ASTVผู้จัดการรายวัน- ผู้ประกอบการขนส่งสินค้าเตรียมพบ “พิชัย”26 ก.ย.นี้ขอชัดเจนแผนการขยับราคาดีเซล แอลพีจี และเอ็นจีวี หลังสับสนวางแผนธุรกิจไม่ได้ ชี้ขึ้นเอ็นจีวีต้องไม่เกิน 50% ของดีเซล ขณะที่ผู้ผลิตเอทานอลจ่อคิวตามหลังยอดขายแก๊สโซฮอล์วูบหนักหันซบเบนซิน 91 ที่ราคาถูกลงหวังรัฐชัดเจนเหตุสต็อกเอทานอลล้น
นายขวัญชัย ติยะวานิช นายกสมาคมผู้ประกอบการขนส่งสินค้าภาคอีสาน เปิดเผยว่า ผู้ประกอบการขนส่งในนามสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทยจะเดินทางเข้าพบนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พลังงานวันที่ 26 ก.ย.นี้เพื่อที่จะขอความชัดเจนถึงนโยบายโครงสร้างราคาพลังงานภาพรวมโดยเฉพาะดีเซล ก๊าซหุงต้ม(แอลพีจี) และก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์(เอ็นจีวี)
ที่ขณะนี้ผู้ประกอบการเกิดความสับสนถึงทิศทางราคาซึ่งทำให้ไม่สามารถวางแผนการทำธุรกิจในระยะยาวได้
“เราเองอยากให้ราคาพลังงานสะท้อนต้นทุนที่แท้จริงอย่างดีเซลลอยตัวไปเลยเพราะการที่ตรึงไว้แล้วทำให้โครงสร้างอื่นๆ บิดเบี้ยวไปพอจะมาขยับราคาก็เป็นปัญหาโครงสร้างลักลั่นกันทำให้ผู้ประกอบการปรับตัวไม่ถูก อย่างล่าสุดรัฐบาลได้ยืดมาตรการลดภาษีดีเซลไปถึงสิ้นปีแต่แอลพีจีและเอ็นจีวีจะขึ้นเมื่อใดแน่ข่าวเองก็ออกมาหลายกระแสมากจนสับสนทำให้คนที่จะออกรถบรรทุกใหม่ไม่รู้จะซื้อรถชนิดใดดี”
อย่างไรก็ตามสิ่งที่จะเสนอรัฐคือ เห็นด้วยที่จะลอยตัวราคาพลังงานแต่ส่วนของเอ็นจีวีแล้วราคาที่เหมาะสมก็ควรจะอยู่ที่ไม่เกิน 50% ของราคาดีเซลหากเมื่อใดที่ราคาเอ็นจีวีแพงกว่าระดับดังกล่าวผู้ประกอบการรถบรรทุกก็คงจะหนีไปใช้น้ำมันดีเซลที่จะคุ้มค่ากว่า นอกจากนี้ข้อสำคัญคือหากจะค่อยๆ ขยับราคาเอ็นจีวีแล้วแต่สิ่งสำคัญคือก๊าซฯจะต้องไม่ขาดแคลนด้วยซึ่งเห็นว่าหากก๊าซฯขาดรัฐควรจะมีโครงการน้ำมันดีเซลราคาถูกให้ผู้ประกอบการได้ลดต้นทุนในจุดนี้เพื่อบรรเทาผลกระทบที่ขณะนี้ก๊าซเอ็นจีวียังคงขาดแคลนเป็นบางช่วงทั้งที้ฤดูฝนเป็นช่วงงานลดอยู่แล้ว
นายสิริวุทธิ์ เสียมภักดี นายกสมาคมผู้ประกอบการค้าผู้ผลิตเอทานอลไทย กล่าวว่า จากนโยบายที่รัฐบาลลดราคาเบนซิน 91 และ 95 ดีเซลลงจากการยกเลิกเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯทำให้ส่วนต่างราคาเบนซินกับแก๊สโซฮอล์ลดลงอย่างมากทำให้ขณะนี้ยอดขายแก๊สโซฮอล์ 95 ลดแล้วเฉลี่ย 15-20% แก๊สโซฮอล์ 91 ลดลงอย่างน้อย 4-5% โดยผู้ใช้หันไปเติมเบนซิน 91 แทน ทำให้สต็อกเอทานอลในประเทศรวมมีถึง50 กว่าล้านลิตร ดังนั้นทางสมาคมฯจึงได้ขอเวลาพบรมว.พลังงานเพื่อขอทราบนโยบายที่ชัดเจนถึงนโยบายพลังงานทดแทน
นอกจากนี้ยังจะเสนอขอความช่วยเหลือในการแก้ไขกฏหมายที่จะเปิดช่องให้กับผู้ผลิตเอทานอลสามารถขยายตลาดในประเทศได้มากขึ้นเช่น โรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น โรงงานผสมสี เนื่องจากกฏหมายปัจจุบันมีข้อบังคับให้ขายเอทานอลในประเทศได้เฉพาะผู้ค้ามาตรา 7 เท่านั้น ซึ่งราคาส่งออกขณะนี้ใกล้เคียงกับราคาขายในประเทศแต่การส่งออกมีความเสี่ยงในค่าใช้จ่ายอื่นๆทั้งค่าขนส่ง การดูแล ฯลฯ
“เราเองก็คงจะต้องดิ้นทุกทางทั้งหาตลาดในประเทศเพิ่ม และก็ส่งออก ซึ่งยอมรับว่าผลกระทบดังกล่าวทำให้ผู้ผลิตมีช่วงที่ต้องหยุดโรงงานมากขึ้นกว่าเดิม โดยโรงงานจะลดกำลังผลิตไม่ได้จะต้องเดินเต็มแล้วพอสต็อกมากก็หยุดยอมรับว่าสิ้นปีนี้เราคงเหนื่อยพอสมควร”
นายมนูญ ศิริวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำมัน กล่าวว่า กรณีรัฐบาลได้ยืดมาตรการภาษีสรรพสามิตดีเซลต่อไปจนถึงสิ้นปี ประกอบกับก่อนหน้าได้ยกเลิกการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงส่วนของดีเซลไปแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลใดที่รัฐบาลจะยังคงนโยบายการตรึงดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตรของรัฐบาลชุดก่อนต่อไปอีกเพราะจะยิ่งทำให้การใช้ไม่ประหยัด
**เบนซิน-ดีเซลขยับ40สต.วันนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้(19ก.ย.) ผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่โดยปตท.และบางจากได้แจ้งปรับราคาขายปลีกน้ำมันเพิ่มขึ้นทุกชนิด 40 สตางค์ต่อลิตรเว้นอี 85 ที่ปรับขึ้น20 สตางค์ต่อลิตรมีผลตั้งแต่วันที่ 20 ก.ย.ส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันในเขตกทม.และปริมณฑล เบนซิน 91 อยู่ที่ 36.67 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่33.64 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ 36.67 บาทต่อลิตร อี 85 อยู่ที่22.02 บาทต่อลิตร อี 20 อยู่ที่ 32.64บาทต่อลิตร และดีเซล 28.39 บาทต่อลิตร
นายขวัญชัย ติยะวานิช นายกสมาคมผู้ประกอบการขนส่งสินค้าภาคอีสาน เปิดเผยว่า ผู้ประกอบการขนส่งในนามสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทยจะเดินทางเข้าพบนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พลังงานวันที่ 26 ก.ย.นี้เพื่อที่จะขอความชัดเจนถึงนโยบายโครงสร้างราคาพลังงานภาพรวมโดยเฉพาะดีเซล ก๊าซหุงต้ม(แอลพีจี) และก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์(เอ็นจีวี)
ที่ขณะนี้ผู้ประกอบการเกิดความสับสนถึงทิศทางราคาซึ่งทำให้ไม่สามารถวางแผนการทำธุรกิจในระยะยาวได้
“เราเองอยากให้ราคาพลังงานสะท้อนต้นทุนที่แท้จริงอย่างดีเซลลอยตัวไปเลยเพราะการที่ตรึงไว้แล้วทำให้โครงสร้างอื่นๆ บิดเบี้ยวไปพอจะมาขยับราคาก็เป็นปัญหาโครงสร้างลักลั่นกันทำให้ผู้ประกอบการปรับตัวไม่ถูก อย่างล่าสุดรัฐบาลได้ยืดมาตรการลดภาษีดีเซลไปถึงสิ้นปีแต่แอลพีจีและเอ็นจีวีจะขึ้นเมื่อใดแน่ข่าวเองก็ออกมาหลายกระแสมากจนสับสนทำให้คนที่จะออกรถบรรทุกใหม่ไม่รู้จะซื้อรถชนิดใดดี”
อย่างไรก็ตามสิ่งที่จะเสนอรัฐคือ เห็นด้วยที่จะลอยตัวราคาพลังงานแต่ส่วนของเอ็นจีวีแล้วราคาที่เหมาะสมก็ควรจะอยู่ที่ไม่เกิน 50% ของราคาดีเซลหากเมื่อใดที่ราคาเอ็นจีวีแพงกว่าระดับดังกล่าวผู้ประกอบการรถบรรทุกก็คงจะหนีไปใช้น้ำมันดีเซลที่จะคุ้มค่ากว่า นอกจากนี้ข้อสำคัญคือหากจะค่อยๆ ขยับราคาเอ็นจีวีแล้วแต่สิ่งสำคัญคือก๊าซฯจะต้องไม่ขาดแคลนด้วยซึ่งเห็นว่าหากก๊าซฯขาดรัฐควรจะมีโครงการน้ำมันดีเซลราคาถูกให้ผู้ประกอบการได้ลดต้นทุนในจุดนี้เพื่อบรรเทาผลกระทบที่ขณะนี้ก๊าซเอ็นจีวียังคงขาดแคลนเป็นบางช่วงทั้งที้ฤดูฝนเป็นช่วงงานลดอยู่แล้ว
นายสิริวุทธิ์ เสียมภักดี นายกสมาคมผู้ประกอบการค้าผู้ผลิตเอทานอลไทย กล่าวว่า จากนโยบายที่รัฐบาลลดราคาเบนซิน 91 และ 95 ดีเซลลงจากการยกเลิกเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯทำให้ส่วนต่างราคาเบนซินกับแก๊สโซฮอล์ลดลงอย่างมากทำให้ขณะนี้ยอดขายแก๊สโซฮอล์ 95 ลดแล้วเฉลี่ย 15-20% แก๊สโซฮอล์ 91 ลดลงอย่างน้อย 4-5% โดยผู้ใช้หันไปเติมเบนซิน 91 แทน ทำให้สต็อกเอทานอลในประเทศรวมมีถึง50 กว่าล้านลิตร ดังนั้นทางสมาคมฯจึงได้ขอเวลาพบรมว.พลังงานเพื่อขอทราบนโยบายที่ชัดเจนถึงนโยบายพลังงานทดแทน
นอกจากนี้ยังจะเสนอขอความช่วยเหลือในการแก้ไขกฏหมายที่จะเปิดช่องให้กับผู้ผลิตเอทานอลสามารถขยายตลาดในประเทศได้มากขึ้นเช่น โรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น โรงงานผสมสี เนื่องจากกฏหมายปัจจุบันมีข้อบังคับให้ขายเอทานอลในประเทศได้เฉพาะผู้ค้ามาตรา 7 เท่านั้น ซึ่งราคาส่งออกขณะนี้ใกล้เคียงกับราคาขายในประเทศแต่การส่งออกมีความเสี่ยงในค่าใช้จ่ายอื่นๆทั้งค่าขนส่ง การดูแล ฯลฯ
“เราเองก็คงจะต้องดิ้นทุกทางทั้งหาตลาดในประเทศเพิ่ม และก็ส่งออก ซึ่งยอมรับว่าผลกระทบดังกล่าวทำให้ผู้ผลิตมีช่วงที่ต้องหยุดโรงงานมากขึ้นกว่าเดิม โดยโรงงานจะลดกำลังผลิตไม่ได้จะต้องเดินเต็มแล้วพอสต็อกมากก็หยุดยอมรับว่าสิ้นปีนี้เราคงเหนื่อยพอสมควร”
นายมนูญ ศิริวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำมัน กล่าวว่า กรณีรัฐบาลได้ยืดมาตรการภาษีสรรพสามิตดีเซลต่อไปจนถึงสิ้นปี ประกอบกับก่อนหน้าได้ยกเลิกการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงส่วนของดีเซลไปแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลใดที่รัฐบาลจะยังคงนโยบายการตรึงดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตรของรัฐบาลชุดก่อนต่อไปอีกเพราะจะยิ่งทำให้การใช้ไม่ประหยัด
**เบนซิน-ดีเซลขยับ40สต.วันนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้(19ก.ย.) ผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่โดยปตท.และบางจากได้แจ้งปรับราคาขายปลีกน้ำมันเพิ่มขึ้นทุกชนิด 40 สตางค์ต่อลิตรเว้นอี 85 ที่ปรับขึ้น20 สตางค์ต่อลิตรมีผลตั้งแต่วันที่ 20 ก.ย.ส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันในเขตกทม.และปริมณฑล เบนซิน 91 อยู่ที่ 36.67 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่33.64 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ 36.67 บาทต่อลิตร อี 85 อยู่ที่22.02 บาทต่อลิตร อี 20 อยู่ที่ 32.64บาทต่อลิตร และดีเซล 28.39 บาทต่อลิตร