ASTVผู้จัดการรายวัน-"พาณิชย์"ทำหนังสือด่วนถึงสมาคมผู้ผลิตข้าวถุง ห้ามขึ้นราคาก่อนได้รับอนุญาต หลังรัฐบาลไฟเขียวโครงการรับจำนำ ด้านสมาคมอาหารสัตว์จี้ลดภาษีนำเข้าวัตถุดิบเหลือ 0% เพื่อช่วยลดราคาอาหารสัตว์ ส่วนผู้ผลิตน้ำมันปาล์มค้านลดราคา
นางวัชรี วิมุกตายน อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยถึงกรณีที่ผู้ประกอบการข้าวสารบรรจุถุง และเส้นหมี่ขาวกึ่งสำเร็จรูป จะปรับขึ้นราคาขาย เพราะต้นทุนเพิ่มขึ้นจากโครงการรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐบาล ว่า กรมฯ ได้ทำหนังสือไปยังสมาคมผู้ผลิตข้าวถุง เพื่อชี้แจงถึงการปรับขึ้นราคาขายว่าก่อนขึ้นราคาขาย สมาคมฯ ต้องหารือกับกรมการค้าภายในก่อน และจะปรับขึ้นราคาได้ก็ต่อเมื่อได้รับการอนุมัติจากกรมฯ แล้วเท่านั้น ผู้ประกอบการไม่สามารถขึ้นได้เองโดยไม่ได้รับอนุญาต
“ไม่ใช่ว่า เริ่มต้นโครงการรับจำนำแล้ว กรมฯ จะอนุมัติให้ปรับขึ้นทันที คงต้องพิจารณาก่อนว่าต้นทุนของผู้ประกอบการเพิ่มขึ้นจริงหรือไม่ ผู้ประกอบการใช้ข้าวเก่าหรือข้าวใหม่ในการผลิต ถ้าเป็นข้าวเก่า ต้นทุนเก่า ราคาก็ไม่น่าจะปรับขึ้น แต่ถ้าพิจารณาแล้ว เห็นว่า ต้นทุนเพิ่มขึ้นจริง ก็คงต้องพิจารณาให้ตามความเหมาะสม เส้นหมี่ขาว และสินค้าอื่นๆ ที่ใช้ข้าวเป็นวัตถุดิบหลักก็เช่นเดียวกัน ต้องมาหารือกันก่อน ไม่ใช่จะขึ้นราคาได้เอง” นางวัชรีกล่าว
นายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล นายกสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ กล่าวว่า สมาคมฯ จะทำเรื่องขอยกเลิกภาษีนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ เช่น กากถั่วเหลือง จากภาษี 2% เหลือ 0% กากที่เหลือจากข้าวโพด 9% เหลือ 0% เสนอต่อกระทรวงพาณิชย์ภายในต้นเดือนต.ค. เพื่อช่วยลดผลกระทบจากต้นทุนอาหารสัตว์สูงขึ้น โดยเฉพาะในไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ที่คาดว่าวัตถุดิบในการผลิตอาหารสัตว์หลายรายการปรับตัวสูงขึ้น เช่น ปลายข้าว คาดว่าราคาจะเพิ่มขึ้น 40-50% จากนโยบายการรับจำนำข้าวเปลือกเจ้าที่ตันละ 1.5 หมื่นบาท ถั่วเหลืองและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ราคาสูงขึ้นจากราคาตลาดโลกที่สูงขึ้น เพราะผู้ผลิตรายใหญ่อย่างสหรัฐฯ ประสบปัญหาภัยแล้งทำให้ผลผลิตลดลง
ทั้งนี้ หากสามารถลดภาษีวัตถุดิบอาหารสัตว์เหลือ 0% ได้ ส่งผลให้ราคาอาหารสัตว์ไม่ต้องปรับราคาขึ้นตาม หรืออาจปรับลดราคาลงมาได้ตามสัดส่วนของการนำเข้าวัตถุดิบที่ได้รับการยกเว้นภาษีมาผลิตสินค้า โดยประเด็นดังกล่าว สมาคมฯ ได้เสนอในที่ประชุมระหว่างกระทรวงพาณิชย์และผู้สินค้าแล้ว เนื่องจากเห็นว่าการปรับลดราคาน้ำมันดีเซล 3 บาท/ลิตร ไม่ได้มีผลต่อการผลิตอาหารสัตว์โดยตรง แต่ถ้ากระทรวงฯ ต้องการให้ผู้ผลิตปรับลดราคาอาหารสัตว์ลงมาเพื่อช่วยเหลือต้นทุนของกลุ่มเนื้อสัตว์ เห็นว่าแนวทางการปรับลดภาษีให้กับผู้ผลิตน่าจะเหมาะสมกว่า
แหล่งข่าวจากสมาคมโรงกลั่นน้ำมันปาล์ม กล่าวว่า ผู้ผลิตน้ำมันปาล์มบรรจุขวดเพื่อการบริโภค ไม่เห็นด้วยที่กระทรวงพาณิชย์จะมีการทบทวนราคาเพดานขายปลีกน้ำมันปาล์มลดลง จากปัจจุบันลิตรละ 42 บาท เนื่องจากต้นทุนการผลิตยังสูง โดยราคาน้ำมันปาล์มดิบอยู่ที่ลิตรละ 30-31 บาท เมื่อผ่านกระบวนการผลิต บวกค่าใช้จ่ายอื่นๆ ราคาขายปลีกต้องอยู่ที่ 45-46 บาท แต่ก็ยอมขายในราคาที่ควบคุม เพราะมีการแข่งขันกันสูง
นางวัชรี วิมุกตายน อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยถึงกรณีที่ผู้ประกอบการข้าวสารบรรจุถุง และเส้นหมี่ขาวกึ่งสำเร็จรูป จะปรับขึ้นราคาขาย เพราะต้นทุนเพิ่มขึ้นจากโครงการรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐบาล ว่า กรมฯ ได้ทำหนังสือไปยังสมาคมผู้ผลิตข้าวถุง เพื่อชี้แจงถึงการปรับขึ้นราคาขายว่าก่อนขึ้นราคาขาย สมาคมฯ ต้องหารือกับกรมการค้าภายในก่อน และจะปรับขึ้นราคาได้ก็ต่อเมื่อได้รับการอนุมัติจากกรมฯ แล้วเท่านั้น ผู้ประกอบการไม่สามารถขึ้นได้เองโดยไม่ได้รับอนุญาต
“ไม่ใช่ว่า เริ่มต้นโครงการรับจำนำแล้ว กรมฯ จะอนุมัติให้ปรับขึ้นทันที คงต้องพิจารณาก่อนว่าต้นทุนของผู้ประกอบการเพิ่มขึ้นจริงหรือไม่ ผู้ประกอบการใช้ข้าวเก่าหรือข้าวใหม่ในการผลิต ถ้าเป็นข้าวเก่า ต้นทุนเก่า ราคาก็ไม่น่าจะปรับขึ้น แต่ถ้าพิจารณาแล้ว เห็นว่า ต้นทุนเพิ่มขึ้นจริง ก็คงต้องพิจารณาให้ตามความเหมาะสม เส้นหมี่ขาว และสินค้าอื่นๆ ที่ใช้ข้าวเป็นวัตถุดิบหลักก็เช่นเดียวกัน ต้องมาหารือกันก่อน ไม่ใช่จะขึ้นราคาได้เอง” นางวัชรีกล่าว
นายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล นายกสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ กล่าวว่า สมาคมฯ จะทำเรื่องขอยกเลิกภาษีนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ เช่น กากถั่วเหลือง จากภาษี 2% เหลือ 0% กากที่เหลือจากข้าวโพด 9% เหลือ 0% เสนอต่อกระทรวงพาณิชย์ภายในต้นเดือนต.ค. เพื่อช่วยลดผลกระทบจากต้นทุนอาหารสัตว์สูงขึ้น โดยเฉพาะในไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ที่คาดว่าวัตถุดิบในการผลิตอาหารสัตว์หลายรายการปรับตัวสูงขึ้น เช่น ปลายข้าว คาดว่าราคาจะเพิ่มขึ้น 40-50% จากนโยบายการรับจำนำข้าวเปลือกเจ้าที่ตันละ 1.5 หมื่นบาท ถั่วเหลืองและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ราคาสูงขึ้นจากราคาตลาดโลกที่สูงขึ้น เพราะผู้ผลิตรายใหญ่อย่างสหรัฐฯ ประสบปัญหาภัยแล้งทำให้ผลผลิตลดลง
ทั้งนี้ หากสามารถลดภาษีวัตถุดิบอาหารสัตว์เหลือ 0% ได้ ส่งผลให้ราคาอาหารสัตว์ไม่ต้องปรับราคาขึ้นตาม หรืออาจปรับลดราคาลงมาได้ตามสัดส่วนของการนำเข้าวัตถุดิบที่ได้รับการยกเว้นภาษีมาผลิตสินค้า โดยประเด็นดังกล่าว สมาคมฯ ได้เสนอในที่ประชุมระหว่างกระทรวงพาณิชย์และผู้สินค้าแล้ว เนื่องจากเห็นว่าการปรับลดราคาน้ำมันดีเซล 3 บาท/ลิตร ไม่ได้มีผลต่อการผลิตอาหารสัตว์โดยตรง แต่ถ้ากระทรวงฯ ต้องการให้ผู้ผลิตปรับลดราคาอาหารสัตว์ลงมาเพื่อช่วยเหลือต้นทุนของกลุ่มเนื้อสัตว์ เห็นว่าแนวทางการปรับลดภาษีให้กับผู้ผลิตน่าจะเหมาะสมกว่า
แหล่งข่าวจากสมาคมโรงกลั่นน้ำมันปาล์ม กล่าวว่า ผู้ผลิตน้ำมันปาล์มบรรจุขวดเพื่อการบริโภค ไม่เห็นด้วยที่กระทรวงพาณิชย์จะมีการทบทวนราคาเพดานขายปลีกน้ำมันปาล์มลดลง จากปัจจุบันลิตรละ 42 บาท เนื่องจากต้นทุนการผลิตยังสูง โดยราคาน้ำมันปาล์มดิบอยู่ที่ลิตรละ 30-31 บาท เมื่อผ่านกระบวนการผลิต บวกค่าใช้จ่ายอื่นๆ ราคาขายปลีกต้องอยู่ที่ 45-46 บาท แต่ก็ยอมขายในราคาที่ควบคุม เพราะมีการแข่งขันกันสูง
