วานนี้ (5 ก.ย.) ที่รัฐสภา นายพร้อมพงษ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย เปิดเผยถึงผลการประชุมคณะกรรมการประสานงาน (วิป) พรรคร่วมรัฐบาลชั่วคราวว่า ในวันที่6 ก.ย. จะนำเรื่องการแต่งตั้งคณะกรรมการวิปรัฐบาลเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมพรรคเพื่อไทย ซึ่งในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลจะมีการตั้งทั้งหมด 60 คน โดยเป็นสัดส่วนของพรรคเพื่อไทย 50 คน ที่เหลือจะเป็นตัวแทนของพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ เบื้องต้นพรรคเพื่อไทยจะคัดเลือกโดยนำเสนอตัวแทนของแต่ละภาค
ผู้สื่อข่าวรายงาน สำหรับตำแหน่งประธานวิปรัฐบาลนั้น มีกระแสข่าวว่า คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ซึ่งถูกตัดสิทธิทางการเมืองได้เสนอชื่อนายอุดมเดช รัตนเสถียร ส.ส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นคนสนิทของคุณหญิงสุดารัตน์ให้มาเป็นประธานวิปรัฐบาล เพื่อแลกกับการเปิดโอกาสให้กลุ่ม ส.ส.อีสานได้รับตำแหน่งประธานกรรมาธิการสามัญ สภาผู้แทนราษฎร ตามที่ได้เรียกร้องไว้ หลังจากที่กลุ่ม ส.ส.อีสานพยายามผลักดันนายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม หลายสมัย แข่งขันในตำแหน่งดังกล่าว
**กก.บห.ปชป. ตั้งครม.เงาได้อังคารนี้
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่จะมีการตั้งส.ส.เงาในพื้นที่ที่ไม่มีส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะภาคเหนือและภาคอีสาน นอกเหนือจากการตั้งครมเงาว่า สิ่งที่เป็นข้อสรุปคือเราจะเร่งหาผู้สมัครสำหรับการเลือกตั้งในครั้งหน้าในพื้นที่ต่างๆ ให้เร็วที่สุด เพื่อให้เขาได้ทำงานอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ เพราะที่ผ่านมาเรามักมีปัญหาว่าสรรหาตัวบุคคลกันในช่วงท้าย ซึ่งคนเหล่านี้จะต้องทำงานหนักในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง โดยจะพิจารณาและให้โอกาสทุกคนและดูสภาพความเป็นจริงของแต่ละพื้นที่ รวมทั้งผลคะแนน การประเมิน ซึ่งบางพื้นที่ก็อาจจะเป็นคนเดิม หรืออาจจะเป็นคนใหม่ ซึ่งไม่ได้เน้นเฉพาะภาคเหนือกับภาคอีสาน แต่เราต้องการมีคนทำงานให้เข้าถึงประชาชนทั่วประเทศ แต่ที่มีการพูดถึงภาคเหนือและภาคอีสานนั้น คงเป็นเพราะเรามีส.ส.น้อย อย่างไรก็ตาม เราต้องการคนทำงานในระดับพื้นที่ เพราะสิ่งที่สะท้อนออกมาชัดเจนคือ ประชาชนหลายพื้นที่ไม่ได้รับข่าวสารจากพรรค และได้รับข่าวสารเพียงด้านเดียว
ในการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคในวันที่6 ก.ย.นี้ เราได้รับโจทย์มาจากการสัมมนาส.ส. ในการจัดคนเข้าทำงานในการเป็นครม.เงาให้มีความหลากหลาย ซึ่งตัวบุคคลก็จะได้ครบในวันพรุ่งนี้ โดยจะมีการตั้งครม.เงา และคณะประสานงานทำงานมวลชน รวมทั้งคณะที่มาทำหน้าที่อีกหลายด้านที่จะมารวมพลังกัน
**นายทะเบียนฯตอบรับกก.บห.ปชป.แล้ว
สำนักประชาสัมพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ชี้แจงว่า นายทะเบียนพรรคการเมืองได้มีหนังสือตอบรับการยื่นขอเปลี่ยนแปลงกรรมการบริหารพรรคของพรรคประชาธิปัตย์จำนวน 19 คนที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นหัวหน้าพรรค และนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เป็นเลขาธิการ แล้วเมื่อวันที่ 2 ก.ย. ที่ผ่านมา โดยตามขั้นตอนการเปลี่ยนแปลงกรรมการบริหารพรรคการเมืองนั้น หัวหน้าพรรคการเมืองจะต้องแจ้งการเปลี่ยนแปลงต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองภายใน 30 วัน นับแต่วันที่มีการเปลี่ยนแปลง จากนั้นสำนักงานกกต.ที่ทำหน้าที่ทางธุรการให้กับนายทะเบียนพรรคการเมืองจะดำเนินการตรวจสอบรายชื่อ คุณสมบัติ และลักษณะต้องห้ามของผู้ได้รับเลือกตั้งเป็นกรรมการบริหารพรรคการเมืองก่อนนำเสนอนายทะเบียนพรรคการเมืองให้ความเห็นชอบ และเสนอให้ที่ประชุมกกต.ให้ความเห็นชอบ เมื่อกกต.เห็นชอบแล้วนายทะเบียนพรรคการเมืองก็จะมีหนังสือแจ้งตอบรับการเปลี่ยนแปลงต่อไป
**"สดศรี"จี้ผู้สมัคร แจ้งยอดเลือกตั้ง
นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมืองและการออกเสียงประชามติ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการยื่นบัญชีค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งส.ส.ของผู้สมัครทุกพรรคการเมือง หลังจากการเลือกตั้งส.ส.เสร็จสิ้นลงเมื่อวันที่ 3 ก.ค. ที่ผ่านมา ว่า ขอให้ผู้สมัครส.ส.ทุกคนที่ได้รับการเลือกตั้งและไม่ได้รับการเลือกตั้งประมาณ 2,000 คน แสดงบัญชีค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งต่อกกต.ภายใน 90 วันนับจากวันเลือกตั้ง หากไม่แจ้งบัญชีค่าใช้จ่าย นอกจากจะมีความผิดทางอาญาแล้วจะถูกเพิกถอนอสิทธิเลือกตั้งด้วย ซึ่งตนไม่อยากให้เกิดเหตุที่จะต้องมีการเลือกตั้งใหม่ เนื่องจากการไม่แจ้งบัญชีค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้ง ดังนั้นขอเตือนว่าภายใน 90 วันนับแต่วันเลือกตั้ง ผู้สมัครส.ส.ทุกรายต้องยื่นบัญชีค่าใช่จ่ายในการเลือกตั้ง โดยจะครบกำหนดในวันที่ 1 ต.ค. ซึ่งเป็นวันสุดท้าย ดังนั้นจึงขอให้รีบแจ้งดำเนินการให้ถูกต้อง หากมีผู้ใดแจ้งมาแล้วกกต.รับรองความถูกต้องก็จะมีการประกาศให้ทราบในภายหลังต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงาน สำหรับตำแหน่งประธานวิปรัฐบาลนั้น มีกระแสข่าวว่า คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ซึ่งถูกตัดสิทธิทางการเมืองได้เสนอชื่อนายอุดมเดช รัตนเสถียร ส.ส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นคนสนิทของคุณหญิงสุดารัตน์ให้มาเป็นประธานวิปรัฐบาล เพื่อแลกกับการเปิดโอกาสให้กลุ่ม ส.ส.อีสานได้รับตำแหน่งประธานกรรมาธิการสามัญ สภาผู้แทนราษฎร ตามที่ได้เรียกร้องไว้ หลังจากที่กลุ่ม ส.ส.อีสานพยายามผลักดันนายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม หลายสมัย แข่งขันในตำแหน่งดังกล่าว
**กก.บห.ปชป. ตั้งครม.เงาได้อังคารนี้
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่จะมีการตั้งส.ส.เงาในพื้นที่ที่ไม่มีส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะภาคเหนือและภาคอีสาน นอกเหนือจากการตั้งครมเงาว่า สิ่งที่เป็นข้อสรุปคือเราจะเร่งหาผู้สมัครสำหรับการเลือกตั้งในครั้งหน้าในพื้นที่ต่างๆ ให้เร็วที่สุด เพื่อให้เขาได้ทำงานอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ เพราะที่ผ่านมาเรามักมีปัญหาว่าสรรหาตัวบุคคลกันในช่วงท้าย ซึ่งคนเหล่านี้จะต้องทำงานหนักในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง โดยจะพิจารณาและให้โอกาสทุกคนและดูสภาพความเป็นจริงของแต่ละพื้นที่ รวมทั้งผลคะแนน การประเมิน ซึ่งบางพื้นที่ก็อาจจะเป็นคนเดิม หรืออาจจะเป็นคนใหม่ ซึ่งไม่ได้เน้นเฉพาะภาคเหนือกับภาคอีสาน แต่เราต้องการมีคนทำงานให้เข้าถึงประชาชนทั่วประเทศ แต่ที่มีการพูดถึงภาคเหนือและภาคอีสานนั้น คงเป็นเพราะเรามีส.ส.น้อย อย่างไรก็ตาม เราต้องการคนทำงานในระดับพื้นที่ เพราะสิ่งที่สะท้อนออกมาชัดเจนคือ ประชาชนหลายพื้นที่ไม่ได้รับข่าวสารจากพรรค และได้รับข่าวสารเพียงด้านเดียว
ในการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคในวันที่6 ก.ย.นี้ เราได้รับโจทย์มาจากการสัมมนาส.ส. ในการจัดคนเข้าทำงานในการเป็นครม.เงาให้มีความหลากหลาย ซึ่งตัวบุคคลก็จะได้ครบในวันพรุ่งนี้ โดยจะมีการตั้งครม.เงา และคณะประสานงานทำงานมวลชน รวมทั้งคณะที่มาทำหน้าที่อีกหลายด้านที่จะมารวมพลังกัน
**นายทะเบียนฯตอบรับกก.บห.ปชป.แล้ว
สำนักประชาสัมพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ชี้แจงว่า นายทะเบียนพรรคการเมืองได้มีหนังสือตอบรับการยื่นขอเปลี่ยนแปลงกรรมการบริหารพรรคของพรรคประชาธิปัตย์จำนวน 19 คนที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นหัวหน้าพรรค และนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เป็นเลขาธิการ แล้วเมื่อวันที่ 2 ก.ย. ที่ผ่านมา โดยตามขั้นตอนการเปลี่ยนแปลงกรรมการบริหารพรรคการเมืองนั้น หัวหน้าพรรคการเมืองจะต้องแจ้งการเปลี่ยนแปลงต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองภายใน 30 วัน นับแต่วันที่มีการเปลี่ยนแปลง จากนั้นสำนักงานกกต.ที่ทำหน้าที่ทางธุรการให้กับนายทะเบียนพรรคการเมืองจะดำเนินการตรวจสอบรายชื่อ คุณสมบัติ และลักษณะต้องห้ามของผู้ได้รับเลือกตั้งเป็นกรรมการบริหารพรรคการเมืองก่อนนำเสนอนายทะเบียนพรรคการเมืองให้ความเห็นชอบ และเสนอให้ที่ประชุมกกต.ให้ความเห็นชอบ เมื่อกกต.เห็นชอบแล้วนายทะเบียนพรรคการเมืองก็จะมีหนังสือแจ้งตอบรับการเปลี่ยนแปลงต่อไป
**"สดศรี"จี้ผู้สมัคร แจ้งยอดเลือกตั้ง
นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมืองและการออกเสียงประชามติ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการยื่นบัญชีค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งส.ส.ของผู้สมัครทุกพรรคการเมือง หลังจากการเลือกตั้งส.ส.เสร็จสิ้นลงเมื่อวันที่ 3 ก.ค. ที่ผ่านมา ว่า ขอให้ผู้สมัครส.ส.ทุกคนที่ได้รับการเลือกตั้งและไม่ได้รับการเลือกตั้งประมาณ 2,000 คน แสดงบัญชีค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งต่อกกต.ภายใน 90 วันนับจากวันเลือกตั้ง หากไม่แจ้งบัญชีค่าใช้จ่าย นอกจากจะมีความผิดทางอาญาแล้วจะถูกเพิกถอนอสิทธิเลือกตั้งด้วย ซึ่งตนไม่อยากให้เกิดเหตุที่จะต้องมีการเลือกตั้งใหม่ เนื่องจากการไม่แจ้งบัญชีค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้ง ดังนั้นขอเตือนว่าภายใน 90 วันนับแต่วันเลือกตั้ง ผู้สมัครส.ส.ทุกรายต้องยื่นบัญชีค่าใช่จ่ายในการเลือกตั้ง โดยจะครบกำหนดในวันที่ 1 ต.ค. ซึ่งเป็นวันสุดท้าย ดังนั้นจึงขอให้รีบแจ้งดำเนินการให้ถูกต้อง หากมีผู้ใดแจ้งมาแล้วกกต.รับรองความถูกต้องก็จะมีการประกาศให้ทราบในภายหลังต่อไป
