วานนี้ ( 9 ก.ย.) สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้จัดงานแสดงมุทิตาจิตให้กับนายปราโมทย์ โชติมงคล ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ที่จะพ้นตำแหน่ง เนื่องจากครบวาระ 6 ปี ของการดำรงตำแหน่ง โดยมีนายศรีราชา เจริญพานิช และนางผาณิต นิติทัณฑ์ประภาส และเจ้าหน้าที่ร่วมงานอย่างพร้อมเพียง
นายปราโมทย์ กล่าวว่า ขอให้เจ้าหน้าที่ทุกคนทำงานด้วยความเสียลสะ มีน้ำใจ มีความเป็นธรรมให้ทุกคน เพราะการเป็นผู้ให้ มีความสุขใจ การคบคนต้องยอมเสียเปรียบ และแม้ว่าจะพ้นจากตำแหน่งแล้ว ก็จะคอยติดตามการทำงานของสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินต่อไป
นายปราโมทย์ เปิดเผยว่าหลังพ้นตำแหน่งแล้ว จะไปเป็นที่ปรึกษาให้กับ พล.อ.ธีรเดช มีเพียร ประธานวุฒิสภา ที่ได้ติดต่อทาบทามมา แต่ยังไม่ทราบว่าจะไปเป็นที่ปรึกษาด้านไหน ทั้งนี้เชื่อว่าหลังจากหมดวาระแล้ว ผู้ตรวจการแผ่นดินจะยึดแนวทางการทำงานที่วางไว้ ด้วยการประนีประนอม ช่วยเหลือประชาชน โดยสันติวิธี พร้อมกับปลูกจิตสำนึกของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตั้งแต่ฝ่ายบริหารการเมืองตลอดจนการเมืองระดับท้องถิ่น ทำงานเพื่อผลประโยชน์ส่วนรวม อย่าคิดถึงเพียงประโยชน์เฉพาะกลุ่ม รวมทั้งสร้างความสามัคคี เพื่อปกป้องกันการแสวงหาผลประโยชน์
วันเดียวกันนี้ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการสรรหาผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อสรรหาผู้ที่จะมาเป็นผู้ตรวจฯ แทนนายปราโมทย์ ที่ครบวาระ ซึ่งมีผู้สมัคร 7 คน ประกอบด้วย 1. ดร.ประวิช รัตนเพียร ประธานกรรมการบริหาร บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) 2. นายพินิจ พิชยกัลป์ อดีต ผวจ.ร้อยเอ็ด 3. นายนิพัฒน์ วงศาโรจน์ อดีตผวจ.พิษณุโลก 4. นายนิพนธ์ ชลวิทย์ อดีตรอง ผวจ.มหาสารคราม 5. พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ มีเพียร ที่ปรึกษาประธานวุฒิสภา 6.พล.ต.ต.เกริก กัลยาณมิตร อดีตสมาชิกวุฒิสภา (2551-53) 7. พ.ท. (แพทย์หญิง)กมลพรรณ ชีวพันธ์ศรี ผอ.ศูนย์สาธาณสุข สำนักอนามัย กทม.
สำหรับคณะกรรมการสรรหาทั้ง 5 คน มาจาก ประธานศาลฎีกา ประธานศาลปกครองสูงสุด ตัวแทนจากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา 1 คน ตัวแทนจากที่ประชุมใหญ่ศาลปกครอง ประธานรัฐสภา
ภายหลังการประชุมซึ่งใช้เวลา 1 ชม.ที่ประชุมมีมติเลือก นายประวิช รัตนเพียร เป็นผู้ตรวจฯ ด้วยคะแนนเสียง 4 ต่อ 1
สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้คณะกรรมการสรรหาฯ จะต้องเสนอผลการลงมติต่อประธานวุฒิสภา เพื่อบรรจุเข้าสู่วาระการประชุมวุฒิสภา เพื่อตั้งคณะกรรมาธิการสามัญตรวจสอบประวัติ ความประพฤติและพฤติกรรมทางจริยธรรม ผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นผู้ตรวจฯ ซึ่งจะใช้เวลา 30 วัน จากนั้นนำกลับเข้าสู่ที่ประชุมวุฒิสภา เพื่อให้ส.ว.ลงมติรับรอง เมื่อผ่านขั้นตอนของวุฒิสภา ก็ต้องแจ้งให้ผู้ตรวจการแผ่นดิน เรียกประชุมเพื่อเลือกตำแหน่งประธาน จากนั้นประธานวุฒิสภา จะนำชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งต่อไป
นายปราโมทย์ กล่าวว่า ขอให้เจ้าหน้าที่ทุกคนทำงานด้วยความเสียลสะ มีน้ำใจ มีความเป็นธรรมให้ทุกคน เพราะการเป็นผู้ให้ มีความสุขใจ การคบคนต้องยอมเสียเปรียบ และแม้ว่าจะพ้นจากตำแหน่งแล้ว ก็จะคอยติดตามการทำงานของสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินต่อไป
นายปราโมทย์ เปิดเผยว่าหลังพ้นตำแหน่งแล้ว จะไปเป็นที่ปรึกษาให้กับ พล.อ.ธีรเดช มีเพียร ประธานวุฒิสภา ที่ได้ติดต่อทาบทามมา แต่ยังไม่ทราบว่าจะไปเป็นที่ปรึกษาด้านไหน ทั้งนี้เชื่อว่าหลังจากหมดวาระแล้ว ผู้ตรวจการแผ่นดินจะยึดแนวทางการทำงานที่วางไว้ ด้วยการประนีประนอม ช่วยเหลือประชาชน โดยสันติวิธี พร้อมกับปลูกจิตสำนึกของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตั้งแต่ฝ่ายบริหารการเมืองตลอดจนการเมืองระดับท้องถิ่น ทำงานเพื่อผลประโยชน์ส่วนรวม อย่าคิดถึงเพียงประโยชน์เฉพาะกลุ่ม รวมทั้งสร้างความสามัคคี เพื่อปกป้องกันการแสวงหาผลประโยชน์
วันเดียวกันนี้ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการสรรหาผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อสรรหาผู้ที่จะมาเป็นผู้ตรวจฯ แทนนายปราโมทย์ ที่ครบวาระ ซึ่งมีผู้สมัคร 7 คน ประกอบด้วย 1. ดร.ประวิช รัตนเพียร ประธานกรรมการบริหาร บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) 2. นายพินิจ พิชยกัลป์ อดีต ผวจ.ร้อยเอ็ด 3. นายนิพัฒน์ วงศาโรจน์ อดีตผวจ.พิษณุโลก 4. นายนิพนธ์ ชลวิทย์ อดีตรอง ผวจ.มหาสารคราม 5. พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ มีเพียร ที่ปรึกษาประธานวุฒิสภา 6.พล.ต.ต.เกริก กัลยาณมิตร อดีตสมาชิกวุฒิสภา (2551-53) 7. พ.ท. (แพทย์หญิง)กมลพรรณ ชีวพันธ์ศรี ผอ.ศูนย์สาธาณสุข สำนักอนามัย กทม.
สำหรับคณะกรรมการสรรหาทั้ง 5 คน มาจาก ประธานศาลฎีกา ประธานศาลปกครองสูงสุด ตัวแทนจากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา 1 คน ตัวแทนจากที่ประชุมใหญ่ศาลปกครอง ประธานรัฐสภา
ภายหลังการประชุมซึ่งใช้เวลา 1 ชม.ที่ประชุมมีมติเลือก นายประวิช รัตนเพียร เป็นผู้ตรวจฯ ด้วยคะแนนเสียง 4 ต่อ 1
สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้คณะกรรมการสรรหาฯ จะต้องเสนอผลการลงมติต่อประธานวุฒิสภา เพื่อบรรจุเข้าสู่วาระการประชุมวุฒิสภา เพื่อตั้งคณะกรรมาธิการสามัญตรวจสอบประวัติ ความประพฤติและพฤติกรรมทางจริยธรรม ผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นผู้ตรวจฯ ซึ่งจะใช้เวลา 30 วัน จากนั้นนำกลับเข้าสู่ที่ประชุมวุฒิสภา เพื่อให้ส.ว.ลงมติรับรอง เมื่อผ่านขั้นตอนของวุฒิสภา ก็ต้องแจ้งให้ผู้ตรวจการแผ่นดิน เรียกประชุมเพื่อเลือกตำแหน่งประธาน จากนั้นประธานวุฒิสภา จะนำชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งต่อไป
