**ฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พี่ชายของนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร กลายเป็นอีกหนึ่งปมร้อนที่ "รัฐบาลดิฉันไม่มีนโยบาย (แต่จะทำทันทีค๊า)" ทำให้สังคมยิ่งจับตาดูนายกฯปู ว่าจะเดินแถเรื่องนี้ต่อไปอย่างไร
เพราะหากมองย้อนอดีตมาจนถึงปัจจุบัน การถวายฎีกาดังกล่าวล้วนเต็มไปด้วยการโป้ปดมดเท็จ โกหกประชาชน ยกพ.ต.ท.ทักษิณให้อยู่เหนือทุกมาตรฐานในสังคมนี้ คือ
ทักษิณ ทำอะไรก็ไม่ผิด ไม่ต้องคำนึงถึงกฎหมายหรือราชประเพณีใดๆ ทั้งสิ้น นอกจากเป้าหมายให้ทักษิณได้ประโยชน์สูงสุด ระบบพังช่างหัวมัน
**กดดันเบื้องสูงก็เป็นเรื่องช่วยไม่ได้!
คนไทยก็อย่าเอาแต่ทอดถอนใจ เพราะเรายังมีหน้าที่รักษาบ้านเมืองนี้เพื่อลูกหลาน เริ่มต้นก็ต้องช่วยกันสร้างปัญญา ให้ข้อเท็จจริงกับชาวบ้านผ่านเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เช่น กรณีฎีกาแดง ซึ่งกล่าวไว้ในข้างต้นว่าเริ่มต้นด้วยการโป้ปดมดเท็จ และเมื่อใกล้จะถึงบทสรุปก็ยังโกหกประชาชนไม่เลิก
แกนนำก่อการร้ายแดงภาคภูมิใจนักหนากับรายชื่อประชาชนกว่า 3 ล้านคนที่ร่วมกันขอพระราชทานอภัยโทษให้ทักษิณ พอถูกทักท้วงว่าการถวายฎีกาตามประมวลวิธีพิจารณาคดีอาญา มีขอบเขตหลักเกณฑ์ชัดเจนว่า ใครจะเป็นผู้ดำเนินการได้ เช่น เจ้าตัว ญาติ ไม่ใช่คนภายนอกที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับนักโทษ
เมื่อทำท่าว่าจะไปไม่รอด ก็พลิ้วเบี่ยงเบนประเด็นว่า เป็นฎีการ้องทุกข์จากคนเสื้อแดง ถึงขนาดยกขบวนนรกแดงไปยื่นฎีกากันถึงสำนักพระราชวัง
พอปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีประชาชนจำนวนมากถูกหลอกให้ลงชื่อ โดยไม่รู้ว่าจะถูกนำไปใช้ถวายฎีกากดดันเบื้องสูง ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำตัวเอ้ก็ออกมาท้าทายรัฐบาลอภิสิทธิ์ในขณะนั้นว่า
"กลุ่มคนเสื้อแดงขอท้าทายให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นำรายชื่อประชาชนที่มาร่วมลงชื่อคัดค้านคนเสื้อแดง มาแลกกันตรวจสอบกับรายชื่อที่ประชาชนร่วมกันถวายฎีกา หากรายชื่อคนเสื้อแดงที่ถวายฎีกา มีการปลอมแปลงและผิดกฎหมาย ผมและแกนนำก็จะยอมติดคุก"
วันนี้การตรวจสอบของกรมราชทัณฑ์ปรากฏชัดเจนว่า กว่า 1 ล้านรายชื่อไม่มีตัวตน มีการใส่ชื่อ พายัพ ชินวัตร แต่ไม่มีลายเซ็นเจ้าตัว และเมื่อทางการสอบถามว่าจะยืนยันการร่วมลงชื่อถวายฎีกาเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษให้พี่ชายตัวเองหรือไม่ ก็ไม่มีเสียงตอบกลับจากหมายเลขที่ท่านเรียก อย่างนี้ถือว่าปลอมแปลงเอกสารหรือไม่ ถึงเวลาที่ณัฐวุฒิ และแกนนำทั้งหมด "จะยอมติดคุก" ตามที่ลั่นวาจาแล้วหรือยัง
ไม่เพียงเท่านั้น ณัฐวุฒิยังพูดขู่ไว้ด้วยว่า "หากตรวจสอบพบว่าคนที่ไม่ได้ร่วมลงชื่อแต่กลับมีชื่อถอนฎีกา เราจะฟ้องกลับข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพทันที"
วันนี้ไม่ปรากฏว่าคนไม่ได้ร่วมลงชื่อมาถอนชื่อ แต่ชัดเสียยิ่งกว่าชัดว่า รายชื่อที่แนบท้ายในฎีกาไม่มีตัวตน หากใช้วิธีคิดเดียวกับณัฐวุฒิ แกนนำแดงทุกคนก็จะต้องถูกฟ้องกลับข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เพิ่มอีก 1 คดี
จากข้อเท็จจริงดังกล่าวจะเห็นได้ว่า ฎีกาแดงมีปัญหามาตั้งแต่ต้น เพราะเจ้าตัว คือ ทักษิณและญาติ ซึ่งอยู่ในข่ายที่จะถวายฎีกาได้ตามหลักเกณฑ์ของกฏหมาย ไม่ยอมทำเพราะถ้าทำก็เท่ากับว่า ทักษิณยอมรับว่ามีความผิด แต่ก็ยังอยากจะหาประโยชน์จากช่องทางนี้ จึงหลอกใช้ประชาชนมาเป็นเครื่องมือ กดดันองค์พระมหากษัตริย์ เรียกว่า เล่นไพ่ทุกหน้า ถือโจ๊กทั้งสำรับ ยังไงก็ต้องชนะไม่สนใจวิธีการว่าจะถูกต้องหรือไม่
**ขอให้ตัวเองบริสุทธิ์ผุดผ่องโดยไม่มีความผิดเป็นพอ
มาถึงวันนี้นายกฯปู-ยิ่งลักษณ์ ยืนยันรัฐบาลไม่มีนโยบาย แต่พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม เดินหน้าทำทันที ด้วยการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบเรื่องนี้ หนึ่งในนั้นมี จุมพล ณ สงขลา อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมาก ที่ให้ทักษิณพ้นผิดในคดีซุกหุ้นรวมอยู่ด้วย !
ไม่เพียงเท่านั้น ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ศาสดาด้านกฎหมายของรัฐบาล ออกมาสร้างโรงน้ำแข็งจนคนเขาหนาวไปทั้งสังคม อ้างถึงคดีนักเขียนชาวออสซี่ แฮรี่ นิโคไลเดส ได้รับพระราชทานอภัยโทษในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ โดยไม่ต้องติดคุก ทั้งที่ข้อเท็จจริงตรงกันข้ามกับสิ่งที่กูรูกฏหมายที่เป็นนายกฯตัวแทนกล่าวโดยสิ้นเชิง
นายแฮรี่ นิโคไลเดส นักเขียนชาวออสซี่รายนี้ ได้เขียนบทความชิ้นหนึ่ง ในปี 2005 มีข้อความบางตอนหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ถูกจับกุมที่สนามบินสุวรรณภูมิ และคุมขังในเรือนจำ ตั้งแต่วันที่ 31 สิงหาคม 2551 จากนั้นวันที่ 19 มกราคม 2552 ศาลตัดสินจำคุก 3 ปี มีการขอพระราชทานอภัยโทษตามขั้นตอนของกฎหมาย และได้รับพระราชทานอภัยโทษในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2552
หากเฉลิมไม่รู้ความจริง ก็อ่านให้เข้าสมองเพื่อเพิ่มสติปัญญาของตัวเองซะ จะได้เลิกขยายความฉลาดบนความโง่เขลาจนเกิดความสับสนในสังคมนี้เสียที แต่ถ้ารู้ความจริงแล้วยังยืนยันยกกรณีนี้เปรียบเทียบคดีทักษิณ ก็ง่ายนิดเดียว
** เอาพ่อทักษิณมาติดคุก 6 เดือน แล้วให้เจ้าตัวขอพระราชทานอภัยโทษ ให้คดีอื่นเดินหน้าตามกระบวนการยุติธรรม เรื่องจบ จะได้เลิกโกหกชาวบ้านรายวัน
เพราะหากมองย้อนอดีตมาจนถึงปัจจุบัน การถวายฎีกาดังกล่าวล้วนเต็มไปด้วยการโป้ปดมดเท็จ โกหกประชาชน ยกพ.ต.ท.ทักษิณให้อยู่เหนือทุกมาตรฐานในสังคมนี้ คือ
ทักษิณ ทำอะไรก็ไม่ผิด ไม่ต้องคำนึงถึงกฎหมายหรือราชประเพณีใดๆ ทั้งสิ้น นอกจากเป้าหมายให้ทักษิณได้ประโยชน์สูงสุด ระบบพังช่างหัวมัน
**กดดันเบื้องสูงก็เป็นเรื่องช่วยไม่ได้!
คนไทยก็อย่าเอาแต่ทอดถอนใจ เพราะเรายังมีหน้าที่รักษาบ้านเมืองนี้เพื่อลูกหลาน เริ่มต้นก็ต้องช่วยกันสร้างปัญญา ให้ข้อเท็จจริงกับชาวบ้านผ่านเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เช่น กรณีฎีกาแดง ซึ่งกล่าวไว้ในข้างต้นว่าเริ่มต้นด้วยการโป้ปดมดเท็จ และเมื่อใกล้จะถึงบทสรุปก็ยังโกหกประชาชนไม่เลิก
แกนนำก่อการร้ายแดงภาคภูมิใจนักหนากับรายชื่อประชาชนกว่า 3 ล้านคนที่ร่วมกันขอพระราชทานอภัยโทษให้ทักษิณ พอถูกทักท้วงว่าการถวายฎีกาตามประมวลวิธีพิจารณาคดีอาญา มีขอบเขตหลักเกณฑ์ชัดเจนว่า ใครจะเป็นผู้ดำเนินการได้ เช่น เจ้าตัว ญาติ ไม่ใช่คนภายนอกที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับนักโทษ
เมื่อทำท่าว่าจะไปไม่รอด ก็พลิ้วเบี่ยงเบนประเด็นว่า เป็นฎีการ้องทุกข์จากคนเสื้อแดง ถึงขนาดยกขบวนนรกแดงไปยื่นฎีกากันถึงสำนักพระราชวัง
พอปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีประชาชนจำนวนมากถูกหลอกให้ลงชื่อ โดยไม่รู้ว่าจะถูกนำไปใช้ถวายฎีกากดดันเบื้องสูง ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำตัวเอ้ก็ออกมาท้าทายรัฐบาลอภิสิทธิ์ในขณะนั้นว่า
"กลุ่มคนเสื้อแดงขอท้าทายให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นำรายชื่อประชาชนที่มาร่วมลงชื่อคัดค้านคนเสื้อแดง มาแลกกันตรวจสอบกับรายชื่อที่ประชาชนร่วมกันถวายฎีกา หากรายชื่อคนเสื้อแดงที่ถวายฎีกา มีการปลอมแปลงและผิดกฎหมาย ผมและแกนนำก็จะยอมติดคุก"
วันนี้การตรวจสอบของกรมราชทัณฑ์ปรากฏชัดเจนว่า กว่า 1 ล้านรายชื่อไม่มีตัวตน มีการใส่ชื่อ พายัพ ชินวัตร แต่ไม่มีลายเซ็นเจ้าตัว และเมื่อทางการสอบถามว่าจะยืนยันการร่วมลงชื่อถวายฎีกาเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษให้พี่ชายตัวเองหรือไม่ ก็ไม่มีเสียงตอบกลับจากหมายเลขที่ท่านเรียก อย่างนี้ถือว่าปลอมแปลงเอกสารหรือไม่ ถึงเวลาที่ณัฐวุฒิ และแกนนำทั้งหมด "จะยอมติดคุก" ตามที่ลั่นวาจาแล้วหรือยัง
ไม่เพียงเท่านั้น ณัฐวุฒิยังพูดขู่ไว้ด้วยว่า "หากตรวจสอบพบว่าคนที่ไม่ได้ร่วมลงชื่อแต่กลับมีชื่อถอนฎีกา เราจะฟ้องกลับข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพทันที"
วันนี้ไม่ปรากฏว่าคนไม่ได้ร่วมลงชื่อมาถอนชื่อ แต่ชัดเสียยิ่งกว่าชัดว่า รายชื่อที่แนบท้ายในฎีกาไม่มีตัวตน หากใช้วิธีคิดเดียวกับณัฐวุฒิ แกนนำแดงทุกคนก็จะต้องถูกฟ้องกลับข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เพิ่มอีก 1 คดี
จากข้อเท็จจริงดังกล่าวจะเห็นได้ว่า ฎีกาแดงมีปัญหามาตั้งแต่ต้น เพราะเจ้าตัว คือ ทักษิณและญาติ ซึ่งอยู่ในข่ายที่จะถวายฎีกาได้ตามหลักเกณฑ์ของกฏหมาย ไม่ยอมทำเพราะถ้าทำก็เท่ากับว่า ทักษิณยอมรับว่ามีความผิด แต่ก็ยังอยากจะหาประโยชน์จากช่องทางนี้ จึงหลอกใช้ประชาชนมาเป็นเครื่องมือ กดดันองค์พระมหากษัตริย์ เรียกว่า เล่นไพ่ทุกหน้า ถือโจ๊กทั้งสำรับ ยังไงก็ต้องชนะไม่สนใจวิธีการว่าจะถูกต้องหรือไม่
**ขอให้ตัวเองบริสุทธิ์ผุดผ่องโดยไม่มีความผิดเป็นพอ
มาถึงวันนี้นายกฯปู-ยิ่งลักษณ์ ยืนยันรัฐบาลไม่มีนโยบาย แต่พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม เดินหน้าทำทันที ด้วยการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบเรื่องนี้ หนึ่งในนั้นมี จุมพล ณ สงขลา อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมาก ที่ให้ทักษิณพ้นผิดในคดีซุกหุ้นรวมอยู่ด้วย !
ไม่เพียงเท่านั้น ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ศาสดาด้านกฎหมายของรัฐบาล ออกมาสร้างโรงน้ำแข็งจนคนเขาหนาวไปทั้งสังคม อ้างถึงคดีนักเขียนชาวออสซี่ แฮรี่ นิโคไลเดส ได้รับพระราชทานอภัยโทษในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ โดยไม่ต้องติดคุก ทั้งที่ข้อเท็จจริงตรงกันข้ามกับสิ่งที่กูรูกฏหมายที่เป็นนายกฯตัวแทนกล่าวโดยสิ้นเชิง
นายแฮรี่ นิโคไลเดส นักเขียนชาวออสซี่รายนี้ ได้เขียนบทความชิ้นหนึ่ง ในปี 2005 มีข้อความบางตอนหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ถูกจับกุมที่สนามบินสุวรรณภูมิ และคุมขังในเรือนจำ ตั้งแต่วันที่ 31 สิงหาคม 2551 จากนั้นวันที่ 19 มกราคม 2552 ศาลตัดสินจำคุก 3 ปี มีการขอพระราชทานอภัยโทษตามขั้นตอนของกฎหมาย และได้รับพระราชทานอภัยโทษในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2552
หากเฉลิมไม่รู้ความจริง ก็อ่านให้เข้าสมองเพื่อเพิ่มสติปัญญาของตัวเองซะ จะได้เลิกขยายความฉลาดบนความโง่เขลาจนเกิดความสับสนในสังคมนี้เสียที แต่ถ้ารู้ความจริงแล้วยังยืนยันยกกรณีนี้เปรียบเทียบคดีทักษิณ ก็ง่ายนิดเดียว
** เอาพ่อทักษิณมาติดคุก 6 เดือน แล้วให้เจ้าตัวขอพระราชทานอภัยโทษ ให้คดีอื่นเดินหน้าตามกระบวนการยุติธรรม เรื่องจบ จะได้เลิกโกหกชาวบ้านรายวัน