xs
xsm
sm
md
lg

"โต้ง"ขันน๊อตทูตพาณิชย์ดันส่งออก55โต10%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-“กิตติรัตน์”มอบนโยบายทูตพาณิชย์วันนี้ ตั้งเป้าผลักดันส่งออกปี 2555 โต 10% แม้ตลาดหลัก สหรัฐฯ อียูมีปัญหาเศรษฐกิจ ส่วนเป้าปีนี้ 15% ทะลุแน่
นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก เปิดเผยว่า วันนี้ (14 ก.ย.) นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ และนายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ รมช.พาณิชย์ จะมอบนโยบายให้หัวหน้าสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (ทูตพาณิชย์) เพื่อเป็นแนวทางการทำงาน และผลักดันการส่งออกสินค้าไทยในปี 2555 ให้ขยายตัว 10% จากปีนี้ที่คาดมูลค่าการส่งออกจะขยายตัวเกินเป้าหมายที่วางไว้ที่ 15% มูลค่า 224,000 ล้านเหรียญสหรัฐได้อย่างแน่นอน
“เป็นไปได้ที่ปีหน้ามูลค่าการส่งออกจะขยายตัวได้ 10% จากปีนี้ เพราะกรมฯ จะอัดกิจกรรมส่งเสริมการส่งออกไปยังตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ เช่น อาเซียน จีน อินเดีย ทดแทนการส่งออกที่อาจลดลงในตลาดหลักๆ โดยเฉพาะสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป (อียู) จากปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัว รวมถึงจะผลักดันให้ผู้ส่งออกใช้สิทธิประโยชน์จากข้อตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) และการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ให้มากขึ้น เพราะตอนนี้อาเซียนเป็นตลาดหลักอันดับ 1 ของไทยแล้ว” นางนันทวัลย์กล่าว
ทั้งนี้ มีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด คือ ปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐฯ และอียู ที่มีแนวโน้มถดถอย ซึ่งในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ จะเห็นภาพชัดเจนมากขึ้นว่าจะส่งผลให้การส่งออกสินค้ากลุ่มใดของไทยชะลอตัวลงบ้าง แต่ก็เชื่อว่า ผลจากการที่รัฐบาลสหรัฐฯ ได้เร่งผลักดันแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบ 3 (คิวอี 3) ในเร็วๆ นี้ ซึ่งจะมีเม็ดเงินเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้สูงถึง 400,000 ล้านเหรียญสหรัฐ จะทำให้ตลาดสหรัฐฯ มีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น
แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า เป้าหมายการส่งออกสินค้าไทยในปี 2555 ที่ตั้งเป้าขยายตัว 10% ถือว่าไม่มาก แต่ก็ไม่น้อยเกินไป เพราะฐานการส่งออกของไทยสูงขึ้นทุกปี การจะผลักดันให้อัตราขยายตัวสูงมากๆ คงทำได้ยาก อีกทั้งปีหน้าการส่งออกต้องเผชิญความเสี่ยง โดยเฉพาะเศรษฐกิจโลกที่ทำให้ตลาดหลักเศรษฐกิจชะลอตัวลง
ส่วนแผนการส่งเสริมการส่งออกในปี 2555 จะเน้นการทำแผนที่สามารถยืดหยุ่นปรับตัวได้ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ เพราะสมมติฐานขณะนี้ ประเมินว่าเศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะในตลาดหลัก ได้แก่ สหรัฐ ยุโรปและญี่ปุ่นจะชะลอตัว แต่ก็ต้องติดตามแผนกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะออกมาใช้ว่าจะมีผลตอบสนองทางเศรษฐกิจอย่างไร หากเป็นไปในทิศทางบวกก็จะส่งเสริมให้เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวได้ เมื่อถึงเวลานั้นแผนการส่งออกก็อาจต้องปรับเปลี่ยนให้เหมาะสม
อย่างไรก็ตาม หลักการจัดกิจกรรมส่งเสริมการส่งออกที่ผ่านมาของทุกปี คือ เน้นตลาดใหม่และตลาดที่มีโอกาสดี เช่น จีน อินเดีย อาเซียน ซึ่งมีสัดส่วนการส่งออกสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ตลาดหลักก็ไม่ทิ้ง เพราะเทียบในเชิงมูลค่า ก็ยังมีมูลค่าการส่งออกที่มากกว่า
สำหรับการประชุมทูตพาณิชย์ในวันนี้ ทูตพาณิชย์แต่ละรายจะรายงานสภาพเศรษฐกิจตลาดนั้นๆ และกำหนดเป้าหมายการส่งออกแต่ละตลาด ซึ่งเบื้องต้นยอมรับว่าตลาดหลักอาจมีเป้าหมายติดลบ เพราะฐานการส่งออกของปี 2554 มีมูลค่าสูงมาก แต่ได้กำชับให้จัดทำกิจกรรมเสริมเพื่อไม่ให้การส่งออกติดลบ เช่น สหรัฐฯ เน้นแผนเข้าถึงตลาดกลุ่มใหม่ เช่น กลุ่มผู้บริโภคเฉพาะ กลุ่มตลาดสถาบันหรือหน่วยราชการที่มีความจำเป็นต้องซื้อสินค้าต่อเนื่อง เพื่อชดเชยผู้ซื้อเอกชนที่ต้องลดสัดส่วนการนำเข้าลงตามปริมาณความต้องการที่ลดลง โดยกลยุทธ์ของไทยจะเน้นการเข้าถึงลูกค้า ส่งสินค้าตรงเวลา สินค้ามีคุณภาพคุ้มค่าเมื่อเทียบกับราคาที่อาจสูงกว่าคู่แข่ง
ส่วนงบประมาณสนับสนุนการส่งออก ปีนี้กรมส่งเสริมการส่งออกได้เสนอของบประมาณทั้งสิ้น 4,000 ล้านบาท แบ่งเป็นงบประจำ 3,000 ล้านบาท และงบสำหรับใช้ในกองทุนส่งเสริมการส่งออก มูลค่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งก่อนหน้านี้ งบกองทุนฯ ได้เสนอขอรัฐบาลที่ผ่านมา ได้รับอนุมัติแล้ว 50 ล้านบาทจากที่ขอไปทั้งสิ้น 1,000 ล้านบาท ซึ่งไม่เพียงพอ เพราะกองทุนฯ มีรายได้จากดอกเบี้ยเฉลี่ยปีละ 50 ล้านบาทเท่านั้น แม้จะยังมีงบประมาณเหลือจากปีก่อน 200 ล้านบาท แต่เมื่อรวมกันแล้วจะมีเงินประมาณ 300 ล้านบาทเท่านั้น ยังไม่เพียงพอที่จะใช้ในการผลักดันการส่งออก และใช้ในการแก้ปัญหาการค้าระหว่างประเทศ
กำลังโหลดความคิดเห็น