นครพนม-จนท.เร่งเยียวยาสุนัขที่เพิ่งยึดคืนจากแก๊งลอบค้ารายใหม่ หวั่นติดเชื้อตายเพิ่ม รองผู้ว่าฯนครพนมยันยังคุมเข้มสกัดขนส่งสุนัขขายเวียดนาม พร้อมเร่งประสานกระทรวงมหาดไทย ช่วยผู้ค้าสุนัขที่อ้างว่าเลิกอาชีพนี้ไม่ได้เพราะมีภาระหนี้สิน เล็งส่งเสริมอาชีพใหม่ทดแทนแก้ปัญหาระยะยาว
วานนี้ (7 ก.ย.)ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า กรณีมีการจับกุมขบวนการค้าสุนัขข้ามชาติได้อีก จำนวน 2 คน พร้อมยึดสุนัขเตรียมนำส่งข้ามไปขายยังประเทศเวียดนาม จำนวน 114 ตัว เมื่อวันที่ 6 ก.ย.โดยมีสุนัขรอดชีวิต จำนวน 89 ตัว ตายไป 25 ตัว โดยพบว่ากลุ่มขบวนการค้าสุนัขข้ามชาติได้ปรับรูปแบบการขนส่ง จากขังใส่กรงเหล็ก เป็นการบรรจุใส่กระสอบปุ๋ยแทน
ภายหลังจากตรวจยึดจับกุม เจ้าหน้าที่ได้นำผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.บ้านแพง ดำเนินคดีตามกฎหมาย และนำส่งอัยการจังหวัด เพื่อส่งฟ้องต่อศาลจังหวัดนครพนมต่อไป
ส่วนสุนัขที่มีการตรวจยึดเพิ่ม เจ้าหน้าที่ได้นำไปดูแลรักษาไว้ที่ด่านกักกันสัตว์นครพนม ซึ่งได้มีการคัดแยกให้การรักษา เร่งฉีดวัคซีน ป้องกันการติดเชื้อโรคระบาด เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาสุนัขของกลางที่ยึดได้ก่อนหน้านี้ ได้ประสบปัญหาเกิดโรคไวรัส ไข้หัดสุนัขระบาด ทำให้สุนัขทยอยตายรายวัน
นายไพรัช ประทุมสุวรรณ ปศุสัตว์นครพนม กล่าวว่า ในการดูแลรักษาสุนัขของกลาง เจ้าหน้าที่ยังคงเร่งระดมให้การรักษา เยียวยาต่อเนื่อง ในส่วนสุนัขที่ตรวจยึดมาใหม่ได้มีการคัดกรอง แยกออกจากสุนัขกลุ่มเก่า ป้องกันโรคระบาด ให้สุนัขรอดชีวิตมากที่สุดจนกว่าคดีจะถึงที่สิ้นสุด รวมถึงได้มีการปรับปรุงภูมิทัศน์ สภาพแวดล้อม โรงเรือน และห้องรักษาพยาบาลให้สะอาด ได้มาตรฐานมากที่สุด
ที่น่าเป็นห่วงคือ ในเรื่องของโรคระบาด ที่ยังพบว่า มีสุนัขกว่า 50 ตัว ป่วยเป็นโรคไวรัส ไข้หัดสุนัข ทางเดินหายใจ และลำไส้อักเสบ เสี่ยงต่อการตายสูง บวกกับสภาพอากาศชื้นจากฝนตกจึงเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคไวรัส แต่ทางเจ้าหน้าที่ได้ระดมให้การรักษาต่อเนื่อง และควบคุมไม่ให้แพร่ระบาดมากที่สุด
ส่วนการให้อาหารสุนัขเจ้าหน้าที่ได้มีการปรับเปลี่ยนจากอาหารเม็ด มาเป็นนำข้าวสารมาต้มปรุงผสมเนื้อ เป็นการกระตุ้นให้สุนัขกินอาหารมากขึ้น ส่งผลมีสุขภาพแข็งแรง โดยแต่ละวันมีค่าใช้จ่ายในการดูแลเลี้ยงดู ทั้งค่าอาหาร รวมถึงเวชภัณฑ์ยา จำนวนประมาณ 50,000 บาท
ขณะนี้มีสุนัขที่เหลือในด่านกักกันสัตว์ จำนวนทั้งสิ้น 828 ตัว ตายไปทั้งหมด 273 ตัว และตรวจยึดมาเพิ่มอีก จำนวน 89 ตัว รวมเป็น 917 ตัว มีสุนัขติดเชื้อเสี่ยงตายประมาณ 50 ตัว ส่วนยอดการบริจาคกองทุนช่วยเหลือสุนัขมีประมาณ 22 ล้านบาท ซึ่งจนถึงขณะนี้กองทุนดังกล่าวยังเปิดรับการบริจาคจากผู้มีจิตศรัทธาอยู่
“ที่สำคัญในการบริหารจัดการเงินช่วยเหลือทางกองทุนได้มีการหารือกันว่า จะใช้จ่ายในส่วนที่จำเป็นมากที่สุด เพราะค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูสูง และอาจจะส่งผลต่อการดูแลในระยาวได้”นายไพรัช กล่าว
ด้านนายสมดี คชายั่งยืน รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม กล่าวว่า หลังจากมีการตรวจยึดสุนัขเพิ่มอีกจำนวน 89 ตัว ที่รอดชีวิต พบว่ากลุ่มผู้ค้ามีความพยายามที่จะลักลอบขนส่งต่อเนื่อง และปรับเปลี่ยนวิธีการลักลอบขนส่ง โดยใช้วิธีการบรรจุใส่กระสอบปุ๋ยแทนการขังใส่กรง ทำให้ทาง นายเริงศักดิ์ มหาวินิจฉัยมนตรี ผู้ว่าราชการจังหวัดได้สั่งการให้ ฝ่ายปกครอง ร่วมกับตำรวจ ตั้งชุดเฉพาะกิจติดตามจับกุมต่อเนื่อง
ในการจับกุมทุกครั้งต้องยอมรับว่าได้เบาะแสจากชาวบ้านในพื้นที่ และยืนยันว่า หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงกฎหมาย ในพื้นที่นครพนมจะไม่ปล่อยให้มีการลักลอบขนส่งสุนัขไปขายที่ประเทศเวียดนามแน่นอน
ส่วนกรณีมีกลุ่มผู้ค้าสุนัขที่เคยมาชุมนุมเรียกร้องให้เปิดเส้นทางขนส่งเพื่อการค้า อ้างว่ามีภาระหนี้สินและหาเลี้ยงครอบครัวนั้น ทางจังหวัดนครพนมได้มีการประสานกับทางกระทรวงมหาดไทย หารือกับจังหวัดที่มีกลุ่มผู้ค้าสุนัข เข้าไปตรวจสอบดูแลช่วยเหลือ
ในส่วนที่กลุ่มผู้ค้ามีภาระหนี้สินเงินกู้ ต้องหาแหล่งเงินทุนใหม่ และส่งเสริมหาอาชีพทดแทนให้ เพื่อเป็นการช่วยเหลือ และตัดปัญหาการค้าสุนัขในระยะยาว ในส่วนของนครพนมพบว่า มีผู้ค้าสุนัข ประมาณ 32 ราย ที่ต้องเข้าไปดูแลช่วยเหลือ
ขณะที่ความเคลื่อนไหวจากจังหวัดสกลนคร ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ได้มีการร้องเรียนจากชาวบ้านต.ท่าแร่ ว่า มีผู้ประกอบการค้าเนื้อสุนัขชำแหละบางราย ทำการชำแหละสุนัขอย่างไม่ถูกสุขลักษณะได้ส่งกลิ่นเหม็นไปทั่วบริเวณ ชาวบ้านจึงวอนขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสำรวจดำเนินการกับผู้ประกอบการที่ยังไม่หยุดการค้าเนื้อสุนัขด้วย