ASTVผู้จัดการรายวัน-ครม.ไฟเขียวตั้งกขช.แล้ว นัดประชุมนัดแรกสัปดาห์นี้ กำหนดเงื่อนไขการรับจำนำ "โต้ง"ยันเริ่มได้ตั้งแต่ 7 ต.ค.เป็นต้นไป "ภูมิ"เครื่องร้อนนัดโรงสีถกวันนี้ กำหนดกรอบ กติกา การเข้าร่วมโครงการ ลือหึ่ง! ทีมงานรมช.พาณิชย์สายตรงผู้ส่งออก เคาะโต๊ะเรียก อ้างมีโควตาข้าว หากอยากได้ให้มาคุยกัน ด้านโรงสียังกล้าๆ กลัวๆ เข้าร่วมโครงการ เหตุเงื่อนไขไม่ชัด "เกียรติ"อัดจำนำ ส่อทำเสียหายกว่า 5 แสนล้าน และชาวบ้านต้องกินข้าวแพง
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ (6 ก.ย.) ได้มีมติแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ชุดใหม่ โดยมีนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน และมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นกรรมการ ซึ่งจะมีการประชุมนัดแรกภายในสัปดาห์นี้ เพื่อหารือถึงรายละเอียดเกี่ยวกับโครงการรับจำนำข้าว เพื่อให้เดินหน้าตามแผนที่รัฐบาลได้วางไว้ และเมื่อได้ข้อสรุปจากกขช.แล้ว ก็จะนำเรื่องจำนำข้าวเข้าสู่ที่ประชุมครม.อีกครั้งในวันที่ 13 ก.ย.2554 โดยคาดว่าจะเปิดรับจำนำได้ตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค.2554 เป็นต้นไป
ส่วนแนวทางการป้องกันการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว ได้กำหนดให้เป็นความรับผิดชอบของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ต้องช่วยกันสอดส่อง ดูแล โดยนายกรัฐมนตรีได้มีคำสั่งไปยังกระทรวงมหาดไทยให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดช่วยกันสอดส่อง หากเกิดการทุจริตรั่วไหลก็ถือเป็นความรับผิดชอบของกระทรวงมหาดไทยด้วย และยังให้มีหน่วยงานอื่นๆ เช่น กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เข้ามาช่วยดูแล เป็นต้น
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า วันนี้ (7 ก.ย.) นายภูมิ สาระผล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้เรียกประชุมสมาคมโรงสีข้าวไทยเพื่อกำหนดกรอบ เงื่อนไข กติกา การเข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าว โดยแนวทางจะมอบหมายให้สมาคมโรงสีเป็นผู้พิจารณาโรงสีที่จะเข้าร่วมโครงการว่ามีประวัติย้อนหลังอย่างไร มีชื่ออยู่ในบัญชีดำของรัฐบาลหรือไม่ ส่วนเงื่อนไขการวางเงินค้ำประกัน คาดว่าจะมีสัดส่วนไม่เกิน 40% ของมูลค่าข้าวที่รับจำนำ ระยะเวลาสีแปร จะกำหนดภายใน 10 วัน ก่อนส่งมอบข้าวเข้าคลังกลางของรัฐบาล เพื่อให้โรงสีมีพื้นที่ว่างรับซื้อข้าวใหม่ต่อไป
แหล่งข่าวจากวงการผู้ส่งออกข้าว กล่าวว่า มีบุคคลที่อ้างว่าเป็นทีมงานของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์โทรศัพท์ไปหาผู้ส่งออกบางราย โดยแจ้งว่ามีโควตาข้าวในสต๊อกของรัฐบาลจะจัดสรรให้ หากผู้ส่งออกมีความต้องการสต๊อกดังกล่าว ก็สามารถเจรจาตกลงเงื่อนไขกันได้ แต่ไม่ได้ระบุว่าเป็นข้าวในสต๊อกเก่าที่มีอยู่ หรือสต๊อกข้าวใหม่ที่จะได้จากโครงการรับจำนำปี 2554/55 ซึ่งมีผู้ส่งออกหลายรายให้ความสนใจ เพราะจะช่วยลดต้นทุนในการส่งออกที่ขณะนี้กำลังเผชิญกับปัญหาต้นทุนสูงขึ้นจากการที่รัฐบาลจะนำโครงการรับจำนำมาใช้ และแก้ปัญหาให้กับผู้ส่งออกบางรายที่อาจจะสูญเสียลูกค้าจากการที่หันไปซื้อข้าวจากประเทศอื่นแทน
ทางด้านแหล่งข่าวจากสมาคมโรงสีข้าวไทย กล่าวว่า มีความพยายามจากกระทรวงพาณิชย์ให้โรงสีแสดงความจำนงเข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวเปลือกปี 2554/55 ทั้งที่ยังไม่มีกรอบเงื่อนไข และกติกาดำเนินการที่ชัดเจน ทำให้โรงสีไม่กล้ายื่นเข้าร่วมโครงการดังกล่าว เพราะเกรงว่าหากเงื่อนไขที่กขช. จะกำหนดออกมาในภายหลัง โรงสีไม่สามารถดำเนินการตามได้ ก็จะทำให้โรงสีนั้นๆ ผิดสัญญาและมีคดีความเหมือนหลายกรณีที่ผ่านมาๆ จึงต้องขอดูมติของที่ประชุมกขช.ก่อน
นายเกียรติ สิทธีอมร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เป็นห่วงนโยบายการรับจำนำข้าวของรัฐบาล ซึ่งตนเองได้เคยอภิปรายเมื่อครั้งรัฐบาลแถลงนโยบายต่อรัฐบาลว่าโครงการนี้มีความเสี่ยงสูงมาก ทำให้สต็อกพุ่ง แต่ราคาตลาดโลกกลับไม่ได้สูงขึ้นตามที่คาด เรื่องนี้เคยทำมาแล้วในปี 2548-49 ใช้เงินไปแสนกว่าล้านบาท แต่เสียหายรวมทั้งหมด 1.9 หมื่นล้านบาท อีกทั้งเรื่องนี้ยังขัดกับระเบียบขององค์การการค้าโลก (WTO) ที่เข้าไปแทรกแซงราคาสินค้า เสี่ยงต่อการตอบโต้ทางการค้า และจนถึงวันนี้รัฐบาลไม่เคยมีคำตอบ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และนายกิตติรัตน์ ไม่เคยชี้แจง บอกเพียงแต่จะดำเนินการ แต่ไม่ได้อธิบายรายละเอียด
"คาดว่าโครงการอาจสร้างความเสียหาย 4-5 แสนล้านบาท แม้จะไม่ใช่เสียหายกับรัฐบาลโดยตรง แต่ความเสียหายอาจไปตกที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) ที่เป็นผู้รับผิดชอบภาระการขาดทุนที่เกิดขึ้น ขอให้รัฐบาลออกมาอธิบายสิ่งที่ตนเอง หรือทีดีอาร์ไอ ออกมาอธิบาย และให้หลักประกันว่าจะไม่เกิดความเสียหายต่อทั้งชาวนา และคนไทยทั้งประเทศที่ต้องบริโภคข้าวแพงขึ้น ไม่ทำให้รัฐบาลขาดทุนแสนล้าน ไม่ทำให้ไทยเสี่ยงต่อการทำผิดกฎ WTO ต้องตอบ ไม่ใช่ให้โฆษกออกมาท้าทายนักวิชาการ"นายเกียรติกล่าว
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ (6 ก.ย.) ได้มีมติแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ชุดใหม่ โดยมีนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน และมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นกรรมการ ซึ่งจะมีการประชุมนัดแรกภายในสัปดาห์นี้ เพื่อหารือถึงรายละเอียดเกี่ยวกับโครงการรับจำนำข้าว เพื่อให้เดินหน้าตามแผนที่รัฐบาลได้วางไว้ และเมื่อได้ข้อสรุปจากกขช.แล้ว ก็จะนำเรื่องจำนำข้าวเข้าสู่ที่ประชุมครม.อีกครั้งในวันที่ 13 ก.ย.2554 โดยคาดว่าจะเปิดรับจำนำได้ตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค.2554 เป็นต้นไป
ส่วนแนวทางการป้องกันการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว ได้กำหนดให้เป็นความรับผิดชอบของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ต้องช่วยกันสอดส่อง ดูแล โดยนายกรัฐมนตรีได้มีคำสั่งไปยังกระทรวงมหาดไทยให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดช่วยกันสอดส่อง หากเกิดการทุจริตรั่วไหลก็ถือเป็นความรับผิดชอบของกระทรวงมหาดไทยด้วย และยังให้มีหน่วยงานอื่นๆ เช่น กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เข้ามาช่วยดูแล เป็นต้น
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า วันนี้ (7 ก.ย.) นายภูมิ สาระผล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้เรียกประชุมสมาคมโรงสีข้าวไทยเพื่อกำหนดกรอบ เงื่อนไข กติกา การเข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าว โดยแนวทางจะมอบหมายให้สมาคมโรงสีเป็นผู้พิจารณาโรงสีที่จะเข้าร่วมโครงการว่ามีประวัติย้อนหลังอย่างไร มีชื่ออยู่ในบัญชีดำของรัฐบาลหรือไม่ ส่วนเงื่อนไขการวางเงินค้ำประกัน คาดว่าจะมีสัดส่วนไม่เกิน 40% ของมูลค่าข้าวที่รับจำนำ ระยะเวลาสีแปร จะกำหนดภายใน 10 วัน ก่อนส่งมอบข้าวเข้าคลังกลางของรัฐบาล เพื่อให้โรงสีมีพื้นที่ว่างรับซื้อข้าวใหม่ต่อไป
แหล่งข่าวจากวงการผู้ส่งออกข้าว กล่าวว่า มีบุคคลที่อ้างว่าเป็นทีมงานของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์โทรศัพท์ไปหาผู้ส่งออกบางราย โดยแจ้งว่ามีโควตาข้าวในสต๊อกของรัฐบาลจะจัดสรรให้ หากผู้ส่งออกมีความต้องการสต๊อกดังกล่าว ก็สามารถเจรจาตกลงเงื่อนไขกันได้ แต่ไม่ได้ระบุว่าเป็นข้าวในสต๊อกเก่าที่มีอยู่ หรือสต๊อกข้าวใหม่ที่จะได้จากโครงการรับจำนำปี 2554/55 ซึ่งมีผู้ส่งออกหลายรายให้ความสนใจ เพราะจะช่วยลดต้นทุนในการส่งออกที่ขณะนี้กำลังเผชิญกับปัญหาต้นทุนสูงขึ้นจากการที่รัฐบาลจะนำโครงการรับจำนำมาใช้ และแก้ปัญหาให้กับผู้ส่งออกบางรายที่อาจจะสูญเสียลูกค้าจากการที่หันไปซื้อข้าวจากประเทศอื่นแทน
ทางด้านแหล่งข่าวจากสมาคมโรงสีข้าวไทย กล่าวว่า มีความพยายามจากกระทรวงพาณิชย์ให้โรงสีแสดงความจำนงเข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวเปลือกปี 2554/55 ทั้งที่ยังไม่มีกรอบเงื่อนไข และกติกาดำเนินการที่ชัดเจน ทำให้โรงสีไม่กล้ายื่นเข้าร่วมโครงการดังกล่าว เพราะเกรงว่าหากเงื่อนไขที่กขช. จะกำหนดออกมาในภายหลัง โรงสีไม่สามารถดำเนินการตามได้ ก็จะทำให้โรงสีนั้นๆ ผิดสัญญาและมีคดีความเหมือนหลายกรณีที่ผ่านมาๆ จึงต้องขอดูมติของที่ประชุมกขช.ก่อน
นายเกียรติ สิทธีอมร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เป็นห่วงนโยบายการรับจำนำข้าวของรัฐบาล ซึ่งตนเองได้เคยอภิปรายเมื่อครั้งรัฐบาลแถลงนโยบายต่อรัฐบาลว่าโครงการนี้มีความเสี่ยงสูงมาก ทำให้สต็อกพุ่ง แต่ราคาตลาดโลกกลับไม่ได้สูงขึ้นตามที่คาด เรื่องนี้เคยทำมาแล้วในปี 2548-49 ใช้เงินไปแสนกว่าล้านบาท แต่เสียหายรวมทั้งหมด 1.9 หมื่นล้านบาท อีกทั้งเรื่องนี้ยังขัดกับระเบียบขององค์การการค้าโลก (WTO) ที่เข้าไปแทรกแซงราคาสินค้า เสี่ยงต่อการตอบโต้ทางการค้า และจนถึงวันนี้รัฐบาลไม่เคยมีคำตอบ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และนายกิตติรัตน์ ไม่เคยชี้แจง บอกเพียงแต่จะดำเนินการ แต่ไม่ได้อธิบายรายละเอียด
"คาดว่าโครงการอาจสร้างความเสียหาย 4-5 แสนล้านบาท แม้จะไม่ใช่เสียหายกับรัฐบาลโดยตรง แต่ความเสียหายอาจไปตกที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) ที่เป็นผู้รับผิดชอบภาระการขาดทุนที่เกิดขึ้น ขอให้รัฐบาลออกมาอธิบายสิ่งที่ตนเอง หรือทีดีอาร์ไอ ออกมาอธิบาย และให้หลักประกันว่าจะไม่เกิดความเสียหายต่อทั้งชาวนา และคนไทยทั้งประเทศที่ต้องบริโภคข้าวแพงขึ้น ไม่ทำให้รัฐบาลขาดทุนแสนล้าน ไม่ทำให้ไทยเสี่ยงต่อการทำผิดกฎ WTO ต้องตอบ ไม่ใช่ให้โฆษกออกมาท้าทายนักวิชาการ"นายเกียรติกล่าว