ตลอดเวลา 2 ปีกว่า คนไทยรู้แล้วล่ะว่า..รัฐบาล “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” กับพลพรรค ปชป.ได้ปล่อยปละละเลยเรื่องใหญ่ๆ ให้กลายเป็นปัญหาในทางลบของชาติ แต่เป็นประโยชน์ล้นเหลือกับทักษิณและพลพรรคในวันนี้ ชนิดให้อภัยรัฐบาล “มาร์ค” ไม่ได้เลย
อดีตนายกฯ “มาร์ค” รู้ทั้งรู้ว่า พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เป็นประธานองคมนตรี แต่ทักษิณและพวกยังกล้า “ตีวัวกระทบคราด” จิกหัวด่าและให้ร้ายป้ายสี “ป๋าเปรม” ต่างๆ นานาอย่างหยาบช้ามาตลอด อีกทั้งยังปล่อยให้เรื่องบานปลายจนเกิดการเผาบ้านเผาเมือง-ก่อการร้าย เข่นฆ่าทหารและประชาชนบาดเจ็บล้มตายไปมากมาย
นายกฯ มาร์ครู้ทั้งรู้ว่า คนสนิทบางกลุ่มของทักษิณ ประกาศจะแก้รัฐธรรมนูญเพื่อลิดรอนพระราชอำนาจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เช่น จะยกทิ้งคณะองคมนตรีซึ่ง “ในหลวง” ทรงใช้พระราชอำนาจแต่งตั้งตามพระราชอัธยาศัย เป็นต้น
อีกทั้งยังปล่อยให้ขบวนการ “ล้มเจ้า” สร้างพฤติกรรมทางการเมืองผิดๆ เพื่อมุ่งทำลายสถาบันสำคัญของชาติ ทั้งทางลับและเปิดเผยอย่างเป็นขบวนการ
ดังเช่น ใช้มวลชนกดดัน-บีบคั้น-บังคับ ขออภัยโทษความผิดในคดีซื้อที่ดินรัชดาภิเษกให้ทักษิณใช้ผู้คนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่และคนเสื้อแดง 2-3 ล้านคน มาลงชื่อในฎีกาเถื่อนที่ไม่เหมาะสม หรือไม่ถูกต้องตามกฎระเบียบอันควร ที่ยึดถือปฏิบัติกันมาตั้งแต่ในอดีตหลายประการ
ที่สำคัญ..ทักษิณไม่เคยสำนึกในความผิดที่ตนกระทำ ซ้ำกลับโยนความผิดของตนไปให้คนอื่น ด้วยข้ออ้างว่า..ถูกคณะทหารที่รัฐประหารรัฐบาลตน เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 กลั่นแกล้ง อีกทั้งยังให้ร้ายศาลสถิตยุติธรรมของชาติว่า..เป็นกระบวนการที่ไม่ยุติธรรมอีกด้วย
ที่ร้ายยิ่งกว่านั้น..พวก “ล้มเจ้า” ที่อยู่กับทักษิณยังบิดเบือนว่า ทักษิณถูก “อำมาตย์ใหญ่” รังแกใส่ร้าย ทั้งๆ ที่การกระทำความผิดทั้งปวงของทักษิณ เกิดจากตัวทักษิณเองที่เหลิงอำนาจขณะเป็นรัฐบาลปกครองบ้านเมือง
ความผิดทั้งมวลกลายเป็นต้นเหตุ ที่ทำให้ประชาชนต่อต้านขับไล่รัฐบาลทักษิณเป็นจำนวนมาก และทำให้นายทหารกลุ่มหนึ่งฉวยโอกาส กระทำการรัฐประหาร จนทักษิณต้องระเหเร่ร่อนอยู่ในต่างประเทศจนทุกวันนี้
ทว่า..กว่า 2 ปีที่อภิสิทธิ์และพวกเป็นรัฐบาล มีอำนาจเต็มตามตัวบทกฎหมาย แต่รัฐบาลอภิสิทธิ์กลับมีพฤติกรรมไม่ชอบมาพากล-มีเลศนัย-ไม่โปร่งใส โดยไม่ยอมจัดการกับทักษิณและพวกที่ทำผิดกฎหมายให้เสร็จสิ้นตามกระบวนการยุติธรรมอย่างจริงจัง
แม้แต่ตำแหน่งพ.ต.ท.ของ นช.ทักษิณ รัฐบาลอภิสิทธิ์ก็ไม่ยอมถอดถอน การยื่นถวายฎีกาขออภัยโทษ ทั้งที่ไม่สมควร-ไม่เหมาะสม-ไม่ถูกต้อง รัฐบาลอภิสิทธิ์ก็ไม่กล้ายกทิ้งฎีกาแดงเถื่อน ทั้งที่มีความไม่ถูกต้องตามกฎกติกาในฎีกามากมาย
แต่อดีตนายกฯ “มาร์ค” กลับไม่กล้ารับผิดชอบ ปล่อยเวลากว่า 2 ปีให้เสียไปกับการตรวจทานรายชื่อผู้คนกว่า 3 ล้านคน ทั้งๆ ที่คนเหล่านั้นมิใช่ลูกเมีย-ญาติพี่น้องของทักษิณ ซึ่งไม่มีผลในฎีกาขออภัยโทษแม้แต่น้อย ทำให้ปัญหา “ฎีกาแดงเถื่อน” คาราคาซังจนถึงรัฐบาล “ยิ่งลักษณ์”
บทความของ “คุณปานเทพ พัวพงษ์พันธ์” (ควรอ่านรายละเอียดบทความนี้ประกอบด้วย) ได้เขียนคาดการณ์ลงเผยแพร่ในเว็บ “ผู้จัดการออนไลน์” ไว้อย่างน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง จึงขอยกข้อสรุปท้ายบทความที่ว่า..
“...มาตรา 4 ผู้ซึ่งจะได้รับพระราชทานอภัยโทษตามพระราชกฤษฎีกานี้ ต้องมีตัวอยู่ในความควบคุมของทางราชการ หรือถูกกักขังไว้ในสถานที่หรืออาศัยที่ศาลหรือทางราชการกำหนดในวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับติดต่อกันไป จนถึงวันที่ศาลออกหมายสั่งปล่อยหรือลดโทษ หรือนายกรัฐมนตรีมีคำสั่งปล่อยหรือลดโทษ ตามที่บัญญัติไว้ในพระราชกฤษฎีกานี้ เว้นแต่ผู้ทำงานบริการสังคมหรือทำงานสาธารณประโยชน์แทนค่าปรับ
จากข้อความในมาตรานี้จึงมีความเป็นไปได้ว่า เมื่อถึงเวลาจริงก่อนเวลา 48 ชั่วโมงที่พระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษจะมีผลบังคับใช้ นักโทษชายทักษิณ ชินวัตร อาจกลับเข้าประเทศมาจำคุกในเรือนจำพิเศษ หรือ อาจจะแค่ถูกกักขังอยู่ที่ด่านตำรวจตรวจคนเข้าเมืองอยู่ไม่กี่ชั่วโมงก็ได้ ก่อนที่จะได้รับพระราชทานอภัยโทษ และได้รับการปล่อยตัวพ่วงไปกับผู้ต้องโทษอีกกว่า 3 หมื่นคน...”
แม้วันนี้ “ยิ่งลักษณ์” ประกาศ..จะไม่ร่วมยื่นฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้ “นช.แม้ว” และในฐานะนายกฯ ของคนไทยทั้งประเทศ จะขอทำประโยชน์เพื่อชาติ โดยไม่ขอก้าวล่วงเรื่องส่วนตัวของตระกูลชินวัตร
แต่ “ยิ่งลักษณ์” ก็ดีแต่พูดตรงกันข้ามกับความจริงเสมอ เพราะพรรคเพื่อไทยและรัฐมนตรีของรัฐบาล “ปูแดง” ล้วนร้อนรนกับการทำทุกวิถีทางเพื่อให้ทักษิณได้รับการนิรโทษกรรมโดยไม่ต้องรับผิด-รับโทษกรรมที่ตนก่อ โดยนายกฯ “ยิ่งลักษณ์” ไม่เคยห้ามปรามหรือหยุดยั้งคนเหล่านั้นเลย?
อย่างไรก็ตาม..เป็นเรื่องปกติที่ “ยิ่งลักษณ์” ต้องช่วย “พี่ชายทักษิณ” หากรัฐบาล “ปูแดง” แก้พระราชกฤษฎีกาที่รัฐบาลอภิสิทธิ์ได้ทำ “โพรงไว้ให้กะรอก” จนทำให้ทักษิณได้รับการนิรโทษกรรมพ้นจากความผิดในคดีซื้อที่ดินรัชดาฯ ได้ก่อนสิ้นปี 2554 นี้
ความผิดทั้งปวง-คงต้องยกให้ “อภิสิทธิ์” และพวกที่ขลาดเขลา-เอาตัวรอด-ไม่รับผิดชอบ อีกทั้งยังเต็มไปด้วยเลศนัยที่ไม่โปร่งใสกับการจัดการความผิดของทักษิณกับพวกครับ..?
อดีตนายกฯ “มาร์ค” รู้ทั้งรู้ว่า พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เป็นประธานองคมนตรี แต่ทักษิณและพวกยังกล้า “ตีวัวกระทบคราด” จิกหัวด่าและให้ร้ายป้ายสี “ป๋าเปรม” ต่างๆ นานาอย่างหยาบช้ามาตลอด อีกทั้งยังปล่อยให้เรื่องบานปลายจนเกิดการเผาบ้านเผาเมือง-ก่อการร้าย เข่นฆ่าทหารและประชาชนบาดเจ็บล้มตายไปมากมาย
นายกฯ มาร์ครู้ทั้งรู้ว่า คนสนิทบางกลุ่มของทักษิณ ประกาศจะแก้รัฐธรรมนูญเพื่อลิดรอนพระราชอำนาจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เช่น จะยกทิ้งคณะองคมนตรีซึ่ง “ในหลวง” ทรงใช้พระราชอำนาจแต่งตั้งตามพระราชอัธยาศัย เป็นต้น
อีกทั้งยังปล่อยให้ขบวนการ “ล้มเจ้า” สร้างพฤติกรรมทางการเมืองผิดๆ เพื่อมุ่งทำลายสถาบันสำคัญของชาติ ทั้งทางลับและเปิดเผยอย่างเป็นขบวนการ
ดังเช่น ใช้มวลชนกดดัน-บีบคั้น-บังคับ ขออภัยโทษความผิดในคดีซื้อที่ดินรัชดาภิเษกให้ทักษิณใช้ผู้คนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่และคนเสื้อแดง 2-3 ล้านคน มาลงชื่อในฎีกาเถื่อนที่ไม่เหมาะสม หรือไม่ถูกต้องตามกฎระเบียบอันควร ที่ยึดถือปฏิบัติกันมาตั้งแต่ในอดีตหลายประการ
ที่สำคัญ..ทักษิณไม่เคยสำนึกในความผิดที่ตนกระทำ ซ้ำกลับโยนความผิดของตนไปให้คนอื่น ด้วยข้ออ้างว่า..ถูกคณะทหารที่รัฐประหารรัฐบาลตน เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 กลั่นแกล้ง อีกทั้งยังให้ร้ายศาลสถิตยุติธรรมของชาติว่า..เป็นกระบวนการที่ไม่ยุติธรรมอีกด้วย
ที่ร้ายยิ่งกว่านั้น..พวก “ล้มเจ้า” ที่อยู่กับทักษิณยังบิดเบือนว่า ทักษิณถูก “อำมาตย์ใหญ่” รังแกใส่ร้าย ทั้งๆ ที่การกระทำความผิดทั้งปวงของทักษิณ เกิดจากตัวทักษิณเองที่เหลิงอำนาจขณะเป็นรัฐบาลปกครองบ้านเมือง
ความผิดทั้งมวลกลายเป็นต้นเหตุ ที่ทำให้ประชาชนต่อต้านขับไล่รัฐบาลทักษิณเป็นจำนวนมาก และทำให้นายทหารกลุ่มหนึ่งฉวยโอกาส กระทำการรัฐประหาร จนทักษิณต้องระเหเร่ร่อนอยู่ในต่างประเทศจนทุกวันนี้
ทว่า..กว่า 2 ปีที่อภิสิทธิ์และพวกเป็นรัฐบาล มีอำนาจเต็มตามตัวบทกฎหมาย แต่รัฐบาลอภิสิทธิ์กลับมีพฤติกรรมไม่ชอบมาพากล-มีเลศนัย-ไม่โปร่งใส โดยไม่ยอมจัดการกับทักษิณและพวกที่ทำผิดกฎหมายให้เสร็จสิ้นตามกระบวนการยุติธรรมอย่างจริงจัง
แม้แต่ตำแหน่งพ.ต.ท.ของ นช.ทักษิณ รัฐบาลอภิสิทธิ์ก็ไม่ยอมถอดถอน การยื่นถวายฎีกาขออภัยโทษ ทั้งที่ไม่สมควร-ไม่เหมาะสม-ไม่ถูกต้อง รัฐบาลอภิสิทธิ์ก็ไม่กล้ายกทิ้งฎีกาแดงเถื่อน ทั้งที่มีความไม่ถูกต้องตามกฎกติกาในฎีกามากมาย
แต่อดีตนายกฯ “มาร์ค” กลับไม่กล้ารับผิดชอบ ปล่อยเวลากว่า 2 ปีให้เสียไปกับการตรวจทานรายชื่อผู้คนกว่า 3 ล้านคน ทั้งๆ ที่คนเหล่านั้นมิใช่ลูกเมีย-ญาติพี่น้องของทักษิณ ซึ่งไม่มีผลในฎีกาขออภัยโทษแม้แต่น้อย ทำให้ปัญหา “ฎีกาแดงเถื่อน” คาราคาซังจนถึงรัฐบาล “ยิ่งลักษณ์”
บทความของ “คุณปานเทพ พัวพงษ์พันธ์” (ควรอ่านรายละเอียดบทความนี้ประกอบด้วย) ได้เขียนคาดการณ์ลงเผยแพร่ในเว็บ “ผู้จัดการออนไลน์” ไว้อย่างน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง จึงขอยกข้อสรุปท้ายบทความที่ว่า..
“...มาตรา 4 ผู้ซึ่งจะได้รับพระราชทานอภัยโทษตามพระราชกฤษฎีกานี้ ต้องมีตัวอยู่ในความควบคุมของทางราชการ หรือถูกกักขังไว้ในสถานที่หรืออาศัยที่ศาลหรือทางราชการกำหนดในวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับติดต่อกันไป จนถึงวันที่ศาลออกหมายสั่งปล่อยหรือลดโทษ หรือนายกรัฐมนตรีมีคำสั่งปล่อยหรือลดโทษ ตามที่บัญญัติไว้ในพระราชกฤษฎีกานี้ เว้นแต่ผู้ทำงานบริการสังคมหรือทำงานสาธารณประโยชน์แทนค่าปรับ
จากข้อความในมาตรานี้จึงมีความเป็นไปได้ว่า เมื่อถึงเวลาจริงก่อนเวลา 48 ชั่วโมงที่พระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษจะมีผลบังคับใช้ นักโทษชายทักษิณ ชินวัตร อาจกลับเข้าประเทศมาจำคุกในเรือนจำพิเศษ หรือ อาจจะแค่ถูกกักขังอยู่ที่ด่านตำรวจตรวจคนเข้าเมืองอยู่ไม่กี่ชั่วโมงก็ได้ ก่อนที่จะได้รับพระราชทานอภัยโทษ และได้รับการปล่อยตัวพ่วงไปกับผู้ต้องโทษอีกกว่า 3 หมื่นคน...”
แม้วันนี้ “ยิ่งลักษณ์” ประกาศ..จะไม่ร่วมยื่นฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้ “นช.แม้ว” และในฐานะนายกฯ ของคนไทยทั้งประเทศ จะขอทำประโยชน์เพื่อชาติ โดยไม่ขอก้าวล่วงเรื่องส่วนตัวของตระกูลชินวัตร
แต่ “ยิ่งลักษณ์” ก็ดีแต่พูดตรงกันข้ามกับความจริงเสมอ เพราะพรรคเพื่อไทยและรัฐมนตรีของรัฐบาล “ปูแดง” ล้วนร้อนรนกับการทำทุกวิถีทางเพื่อให้ทักษิณได้รับการนิรโทษกรรมโดยไม่ต้องรับผิด-รับโทษกรรมที่ตนก่อ โดยนายกฯ “ยิ่งลักษณ์” ไม่เคยห้ามปรามหรือหยุดยั้งคนเหล่านั้นเลย?
อย่างไรก็ตาม..เป็นเรื่องปกติที่ “ยิ่งลักษณ์” ต้องช่วย “พี่ชายทักษิณ” หากรัฐบาล “ปูแดง” แก้พระราชกฤษฎีกาที่รัฐบาลอภิสิทธิ์ได้ทำ “โพรงไว้ให้กะรอก” จนทำให้ทักษิณได้รับการนิรโทษกรรมพ้นจากความผิดในคดีซื้อที่ดินรัชดาฯ ได้ก่อนสิ้นปี 2554 นี้
ความผิดทั้งปวง-คงต้องยกให้ “อภิสิทธิ์” และพวกที่ขลาดเขลา-เอาตัวรอด-ไม่รับผิดชอบ อีกทั้งยังเต็มไปด้วยเลศนัยที่ไม่โปร่งใสกับการจัดการความผิดของทักษิณกับพวกครับ..?