xs
xsm
sm
md
lg

หยุดฟังเราสักนิดได้ไหมครับ..

เผยแพร่:   โดย: บรรจง นะแส


บทเรียนราคาแสนแพงของประชาชนคนตาดำๆ ซึ่งคนส่วนใหญ่ของประเทศนี้ก็คือการตกอยู่ในวังวนของการเอาตัวรอดปากกัดตีนถีบเพื่อความอยู่รอด ประกอบอาชีพที่อิงอยู่กับฐานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทั้งที่เป็นป่าไม้ ที่ดิน ทะเลและลำคลองหนองบึง หักร้างถางพงให้เป็นเรือกสวน ไร่นา ใช้ภูมิปัญญาที่สะสมกันมาในการประกอบอาชีพ ทั้งการเพาะปลูกหรือออกทะเลจับสัตว์น้ำ การพัฒนาได้ถาโถมเข้ามาในหลายๆ รูปแบบ บ้างก็เป็นผลดีทำให้มีถนนหนทางสะดวกสบายขึ้น มีคุณภาพชีวิตและการศึกษาพลานามัยดีขึ้น

แต่ในอีกด้านการพัฒนามันได้ทำลายฐานทรัพยากรที่มีอยู่ดั้งเดิมให้มลายหายไป ความอดอยากแร้นแค้นเข้ามาแทนที่ ผลประโยชน์จากการพัฒนารูปแบบใหม่ๆ เริ่มห่างไกลจากผลประโยชน์ของคนพื้นถิ่น ซ้ำร้ายได้ทิ้งผลพวงอันตรายมากมายไว้เบื้องหลัง เรามีบทเรียนมามากพอ มากพอที่จะบอกว่าก่อนที่จะเดินหน้าในครั้งต่อไปกรุณาหยุดฟังเราสักนิดได้ไหมครับ.....

กว่าสองทศวรรษที่ผ่านมา การกำหนดเป้าหมายของการพัฒนาประเทศที่รวมศูนย์ และใช้กลไกของหน่วยงานราชการกำหนดเป้าหมายของการพัฒนาอยู่ที่การเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม ละเลยการสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจในระดับครัวเรือนและชุมชน หลายๆครั้งหลายๆ กรณีการพัฒนาที่มุ่งตอบสนองการเติบโตทางเศรษฐกิจโดยรวมกลับไปทำลายฐานเศรษฐกิจของครัวเรือนและของชุมชนลง เพราะได้ไปทำลายปัจจัยในการผลิตของครัวเรือนและของชุมชนลงอย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าการปล่อยน้ำเสียของภาคอุตสาหกรรมลงสู่แม่น้ำลำคลอง การกว้านซื้อที่นาไปสร้างหมู่บ้านจัดสรร การบุกรุกป่าชายเลนพัฒนาไปสู่อุตสาหกรรมเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ

การพัฒนาเครื่องมือประมงแบบทำลายล้างอย่างอวนลาก อวนรุนหรือเรือปั่นไฟเพื่อป้อนอุตสาหกรรมปลาป่น ฯลฯ ล้วนทำลายความมั่นคงในระดับครอบครัวระดับชุมชนลงอย่างต่อเนื่อง ผลที่เกิดขึ้นปรากฏให้เห็นอยู่เบื้องหน้าในทุกพื้นที่ ทั้งในเมืองและชนบท คือความเสื่อมโทรมของสังคมในทุกมิติไม่ว่าในด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ปัญหาช่องว่างทางสังคม ช่องว่างทางโอกาสในการศึกษาและไม่ได้รับการบริการที่ดีที่เป็นธรรมจากรัฐ ปัญหายาเสพติด ขอทาน คนอดอยากยากจน คนว่างงาน อาชญากรรม ฯลฯ

ผลพวงจากความล้มเหลวการบริหารจัดการในการกระจายผลประโยชน์อันเกิดจากการพัฒนา ทำให้เกิดภาวะที่เรียกกันติดปากว่า “รวยกระจุก จนกระจาย” การที่สังคมโดยรวมยังไม่สามารถจัดการกับโครงสร้างทางเศรษฐกิจสังคมและการเมืองให้ลงตัวและชอบธรรมกับทุกภาคส่วน การเดินหน้าขบวนการพัฒนาใดๆ ที่จะผลักดันให้เกิดขึ้น โดยเฉพาะในลักษณะของโครงการขนาดใหญ่ ที่ส่งผลกระทบสูง จะต้องเผชิญกับการต่อต้านคัดค้านที่หนักหน่วงและรุนแรงเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ยังมีคำถามถึงเป้าหมายและทิศทางของการพัฒนาประเทศ และกระแสของการถกเถียง ตั้งคำถาม ดังถี่ขึ้นเรื่อยๆ จนบางครั้งบางพื้นที่ได้กลายเป็นคำอ้อนวอนร้องขอ บางพื้นที่ก็โอดครวญด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวจากผลพวงที่เกิดขึ้น บางพื้นที่ก็เปล่งเสียงขู่คำรามเพราะความกดดันจนทนไม่ไหวและพร้อมที่จะลุกขึ้นมาต่อสู้กับขบวนการพัฒนาที่เขาไม่เห็นด้วย ไม่ต้องการ จากพื้นที่หมู่บ้านเล็กๆ ขยายเป็นระดับตำบล ระดับจังหวัด ระดับภาค เสียงของเจ้าของพื้นที่เป้าหมายของการพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ที่จะส่งผลกระทบสูง เริ่มดังและเอาจริงเอาจังมากขึ้นเรื่อยๆ

การลุกขึ้นมาของผู้คนที่ได้รับผลกระทบจากนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดที่ระยอง ของชุมชนรอบๆ โรงไฟฟ้าถ่านหินที่แม่เมาะ จ.ลำปาง กลุ่มพี่น้องที่ได้รับผลกระทบจากเขื่อนปากมูล กลุ่มเกษตรกรรายย่อยที่ไร้ที่ดินทำกินทั่วประเทศ เสียงของชาวประมงพื้นบ้าน ฯลฯ ทุกเสียงล้วนมีรูปธรรมของปัญหาที่พวกเขาเผชิญอยู่ พร้อมทั้งมีข้อเสนอมากมายที่เขาอยากได้รับการช่วยเหลือและอยากได้รับการแก้ไข

เสียงเรียกร้องอยากอธิบายถึงเหตุผลว่าทำไมเขาถึงไม่เห็นด้วย ทำไมเขาถึงจำเป็นต้องลุกขึ้นมาส่งเสียงคัดค้าน ไม่เห็นด้วย ยังไม่ได้รับการเหลียวแลและยังไม่ได้รับแก้ไขจากปัญหาเดิมๆที่มีอยู่ในหลายๆ พื้นที่ การเดินหน้าประกาศขบวนการพัฒนาด้วยโครงการขนาดใหญ่ก็ยังดำเนินต่อไป ไม่ว่าโครงการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งภาคใต้ โครงการพัฒนาพลังงานที่ไปเลือกพื้นที่ที่เปราะบางต่อการส่งผลกระทบที่รุนแรงหรือโครงการขนาดใหญ่อย่างโรงถลุงเหล็กมาลงในพื้นที่ทุ่งนาแห่งทุ่งระโนดของจังหวัดสงขลา

เสมือนเสียงของผู้ทุกข์ทนที่ได้รับผลกระทบยังไม่ได้รับการแก้ไขเยียวยา เสียงของผู้ที่อยู่ในพื้นที่ที่กังวลต่อความเสียหายที่จะเกิดกับบ้านเกิดเมืองนอนของพวกเขา คือ เสียงนกเสียงกา หลายๆ พื้นที่ประชาชนถูกมองเสมือนศัตรูของอำนาจและกลไกรัฐ ที่จะต้องหาทางปราบปรามและกำจัดออกไปเสียจากสังคมนี้ อยากเรียนว่านี่คือการเดินหน้าเข้าสู่ความขัดแย้ง ความขัดแย้งที่จะขยายตัวและเพิ่มความรุนแรงในมิติอื่นๆ ให้เกิดขึ้นในสังคมโดยรวมได้ตลอดเวลา

เท่าที่ประเมินสุมเสียงของเขาเหล่านั้น ในส่วนผู้ที่ได้รับผลกระทบจากผลพวงของการพัฒนาพวกเขาต้องการความเป็นธรรม ต้องการคำตอบ และการแก้ไขปัญหาที่เป็นรูปธรรมว่าจะแก้ไขอย่างไรและเมื่อไหร่ ในส่วนของผู้คนที่จะได้รับผลกระทบจากขบวนการพัฒนาที่จะเกิดขึ้นในพื้นที่ พบว่าพวกเขาต้องการการรับฟังเหตุผลของพวกเขาว่าทำไมเขาถึงกังวล ทำไมเขาจึงไม่เห็นด้วย ทำไมเขาจึงต่อสู้คัดค้าน ฯลฯ

หากขบวนการไม่รับฟังความคิดเห็น ปฏิเสธไม่รับรู้อารมณ์ความรู้สึกของพวกเขา และยึดมั่นในอำนาจรัฐในกลไกรัฐที่จะดำเนินการทุกอย่างตามใจชอบ ก็คงต้องยอมรับความขัดแย้งที่จะตามมา ความขัดแย้งที่เกิดจากสาเหตุเพียงว่าเราไม่ฟังกัน...มันน่าเศร้าครับ.
กำลังโหลดความคิดเห็น