xs
xsm
sm
md
lg

"ถวิล"เปิดใจเตรียมร้องกพค.สู้อำนาจ"ปู"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-ถวิล"เปิดใจหลังถูกเตะโด่งไปนั่งตบยุงที่ทำเนียบฯ ลั่นฟ้องก.พ.ค. จี้เอาผิด"นายกฯ- ครม."โยกย้ายไม่เป็นธรรม ปลุกขรก.สู้เพื่อเกียรติภูมิตัวเอง ยันทำหน้าที่ซื่อสัตย์ตลอด เสียใจนายกฯปกป้อง"เหลิม" ถากถางให้ทำหนังสือย้ายตัวเอง ยันไม่ได้กระเหียนกระหือเข้าไปทำงานกับศอฉ. แต่ต้องทำตามกรอบกฎหมาย "ยิ่งลักษณ์" เตรียมส่งถวิลไปตบยุงให้"โกวิท" ด้าน"เหลิม" ตบหัวแล้วลูบหลัง ขอโทษ ไม่มีเจตนาถากถาง

เมื่อเวลา 09.15 น. วานนี้ (7 ก.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) แถลงเปิดใจภายหลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติโยกย้ายพ้นจากตำแหน่งเลขาสมช.ไปดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายข้าราชการประจำว่า ประเด็นแรกคือ สำนักงานสภาความมั่นคง เป็นองค์กรที่ รัชกาลที่ 6 ทรงแต่งตั้งขึ้น เมื่อ 100 ปีเศษที่ผ่านมา ทรงมีพระปณิธานให้เป็นองค์กรที่คณะรัฐมนตรีได้มาปรึกษาหารือกิจการที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง และการป้องกันราชอาณาจักร

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาในช่วงที่ตนได้มาทำงาน 30 กว่าปี อดีตเลขาธิการฯหลายท่าน ได้สร้างคุณประโยชน์และเกียรติประวัติไว้ และดูแลงานความมั่นคงมาตลอด จนกระทั่งมาถึงช่วงที่ตนดำรงตำแหน่ง ซึ่งสิ่งที่อดีตเลขาฯได้สั่งสอนอบรมมา คือ เราจะต้องซื่อสัตย์ต่อประเทศชาติ ผลประโยชน์ของประชาชน เพราะฉะนั้นเลขาฯ สมช.ทุกท่าน ได้ทำงานให้กับรัฐบาลทุกยุคทุกสมัย เพราะเป้าหมายคือ ประเทศชาติและประชาชน และไม่มีรัฐบาลใดที่ดำเนินการแตกต่างไปจากนี้

ประการที่ 2 คือในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา หลายท่านได้ถามตนว่า รู้สึกว่าถูกรังแกหรือไม่ ถูกการเมืองแทรกแซงไหม เสียใจหรือไม่ จะไปฟ้องศาลปกครองหรือไม่ ตนเรียนว่า ตนเป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดา มีความรู้สึกทั้งเสียดาย เสียใจ สงสัย และไม่เข้าใจ ซึ่งตนเสียดายอยู่ 2-3 เรื่อง
เรื่องแรก คือได้วางแผนการทัดทาน ตนไม่ได้เสียดายในตำแหน่งนี้ เพราะในวันหนึ่งก็ต้องพ้นตำแหน่งนี้ไปตามหลักเกณฑ์ของทางราชการ แต่สิ่งที่ตนเสียดาย คือ ตนร่วมงานกับผู้บริหารทุกระดับ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ เรากำลังปรับโครงสร้างขององค์กร เรากำลังจะพัฒนาการทำงานของเจ้าหน้าที่ และสำนักให้มีความเป็นมืออาชีพมากยิ่งขึ้น เพื่อช่วยรัฐบาลและประเทศชาติ ในการผดุงรักษาความมั่นคงของชาติให้ยิ่งๆขึ้น เสียดายที่ไม่มีโอกาสเหล่านั้นแล้วในขณะนี้ แต่มั่นใจเจ้าหน้าที่ทุกคนสามารถสานงานต่อ และเติบโตเป็นเลขาธิการฯสมช.ได้ทุกคน เพียงแต่ต้องให้ความเป็นธรรมกับเขา ให้เกียรติ ให้ความหวังแก่เขา ประเด็นสำคัญคือ เปิดโอกาสให้เติบโตในสายงานนี้ และอย่ารังแกเขา

สิ่งที่ตนเสียดาย ประการที่ 2 คือ เรื่องของงาน เราได้ริเริ่มงานไว้หลายเรื่อง ได้วางแผนจะทำงานหลายเรื่อง ซึ่งตนมั่นใจว่าถ้าได้มีโอกาสทำงานเหล่านั้น ในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า จะเกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติ และประชาชนอย่างยิ่ง

เสียใจที่ถูกใช้แก้ปัญหาการเมือง

อดีตเลขาฯสมช. กล่าวว่า สิ่งที่ตนเสียใจมีอยู่ 3 เรื่อง คือ 1. ตำแหน่งเลขาฯสมช.ตำแหน่งนี้ควรเป็นตำแหน่งที่รัฐบาลควรใช้เพื่อประสานนโยบาย และการทำงานด้านความมั่นคง เพื่อให้เกิดผลดีต่อความมั่นคง และผลประโยชน์กับประเทศ

" ผมเสียใจที่ในช่วงที่ผ่านมา ตามกระแสที่พวกท่านทราบแล้วว่า ตำแหน่งนี้ควรเป็นตำแหน่งที่มีเกียรติภูมิ มีศักดิ์ศรี กลับแค่ถูกใช้เป็นที่รองรับและแก้ไขปัญหาทางการเมือง เพื่อให้มีการแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติตามที่ฝ่ายการเมืองต้องการเท่านั้น"

ประการที่ 2 ที่ตนเสียใจคือ ทำงานมา 30 กว่าปี ตั้งแต่เป็นข้าราชการผู้น้อยได้ทำงานด้วยความวิริยะ อุตสาหะ ซื่อสัตย์สุจริตไม่มีผลประโยชน์ใดๆทั้งสิ้น นอกจากผลประโยชน์ของชาติ และบ้านเมืองเป็นที่ตั้ง จนกระทั่งเติบโตมามีตำแหน่งสูงสุดขององค์กร ด้วยความภาคภูมิใจของตัวเองและครอบครัว อันนั้นไม่สำคัญเท่ามีโอกาสทำงานเพื่อชาติบ้านเมือง ตนเสียดายว่า สุดท้ายตนต้องพ้นตำแหน่งหน้าที่นี้ไป ด้วยเหตุผลที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความรู้ความสามารถ หรือการบกพร่องต่อหน้าที่ของตนเลย ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้พูดชัดเจนว่าตนไม่มีความผิดหรือบกพร่องอะไร

"ความเสียใจประการที่ 3 คือ การดำเนินการตั้งแต่ต้นที่พยายามให้ผมพ้นตำแหน่งนี้ไป จนกระทั่งมีมติครม. ออกมาในทำนองว่า ฝ่ายการเมืองบางท่านบางส่วนมีอคติ ลุแก่อำนาจ มีท่วงทำนองที่เยาะเย้ย ถากถางต่อผม ซึ่งตรงนี้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรงและมีไม่กี่ตำแหน่งที่ขึ้นตรงกับนายกฯ ตลอดเวลาที่มีการดำเนินการเช่นที่ว่า นายกฯก็ไม่ได้ออกมาปกป้อง หรือดูแลผม ทั้งๆที่ผมเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของท่านโดยตรง อันนี้ผมก็รู้สึกเสียใจ"นายถวิล กล่าว

ทำงานให้ศอฉ.เพราะหน้าที่บังคับ

นอกจากนี้ ยังมีสิ่งที่ตนสงสัยไม่เข้าใจ คือ ถ้อยคำแถลงของฝ่ายการเมืองบางท่านที่บอกว่า ตนทำงานกับรัฐบาลที่แล้ว ตนทำงานกับพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ทำงานในศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) เมื่อเปลี่ยนรัฐบาลใหม่แล้ว ก็ไว้ใจไม่ได้ เอาไว้ไม่ได้ ความจริงตนควรจะทำหนังสือย้ายตัวเองตั้งแต่แรกด้วยซ้ำ ข้อความเหล่านี้ ทำให้ตนมีข้อสงสัยอยู่ 3 เรื่องคือ

1. ตนไม่เคยทำงานให้พรรคการเมือง ไม่ว่าพรรคใดก็ตาม ตั้งแต่รับราชการมาก็มีพรรคการเมืองถ้าไม่ถึงร้อยพรรค ก็น่าจะใกล้เคียง ตนย้ำเสมอว่า ทำงานให้กับรัฐบาล ไม่เคยทำงานให้หัวหน้าพรรคการเมือง ไม่ว่าพรรคประชาธิปัตย์ หรือหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แต่ตนทำงานให้กับนายกฯ ที่มากกว่านั้นคือ ตนทำงานให้ชาติบ้านเมือง เหมือนกับที่ฝ่ายการเมืองมีปณิธานเช่นเดียวกับตน

เรื่องที่ 2. ที่ตนไม่เข้าใจคือ ท่านบอกให้ตนทำหนังสือย้ายออกไป ตนเป็นข้าราชการประจำ มีระเบียบมีกฎหมายกำหนด ตนทำราชการเป็นอาชีพ จะพ้นตำแหน่ง ก็ต่อเมื่อเกษียณราชการ 60 ปี ถ้าไม่มีความผิด ถูกไล่ออก ปลดออก ตนมีที่มาที่ไป ที่มาคือสอบเข้ามาตามระบบคุณธรรม แต่งตั้งตามระบบคุณธรรม และต้องพ้นตำแหน่งตามที่ระบบราชการกำหนดไว้

"ผมไม่มีหน้าที่จะต้องขอย้ายตัวเองตามการเมือง ท่านเข้ามาทุก 4 ปี บางทีก็อยู่ 3 เดือน 6 เดือน 1 ปี 2 ปี ถ้ายึดหลักอย่างนั้น ผมก็ต้องย้ายตาม ผมคงเวียนหัวแย่ และประการที่ 3. ที่ผมสงสัย คือ การที่ผมทำงานกับศอฉ. ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายกำหนด ผมไม่ได้เสนอตัวเข้าไปทำ ผมไม่ได้กระเหี้ยนกระหือรือ ที่จะเข้าไปทำ แต่เป็นไปตามหน้าที่ และผมทำตามหน้าที่ที่ขอบเขตกฎหมายกำหนดไว้" นายถวิล กล่าว

นอกจากนี้ ที่ตนไม่เข้าใจคือว่า การที่ตนเข้าไปในครม.ไปรู้เรื่องการประชุม ตนคิดว่า ครม.ปรึกษาหารือเรื่องชาติบ้านเมือง มีไม่กี่ตำแหน่งที่เป็นข้าราชการประจำ ที่เข้าหารือกับครม. เพื่อชี้แจงเรื่องเกี่ยวข้อง ตนยืนยันว่ าถ้าเป็นเรื่องของผลประโยชน์ ประเทศชาติบ้านเมือง พวกเรามีความเป็นมืออาชีพอยู่เสมอ ไว้ใจตนได้ ถ้าเป็นเรื่องชาติบ้านเมือง แต่ถ้าเป็นเรื่องฝ่ายการเมืองที่เราไม่เกี่ยวข้องมาตลอด ท่านจะแพ้ชนะ ได้คะแนนนิยมมากกว่ากันอย่างไร ตนเป็นฝ่ายประจำเข้าไปเกี่ยวข้องไม่ได้โดยหลักการ

ประการที่ 3 เรื่องตำแหน่งที่ตนย้ายไปนั้น เหมาะสมกับตนหรือไม่ จากที่คณะรัฐมนตรี เห็นชอบย้ายตนไปดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกฯ ฝ่ายประจำ นักบริหารระดับสูง ตนเข้าใจดีว่า ตำแหน่งเทียบเท่ากับ ระดับ 11 มติ ครม.พูดชัดเจนว่า ให้ตนได้รับเงินเดือน ค่าตอบแทนและสิทธิประโยชน์เท่ากัน และนายกฯได้แถลงว่า จะมอบหมายงานให้ทำตามความเหมาะสม ดูเผินๆ ตนไม่เสียหายอะไร

ถูกโยกย้ายอย่างไม่เป็นธรรม

แต่การย้ายไปดำรงตำแหน่งเหล่านี้ ตำแหน่งพวกนี้ มีอยู่ที่สำนักเลขาธิการสำนักนายกรัฐมนตรี เกิดขึ้นเมื่อสมัยที่ นายยงยุทธ ติยะไพรัช เป็นเลขาการนายกรัฐมนตรี มีอยู่ทั้งระดับ 10 และระดับ 11 แต่ตนอยากจะบอกว่า ดูที่ว่าตนย้ายไปดำรงตำแหน่งในระดับเดียวกันและไม่เสียหายอะไรไม่ได้ ตนคิดว่าต้องดูที่มาของการย้ายด้วย ว่าการย้ายเป็นไปด้วยระบบคุณธรรมถูกต้องหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่คณะกรรมการระบบพิทักษ์คุณธรรม (ก.พ.ค.) จะเป็นผู้พิจารณาต่อไปว่าจะดำเนินการอย่างไร

เลขาฯสมช. กล่าวอีกว่า อีกประเด็นหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่ง ตนขอกล่าวถึง พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. การที่ท่านระบุว่า จะย้ายออกจากตำแหน่งผบ.ตร.ได้ก็ต่อเมื่อได้รับตำแหน่งที่เหมาะสม และสมศักดิ์ศรี ตนเข้าใจว่าตำแหน่งที่ท่านจะไปตอนแรกคงเป็นตำแหน่งที่ตนได้รับขณะนี้ แต่ท่านก็ไม่รับ ตามข่าวว่าท่านก็มารับตำแหน่งเลขาฯสมช. เพราะท่านคิดว่าเป็นตำแหน่งที่เหมาะสม และสมศักดิ์ศรี แสดงว่าตำแหน่งที่ปรึกษาไม่สมศักดิ์ศรี เมื่อท่านคิดอย่างนั้นแล้ว แล้วตนจะพิจารณาได้อย่างไรว่า เหมาะสมกับตน

นายถวิล กล่าวว่า จากที่มีหลายคนสอบถามว่า ตำแหน่งของตนถ้าจะย้ายไปตำแหน่งที่เหมาะสม ควรจะย้ายไปตำแหน่งไหน ตนได้บอกว่าตำแหน่งของตนเทียบเท่าปลัดกระทรวง คือระดับ 11 ถ้าย้ายก็ต้องย้ายไประดับนั้น แต่ความหมายตนไม่มีเลยที่จะย้ายไปกระทรวงอื่นๆ

" ผมมีความเป็นสุภาพบุรุษพอว่า ถ้าเรื่องจะจบก็ให้จบที่ผม ผมจะไม่ไปแย่งหรือเบียดตำแหน่งต่างๆ เหล่านี้ที่อื่นเป็นอันขาด และผมเห็นว่า ผมไม่เหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งเหล่านั้นที่อื่น ผมทำงานด้านความมั่นคงมาชั่วชีวิตราชการ ผมจะไปทำงานที่อื่นได้อย่างไร ผู้สื่อข่าวยังเขียนข่าวว่า ผมจะไปกระทรวงวิทยาศาสตร์ ถ้าได้ไป ผมต้องโกงภาษีอากรประชาชนแน่นอน เพราะผมทำงานไม่ได้ เพราะผมไม่ได้ฝึกฝนมาทางด้านนั้น จึงเรียนว่า ผมจะไม่ทำให้เพื่อนข้าราชการด้วยกันเดือดร้อน เป็นอันขาด" นายถวิล กล่าว

เตรียมร้องเรียนก.พ.ค.

เลขาฯสมช. กล่าวว่า ประการที่ 4 ตนทราบดีว่า ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ได้กำหนดให้มีคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม เปิดโอกาสให้ข้าราชการที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมในการแต่งตั้งโยกย้าย ไปร้องขอความเป็นธรรม ตนได้รับทราบหลักเกณฑ์ข้อกฎหมาย ที่เกี่ยวข้องมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่ไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งจะได้ใช้กฎหมายเหล่านี้ เพราะคิดว่ากฎหมายที่เขียนขึ้นมา เพื่อป้องปราม เพื่อให้สติกับผู้บังคับบัญชาในระดับสูงขึ้นไป ไม่ว่าข้าราชการประจำ หรือฝ่ายการเมืองก็ตาม ให้มีการยับยั้งชั่งใจใคร่ครวญในการใช้ระบบคุณธรรมในการพิจารณา

" แต่มาถึงวันนี้ ผมต้องขอความคุ้มครองจากกฎหมาย ผมจะไปร้องที่ ก.พ.ค. แต่กฎหมายก็เป็นเพียงระเบียบ สิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น แต่สิ่งสำคัญคือ กฎแห่งกรรม กฎธรรมชาติที่ทุกคนต้องรับตรงนั้น ท่านเองต้องต่อสู้ ผมเองก็ต้องต่อสู้ ถ้าท่านรังแก ผมก็ต้องต่อสู้กับความจริงแท้ของกฎแห่งกรรม และกฎธรรมชาติ หลังจากนี้ผมต้องไปรายงานตัว เพื่อรับทราบนโยบาย และงานที่จะมอบหมายผม ส่วนที่ สมช.รองเลขาฯ คงรักษาการ และจะได้ทบทวนไปยังรองนายกฯ หลังโยกย้ายผมไป ยังไม่มีการแต่งตั้งใครมารักษาการแทน นายกฯ รองนายกฯ จะแต่งตั้งใครมารักษาการแทน ก็เป็นเรื่องที่จะต้องดำเนินการต่อไป" นายถวิล กล่าว

เลขาฯสมช. กล่าวว่า สุดท้าย ตนขอร้อง และร้องขอว่า ระบบราชการเรามีเกียรติภูมิ มีศักดิ์ศรีของเรา เราถูกออกแบบมาให้ทำงานเพื่อชาติบ้านเมือง เหมือนฝ่ายการเมืองที่เข้ามาทำงานให้ชาติ บ้านเมือง ฉะนั้นกรุณาใช้ระบบคุณธรรม ใช้เหตุผล อย่าใช้อคติความรักความชัง เข้ามาทำหลักการเหล่านี้ไขว้เขวไป เพราะจะกระทบขวัญกำลังใจของข้าราชการทั่วประเทศ ไม่เกิดประโยชน์ต่อใครทั้งสิ้น และยังเป็นโทษต่อชาติบ้านเมืองด้วย

การโยกย้ายครั้งนี้ เป็นการแก้แค้น หรือแก้ไข นายถวิล กล่าวว่า ตนบอกว่าเสียใจ และสงสัยอยู่มาก แต่ประเด็นนี้อยากให้สาธารณชนได้พิจารณาเอง

ส่วนเรื่องการฟ้องศาลปกครอง นายถวิล กล่าวว่า ไปศาลปกครองไม่ได้ ตามระเบียบต้องไปก.พ.ค.ก่อน “ผมมั่นใจว่าบ้านเมืองนี้มีความเป็นธรรมอยู่ ผมไปร้องก.พ.ค. ก็ไม่ใช่ว่าผมต้องชนะ เพียงแต่ว่าเราได้ต่อสู้ เมื่อเห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ต้องต่อสู้ ส่วนผลจะออกมาอย่างไรก็น้อมรับทั้งสิ้น โดยจะไปร้อง ก.พ.ค.ให้เร็วที่สุด ทันาทิตย์นี้ก็ไปอาทิตย์นี้ ”

ผมไม่ต้องการเป็น"ไอดอล"

ผู้สื่อข่าวถามว่า ต้องการเป็นแบบอย่างให้ข้าราชการที่อาจถูกโยกย้ายในลักษณะเดียวกันนี้หรือไม่ นายถวิล กล่าวว่า “ผมไม่ต้องการเป็นไอดอล” ไม่มีความคิดอย่างนั้น ที่จะเป็นแบบอย่าง หรืออะไรต่างๆให้ต่อสู้ของข้าราชการประจำ คิดแต่ว่าจะรักษาเกียรติของตน และข้าราชการให้ดีที่สุด แต่ถ้าจะมีอานิสงส์ไปถึงข้าราชการอื่น ก็เป็นเรื่องที่ดี

กรณี พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแล สมช. มาพูดคุยทำความเข้าใจ นายถวิล กล่าวว่า ตนเกรงใจพล.ต.อ.โกวิท เป็นอย่างยิ่ง ที่ผ่านมาที่ตนพยายามสงบสติอารมณ์ ไม่ตอบโต้ เพราะตนให้เกียรติ พล.ต.อ.โกวิท เนื่องจากกำกับราชการ สมช.แทนนายกฯ ท่านมาพูดต่างๆ กับตนและไม่ได้มาบังคับอะไรให้ตนต้องทำอย่างนั้น อย่างนี้ ท่านบอกว่าเรื่องสิทธิส่วนตัวก็เป็นสิทธิส่วนตัว ตนต้องกราบขอบคุณ พล.ต.อ.โกวิท และสัญญาว่า จะไม่ทำอะไรให้กระทบต่อเกียรติของท่านเป็นอันขาด

เมื่อถามว่าการโยกย้ายครั้งนี้ เป็นเพราะรัฐบาลไม่พอใจเหตุการณ์ที่ทำงานใน ศอฉ. เพราะมีผู้เสียชีวิตหรือไม่ นายถวิล กล่าวว่า ตนไม่ทราบ แต่เรียนว่า พวกเราไม่ได้มีความสุขที่คนไทยต้องมาล้มหายตายจาก เราเสียใจทั้งสิ้น แต่เป็นเรื่องที่ดำเนินการตามกฎหมาย ตามสถานการณ์ ได้พิจารณาเป็นอย่างดีแล้ว และไม่มีความปรารถนาให้เกิดอันตรายกับประชาชน เราก็เป็นคนไทยด้วยกัน เลือดสีเดียวกัน ทุกฝ่ายออกมาพูดชัดเจนว่า ถ้าดำเนินการผิดกฎหมาย ก็ต้องถูกลงโทษ ไม่มีใครพ้นไปได้ เราต้องปล่อยให้กระบวนการยุติธรรมดำเนินการไป ซึ่งกระบวนการยุติธรรม ก็อยู่ภายใต้การกำกับดูแลอย่างใกล้ชิดกับรัฐบาลอยู่แล้ว ซึ่งไม่มีอะไรน่าห่วงใย ขณะนี้กำลังให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบว่าตนต้องไปรายงานตัวกับใคร

เมื่อถามว่าการไปร้อง ก.พ.ค.นั้นบุคคลที่จะร้องเรียนคือใคร นายถวิล กล่าวว่า กำลังตรวจสอบอยู่ เพราะเป็นมติครม. แล้วก็การเข้าครม. ตำแหน่งของตน จะไปจะอยู่ นายกฯจะเป็นผู้ดูแล เพราะดูแล สมช.ตลอด ส่วนใหญ่จะไม่มอบหมายให้รองนายกฯกำกับดูแล แต่มายุคของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ มอบให้ พล.ต.อ.โกวิท กำกับดูแล ซึ่งตนต้องไปหาความชัดเจนที่ก.พ.ค. เดี๋ยวคงไปดูมติ ครม.หรือแง่มุมทางกฎหมายอีก

"เหลิม"ขอโทษไม่เจตนาถากถาง

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายถวิล เปลี่ยนสี เลขาสมช. ระบุว่า ฝ่ายการเมืองพูดจาเยาะเย้ย ถากถางว่า " ไม่เป็นไร เดี๋ยวจะหาโอกาสไปทานข้าวกับนายถวิล" ในความเป็นจริงก็ไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัว ไม่ได้เกลียดชัง แต่เมื่อสถานการณ์มันเปลี่ยน บุคลากรก็ต้องเปลี่ยนแปลงบ้าง แล้วถ้าตนมีงานสำคัญๆ จะมอบหมายให้ท่านทำ และการโยกย้ายของท่าน ไม่ได้เสียเม็ดเงิน ไม่ได้เสียตำแหน่ง เสียความรู้สึกไม่เป็นไร เดี๋ยวเป็นกาวใจ ไปหาซะหน่อยก็จบ
" อะไรที่ทำให้ไม่สบายใจ ต้องขอโทษด้วย ไม่มีเจตนาเยาะเย้ยถากถาง ผมเป็นนักการเมือง มาแล้วก็ไป แต่ข้าราชการเป็นหลัก ข้าราชการเหมือนท่าเรือ นักการเมืองเหมือนเรือ มาแล้วก็ไป เรือไปแต่ท่าอยู่ ฉะนั้นคุณถวิล ต้องอยู่ต่อไป" ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว

"เจ๊ปู"ส่งถวิล"ไปช่วยงาน"บิ๊กโก"

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายถวิล จะต้องมาดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายข้าราชการประจำ ว่า ในส่วนเนื้องานด้านมั่นคง ยังมีความต้องการ เพราะนายถวิล มีประสบการณ์ด้านความมั่นคง จึงจะให้ไปช่วย พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งในรายละเอียดจะมีการมอบหมายงานอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วง มีภารกิจที่จะให้ทำอีกเยอะ

ผู้สื่อข่าวถามว่า ยืนยันงานที่ย้ายมาไม่ได้มานั่งตบยุงใช่หรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ยืนยันได้เลย มีรายละเอียดให้ทำอยู่แล้ว เมื่อถามว่ามองอย่างไรกับข้อครหาที่ว่ารัฐบาลนี้ทำทุกอย่างเพื่อให้ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ขึ้นเป็นผบ.ตร. น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่าไม่ใช่แบบนั้น ขอเรียนว่าทุกอย่างเป็นการโยกย้ายงานเพื่อให้เกิดความเหมาะสม และมีส่วนอัตราที่ต้องการกำลังคน เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ที่จะถูกฟ้องร้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ไม่กังวล เพราะเราพยายามทำอย่างดีที่สุด และในส่วนของการทำงานเราก็มีการดูแล มอบหมายงานอยู่แล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น