืนยันไม่มีการแนะนำการทำงานใดๆ ย้ำว่าไม่ใช่ประชุมครม.แต่สมาชิกพรรคเพื่อไทยไปประชุมกัน พ.ต.ท.ทักษิณจึงทักทายทุกคนและถามตนคนแรกว่าสบายดีหรือไม่ มันมีแค่นี้”
ส่วนที่ พรรคประชาธิปัตย์ระบุว่าพ.ต.ท.ทักษิณ แทรกแซงการทำงานของครม.เพื่อไทย ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่มี พ.ต.ท.ทักษิณเล่าเพียงว่า เมื่อคืนวันก่อนรับประทานอาหารกับมหาเธร์ โมฮัมหมัด และนายนาจิบ ราซัก อดีตนายกฯมาเลเซียทั้งสองคน มันไม่มีอะไร แต่ไปเข้าใจผิดตามที่ฝ่ายค้านคิด หากเป็นการประชุมครม.ที่ทำเนียบรัฐบาลจึงเรียกว่าประชุมครม.แต่วันนั้นสมาชิกพรรคเพื่อไทยนั่งคุยกันเท่านั้น มันพวกเรากันเอง และที่ผ่านมาพ.ต.ท.ทักษิณก็ทักทายบ่อยๆ
ทั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นคนระบุเองว่า ครม.ประชุมกันทุกวันอังคาร ฉะนั้นพวกเราอยู่พรรคเดียวกันก็น่าจะประชุมกันก่อนในวันจันทร์ หรือวันศุกร์เพื่อได้แนวทางก่อน เวลาประชุมครม.จะเร็วขึ้น มันไม่เกี่ยวกับพ.ต.ท.ทักษิณเลย เมื่อถามว่าพรรคประชาธิปัตย์ถามว่าใครคือนายกฯตัวจริง ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า “น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตนเป็นรองนายกฯ และพ.ต.ท.ทักษิณเป็นอดีตนายกฯ พวกตนไม่ใช่จิ้งหรีดจะได้มาปั่นหัว”
**มาร์คเชื่อออกมาตอกย้ำนโยบาย
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า จริงแล้วๆงานที่เป็นนโยบายหลักและทิศทางของประเทศที่เขียนไว้ค่อนข้างสวยหรูในนโยบายของรัฐบาลกลับยังไม่มีคำตอบจากรัฐบาลในการบริหารงาน พ.ต.ท.ทักษิณเองอาจจะมองว่างานต่างๆไม่ได้ออกมาตามที่ให้คำมั่นสัญญาไว้ ซึ่งสิ่งที่เราต้องการคือ ทิศทางภาพรวมในการบริหารประทศ อย่างเช่นในช่วงรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ที่นำโครงการประกันรายได้เข้ามาก็เพราะเราคิดว่าเป็นนโยบายที่ยั่งยืน ช่วยเหลือคนยากจน และไม่เลือกปฎิบัติ รวมไปถึงไม่เปิดช่องว่างให้มีการทุจริต ซึ่งนโยบายเหล่านี้ที่ตนต้องการจะเห็น ไม่ใช่นำเงินประชาชนไปทำโครงการรถคันแรก
ส่วนรู้สึกอย่างไรที่ หลังจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณจะประชุมผ่านโปรแกรมสไกป์ในการประชุมคณะรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทยทุกอาทิตย์ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เขาก็คงติดต่อประสานงานกัน แต่อย่างไรขอให้ทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลัก และก็ต้องยอมรับว่าโครงการหลายอย่างยังไม่เดินหน้าก็เพราะว่ารัฐบาลหมกหมุ่นกับเรื่องของพ.ต.ท.ทักษิณ อยู่กับการคิดที่จะแก้กฏหมายและรัฐธรรมนูญ
ถามอีกว่า นายสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศเตรียมพิจารณาคืนพาสปอร์ตให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนขอเรียนว่าสิ่งนี้ในเมื่อรัฐมนตรีให้ความสนใจในเรื่องพ.ต.ท.ทักษิณ มันก็จะเป็นปัญหา
**ปชป.ซัดยิ่งลักษณ์นายกหุ่นเชิด
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า ยิ่งเป็นการตอกย้ำให้เห็นความเป็นนายกรัฐมนตรีหุ่นเชิดของคุณยิ่งลักษณ์ชัดเจนขึ้น และตอกย้ำให้เห็นชัดเจนว่า ประเทศไทย มีนายกรัฐมนตรี 2 คน คือ นายกตัวจริง กับ นายกหุ่นเชิด ซึ่งไม่ควรเกิดขึ้น คุณยิ่งลักษณ์นอกจากมีหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินแล้ว ยังมีหน้าที่ที่จะต้องรักษาศักดิ์ศรีสถาบันนายกรัฐมนตรีประเทศไทยด้วยและต้องตระหนักว่า ครม. ทั้งคณะ เป็น ครม.ประเทศ ไม่ใช่ ครม.ครอบครัว
ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทย กล่าวอ้างว่า กรณีความเห็น คอ.นธ. และคณะนิติราษฎร์ ไม่ใช่กระบวนการเดียวกัน เพียงแต่มีความเห็นสอดคล้องกัน นายจุรินทร์ กล่าวว่า ไม่ว่า จะอ้างอย่างไร แต่ถ้าดูให้ดีจะเห็นได้ชัดว่า เนื้อหา เป้าหมาย เหมือนกัน คือนำไปสู่การช่วยให้คนๆ เดียว ได้ประโยชน์มากสุด เพราะมาจากการกำกับของคนกลุ่มเดียวกัน เพียงแต่มีผู้แสดงหลายคน ประชาชนจึงต้องรู้เท่าทัน
**เผยแม้วตรวจงานรมต.เรียงตัว
รายงานข่าวแจ้งว่า พ.ต.ท.ทักษิณได้สไกป์เข้ามาร่วมพูดคุยกับที่ประชุม ประมาณ 30 นาที ขอให้รัฐมนตรีทุกคนตั้งใจทำงาน ไม่ต้องห่วงเรื่องการต่อต้านต่างๆ จากพวกหน้าเก่า
ทั้งนี้พ.ต.ท.ทักษิณให้ความสำคัญกับการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยให้รัฐบาลฟื้นฟูไปพร้อมกับการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยให้ประชาชนเป็นผู้กำหนดความต้องการของตัวเอง แต่ขออย่าไปทำอะไรให้เกิดการทุจริตเหมือนรัฐบาลชุดที่แล้ว ส่วนโครงการเมกะโปรเจ็กต์ ส่วนที่ได้ทำเอาไว้แล้ว รัฐบาลและรัฐมนตรีจะต้องดำเนินการต่อ แต่ขอให้ประหยัดงบประมาณ ส่วนที่ไม่เคยดำเนินการมาก่อน ก็ขอให้รัฐมนตรีแต่ละคนละเอียดรอบคอบและระวัดระวังเรื่องการทุจริต ถ้าเป็นไปได้รัฐบาลก็ควรเสนอให้มีการตั้งกรรมการมาศึกษาแต่ละโครงการให้ชัดเจนก่อน
ทั้งนี้ ครม.พรรคเพื่อไทย จะประชุมในลักษณะนี้ทุกสัปดาห์ โดยจะมีการนัดประชุมกันทุกวันจันทร์ เวลา 09.00 น.
**เผยกี้ร์อยากมอบตัวแต่กลัวตายในคุก
อีกด้านความคืบหน้าของคนเสื้อแดงที่หลบหนีคดีนายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสข่าวการติดต่อมอบตัวของนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำนปช. ว่า ตนได้เจอกับนายอริสมันต์ในงานเลี้ยงอาหารค่ำ ที่ประเทศกัมพูชา โดยบังเอิญ โดยได้พูดคุยให้นายอริสมันต์เข้ามอบตัวและรับปากจะดูแลเรื่องการประกันตัวให้ แต่นายอริสมันต์ ยังกังวลเรื่องความปลอดภัย เพราะเคยถูกข่มขู่ว่า ถ้าเข้ามามอบตัว ก็จะถูกตามไปเล่นงานในคุก และเคยได้รับข้อมูลมาว่าเป็นเป้าหมายต่อไปหลังจากที่พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธแดง ถูกยิงเสียชีวิต
ทั้งนี้ในการพูดคุยดังกล่าวไม่ได้มีการสอบถามว่า นายอริสมันต์หลบซ่อนตัวอยู่ที่ใด เนื่องจากเกรงว่าหากข่าวรั่วออกไป จะไม่เป็นผลดีต่อตัวของนายอริสมันต์
ด้านนายอริสมันต์ เปิดเผยว่า การเข้ามอบตัวนั้น ยืนยันว่า ยังไม่มีความคิดที่จะเข้ามอบตัวในช่วงเวลานี้ เนื่องจากเท่าที่มองดูสถานการณ์ประเทศไทยแล้ว แม้รัฐบาลจะมาจากการเลือกตั้งของประชาชนแต่ก็ยังไม่ถือว่ามีความมั่นคงเพียงพอ โดยส่วนตัวมองว่า ภาพของกองทัพยังคงดูแข็งแรงกว่ารัฐบาลตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ก็ได้เดินทางเข้า-ออกประเทศไทยหลาายครั้งแล้ว
อย่างไรก็ตาม การพักอาศัยตามต่างประเทศในช่วงที่ผ่านมานั้น ยังคงใช้ชีวิตอยู่ได้ เนื่องจากมีเพื่อนพ้อง และญาติมิตรยังให้การดูแล.